รักหนักแน่น บทที่ 1 : ยามเมื่อลมพัดหวน

รักหนักแน่น บทที่ 1 : ยามเมื่อลมพัดหวน

โดย : เอกวีย์

Loading

ความรักระหว่าง พร้อม – พิริยะภัทร์ ชายหนุ่มไม่หวือหวาแต่ดีพร้อม และ ใบเตย – บาจรีย์  เจ้าของสโลแกน ‘ทำบุญ สวยชาติหน้า ผ่านม อึ๋มชาตินี้’ จะหวานจนสำลักหรือจะหนักหน่วงขนาดไหน มาลุ้นไปพร้อมกันใน รักหนักแน่น โดย เอกวีย์ นิยายออนไลน์ แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

**********************

– 1 –

 

หนูใบ ทางนี้

ท่ามกลางความวุ่นวายคลาคล่ำไปด้วยผู้คนของท่าอากาศยานบูดาเปสต์ลิสต์เฟเรงก์ ประเทศฮังการี หญิงสาวร่างสูงโปร่ง ผมสั้นกุดตัดแนบศีรษะได้รูปสวย หน้าตาท่าทางเก๋ไก๋ปราดเปรียว ส่งยิ้มกว้างให้รุ่นพี่ที่ยืนรอรับ อาการลากกระเป๋ากระโดดโบกมือหย็อยๆ มาตามทางนั้นทำให้เธอดูเหมือนเด็กสาวมากกว่าหญิงสาวเต็มตัวที่กำลังจะเรียนจบปริญญาโท

“สวัสดีค่าพี่ตวง คิดถึงจังเลย”

หญิงสาวปล่อยมือจากกระเป๋ากระโดดเข้ากอดร่างอวบของตวงพร ก่อนหันไปยกมือไหว้ติณ

“สวัสดีค่ะพี่ตี๋ ขอบคุณที่ให้เตยตามมาเป็น ก ข ค นะคะ”

“สวัสดีหนูใบเตย โดนยายพี่ตวงหลอกมาแชร์ค่าห้อง หารค่ารถค่ากินอีกละสิ ดีเลยครับมาเที่ยวด้วยกัน พี่จะได้ไม่โดนพี่ตวงของหนูจำกัดค่าใช้จ่ายมากนัก ไม่อย่างนั้นไอติมยังงก ให้กินได้วันเว้นวัน”

คำทักทายของติณทำเอาบาจรีย์หลุดหัวเราะคิก กิตติศัพท์ความงกของตวงพรเป็นที่เลื่องลือ พอๆ กับความสามารถในการวางแผนท่องเที่ยวได้สนุกครอบคลุมในงบที่จำกัด ข้อดีตวงพรคือเธอชัดเจน ไม่โกงใคร เธอแค่ไม่ยอมจ่ายแพงกว่า ถ้ามีทางเลือกที่เสียเงินน้อยกว่าได้

“เตยเต็มใจค่ะ เที่ยวกับพี่ตวง ไม่ต้องหาข้อมูลจองอะไรเอง ได้เห็นครบหมด แถมถูกกว่าเที่ยวเองครึ่งนึง” หญิงสาวรีบปะเหลาะตวงพรที่ตอนนี้ยิ้มกว้างจากเดิมที่ตั้งท่าจะโวยวายใส่สามี

บาจรีย์ บูรณธรณิน วิศวกรสาว เจ้าของชื่อสกุลที่หลายคนที่ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวอาจฟังแล้วเกร็ง เพราะคิดไปเองว่าเธอน่าจะครบสูตร สวย รวย หยิ่ง แต่สำหรับคนที่ได้รู้จักสนิทสนมกับตัวจริงแล้ว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คุณหนูใบเตยนั้นทั้งลุยและรั่ว ไร้ฟอร์มโดยสิ้นเชิง เธอจริงใจ ไม่เอาเปรียบใคร แต่ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบ

ขืนเอาเปรียบมา แม่ก็เล่นงานกลับนะจ๊ะ ไม่โกง!

“ไหนดูสิ เจอทีไรก็สวยขึ้นทุกที หิวไหม เดี๋ยวรอรุ่นน้องพี่ตี๋อีกคน ที่พี่เคยเล่าให้ฟังน่ะ ปกติคนนี้เขาอยู่เบอร์ลิน แต่เห็นว่าแวะไปติดต่องานที่แฟรงเฟิร์ตก่อนมาที่นี่ ไฟลต์เขาลงหลังพวกเรานิดเดียว”

“คนนี้เหรอคะที่พี่ตวงจะจับคู่ให้หนู บอกก่อนว่าถ้าไม่เด็ดสมคำคุย หนูชาร์จค่าตั๋วเครื่องบินที่พี่เลยนะ” บาจรีย์แกล้งแซวจี้จุดใจดำ ตวงพรถึงกับทำตาโต

“โอ๊ย รับรองๆ คนอย่างพี่ไม่มีเสียตังค์ฟรีอยู่แล้ว หนูใบยืนรอเป็นเพื่อนพี่ตี๋ละกัน เดี๋ยวพี่ไปต่อคิวซื้อตั๋วรถ จะได้ไม่เสียเวลา”

ยังไม่ทันที่ตวงพรคล้อยหลังไปดี ติณก็ทำท่าชะโงกมองภรรยาแล้วกระซิบ

“หนูใบยืนรอแถวนี้ก่อนนะ เจ๊เค็มไม่อยู่ พี่ขอไปเสาะหากาแฟแพงๆ กินให้ชื่นฉ่ำใจสักแก้ว อ้อ แล้วก็ถ้าเห็นผู้ชายเอเชียหน้าตาดีจัดจนน่าหมั่นไส้เดินผ่านมาก็โบกมือเรียกมาถามด้วยนะว่านัดพี่ตี๋ไว้รึเปล่า”

ว่าแล้วติณก็แวบหายไปอีกทาง ทิ้งให้บาจรีย์ยืนอึ้งไปสามวินาทีก่อนจะหลุดขำอยู่คนเดียว เธอสนิทกับทั้งตวงพรและติณมากพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ทั้งคู่ทำ ทั้งการโต้เถียงในเรื่องเล็กน้อย หรือการชิงไหวชิงพริบเรื่องต่างๆ นั้น เป็นวิธีแสดงออกถึงความรักของทั้งคู่ ว่าแต่ทั้งติณและตวงพรเป็นคนช่างติ ไม่ว่าหนุ่มไหนที่เธอเคยแนะนำให้รู้จัก ทั้งคู่ก็สามารถหาข้อตำหนิจนได้ แล้วหน้าตาของรุ่นน้องของติณที่ทั้งคู่การันตีว่าดีจัด นิสัยดี โปรไฟล์เลิศ นี่มันจะขนาดไหนเชียวนะ

คอนแทกต์เลนส์ที่แห้งจากการขึ้นเครื่องบินทำให้บาจรีย์กลอกตาไปมาซ้ายขวาบนล่างเพื่อลดความระคายเคือง เธอไม่แคร์ห่วงสวยกับคนเดินผ่านไปมานัก เพราะโอกาสในการเจอกันหลังจากนี้แทบจะเป็นศูนย์ น้ำยาหยอดตาถูกหยิบออกมา ใบหน้าสวยเงยเชิดขึ้นทำองศาให้พอเหมาะ ยกขวดยาขึ้นหยดและเอียงคอซ้ายทีขวาทีเพื่อให้น้ำยาไหลลงไป

ในความมืดมิดยามพักสายตาอยู่นั้น เธอรู้สึกได้ว่าเหมือนมีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ บาจรีย์ลืมตาขึ้นช้าๆ มองเบลอๆ ตรงไปด้านหน้า ภาพที่เธอเห็นทำให้เธอยิ้มกว้างตั้งแต่ปากถึงหู ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ อีกครั้ง เธอยังไม่อยากตื่นเลย

“พี่ยิ้ม”

เธอพึมพำบอกกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ชายหนุ่มยิ้มสวยที่เธอแอบเรียกลับหลังว่าพี่ลักยิ้ม ผู้ชายดีพร้อมตัวจริงเสียงจริงมายืนอยู่ตรงหน้าเธอตรงนี้เอง หลายปีผ่านไป เธอยังนึกถึงเขาขนาดเก็บมาฝันค้างเลยหรือ ถ้าฝันดีขนาดนี้เธอก็ยังไม่อยากตื่น อยากถลาเข้าไปกอดเขาไว้ด้วยซ้ำ แต่กลัวเขาหายไป…กอดพี่ยิ้ม ถ้าทำได้จริงใบเตยจะไปถวายไข่ต้ม รำแก้บนเลย

เตร๊งเตรงเตร่งเตร๊ง…

เฮ้ย เดี๋ยวนะ นี่คือกลางวันแสกๆ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เธอตื่นอยู่และมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แล้วคนที่เธอเห็นตรงหน้าคือ…

บาจรีย์ค่อยๆ หรี่ตาขึ้นทีละข้าง ก่อนจะขยี้ตา สะบัดหัว เขายังอยู่…หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงกรีดร้องหลุดออกไปให้ผู้คนทั้งสนามบินแตกตื่น

มันไม่ใช่ความฝัน…

ชายหนุ่มร่างสูงผึ่งผายในชุดลำลองเหมาะกับฤดูร้อนของยุโรปตะวันออก เขายืนห่างไปสามเมตรและทำท่าเอียงคอ มองอาการประหลาดๆ หลับตาพริ้มยิ้มเหมือนคนบ้าของเธออย่างพินิจพิจารณาว่าควรเสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือดีหรือไม่ ผู้ชายคนนี้มีตัวตนอยู่จริง และเขาเหมือน เหมือนมากๆ ถ้าพี่ยิ้มของเธอแปลงสภาพจากหนุ่มเซอร์ ผมยาวไถข้างรวบมัดจุกไว้ด้านบน กลายเป็นหนุ่มออฟฟิศผมสั้นดูภูมิฐาน ใส่แว่นตากันแดดทรงทันสมัย คงดูเหมือนเขาคนนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

หรือว่า…

“อ้าว น้องพร้อม มาถึงแล้วเหรอคะ”

“สวัสดีครับพี่ตวง”

อิ๊บอ๋ายแล้ว…

“เอ้ย หนูใบ ไปไหน” ตวงพรร้องเสียงหลงที่อยู่ดีๆ สาวรุ่นน้องก็วิ่งพรวดสวนออกไป ก่อนจะหันกลับมาหัวเราะแฮะๆ กับชายหนุ่มตรงหน้า ยายหนูใบเตย เด็กบ๊องเอ๊ย อุตส่าห์นัดแนะผู้ชายดีๆ มาให้เจอ ดันทำเสียฤกษ์ตั้งแต่นาทีแรกที่เจอกัน

พร้อมหัวเราะเบาๆ ส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง แต่ก็อดมองตามหลังของหญิงสาวที่วิ่งแทรกหลบหายไปในฝูงชนจนลับตาไม่ได้ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มกว้างอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ก่อนจะขยับตัวไปคว้ากระเป๋าเดินทางของเธอที่ล้มลงมาไว้ใกล้ตัว เกรงว่ามิจฉาชีพจะได้ทีมาหยิบไปแทนเจ้าของ ขโมยขโจรในยุโรปดุและมือไวมาก

ตวงพรมองกิริยาของชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพอใจ รูปหล่อ ใจดี มีน้ำใจ ช่างเหมาะกับน้องน้อยของเธอเหลือเกิน

บต๑ เรียก บต๐

ใบตองอยู่ไหน อย่าเงียบ

แก ตอบด่วน ฉันแย่แล้ว

หลังจากพิมพ์รัว รออยู่เพียงอึดใจ บาจรีย์ก็ได้เห็นคำว่า ‘อ่านแล้ว’ ปรากฏขึ้น

อ่านแล้ว ไม่ตอบ ใจร้ายว่ะ

สติกเกอร์โกรธร้อยปีอย่ามาดีร้อยชาติ ถูกส่งตามไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สติกเกอร์เครื่องหมายคำถามเรียงกันเป็นพรืดจะถูกส่งตอบกลับมา ตามด้วยข้อความบ่งอารมณ์มึนงงของอีกฝ่าย

กินยาลืมเขย่าขวดเหรอยะ

บาจรีย์กดโทร.ออกทันทีทันใด ณ จุดนี้ เธอยอมเสียเงินค่าโรมมิ่งเพื่อระบายความในใจ ไม่อย่างนั้นอาจจะกระอักความเก็บกดที่ไม่สามารถบอกใครคนอื่นได้ ปลายสายกดรับอย่างรวดเร็วราวกับว่ารออยู่แล้ว

“เป็นอะ…”

“แก พี่ยิ้ม เขาอยู่นี่ ฉันเจอพี่ยิ้ม กรี๊ดมากอะ ทำไมต้องวันนี้ด้วย ยังไม่ได้กรีดตาเลย ปากก็ไม่แดง กะโปโลมาก นี่ฉันอยู่บูดาเปสต์ ไม่ได้เอาชุดสวยอะไรมาเลยด้วย รองเท้าผ้าใบก็เหม็น แถมตอนนี้เขาคงคิดว่าฉันสติไม่ค่อยดี อยู่ดีๆ ก็ยืนเบิ่งตาเหมือนผีหลอกกลางวันแสกๆ แล้วก็ร้องกรี๊ดแล้วก็วิ่งออกมา ฉันอยากจะร้องไห้”

“โอ๊ย เอาใหม่ เล่าใหม่ พูดอะไรของแก ฉันฟังไม่รู้เรื่อง”

“แก พี่ยิ้ม ฉันเจอพี่พร้อม เขาออกมาจากความฝันของฉันแล้ว” มือเรียวนั้นทาบอยู่ตรงตำแหน่งของหัวใจที่เต้นรัว ถ้าหมอมาวัดตอนนี้ต้องจับเธอตรวจสุขภาพชุดใหญ่แน่ๆ

“แล้วมันไม่ดีตรงไหน”

“ไม่สิ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ ฉันรอเขามานานมากๆ มันต้องเปิดตัวแบบประทับใจ”

บทสนทนาดำเนินต่อไปครู่หนึ่ง ซึ่งจับสาระอะไรไม่ได้ นอกจากเสียงคร่ำครวญของหญิงสาววนเวียนไปเรื่องเฟิร์สอิมเพรสชัน ความประทับใจแรกพบของการกลับมาเจอกันอีกครั้งที่เธอสอบตกอย่างสิ้นเชิง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นตวงพรเดินเข้ามาใกล้

“เฮ้ย แค่นี้ก่อนนะแก สวดมนต์ให้ฉันด้วย”

“เดี๋ยว…”

บาจรีย์รีบวางสาย แม้อึดอัดอยากเล่าให้เพื่อนสาวรุ่นพี่ฟัง แต่เธอก็รู้ดีว่าถ้าตวงพรและติณรู้ โลกรู้ด้วย ทั้งคู่ไม่ใช่คนที่เก็บความลับได้ดีนัก ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น เธอคงไม่ลังเล แต่นี่คือพี่ยิ้ม โอกาสที่เคยหลุดลอยกลับเข้ามาหาโดยไม่ทันตั้งตัว เรื่องใหญ่ในชีวิตขนาดนี้ เธอไม่กล้าเสี่ยง

“หนูใบ เป็นอะไรรึเปล่า อยู่ดีๆ ก็วิ่งออกมา นี่พี่บอกพี่ติณกับน้องพร้อมว่าหนูคงท้องเสีย”

กรรมเวร!

บาจรีย์อยากจะยกมือตบหัวตัวเองด้วยความชีช้ำ วันแรกของการกลับมาเจอผู้ชายในฝันที่เธอแอบชอบมาหลายปี คือวันที่เธอต้องทำเป็นท้องไส้ปั่นป่วนวิ่งทะเล่อทะล่าออกไปเพื่อปล่อยของที่ข้างอยู่ในลำไส้นี่นะ แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเหตุผลที่ฟังดูเข้าท่าที่สุด ทำไมนะทำไม การพบเจอกันระหว่างเธอและเขาถึงมีเหตุให้เธอต้องหลุดฟอร์มดูเป็นคนเสียจริตตลอด กี่ปีผ่านไปก็ยังซวยเหมือนเดิม

เฮ้อ คนสวยอย่างพัง เซ็งมาก!

ตวงพรมองหนุ่มสาวตรงหน้าที่ต่างคนต่างเขินอาย พร้อมเขินนี่ไม่แปลก เพราะตวงพรเองก็เคยประหลาดใจว่า ผู้ชายขี้อายอย่างเขาเคยเป็นนักร้องดัง แสดงอยู่บนเวทีท่ามกลางคนนับหมื่นไปได้อย่างไร บาจรีย์ต่างหากที่ทำให้เธออึ้ง ปกติหนูใบเป็นสาวไร้จริต ออกแนวห้าวและห้วน  แต่วันนี้มีอะไรที่แปลกไป แปลกมากเสียด้วย…

“พี่ตวงขอแนะนำให้รู้จักนะคะ นี่คุณพร้อม พิริยะภัทร์ หรือเพื่อความสนิทสนมหนูใบเรียกว่าพี่พร้อมได้เลย อดีตบอยแบนด์วัยรุ่นชื่อดัง สาวกรี๊ดถล่มกันทั้งเมือง เทปขายได้เป็นล้านตลับ แต่สงสัยตอนนั้นหนูใบยังเด็กอยู่ คนนี้พี่การันตีว่านิสัยดีมาก หน้าตาและจิตใจดีเกินมาตรฐานเพื่อนตาตี๋อ้วน ตอนนี้เป็นเจ้าพ่อสตาร์ทอัพตั้งบริษัทซอฟต์แวร์กับเพื่อนที่เบอร์ลิน มาแนวมาร์ก ซักเคอร์เบิร์กเลย บริษัทใหญ่มาขอซื้อแต่ไม่ขาย”

ตวงพรร่ายยาวเป็นชุด มองทั้งคู่สลับไปมา

“สวัสดีค่ะพี่ย…เอ่อ พี่พร้อม เตยค่ะ”

หญิงสาวยกมือไหว้อ้อมแอ้มตอบเสียงเบากว่าปกติ วินาทีที่เธอเฝ้ารอมาค่อนชีวิต คือการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการระหว่างเธอกับเขา หลังจากแอบชอบฝ่ายเดียวมาเป็นเวลานาน สิ่งที่เธอจินตนาการไว้คือ หนุ่มหล่อเซอร์ในชุดสูท กับสาวสวยเป๊ะเวอร์ในชุดราตรี ใครต่อใครมองว่าสวยหล่อสมกัน…แต่ในความเป็นจริงแล้ว สถานการณ์ตรงหน้าในตอนนี้ แม้เขาจะดูไม่แนวเท่าเดิมแต่ลุคใหม่ก็หล่อสะอาดเด็ดขาดบาดใจ ส่วนเธอ บาจรีย์ก้มมองกางเกงขาสั้นยับๆ ที่ใส่อยู่ และรองเท้าคอนเวิร์สคู่เก่าที่ใส่จนสภาพเยินไม่ได้ซัก หน้าจืดไร้สีสัน บาจรีย์ได้แต่จ้องกระเป๋าสีส้มสดคู่ใจของตนเองที่ชายหนุ่มจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย…อิจฉาน้องส้มคือสิ่งเดียวที่เธอคิดวนอยู่ในหัวตอนนี้ เปลี่ยนที่จับกระเป๋าเป็นข้อมือเตยแทนก็ได้นะคะพี่ยิ้ม เอ้ย พี่พร้อม

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ห้ามหลุด พี่พร้อม พี่พร้อม พี่พร้อม

เตยก็โคตรจะพร้อมมากเลยค่ะพี่!

ตวงพรทำตาปริบๆ หัวเราะกลบบรรยากาศประหลาดที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอหันไปสบตาสามีที่เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเพื่อนรุ่นน้องของภรรยาคนนี้คือบาจรีย์ ผู้เบิกบาน มนุษยสัมพันธ์เป็นเลิศสมชื่อ นี่คงเป็นครั้งแรกที่ติณและตวงพรเห็นเธอทำท่าเรียบร้อยดูดีมีมารยาทใส่คนแปลกหน้าสมกับเป็นคุณหนูแห่งตระกูลดัง

“น้องพร้อม นี่น้องใบเตย บาจรีย์ บูรณธรณิน ค่ะ ใครๆ ก็เรียกน้องเตยบ้าง คุณเตยบ้าง แต่พี่กับเด็กค่ายคนอื่นๆ เรียกว่า หนูใบ เพราะมันฟังดูโก๊ะ ลุย สมตัวค่ะ ฟังชื่อสกุลแล้วไม่ต้องเกร็งนะคะ รับรองไม่เรื่องเยอะ กินง่าย นอนง่าย เที่ยวด้วยได้สบายมากค่ะ ไม่อย่างนั้นพี่ตวงไม่กล้าชวนมาด้วยกัน ตอนนี้เรียนปริญญาโทอยู่ที่สตอกโฮล์ม ใกล้จะจบแล้ว”

“สวัสดีครับน้องเตย” พร้อมเอ่ยทัก เสียงเขาช่างทุ้มหล่อสมตัวไม่ต่างจากเดิม ไหนจะลักยิ้มกระชากใจนั่นอีก บาจรีย์ได้แต่บิดสายกระเป๋าเป้ไปมา ประโยคที่เธอเคยเฝ้ารอ และจินตนาการต่อว่าเธอควรจะตอบเขาว่าอย่างไรดี หากเขาเดินเข้ามาเอ่ยทัก เธอควรจะบอกเขาไปดีไหมว่า เธอปลื้มเขามากตั้งแต่เป็นเด็กมัธยม หัดเล่นกล้อง ร้องเพลง และสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เพราะเขา

แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ทำลงไปบาจรีย์อยากจะบ้าตาย เพราะเธอได้แต่ยิ้มจางๆ ให้เขาหนึ่งทีเร็วๆ ก่อนหันไปถามตวงพรว่า

“เตยไม่มีเงินโฟรินท์เลยค่ะ มียูโรเหลือจากที่เที่ยวคราวก่อนนิดหน่อย แลกที่นี่เลยดีรึเปล่าคะ”

เธอเหลือบเห็นสีหน้าที่ดูเก้อไปเล็กน้อยของเขา…พี่พร้อม เตยขอโทษค่ะ ถ้าเตยพูดอะไรกับพี่ตอนนี้ เตยต้องลงไม่นั่งคุกเข่าแล้วพรั่งพรูความในใจออกไปแน่ๆ

…หนูชอบพี่ค่ะ ชอบมานานมากแล้วด้วยค่ะ เป็นแฟนหนูเถิดนะคะ

“เงินยูโรเก็บไว้ใช้ที่สโลวาเกียกับออสเตรียได้ค่ะ ไม่ต้องแลกไปมาเสียเรทเปล่าๆ ถ้าเอาบัตรเอทีเอ็มมาเดี๋ยวเข้าเมืองแล้วค่อยไปกดเงินโฟรินท์ เรทดีกว่าตู้ในสนามบินนี่เยอะเลย พี่เช็กมาแล้ว” ตวงพรรีบออกด้วยมาดผู้ทรงภูมิ

“ขอบคุณค่ะ เราจะเข้าเมืองกันยังไงคะ เห็นพี่ตวงบอกที่พักอยู่แถวๆ ริมดานูป เผื่อมีเวลาเย็นนี้จะได้ไปเดินเล่นถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก เตยอยากลองกล้องใหม่” บาจรีย์ยังคงพยายามทำตัวเป็นปกติโดยชวนตวงพรคุยไม่ให้หัวสมองตัวเองฟุ้งซ่านไปเรื่องอื่นที่รบกวนใจอยู่ รบกวนมากเสียด้วย

“อยู่กันหลายคน ผมว่าแท็กซี่บูดาเปสต์ก็ไม่แพงนะครับ” พร้อมแนะนำ

ติณยักไหล่หัวเราะหึๆ ในขณะที่ตวงพรยิ้มร่า คว้าตั๋วขึ้นมาโชว์

“มากับพี่ตวงซะอย่าง รับรองสะดวกสบาย ประหยัดงบค่ะ รถรับส่งของสนามบินคนละ ๑,๙๐๐ รวมสี่คนก็เกือบ ๘,๐๐๐ โฟรินท์ไม่ได้กินตังค์พี่แน่ ถ้านั่งแท็กซี่ถูกกว่าหน่อย แต่ก็ตั้ง ๖.๕๐๐ แน่ะ พี่ตวงเลยซื้อตั๋วกลุ่มสำหรับรถสาธารณะของเมืองไว้ ๓,๓๐๐ โฟรินท์เอง หนึ่งใบขึ้นได้ห้าคน เสียดายเรามีแค่สี่ ใช้ได้ ๒๔ ชั่วโมงแน่ะ นี่เดี๋ยวเรานั่งรถเมล์เข้าเมือง เอาของเก็บแล้วไปขึ้นรถรางเลียบริมน้ำ แล้วพรุ่งนี้ไปลงเรือ ขึ้นรถไฟ ได้อีกทั้งวัน ไม่ต้องเสียตังค์อีกรอบ คุ้มแสนคุ้ม กระเป๋าใบเล็กๆ กันทั้งนั้น ตามพี่มาเลยค่า”

ตวงพรภาคภูมิใจนำเสนอไม่มีเหนียมอาย ของถูกของฟรีดีเสมอ เธอเดินนำไปยังป้ายรถเมล์สาย ๒๐๐ E ที่วิ่งระหว่างสนามบินไปสู่สถานีรถไฟ Kőbánya-Kispest ผู้โดยสารจะเปลี่ยนไปใช้รถไฟใต้ดินสาย M๓ เข้าตัวเมืองบูดาเปสต์ รอไม่นานนักรถโดยสารประจำทางก็มาถึง คนท้องถิ่นทั้งหลายต่างกรูกันขึ้นรถเพื่อจับจองที่นั่งอย่างรวดเร็ว ตวงพรที่แม้จะอวบแต่ก็คล่องแคล่ว เธอพากลุ่มนักท่องเที่ยวในความดูแลของเธอเดินตามผู้คนไปและโชว์ตั๋วโดยสารให้คนขับรถ ก่อนหันบอกลูกทีม

“มันแน่นหน่อย กระจายกันนั่งละกันนะคะ คนคงทยอยลงไปตามทาง เดี๋ยวเราลงไปต่อรถไฟกัน ใกล้ถึงแล้วพี่จะเรียก” เธอว่าก่อนจะเดินตามผู้คนไปยังท้ายรถประจำทางที่ค่อนข้างเก่า มีรอยขีดเขียนและรอยลบกราฟิติตามผนังและหน้าต่าง ตวงพรรีบนั่งลงตรงที่ว่าง โดยมีติณยืนจับกระเป๋าเดินทางอยู่ใกล้ๆ

บาจรีย์มองน้องส้ม กระเป๋าคู่ใจที่เธอรับคืนมาจากชายหนุ่มตอนอยู่ในสนามบิน แล้วเขาก็คว้ากลับไปตอนยกขึ้นรถเมล์อีกครั้ง

“ขอบคุณค่ะพี่พร้อม เดี๋ยวเตยถือกระเป๋าเอง พี่พร้อมจะได้มีมือจับรถ” หญิงสาวรีบบอกเพราะห่วงในสวัสดิภาพของเขา แม้เธอจะมโนทุกครั้งที่เขาจับน้องส้มก็เหมือนเขาจับมือเธออยู่ก็ตามทีเถิด

“น้องเตยขยับเข้าไปตรงแถวๆ ประตูทางลงกลางรถครับ ตรงนั้นพอมีที่ยืน เดี๋ยวพี่ถือกระเป๋าไปให้ก่อน”

ชายหนุ่มว่าอย่างมีน้ำใจ โดยยกกระเป๋าเดินทางสองใบที่ดูเหมือนเป็นของเบาหวิวตามเข้าไปโดยระวังไม่ได้โดนเท้าของผู้โดยสารคนอื่น บาจรีย์ทำตามอย่างว่าง่าย เธอหาที่ยืนและรับเอากระเป๋ามาจับไว้ ปัญหาตอนนี้คือ ร่างสูงใหญ่ที่ถูกคนเบียดเข้ามาใกล้แทบจะแนบติดกำลังทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยทั่วท้อง

แล้วพี่จะหน้าแดงไปทำไมคะ หนูต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายเขิน…

“ขอโทษครับ” พร้อมรีบเอ่ยอย่างมีมารยาทเมื่อเห็นหญิงสาวเบี่ยงตัวหันหน้าหนีออกนอกหน้าต่าง หารู้ไม่ว่าเธอไม่ได้รังเกียจแม้แต่น้อย เธอแค่กำลังต้องการออกซิเจน ฟืด! หายใจเข้าลึกๆ ไม่งั้นเธอคงทรุดลงไปให้เขาได้ปฐมพยาบาลมันตรงนี้

ปฐมพยาบาลนี่ทำยังไงนะ เป่าปากใช่ไหม อร๊าย…

“ไม่เป็นไรค่ะ” บาจรีย์ได้แต่พึมพำบอก หันหน้ากลับมามองแล้วรีบหันกลับทันที เพราะมันใกล้ ใกล้มากขนาดที่เธอสามารถมองเห็นขนตาของเขาได้เลยทีเดียว

พี่พร้อมหยุดยิ้มได้แล้วค่ะ พลีส ลักยิ้มพี่กระชากใจยังไม่พอ เอากล้ามแน่นมาเบียดแขนหนู เตยอยากจะเป็นลม

บต๑ เรียก บต๐ ฉันจะขาดใจตายก่อนถึงที่พักไหมแก…

อารมณ์เขินของบาจรีย์มีอันหยุดชะงักเมื่อได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยฟุ้งอยู่ไม่ไกลจากตัว ใครนะใครบังอาจผายลมออกมาในรถที่แน่นแสนแน่น แถมยังสร้างกลิ่นที่เหมือนไปกินช้างเน่าตายมาทั้งตัว หญิงสาวทำจมูกฟุดฟิด กำลังจะหันมองรอบตัวแต่สะดุดเข้ากับดวงตาคู่สวยที่เจือแววทั้งขำและรันทดเข้าเสียก่อน เขามองที่เธอเหมือนพยายามจะปลอบว่า…ไม่เป็นไรครับ พี่รับได้…ฮ๊า เขาคิดว่าเธอท้องเสียอยู่นี่นา ไม่จริงใช่ม๊ายยยย ไม่ ไม่ ไม่

บต๐ ถ้าฉันขาดใจตายตอนนี้จริงๆ แกมารับร่างฉันกลับบ้านด้วยนะ

 

คู่นี้เคมีแปลกๆ นะ ตวงพรที่นั่งอยู่ท้ายรถ แต่จับตามองอยู่เปรยเบาๆ

“แปลกก็อย่าไปยุ่งกับเขา เดี๋ยวมีปัญหาทีหลังเขาจะมาว่าเธอเปล่าๆ” ติณได้โอกาสเตือน

“แปลกสิยิ่งต้องลอง มีลุ้น เชื่อฉันเถอะตาตี๋อ้วน คู่นี้มีลุ้นแน่ๆ” เธอว่าอย่างหมายมาด



Don`t copy text!