รัก (จัง) ปักใจ บทที่ 2 : รักจัง

รัก (จัง) ปักใจ บทที่ 2 : รักจัง

โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม

Loading

รัก (จัง) ปักใจ นวนิยายรักโรแมนติกเรื่องล่าสุด จากปลายปากกาของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม ที่นักอ่านรอคอย กับเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าคอร์กี้ตัวเปี๊ยกนาม “รักจัง” และ “ปักใจ” ที่ป่วนปั่นอลวนอลเวง พาให้เจ้าของของทั้งสองมาพบกัน ตกหลุมรักกันและเผชิญกับอุปสรรคมากมายด้วยกัน นิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

*****************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ค้อทต้อนแคนดี้นั่งอยู่บนโซฟาท่ามกลางกองหมอน เจ้าหล่อนจ้องมองตาลุงผมสีขาวราวปุยฝ้ายคนที่ยืนเด่นอยู่หน้าประตูห้องด้วยความประหลาดใจ…ทั้งประหลาดใจทั้งอยากรู้อยากเห็น ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลนั้นส่งผ่านดวงตากลมโตสีน้ำตาลใสไร้เดียงสา การเอียงคอมองซ้ายทีขวาที และใบหูที่กางตั้งราวกับเรดาร์

เธอลุกขึ้นยืนด้วยต้องการจะหยั่งท่าทีหากก็ไม่ยอมละสายตาจากมนุษย์สูงอายุเพศชายที่พยายามเรียก “มานี่มะ ค้อทต้อนแคนดี้…มามะ คัมเฮียร์” …เอ…เราจะทำตามความต้องการของลุงดีไหม

“มาเถอะน่า มามะ มาลงกล่อง จวนได้เวลาแล้ว”

ฮะ! จะให้เราลงไปอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมสีฉูดฉาดมีโบว์คาดหัวนั่นน่ะหรือ ฝันไปเถอะ! ไม่มีวัน!

ค้อทต้อนแคนดี้จ้องมองวิธีการเคลื่อนตัวของมนุษย์เพศชายรายนี้ เขาค่อย ๆ คืบเข้ามาใกล้ทีละก้าว…ครึ่งก้าว…นึกว่าเราจะไม่รู้ทันหรือ? เพียงเข้ามาใกล้พอเอื้อมถึงเขาก็ยื่นมือยาว ๆ ออกมาจะคว้าตัว หากความว่องไวปราดเปรียวก็ทำให้สุนัขน้อยดีดตัว ผลุงเดียวเจ้าหล่อนก็ไปยืนจังก้าเอียงคอมองอยู่อีกมุมโซฟา

…ชักเริ่มสนุกและรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นการละเล่นแก้เหงาที่ดีในยามบ่ายจัดเช่นนี้ ค้อทต้อนแคนดี้ส่งเสียง ‘มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ’ ออกมาเป็นคำว่า “โฮ่ง!” แล้วเจ้าหล่อนก็ขย่มตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ดวงตาเป็นประกายสุกใส สีหน้าซุกซนและสนุกสนานเต็มที่เมื่อตาลุงหลงกลพยายามไล่ตะครุบตัว ร่างเล็ก ๆ ปราดเปรียวออกวิ่งปรูดไปทางโน้นทางนี้รอบ ๆ ห้องรวดเร็วราวลมพัด

ขาสั้น ๆ แต่แข็งแรงทรงพลังทั้งสี่ข้างปั่นจี๋เมื่อเจอประตู เจ้าหล่อนก็พุ่งตัวเข้าไปวิ่งรอบห้องทางด้านโน้น ก่อนโผล่เข้าไปอีกทางแล้วผลุบเข้าผลุบออกวิ่งไปทั่วบริเวณไม่ยอมหยุด

‘ตาลุง’กลั้นใจ…โอย…บนโต๊ะในห้องอาหารมีแจกันดอกไม้อันใหญ่ กับเค้กก้อนโต ส่วนในห้องนอนก็มีโคมกระเบื้องสีขาวเขียนลายด้วยมือสีน้ำเงินที่โต๊ะหัวเตียง

ค้อทต้อนแคนดี้ไม่ได้ทำอะไรแตกสักเพล้งทั้ง ๆ ที่เคลื่อนตัวพุ่งเร็วยิ่งกว่าลมสลาตัน…บอกชัดว่าแข็งแรงปราดเปรียวและฉลาดเป็นกรด อีกหลายอึดใจกว่าเจ้าหล่อนจะตัดสินใจว่า เหนื่อยแล้ว! หยุดดีกว่า!…ได้สลายพลังที่อัดแน่นอยู่ในตัวออกไปจนพอใจแล้ว! สุนัขน้อยมานั่งหอบลิ้นห้อยอยู่ตรงหน้าจ้องมองชายชราด้วยดวงตาใสแจ๋ว

เธออาจยอมให้อุ้ม ยอมให้วางลงในกล่อง และอาจหลับสบายอยู่ในกล่องนั้นด้วยก็ได้ แต่แค่ ‘อาจ’เท่านั้นนะ ไม่มีใครในโลกนี้เดาใจค้อทต้อนแคนดี้ได้หรอก แม้กระทั่งตัวเอง! วินาทีข้างหน้าเจ้าหล่อนอาจโดดโหยงแล้วออกวิ่งไปรอบ ๆ บ้านอีกครั้ง

ก่อนที่ใครจะทำอะไรต่อไป เสียงกริ่งประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียก

“คุณนอร์มคะ ฉันกลับมาแล้วค่ะ…ฐิติก็มาด้วย”

เจ้าของชื่อถอนหายใจ รู้ชัดแล้วว่าแผนจะทำ’เซอร์ไพรซ์’ภรรยาพังทลาย เพราะเด็กหญิงค้อทต้อนแคนดี้ที่ขยับตัวผุดลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้นทันทีที่ได้ยินเสียงไม่ยอมให้ความร่วมมือ

ชายชาวอเมริกันสูงวัยเดินไปเปิดประตู และทันทีที่ประตูเปิดแง้มเพียงนิดเดียวร่างเล็ก ๆ ขนอ่อนปุกปุยราวขนมสายไหมก็วิ่งปราดออกไป เจ้าของเสียงเรียกร้องอุทานด้วยความตกใจแกมดีใจ หากเธอก็คว้าร่างที่พุ่งตรงออกประตูไปไม่ทัน โชคดีที่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังว่องไวพอที่จะทิ้งกระเป๋าในมือแล้วคว้าร่างเล็กนั้นไว้ได้

เขายกร่างที่ดิ้นดุกดิกอยู่ในมือขึ้นมาดูแล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะ

“โอ๊ะโอ นี่มันใครกันล่ะนี่”

“ลูกหมา…ลูกหมา…คุณนอร์ม คุณไปเอามาจากไหนคะ ของใคร”

“ของคุณนั่นแหละ ทีน่า” คนพูดถอนหายใจอีกเฮือก มองแผนที่พังทลายลงไปคาตา แลัวพยายามทำใจให้ยอมรับกับมัน “ผมตั้งใจว่าจะให้เป็นของขวัญวันเกษียณ รอจนวันสุดท้ายที่คุณทำงาน แล้วจะให้คุณประหลาดใจสักหน่อย”

“โถ คุณนอร์ม แค่นี้ฉันก็ดีใจ ประหลาดใจจะแย่แล้วค่ะ” คุณฐปนาเดินเข้าไปชิด จุมพิตสามีผู้แก่วัยกว่าเธอถึงยี่สิบปีอย่างอ่อนโยน

เธอแต่งงานกับนอร์แมนมาย่างเข้าปีที่สามสิบแล้ว และย้ายมาอยู่ในรัฐทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกาได้สิบห้าปีในปีนี้ สองสามีภรรยาทำงานอยู่ด้วยกันในบริษัทใหญ่ ฝ่ายสามีนั้นความที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งในวิชาชีพของเขา จึงเพิ่งเกษียณอายุหยุดทำงานจริงจังเมื่อสี่ปีที่แล้วตอนอายุได้เจ็ดสิบเศษ ส่วนฝ่ายหญิงตัดสินใจหยุดทำงานในวันนี้ วันที่เธอมีอายุครบหกสิบปี เพื่อจะได้ใช้เวลาบั้นปลายอยู่ร่วมกัน

ฐปนามองเห็นกล่องของขวัญที่วางอยู่กลางห้อง มองลึกเข้าไปในห้องรับประทานอาหารเห็นแจกันดอกไม้และเค้กก้อนโตบนโต๊ะ แล้วหันมามองร่างเล็ก ๆ ปุกปุุยที่ดิ้นดุกดิกส่งเสียงเห่าแหลมอยู่ในมือหลานชายคนเดียวของเธอแล้วทั้งซาบซึ้งทั้งขบขัน

หมาน้อยตัวนี้หน้าตามันร้ายกาจซุกซนนัก! มันคงไม่ยอมทำตามคำสั่งง่าย ๆ และคุณนอร์มของเธอคงหัวหมุนอยู่กับมันทั้งวัน

“ฐิติ ส่งมันมาให้ป้าที” หญิงสูงวัยนั่งลงบนโซฟา รับสุนัขตัวน้อยมาจากมือหลานชาย กอดมันไว้ให้นั่งบนตัก ปล่อยให้ปีนป่ายเลียขึ้นมาถึงใบหน้าของเธอ ฐปนาหัวเราะจ้องมองจมูกเล็กสีดำ แต้มสีน้ำตาลที่เหนือดวงตา ขนดำปลอดทั้งตัว บริเวณอกขาวสะอาดและถุงเท้าสีขาวที่ขาทั้งสองข้าง

เจ้าตัวเล็กตัวนี้น่ารักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และความร่าเริงซุกซนของมันน่าจะทำให้วันเวลาในวัยเกษียณของเธอกับคุณนอร์แมนไม่เหงาเลย คงมีเรื่องยุ่งต้องทำทั้งวัน

ทั้งดีใจทั้งตื้นตันใจในความช่างคิดของสามี หญิงสูงวัยกอดสุนัขน้อยแน่น เมื่อมีเสียงบอก

“มันชื่อค้อทต้อนแคนดี้ ตามใบเกิด…ผมเลือกตัวเมียเพราะคิดว่ามันจะเรียบร้อยกว่าตัวผู้” เพียงแค่ครึ่งวันที่อยู่ด้วยกันเขาก็ได้รู้แล้วว่าความเชื่อนี้ไม่เป็นความจริง

“ชื่อยาวมาก เปลี่ยนได้ไหมคะ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับเธอก็ยกมันขึ้นมาจูบที่ปลายจมูกเล็ก ๆ ร้องว่า “น่ารักที่สุด รักจัง รักจัง…ชื่อรักจังดีกว่า ฟังเผิน ๆ เหมือนชื่อญี่ปุ่น ดีไหม อย่าชื่อค้อทต้อนแคนดี้เลย”

ฝ่ายสุนัขน้อยรับคำด้วยการเห่าเสียงแหลม ปีนป่ายขึ้นไปพยายามจูบจมูกของคนเพื่อเอาคืนบ้าง

ระหว่างที่คุณฐปนาสาละวนอยู่กับการกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างเล็กปุกปุยนั้น นอร์แมนกับฐิติหลานชายคนเดียวของเธอก็พูดคุยไต่ถามสารทุกข์สุกดิบเมื่อครั้งฐิติมาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา บ้านหลังนี้ก็เป็นที่พักในยามที่มหาวิทยาลัยปิดเทศกาล บางครั้งเขาใช้ที่นี่เป็นฐานเมื่อนัดกันออกท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ กลุ่มโต

ถึงวันนี้ฐิติเป็นเจ้าของสำนักงานกฎหมายเล็ก ๆ ในประเทศไทย เป็นสำนักงานที่สืบทอดมาจากพ่อของเขา เมื่อผู้เป็นบิดาลดบทบาทลง ชายหนุ่มก็ค่อย ๆ เปลี่ยนให้เป็นสำนักงานกฎหมาย‘รับว่าความทั่วราชอาณาจักร’ของคุณประวุฒิเบนไปสู่ความเชี่ยวชาญเรื่องสัญญาการค้าระดับนานาชาติตามความถนัดของตนเอง

นอกจากนั้นเขายังเป็นผู้ดูแลฝ่ายกฎหมายของทั้งโครงข่ายบริษัทใหญ่อย่าง’ซี.อิสรา’ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเพื่อนรัก

เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ใช้นามสกุล’เชิญอิสราชัย’ที่ได้ควบคุมแผนกสำคัญขององค์กร

ครั้งนี้ชายหนุ่มเดินทางมาประชุมที่นิวยอร์ก เมื่อเห็นว่าเวลาประจวบเหมาะกับที่คุณฐปนาตัดสินใจเลิกทำงานจึงเดินทางต่อมาร่วมแสดงความยินดี ตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อพักผ่อนสักสามสี่วัน ก่อนบินกลับประเทศไทย…วันพักผ่อนที่มีเจ้าตัวเล็กตัวนี้มาเป็นสมาชิกใหม่อยู่ในบ้านคงสนุกสนานบันเทิงดีไม่เบา

ชายหนุ่มหยิบเอกสาร ‘บัตรประจำตัว’ของสุนัขน้อยขึ้นมาอ่าน มันแสดงสาแหรกทางพ่อกับแม่สูงขึ้นไปอีกสามชั้น….กว่าจะมาเป็น นางสาวรักจังหรือค้อทต้อนแคนดี้ตัวนี้ พ่อแม่ปู่ย่าตายายและทวดทุกตัวมีรายละเอียดชื่อ สี และลักษณะอื่น ๆ ครบถ้วน

เขาเพิ่งได้รู้ว่าทั้ง ๆ ที่แม่หนูรักจังตัวดำปี๋ แต่กลับถูกจัดอยู่ในประเภท‘สามสี’ซึ่งถือกันว่าเป็นส่วนน้อยของสุนัขพันธุ์นี้ที่ส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาลอมส้มมากกว่า บัตรประจำตัวบอกชื่อสายพันธุ์ว่า เพมโบรค เวลช์ คอร์กี้ อธิบายลักษณะนิสัยว่า เป็นหมาเล็กที่เข้าใจว่าตนเองเป็นหมาใหญ่

…เป็นหมาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ต้องการการเล่นและออกกำลังกายทุกวันเพื่อสลายพลังที่อัดแน่นอยู่ภายใน มีความเป็นตัวของตัวเองสูงจนถึงขั้นเอาแต่ใจ มีความฉลาดเป็นลำดับที่สิบเอ็ดและฝึกง่ายเป็นลำดับที่สี่

ฐิติปรายตาดูแม่หนูน้อยรักจังที่เกยอยู่บนตักฐปนาแล้วแอบคิดในใจ…นี่จะได้ฝึกกันไหม ดูเหมือนป้าของเขาเตรียมตัวจะตามใจมันอย่างไม่มีขอบเขต และมันเองก็เรียกร้องความสนใจจากทุกคนด้วยการโดดลงจากเก้าอี้ เดินส่ายก้นที่ปราศจากหางไปคาบบอลลูกเล็กมาโยนใส่คนโน้นคนนี้

เมื่อเขากับนอร์แมนไม่สนใจ มีแต่ฐปนาที่ยอมเล่นโยนบอลกับมัน นางสุนัขน้อยก็ยึดเอาเธอเป็นเพื่อนเล่น เอ…หรือเรียกว่ายึดตัวไว้ลูกสมุนจะดีกว่า

“มันทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้นะ ทางคอกเขาฝึกมาแล้ว…คำว่า นั่ง นอน หมอบ คอย หยุด อะไรพวกนี้”

นอร์แมนเองก็มองภรรยาอย่างไม่สบายใจเลย ท่าทีของเธอคือความรักและตามใจอย่างไม่มีขอบเขต เขาสาธิตสิ่งที่ทางคอกสุนัขสอนมาให้เธอดู ด้วยการขยับลุกขึ้นยืน ตบขากางเกงแล้วเรียก

“รักจัง รักจัง คัม คัมเฮียร์” สุนัขน้อยเงยหน้าลุกขึ้นนั่งมองเขาตาแป๋วตั้งแต่เรียกชื่อคำแรก หากมันก็นั่งนิ่งไม่ยอมขยับ “หรือมันจะไม่รู้ว่าเราพูดกับมัน…ค้อทต้อนแคนดี้ คัม คัม”

รักจังนามเดิมค้อทต้อนแคนดี้เมินหน้า เชอะ! รู้นะ!ว่าพูดอะไร หนูไม่โง่หรอกน่า…แต่ยังไม่อยากทำตามเข้าใจไหม! ตอนนี้การละเล่นยื้อแย่งเชือกกับแม่มนุษย์คนนี้สนุกกว่า!

เมื่อฐปนาหันไปบอกกับฐิติว่า “เข้าห้อง ไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยกินข้าวเย็นกัน” เจ้าหล่อนก็ขัดคอด้วยการตะเบ็งเสียงเห่าแหลมกระชั้น เหมือนจะบอกอย่างเอาแต่ใจว่า “หนูอยู่นี่ เล่นกับหนูก่อนนะ อย่างเพิ่งคุยกับใคร เล่นกันก่อนจนกว่า เรา เอ้อ! หนูจะเบื่อ”

ฐิติหัวเราะ รู้ดีว่าป้าของเขาตกเป็นเหยื่อนางสุนัขน้อยตัวนี้ไปเรียบร้อยแล้ว เขาปลีกตัวเข้าห้องพัก ดึงเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาแขวนไว้ในตู้ แล้ววางกระเป๋าเดินทางใบเล็กไว้หน้าตู้นั้นเอง ส่วนของฝากที่คุณฐาปนีย์แม่ของเขาฝากมาให้พี่สาวก็วางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะก่อน

เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ชายหนุ่มก็พบว่าเสียงเห่านั้นสงบลงแล้ว ป้ากับลุงเขยของเขากำลังช่วยกันอุ่นอาหารและจัดวางจานซ้อนมีดส้อมอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร ส่วนแม่หนูรักจังที่ส่งเสียงเห่าโวยวายเรียกร้องความสนใจอยู่เมื่อครู่ มาหมอบอยู่หน้าตู้ ตั้งหน้าตั้งตาแทะมุมกระเป๋าของเขาอย่างเมามัน

ฐิติจุ๊ปาก ก้าวยาว ๆ ตรงเข้าไปคว้าร่างเล็ก ๆ ปุกปุยนั้นไว้ดุเสียงเข้มว่า “ไม่ได้นะ ไม่ใช่ของเล่น” แล้วเขาก็ยกกระเป๋าใบนั้นขึ้นไปไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า มองไปรอบ ๆ ห้องว่าไม่มีอะไรวางทิ้งอยู่บนพื้น หรืออยู่ในรัศมีที่นางสุนัขน้อยจะปีนป่ายขึ้ันไปลากลงมาแทะเล่นได้อีกหรือเปล่าเพื่อที่จะเก็บเสียให้เรียบร้อย

หากเป็นคนอื่น ครอบครัวอื่น รักจังคงถูกตีไปแล้ว ด้วยความเชื่อว่าจะได้กลัวและหลาบจำ หากครอบครัวนี้กลับมีความคิดว่าควรอยู่ร่วมกันด้วยความรักและเข้าใจมากกว่าความกลัวไม่ว่าจะเป็นระหว่างคนกับคนหรือคนกับสัตว์เลี้ยง

…ก็หมาก็คือหมา! การกัดการแทะคือการละเล่น และการคลายเครียด สิ่งใดที่ไม่อยากให้เสียหายก็ควรเก็บไว้ให้พ้น เหมือนอย่างที่เราควรต้องเก็บสารเคมีให้พ้นมือเด็กเช่นกัน คนเป็นผู้ใหญ่ก็ควรดูแลเด็ก และคนก็ควร‘รู้’มากกว่าสุนัข…รู้ว่าควรเก็บงำดูแลสิ่งของที่ไม่ต้องการให้เสียหายให้พ้นมือ ไม่ใช่ใช้วิธีการข่มขู่หรือทุบตีซึ่งอาจไม่ได้ทำให้สุนัขเข้าใจมากขึ้นเลย

เมื่อเก็บของที่ต้องการให้รอดพ้นจากคมเขี้ยวของรักจังไว้ในตู้หรือบนที่สูงเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็หันกลับมาเห็นว่านางตัวดีนอนหงาย ขาสั้น ๆ สี่ข้างกางชี้ฟ้าอยู่หน้าเตียง ขนที่พุงขาวสะอาด และพุงนั้นก็กำลังกระเพื่อมด้วยลมหายใจ ดูเหมือนจะมีเสียงกรนเบา ๆ เสียด้วย

ฐิติอดหัวเราะไม่ได้ ก้มลงลูบพุงขาว ๆ นั้น และนางสุนัขน้อยก็หรี่ตามองอยู่อึดใจหนึ่งก่อนทำตาปรอย เมื่อเขาละมือกะจะไปนั่งทำงานที่โต๊ะ ขาหน้าสั้น ๆ ก็เกาะเกี่ยวเขาไว้เหมือนจะบอกว่า ‘เอาอีก! Please, scratch my tummy!’

สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องลงนั่งเกาพุงให้มันอยู่หลายอึดใจกว่าจะลุกไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่รู้เลยว่านางสุนัขน้อยยื่นจมูกมาทางเขาก่อนยื่นไปทางช่องประตูที่นอร์แมนกับคุณฐปนาจัดโต๊ะอยู่อีกห้อง

รักจังสรุปในใจว่า…บ้านนี้อยู่ได้! พี่คนนี้ใจดีแต่เด็ดขาดเราจะต้องตามใจเขามากหน่อย แต่อีกสองคนนั่นน่ะหรือ…สบายมาก! 



Don`t copy text!