รัก (จัง) ปักใจ บทที่ 4 : สี่ปีแรก

รัก (จัง) ปักใจ บทที่ 4 : สี่ปีแรก

โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม

Loading

รัก (จัง) ปักใจ นวนิยายรักโรแมนติกเรื่องล่าสุด จากปลายปากกาของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม ที่นักอ่านรอคอย กับเรื่องวุ่นๆ ของเจ้าคอร์กี้ตัวเปี๊ยกนาม “รักจัง” และ “ปักใจ” ที่ป่วนปั่นอลวนอลเวง พาให้เจ้าของของทั้งสองมาพบกัน ตกหลุมรักกันและเผชิญกับอุปสรรคมากมายด้วยกัน นิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

*****************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

ราวกับประตูกรงที่กักขังสุนัขน้อยตัวนั้นเปิดออก เมื่อคำถามกับคำขอแรกผ่านไป คำขอต่อ ๆ ไปก็แสนง่าย และประตูทุกบานก็เปิดกว้าง

“ปลื้มขอดูประวัติกับเอกสารประจำตัวของเขาด้วยค่ะ”

“ตรงมุมห้องโน่น…” รวิพรบุ้ยใบ้ “ลิ้นชักชั้นล่างสุด ชื่อร็อคโค”

หญิงสาวคุกเข่าลงเปิดลิ้นชักแล้วดึงขึ้นมาทั้งแฟ้ม ในนั้นมีเอกสารการทำวัคซีนครบถ้วน ยังดีหรอกที่รวิพรมีเมตตาพอจะทำวัคซีนและถ่ายพยาธิให้มัน

ในแฟ้มมีฟิลม์เอ็กซเรย์ที่ทำให้หญิงสาวหัวใจอ่อนยวบ…แทบหลอมละลายไปด้วยความเวทนา…กระดูกอ่อนที่เบ้าสะโพกของสุนัขตัวนี้ดูราวกับเป็นของสุนัขแก่วัยกว่าสิบขวบทั้ง ๆ ที่มันอายุเพียงไม่ถึงสี่ขวบ

…กระดูกตรงนั้นกร่อนตื้นและขรุขระอย่างน่าเป็นห่วง ซ้ำมันยังถูกขังอยู่ในกรง ไร้การบำบัดออกกำลังกายอย่างถูกวิธีมานานนับปี

นี่จะไหวไหม? หญิงสาวถามตัวเอง มองเห็นภาระมากมายทอดยาวอยู่ตรงหน้า…ไหวซิ! ต้องไหว! เธอตอบตัวเองอย่างหนักแน่น เธอถูกศรจากดวงตาสีน้ำตาลใสอ่อนหวาน โศกเศร้าและเว้าวอนคู่นั้นพุ่งเข้ามาปักอยู่กลางหัวใจเสียแล้ว

ทุกชีวิตที่เกิดภายใต้ดวงดาว คงมีลิขิตกำหนดไว้เป็นของตนเอง เมื่อเกิดจังหวะที่เหมาะสม ปมที่ถูกผูกไว้ก็จะคลายออก ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดก็จะได้แสงอ่อนอุ่นอรุณเบิกฟ้า และมันจะต้องสว่างเรื่อเรืองขึ้นเรื่อย ๆ

ปลื้มใจย้อนกลับขึ้นไปยังชั้นสี่อีกครั้ง รับตัวมันออกมาท่ามกลางความประหลาดใจและดีใจของพรรษา

“หมอจะเอามันกลับบ้านค่ะ คุณหมอรวีทราบแล้ว” หญิงสาวรับร่างที่สั่นระรัวนั้นมากอดไว้กับอก ให้สุนัขน้อยได้รับรู้ถึงเสียงเต้นจากหัวใจของเธอ และเธอเองก็ได้สัมผัสถึงเสียงเต้นจากหัวใจดวงเล็กของมัน

“หมอเปลี่ยนชื่อมันแล้วนะคะ ให้ชื่อปักใจ”

“ปักใจของปลื้มใจ” พรรษาหัวเราะ แล้วมองทั้งคนทั้งหมาอย่างขัน ๆ “ดีแล้วค่ะ ตรงความหมายดี หมอเห็นมันแล้วคงปักใจทันทีใช่ไหมคะ”

ปลื้มใจพลอยหัวเราะไปด้วย เธอไม่ต้องตอบคำถามนั้น จับขาหน้าเล็ก ๆ สั้น ๆ ของปักใจพนมเข้าหากันแล้วบอก

“ผมกลับบ้านก่อนนะค้าบบบบ  พี่แพท พรุ่งนี้จะมาใหม่ มาเล่นกับพี่ ไม่ให้พี่ต้องเหงา…”

และแล้วปักใจก็กลายเป็นสัตว์ไข้ตัวแรกของปลื้มใจที่นี่…หญิงสาวสั่งยาบำรุงกระดูกและข้อ หลังจากนั้นก็จูงกันไปเลือกซื้อของที่จำเป็น เบาะรองนอน กระเป๋าเดินทาง สายจูง เชือกรัดตัว ขนมและของเล่น ที่เพียงแค่ได้ยินเสียงปี๊บจากตุ๊กตาพลาสติก เจ้าสุนัขน้อยก็เนื้อตัวสั่น วิ่งกะโผลกกะเผลกหาที่มาของเสียงไปรอบ ๆ บริเวณ

ในที่สุดเธอก็จ่ายเงินค่ายาและค่าของไปก่อนที่จะได้รับเงินเดือนเดือนแรก!

เนื่องจากบ้านของปลื้มใจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ซ้ำยังสามารถเดินทางมาได้ด้วยการลัดเลาะมาตามซอกซอยด้านหลัง เธอจึงมาที่นี่ด้วยรถจักรยานยนต์

ปักใจยอมเข้าไปอยู่ในกระเป๋าพลาสติก มันนั่งอย่างเรียบร้อยอยู่ภายในนั้นโดยที่ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วแทบจะไม่ละไปจากเธอเลย เจ้าสุนัขน้อยเงยหน้ามองปลื้มใจตลอดเวลา มองตลอดการเดินทาง มันมองราวกับกลัวว่าเธอจะละลายกลายเป็นอากาศธาตุ

มันไม่ดิ้นไม่ตื่นตระหนกแม้ว่านี่จะเป็นการเข้าไปอยู่ในกระเป๋าพลาสติกใสและเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์เป็นครั้งแรกในชีวิต…สุนัขน้อยสื่อสารกับหญิงสาวเจ้าของมืออันอบอุ่นและอ่อนโยนด้วยอากัปกิริยาว่า…ขอยอมมอบกายถวายชีวิต!

ศรที่มันส่งจากดวงตาเข้าปักใจปลื้มใจ ย้อนกลับมาปักใจของมันเองหนักแน่นลึกล้ำเป็นร้อยเท่าพันทวี…

ไม่นานนักหญิงสาวก็พารถจักรยานยนต์เลี้ยวเข้าถนนซอยที่เงียบสงบร่มรื่นและปลอดภัยด้วยเป็นซอยตัน ด้านลึกสุดของซอยนี้คือประตูบานกว้างเปิดเข้าบ้านหลังเล็ก ที่ปัจจุบันเป็นที่ทำการของบริษัทออกแบบงานกราฟฟิก ถัดกำแพงบ้านออกมาก็คือทาวน์เฮาส์แปดห้องหันหน้าเข้าหากันและบ้านของเธอก็คือทาวน์เฮาส์หลังที่อยู่ติดกับแนวรั้วของตึกหลังนั้น

เมื่อมองเข้าไปปลื้มใจก็เห็นว่ารถของคุณเปรมจิตมารดาของเธอจอดอยู่แล้วในที่จอดรถ หญิงสาวจอดมอเตอร์ไซค์คันเล็กไว้ที่หน้าบ้านแล้วหิ้วกระเป๋าพลาสติกใสเดินเข้าไปภายใน เธอวางมันลงเงียบ ๆ ที่ข้างกายมารดา

ผู้ที่นอนเขลงดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาถึงกับอุทานลั่น เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวในกระเป๋าใบนั้น

“หมา! ตายแล้วปลื้ม! ไปเก็บมาจากโรงพยาบาลหรือที่ไหน”

“ที่โรงพยาบาลค่ะ แม่” ปลื้มใจยิ้มหวาน หากไม่หวานเท่าดวงตาสีน้ำใสจากดวงหน้าเล็ก ๆ ในกระเป๋าใบย่อม หญิงสาวรูดซิปกระเป๋าเปิดออกจนสุด มันกลายเป็นประตูเปิดให้ปักใจเดินเตาะแตะออกมาหามารดาของเธออย่างฝากเนื้อฝากตัว

เจ้าหมาน้อยดูเหมือนจะรู้ว่าชีวิตของมันก็ขึ้นอยู่กับความยินยอมของหญิงวัยกลางร่างท้วมคนนี้ส่วนหนึ่ง มันจึงนั่งลงตรงหน้าคุณเปรมจิต แล้วจู่ ๆ มันก็เอาคางเกยลงไปบนมือของเธอโดยไม่ต้องมีใครสอนสั่ง ลิ้นสีชมพูชื้น ๆ อุ่น ๆ แลบออกมาเลียสองสามครั้ง เป็นการสื่อสารอย่างอ่อนโยนและเจียมตัว

“ปลื้มไม่ได้เก็บหมากลับบ้านมาเป็นสิบปีแล้วนะคะ…แต่เห็นปักใจแล้วอดใจไม่ได้จริง ๆ ท่าทางมันเลี้ยงง่าย ว่าง่าย ไม่วุ่นวายแน่ค่ะ ถึงบ้านเราจะหลังเล็กแค่นี้ก็ไม่น่ามีปัญหา”

ผู้ฟังที่ใจอ่อนไปแล้วครึ่งหนึ่งกับร่างเล็ก ๆ นั้น ยิ่งใจอ่อนหนักลงไปอีก…สิบปี…คือสิบปีที่พ่อกับย่าของปลื้มใจเสียชีวิตไปอย่างไม่คาดฝัน และคือสิบปีที่เธอกับลูกตัดสินใจย้ายออกจากบ้านที่เคยอยู่ร่วมกันสี่ชีวิตมาอยู่ที่นี่

อันที่จริงสองแม่ลูกคือเจ้าของบ้านหลังที่ปัจจุบันเป็นบริษัทออกแบบกราฟฟิกด้านในสุดนั่นเอง  และคือเจ้าของเก่าของที่ดินที่ใช้ปลูกทาวน์เฮาส์ทั้งหมดนี้ด้วย คุณย่าของปลื้มใจซื้อที่ดินผืนงามนี้ไว้เมื่อครั้งที่มันยังเป็นที่รกร้างในซอยลึก ท่านปลูกบ้านของครอบครัวเอาไว้ด้านในสุด

ต่อมาเมื่อความเจริญแผ่ขยายมาถึง บิดาของปลื้มใจผู้เป็นช่างก่อสร้างก็ตัดสินใจแบ่งที่ดินด้านหน้าทำทาวน์เฮาส์แบบที่เริ่มเป็นที่นิยมในยุคนั้นออกขายโดยเก็บหลังในสุดทั้งสองด้านเอาไว้ตั้งใจจะให้เช่าเป็นรายได้รายเดือน หากยังไม่ทันไรทั้งบิดาและคุณย่าของปลื้มใจก็ลาโลก

สองแม่ลูกไม่สามารถอยู่ในบ้านที่มีเงาของพ่อและคุณย่าอยู่ทุกซอกทุกมุมได้อีกต่อไป ทาวน์เฮาส์หนึ่งในสองหลังที่เตรียมเอาไว้ให้เช่าจึงกลายเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนบ้านที่เคยอบอุ่นด้วยสี่ชีวิตก็กลายเป็นบ้านให้เช่า

คุณเปรมจิตทำสัญญาให้เช่าบ้านระยะยาว ส่วนเงินที่ได้จากการขายบ้านทาวน์เฮาส์ที่สามีปลูกขายทั้งหมดก็เอาไปซื้อหุ้นบริษัทหนึ่งไว้แล้วไม่เหลียวหลังไปมองมันอีกเลย เธอกลับไปทำงานเต็มเวลา…ทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเสียลูกสาวคนเดียว…อยู่กันอย่างเงียบสงบและสมถะ

เมื่อยามที่ปลื้มใจยังเด็ก ความรักสัตว์ของเธอก็เห็นได้เด่นชัด เธอมักเก็บสุนัขและแมวจรจัดมาเลี้ยงที่บ้าน หากทันทีที่สิ้นย่าสิ้นพ่อ ปลื้มใจก็เลิกเก็บชีวิตน้อย ๆ นั้นมาเป็นภาระ เธอรู้ดีว่าสภาพความเป็นอยู่ปัจจุบันไม่เหมาะและเรื่องของสัตว์เลี้ยง หากไม่มีความรับผิดชอบเพียงพอ สภาพความเป็นอยู่ไม่พร้อมกับการเลี้ยง การรับเลี้ยงนั้นก็จะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ

ยิ่งเมื่อได้ร่ำเรียนด้านนี้โดยตรง ได้ทำงานด้านนี้มาอีกปีกว่า เธอก็ได้เห็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะความไม่พร้อมของผู้เลี้ยงมากมาย ได้เห็นสุนัขใหญ่ต้องจับเจ่าอยู่ในกรงขังเพราะบ้านเป็นตึกแถวจนเกิดความเครียดและเจ็บป่วย ได้เห็นสุนัขเล็กที่นักศึกษาแอบเลี้ยงไว้ในหอพักแล้วเมื่อคู่รักเลิกลากัน ชีวิตน้อย ๆ นั้นก็ถูกทิ้ง ได้เห็นมดลูกสุนัขตัวเมียที่อักเสปเน่าเฟะเพราะเจ้าของไม่ยอมเอามาทำหมันเนื่องจาก‘กลัวบาป’

นี่คือครั้งแรกหลังจากที่ว่างเว้นไปนานถึงสิบปีที่ปลื้มใจยอมปล่อยให้ตัวเองเกิด‘รักปักใจ’…เกิดความมุ่งมั่นว่าจะทำให้ชีวิตของสุนัขน้อยตัวนี้พลิกฟื้นกลับมามีความสุขเต็มเปี่ยมแบบที่มันควรได้รับให้ได้

“ปลื้มจะเอามันไปทำงานด้วยก็เอารถไปไหม ออกไปด้วยกันพร้อม ๆ กัน แล้วแม่ขับต่อ…” คุณเปรมจิตเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนใหญ่ชานเมือง “ถ้าวันไหนเข้าเวรไม่ตรงกัน แม่ก็นั่งแท็กซี่ไปได้”

“ปลื้มใช้มอเตอร์ไซค์ดีแล้วค่ะแม่ สะดวกกว่า” อันที่จริงรถจักรยานยนต์คันนี้เคยจอดไว้ในบ้านเพื่อใช้ไปซื้อของที่ตลาดตรงปากซอย “โรงพยาบาลของปลื้มอยู่ใกล้แค่นี้เอง และปักใจก็เรียบร้อยมาก เราไปกลับแบบนี้สะดวกที่สุด”

เมื่อครั้งทำงานอยู่ที่ที่ทำงานเก่า รวมถึงช่วงที่ยังเรียนหนังสืออยู่ด้วย ทั้งที่ทำงานและมหาวิทยาลัยของปลื้มใจอยู่ในเส้นทางเดียวกับโรงพยาบาลที่เป็นที่ทำงานของคุณเปรมจิต สองแม่ลูกจึงออกจากบ้านพร้อมกันด้วยรถยนต์คันเดียว บางครั้งลูกก็นั่งเล่นรอเวลาอยู่ที่ทำงานของแม่ บางวันผู้เป็นแม่ก็ไปนั่งเล่นรอเวลาอยู่ที่มหาวิทยาลัยหรือที่ทำงานของลูก

หญิงสาวอธิบายถึงแผนการของตัวเอง การย้ายมาทำงานที่ ‘ซันนี่ พรีเมียร์ เพ็ท แคร์’ ของรวิพรทำให้เธอไม่ต้องรีบร้อนออกจากบ้านแต่เช้า การเดินทางแสนสะดวกสบายด้วยรถจักรยานยนต์คันเล็ก และได้วันหยุดถึงสองวันคืออาทิตย์และจันทร์ แม้ว่าในวันทำงานจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงสามทุ่ม

เมื่อมีปักใจ…ปลื้มใจก็จะมีเพื่อนเดินทางทั้งไปและกลับ และมีเพื่อนอยู่บ้านในวันที่มารดาต้องอยู่เวรดึก

ตลอดเวลาที่แม่ลูกพูดคุยกันเด็กชายปักใจก็หมอบอยู่กับพื้น เหยียดขาหลังทั้งสองข้างออกไปอย่างแสนสบาย เปิดทางให้พุงได้แนบกับพื้นที่เย็นลื่นให้ได้มากที่สุด ตอนที่อยู่ในกรงในห้องเก็บของนั้นเขานอนท่านี้ได้ไม่สบายนัก เพราะพื้นของกรงเป็นซี่ลวดเพื่อให้ทำความสะอาดง่าย มันคงทำความสะอาดง่ายสำหรับมนุษย์แต่สำหรับเขาแล้วมันนอนได้ไม่สบายตัวเลย

หากความลำบากแบบไหนก็ตามไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของปักใจอีกแล้ว สิ่งที่เขามีอยู่ ณ ปัจจุบันก็คือความสุข ความอบอุ่นและความรัก…ความรักที่เขามีจนล้นเหลือให้กับหมอปลื้มใจ ตามด้วยมารดาของเธอ…เธอทั้งสองจะรักเขาแค่ไหน จะยุ่งวุ่นวายกับสิ่งใดในชีวิตบ้างก็เป็นเรื่องของพวกเธอ

…เรื่องของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นในชีวิต คือในชีวิตนี้เขามีแต่พวกเธอ!

หมอปลื้มใจสอนให้สุนัขน้อยรู้จักเขี่ยประตูเป็นสัญญาณเมื่อต้องการออกไปปลดทุกข์ตรงเก้าอี้เก่า ๆ และกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปูเตรียมไว้ ครั้งแรกที่เขาทำได้ เธอชมเชยเสียงหวาน หากปักใจก็ได้กลิ่นความไม่สบายใจของเธอโชยมา เมื่อหญิงสาวหันไปพูดกับมารดา

‘นอกจากมันจะมีปัญหาที่สะโพกแล้วยังกระเพาะปัสสาวะอักเสบด้วยค่ะ มีเลือดออกมากับฉี่นิดหน่อย’ หญิงสาวบ่นต่อไปอีกยืดยาว ‘น่าจะเป็นเพราะปักใจอยู่ในกรงแทบจะตลอดเวลา สัญชาตญาณของหมาคือจะไม่อึไม่ฉี่ในที่ที่เป็นที่นอนที่กิน มันคงกลั้นเอาไว้จนกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ต้องเพิ่มยาให้กินอีกตัวละ’

ปักใจไม่สนใจกับคำพูดของหมอปลื้มใจ…อะไรก็ได้ ขอให้เขาได้อยู่ที่นี่ ได้อยู่ใกล้เธอ ได้อยู่กับเธอ…

ทุกวันเขาจะอ้าปากรับยาที่ป้อนมาถึงคอทุกเช้า หลังจากนั้นก็รับประทานอาหารก่อนไปนั่งรอที่หน้ากระเป๋าพลาสติกใส แล้วเดินทางออกจากบ้านไปพร้อมกับเธอ…นั่งชูคอรับลมอยู่ในกระเป๋าบนรถจักรยานยนต์

ทันที่ที่ถึงโรงพยาบาลเขาก็วิ่งแจ้นนำหน้าเข้าไปในห้องตรวจประจำของหมอปลื้มใจ แล้วเลือกได้มุมเหมาะ ๆ ในห้องยานอนเขลงจับตามองดูเธอทำงาน สลับกับการออกไปเป็นพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้ด้านหน้า ยิ้มแป้นแร้นรับคำชมของผู้มาเยือน ‘หมาของโรงพยาบาลน่ารักจัง…พนักงานต้อนรับดีเด่นใช่ไหมนี่”

และทุก ๆ สัปดาห์ปักใจจะได้ลงว่ายน้ำในสระ แค่ครั้งสองครั้งเขาก็ตีขาหน้าและหลังได้คล่องแคล่ว ยิ่งเมื่อหมอปลื้มของเขาคอยโยนของเล่นลงไปให้เขาว่ายน้ำไปเก็บกลับมา เขาก็ยิ่งสนุกและไม่เบื่อเลยกับการต้องว่ายน้ำวนเวียนอยู่ในสระ แม้ว่าเมื่อกลับขึ้นมาเขาจะเหนื่อยจนหลับลึกหลับยาวไปจนค่ำ

ชีวิตของปักใจเข้ารูปเข้ารอย มั่นคงและเป็นสุข หากมันก็ใช้เวลาร่วมปีทีเดียว กว่าเจ้าสุนัขน้อยจะเดินและวิ่งได้โดยไม่ปวดแปลบที่สะโพกจนเกินทน…

 



Don`t copy text!