สาปแสงรัก บทที่ 3 : เหตุผลที่คนเกลียดกัน

สาปแสงรัก บทที่ 3 : เหตุผลที่คนเกลียดกัน

โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต

Loading

สาปแสงรัก โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องรักของผู้ชายธรรมดาที่ต้องคำสาปที่ว่า เมื่อพบรักแท้จะพบแต่ความทุกข์ทรมานไม่รู้จักจบสิ้น “อานุภาพ” ชายที่ไม่มีพลังอำนาจเหมือนชื่อของเขาเลย แถมยังไม่มีของวิเศษ เวทย์มนตร์คาถา แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแรงอาฆาตพยาบาทที่สาปส่งข้ามภพข้ามชาติได้ ติดตามเอาใจช่วยเขาได้ในอ่านเอา anowl.co

“นวล ออกมาพูดกับยายให้รู้เรื่องนะ”

นวลดาราได้ยินเสียงเรียกสลับกับเคาะประตูดังอยู่เป็นระยะมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่เธอไล่แขกของยายกลับไปและหนีมาเก็บตัวอยู่ในห้องนอน หญิงสาวไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงได้เกลียดชังผู้ชายคนนี้มากนัก นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าเขาหลังฟื้นจากการจมน้ำเธอก็เกลียดชังเขาทันที ความรู้สึกนั้นรุนแรงจนเธอต้องผลักไสเขาออกห่าง

“ยายนวล จะเปิดประตูให้ยายเข้าไปดีๆ หรือจะให้ยายไขเข้าไป” เสียงยายดังขึ้นอีก

“นวลเปิดให้ก็ได้” หญิงสาวตะโกนตอบขณะค่อยๆ เยื้องกรายลุกขึ้นจากเตียงนอนไปที่ประตูอย่างไม่สบอารมณ์

“ทำไมเราถึงไปว่าคุณอานุภาพเขาแบบนั้น” คุณมัทนาต่อว่าหลานสาวทันทีที่เข้ามาในห้อง

“ก็นวลไม่ชอบเขา ไม่ไว้ใจเขา”

“แล้วเราไปลามปามเรื่องส่วนตัวเขาแบบนั้น มันดีมันงามแล้วหรือ”

“ก็เขามาหักอกเพื่อนนวล”

“เพื่อนคนไหน สนิทกันมากถึงกับที่เราจะต้องไปเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเขาขนาดนั้นเลยหรือ เรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราจะไปตัดสินใครเขาได้ยังไง”

“ไม่รู้ละ ก็นวลไม่ชอบ รู้สึกไม่ถูกชะตากับหมอนั่น”

“ยายไม่เคยเห็นนวลไม่มีเหตุผลอย่างนี้มาก่อนเลย ไหนบอกมาซิว่าเพื่อนเราคนนั้นน่ะคนไหน”

“คนไหนคะ”

“ก็เพื่อนที่เราว่าคุณอานุภาพเขายกเลิกงานแต่งงานน่ะ”

“ก็… แพม พิมพ์ลักษณ์…” นวลดาราพูดแล้วก็หยุดชะงักไป หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าที่เธอทำก็ออกจะเกินไป เพราะในความเป็นจริงเธอก็ไม่ได้สนิทสนมกับเพื่อนคนนี้มากนัก แพมเป็นเพียงเพื่อนเรียนร่วมคณะ ชั้นปีเดียวกันในมหาวิทยาลัยเท่านั้น

“ยายรู้จักเพื่อนเราทุกคน ทำไมไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย”

“ช่างเถอะค่ะยาย ยังไงนวลก็ไล่เขาไปแล้ว”

“ยายไม่ยอมให้นวลมาทำแบบนี้หรอกนะ เอาไว้ให้อารมณ์เย็นกว่านี้ เราจะต้องไปขอโทษคุณอานุภาพเขา”

“ยายคะ ยายยังจะจ้างนายคนนี้อีกหรือคะ”

“ใช่ เพราะยายไม่เห็นว่าจะมีใครมีฝีมือดี และเหมาะจะทำงานนี้เท่าเขา”

“เดี๋ยวนวลจะหาช่างที่ฝีมือดีกว่า เก่งกว่าเขามาให้ยายให้ได้”

“ไม่ต้อง ยายตัดสินใจแล้ว และคราวนี้เราจะมาเปลี่ยนใจยายไม่ได้”

“ยาย…” หญิงสาวร้องขึ้นอย่างเด็กเล็กๆ ที่ถูกขัดใจ

“นอกจากเรื่องที่เราก้าวก่ายงานของยายแล้ว เราทำน่าเกลียดมากนะที่ไปสาปแช่งเขาแบบนั้น”

“ก็นวลไม่ชอบเขา” หลานสาวยังยืนยันความคิดของตัวเอง

“พกแต่ความเกลียดชัง สักวันเถอะ ความเกลียดชังจะทำร้ายตัวเราเอง”

“ก็ใครล่ะคะที่สอนให้นวลเกลียดคนที่ควรเกลียด ไม่ใช่ตากับยายหรอกเหรอคะ”

“นวลดารา…” คำต่อล้อต่อเถียงทำให้คุณมัทนาโมโหขึ้นมา

“นวลพูดอะไรผิดเหรอคะ”

“แต่ยายก็บอกเราแล้วไงว่าอะไรที่มันผ่านไปนานแล้ว เราควรจะหัดให้อภัย แต่เราก็ไม่เคยเชื่อยาย”

“เพราะมันสายไปแล้วไงคะ สำหรับนวล เกลียดก็คือเกลียดค่ะ”

“ถ้าเราเกลียดทุกคน เราก็จะหาความสุขไม่ได้”

“ยายก็กำลังแช่งนวลเหมือนกันนะคะ”

“ยายกำลังสอน ถ้าเราคิดว่าแช่ง ก็แล้วแต่จะคิด”

นวลดารานึกอยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้เป็นยายต่ออีกแต่ก็ไม่อยากให้ยายโกรธมากกว่านี้จึงได้แต่ทำหน้าคว่ำ คุณมัทนาไม่สนใจท่าทีไม่พอใจของหลานสาว เธอหันหลังจะเดินออกจากห้องนางชื่นก็เปิดประตูสวนเข้ามาเกือบจะชนกับเธอ

“อะไรกันแม่ชื่น มีอะไร ฉันหกล้มหกลุกไปจะว่าไงเนี่ย”

“ขอโทษค่ะคุณ เกิดเรื่องแล้วค่ะ ชลกลับมาถึงแล้ว แล้วก็ เอ่อ…”

“เอ่ออะไร มีอะไรก็พูดมาสิ”

“ชลอุ้มคุณอานุภาพมาด้วยค่ะ บอกว่าเรือตาน้อมล่ม”

“เรือล่มรึ” คุณมัทนาเอามือทาบอกด้วยตกใจ เธอหันไปส่งสายตาดุให้หลานสาว

นวลดารานึกถึงคำพูดที่เธอแช่งเขาก่อนจาก ‘ไปแล้วอย่ากลับมาอีกนะ ให้เรือล่ม จมหายไปเลยยิ่งดี’

 

นวลดาราเดินตามคุณมัทนาและนางชื่นมาที่ห้องนอนชั้นสองของเรือนรับแขก ก็เห็นชลธีกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อานุภาพที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงเสร็จเรียบร้อยพอดี ชลธีสวมกางเกงขายาวเปียกปอน ไม่สวมเสื้อ ทำให้รู้ว่าเขารีบร้อนช่วยเหลือชายหนุ่มที่เธอสาปแช่งจนไม่ได้สนใจตัวเอง คงทำเพียงถอดเสื้อเชิ้ตที่เปียกชุ่มของตัวเองกองไว้ที่พื้นข้างเตียงเท่านั้น

“เรื่องเป็นยังไงมายังไงกันชล” คุณมัทนาถาม

“ผมกำลังกลับมาจากเกาะลอย สักสิบเส้นก่อนถึงเกาะเห็นมีเรือล่มอยู่จำได้ว่าเป็นเรือของตาน้อมก็เลยรีบเข้าไปดู เห็นตาน้อมแกเกาะเรืออยู่ ตะโกนบอกว่ามีคนจมน้ำ ผมก็เลยดำลงไปโชคดีที่ลงไปช่วยคุณคนนี้ไว้ได้ ตอนขึ้นจากน้ำผมช่วยผายปอดให้แก แกกลับมาหายใจแล้วก็หมดสติไปอีกครับ ผมจะพากลับไปหาหมอที่เกาะลอยก็ไกลเกินไป ผมเลยพามาที่นี่”

“อิฉันให้เด็กไปตามคุณหมอมารุตแล้วค่ะ เดี๋ยวคงมา โชคดีที่วันนี้คุณหมออยู่ที่อนามัยพอดี” นางชื่นบอก

“แล้วเรือล่มได้ยังไง ชลได้ถามตาน้อมไหม ตาน้อมแกขับเรือเก่ง ไม่เคยล่มเลยนี่นา” คุณมัทนาถาม

“ตาน้อมบอกว่าแกไปเจอวังน้ำวนเข้าครับ”

“วังน้ำวนเหรอ”

“ครับ แกบอกว่าแล่นเรือร่องน้ำนี้ทุกวันไม่เคยเจอวังน้ำวนเลย แกว่าน้ำมันแรงมาก”

“แปลกจริง…หรือว่า” คุณมัทนาพูดเท่านั้น แต่นวลดาราก็รู้ว่าผู้เป็นยายอยากจะพูดต่อไปว่า ‘หรือคำสาปแช่งของเธอจะส่งผล’

สักครู่ต่อมานายแพทย์วัยกลางคนก็มาถึงเรือนรับแขก เขาทำการตรวจร่างกายอานุภาพเบื้องต้นแล้วสรุปว่า “สุขภาพทั่วไปดูปกติดี ความดันและจังหวะหายใจก็ปกติ ผมคิดว่าแกคงหลับไปเพราะอ่อนเพลีย แต่ถ้าฟื้นเมื่อไหร่ก็ควรไปตรวจสุขภาพอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลสักครั้งนะครับ”

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” คุณมัทนากล่าวกับนายแพทย์ ก่อนจะสั่งให้เด็กรับใช้ผู้ชายไปส่งคุณหมอให้ถึงที่พัก

“ชื่นช่วยดูแลคุณเขาให้หน่อยเถอะนะ ไม่รู้ว่าคืนนี้จะไข้ขึ้นหรือเปล่า”

“คืนนี้ผมจะมาเฝ้าไข้ให้นะครับ…แม่ดูแลคนเดียวไม่ไหวแน่ คุณแกตัวหนักเอาเรื่องนะครับ กว่าผมจะลากแกขึ้นมาบนเรือได้ เล่นเอาหอบเหมือนกัน”

“ขอบใจมากชล ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะไป เดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน”

ชลธีรับคำแล้วขอตัวออกไปพร้อมกับนางชื่น

“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก นี่ถ้าลูกเขาเป็นอะไรไป ฉันจะทำยังไง” คุณมัทนาพูดเสียงดัง ลงท้ายประโยคเสียงสูง ตั้งใจให้หลานสาวได้ยิน ปรายตามองเป็นเชิงตำหนิก่อนเดินออกจากห้องนอนไป

น่าแปลกที่นวลดาราไม่รู้สึกสงสารผู้ชายคนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงเลย

 



Don`t copy text!