หนังสือเล่มนั้น มีเนื้อคู่ของฉันซ่อนอยู่ บทที่ 3 : หนังสือที่คนอื่นมองไม่เห็น

หนังสือเล่มนั้น มีเนื้อคู่ของฉันซ่อนอยู่ บทที่ 3 : หนังสือที่คนอื่นมองไม่เห็น

โดย : กุลวีร์

Loading

หนังสือเล่มนั้นมีเนื้อคู่ของฉันซ่อนอยู่ โดย กุลวีร์ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาจะพาทุกคนไปพบกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับชาคร เมื่อหนังสือเล่มนั้นได้พาเขาไปพบกับหญิงสาวปริศนา จันตา…เธอคนนี้คือเนื้อคู่ของเขาอย่างที่ชายชราบอกอย่างนั้นหรือ หาคำตอบไปพร้อมกันที่เว็บไซต์ anowl.co พื้นที่ที่มีนวนิยายสนุกๆ ให้คุณได้เพลิดเพลิน

ชาครออกมานั่งคุยกับเพื่อนแถวสวนสาธารณะใกล้บ้าน ในวันที่ไม่มีใครต้องไปศึกษาเล่าเรียน โดยเฉพาะเขาที่มักจะมีเรียนเกือบทุกวันในช่วงสายจนถึงเย็น ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์

ชาครเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยเอกชน ส่วนเพื่อนของเขาหรือบุญยัง ขณะนี้เพิ่งตัดสินใจเข้าเรียน กศน. หลังว่างเว้นจากการเรียนหนังสือมาได้หนึ่งปีเต็ม บุญยังจะเข้าเรียนภาคค่ำ จึงมีเวลามากพอที่จะมานั่งคุยหรือเล่นเตะฟุตบอลกับเขาในช่วงแดดร่มลมตก

“บ๊วย” ชาครเรียกชื่อเพื่อนเพื่อให้กลับมาสนใจกัน เมื่อบุญยังจ้องมองผู้คนที่กำลังเดินเล่นในสวนสาธารณะยามบ่ายคล้อย จากนั้นก็ตั้งคำถามที่ครุ่นคิดมาหนึ่งคืน ตั้งแต่ได้เจอหนังสือเล่มนั้น

“แกเชื่อเรื่องเนื้อคู่บ้างไหม”

“ให้เชื่อยังไงล่ะ” บุญยังถามกลับ เหมือนจะไม่เข้าใจคำถามของเขา

เขานำคำที่ได้ยินมาถามตัวเองเช่นกัน ไม่นานก็ได้คำตอบให้ตัวเองและเพื่อนไปพร้อมกัน “ก็เชื่อในแบบที่ว่าเนื้อคู่ของแต่ละคนมีอยู่จริง หรือคนทุกคนเกิดมาแล้วจะต้องมีเนื้อคู่ หรือเนื้อคู่มีจริงแต่ยังหาไม่เจอ”

“ถ้าถามฉัน ฉันก็เชื่อเรื่องเนื้อคู่มีจริง แต่สำหรับฉันเอง อีกนานกว่าจะได้เจอ” บุญยังหัวเราะออกมา ก่อนจะตั้งคำถามกับเขาต่อ “แกจะถามถึงเรื่องเนื้อคู่ทำไม หรือแกเจอเนื้อคู่ที่ไหนก็บอกกันบ้าง อย่าเก็บเงียบ”

“จะเจอที่ไหน พูดเหมือนเจอกันง่ายๆ เจอปุ๊บรู้ปั๊บว่าเป็นเนื้อคู่กัน”

“ก็เจอในที่ที่แกไปเรียนไง สาวๆ คงตรึมเลยละสิ” บุญยังจ้องมองเขาราวกับคาดคั้นหาคำตอบ “มันต้องมีอะไรมาสะกิดต่อมความอยากรู้ของแก อยู่ดีๆ เรื่องเนื้อคู่จะมาอยู่ในความคิดของแกได้ยังไง”

เพื่อนชายที่คบกันมานานหลายปี ตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ย่อมรู้ใจกันเสมอ แต่ชาครยังต้องการปิดบังเรื่องหนังสือที่เกี่ยวข้องกับเนื้อคู่ไว้ก่อน เผื่อจะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือนิทานหลอกเด็ก แล้วจะต้องมานั่งฟังบุญยังหัวเราะท้องคัดท้องแข็งหาว่าเขาเชื่อลงไปได้

“ฉันได้ยินมาจากทีวี นึกได้ก็เลยชวนคุย” ชาครหาข้อแก้ต่างให้ตัวเองรอดพ้นจากหัวข้อสนทนาที่เป็นผู้เริ่มเข้าเรื่อง

บุญยังก็เปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันยังทำรายงานไม่เสร็จเลย ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย วันนี้ไปห้องสมุดกับฉันก่อน ค่อยขี่รถไปส่งแก”

“ห้องสมุดประชานั่นเหรอ” เขาเอ่ยถาม

“ที่นั่นแหละ มีที่เดียวที่ฉันจะหาข้อมูลมาทำรายงานได้” บุญยังบอกเขา “ฉันก็ลืมนึกไป ไม่น่าชวนคนที่ไม่ค่อยเข้าห้องสมุดอย่างแกไปด้วยเลย เหมือนชวนคนชอบกินผักไปร้านขายเนื้อหมูยังไงยังงั้น” เพื่อนชายส่งเสียงขบขันกับคำเปรียบเปรยที่เพิ่งจะพูดออกมา

ชาครรู้ตัวเองดีว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ แม้ไม่ไปขลุกอยู่แต่ในห้องสมุดเหมือนคนเรียนเก่งคนอื่นๆ เพียงแค่ตั้งใจเรียนและอ่านทบทวนสิ่งที่ร่ำเรียนมา ก็สอบผ่านได้ด้วยคะแนนค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน ซึ่งต่างจากบุญยังที่เคยเข้าห้องสมุดหาหนังสืออ่านเพิ่มเติม คะแนนสอบก็ยังน้อยกว่าเขาเกือบทุกเทอม

“ถึงฉันจะไม่ชอบเข้าห้องสมุด ก็เข้าไปนั่งรอได้ ฉันไม่ใช่ผีที่พอเข้าวัดจะร้อนจนทนอยู่ไม่ได้” ชาครให้เหตุผลกับเพื่อนสนิท ทั้งที่ใจจริงยังนึกถึงหนังสือเล่มนั้นเล่มเดียวกับเรื่องราวที่ยากเกินจะเชื่อถือได้

เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มสองคนก็พากันไปที่ห้องสมุดซึ่งยังคงเป็นเฉกเช่นเดิม ทั้งบรรยากาศอึมครึมคล้ายฝนจะโปรยปราย มวลเมฆสีดำลอยอยู่เหนือสถานที่ที่มีแผ่นป้ายเขียนไว้ว่า…ห้องสมุดประชา

และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ต่างไปจากวันก่อนเลยก็คือหนังสือปกสีน้ำเงินซึ่งวางอยู่ที่เดิมบนเคาน์เตอร์ราวกับรอให้เขาเป็นคนหยิบขึ้นมาเปิดดูด้านใน แต่ท่าทีของเพื่อนชายก็ชวนสงสัย ทั้งที่สีสันของปกหนังสือนั้นค่อนข้างจะเตะตา หากบุญยังเหมือนจะมองผ่านเลยไป

ชาครจำเป็นต้องพาเพื่อนไปหยุดยืนตรงด้านหน้าเคาน์เตอร์เพื่อให้เข้าใกล้หนังสือเล่มนั้นมากที่สุด เผื่อจะได้มองเห็นเหมือนกับเขา

ทว่า!! บุญยังก็ไม่ได้สนใจของที่อยู่บนเคาน์เตอร์เลยสักชิ้นเดียว เขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

“บ๊วย แกเห็นหนังสือวางอยู่บนนี้หรือเปล่า” ชาครบุ้ยปากชี้ไปที่เคาน์เตอร์

บุญยังหันไปมอง ก็ตอบออกไป “หนังสืออะไร ไม่เห็นจะมีสักเล่ม”

เพื่อนชายไม่ได้เห็นเหมือนอย่างที่เขาเห็นจริงๆ ด้วย เมื่อรู้แน่ชัดก็ยิ่งแปลกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจนขนลุกขนชันไปทั้งตัว

หรือเรื่องที่ชายชราผู้นั้นพูดจะเป็นเรื่องจริง

หนังสือเล่มที่อยู่ตรงหน้าจะมีแค่คนเป็นเนื้อคู่กันเท่านั้นสามารถมองเห็นและจับต้องได้

“ฉันแค่อำเล่น ไม่มีอะไรหรอก เข้าไปทำรายงานของแกเถอะ ฉันจะรออยู่แถวนี้” ชาครไล่เพื่อนให้เข้าไปด้านใน เพราะเริ่มสนใจหนังสือปกสีน้ำเงิน

เขายังจ้องมองหนังสือด้วยความลังเลใจ หากสิ่งที่ได้เจอก็บ่งบอกได้อย่างหนึ่งว่าเหลือเชื่อจริงๆ

หนังสือวางอยู่ใกล้สายตาขนาดนั้น คนหนึ่งมองเห็น อีกคนมองไม่เห็น จะเป็นไปได้อย่างไร

ถ้าเขาอยากจะค้นพบเนื้อคู่ ก็ต้องเปิดหนังสือหรือเขียนอะไรสักอย่างลงไปเพื่อให้เนื้อคู่ของเขานั้นสามารถมองเห็นและจับต้องหนังสือเล่มที่อยู่ตรงหน้าได้เช่นเดียวกัน

คิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้า

เพียงแค่ลองทำดู คงรู้แน่ชัด!

เขาหยิบหนังสือแล้วเปิดดูด้านใน ก็ต้องแปลกใจยิ่งขึ้น

เมื่อพบเจอข้อความที่ถูกใครบางคนเขียนไว้

เนื้อคู่ บางทีก็เป็นเรื่องเพ้อเจ้อ

ฉันไม่หวังหรอกค่ะ จะได้เจอเนื้อคู่ของฉันเอง

อ่านข้อความเพียงสองบรรทัดจบลง เขาก็บอกตัวเองได้ว่านี่คงไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ และยังรู้อีกด้วยว่าคนที่สามารถเปิดหนังสือและเขียนข้อความเช่นนั้นได้ก็ต้องเป็นเนื้อคู่ของเขา

ใจเต้นตึกตักขึ้นมากะทันหัน พอรู้ว่าได้เจอเนื้อคู่

เขาถามตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี

สายตาก็เหลือบไปเห็นปากกาจึงคว้าขึ้นมาถือไว้ในมือ

ชาครตั้งใจเขียนบางอย่างลงไป เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาได้อ่านข้อความนั้น

รวมทั้งข้อความของเขาก็คงไม่ต่างกันที่คนเป็นเนื้อคู่กันเท่านั้นจะเปิดอ่านได้



Don`t copy text!