โจรกรรมขำขัน บทที่ 3 : ผู้ป่วยฉุกเฉิน

โจรกรรมขำขัน บทที่ 3 : ผู้ป่วยฉุกเฉิน

โดย : แสนแก้ว

โจรกรรมขำขัน นวนิยายแนวตลกร้ายโดย แสนแก้ว เมื่อครอบครัวตระกูลแทนต้องเจอกับเหตุการณ์อลหม่านล้านเจ็ด ทั้งการหลอกลวง ปลอมตัว และสืบสวน โจรกรรมครั้งนี้อาจจะขำๆ แต่จะมีหัวใจของใครบ้างนะ ที่ถูกขโมยเอาไปเก็บไว้ในครอบครอง อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์คลายร้อน และเชื่อเหลือเกินว่านวนิยายเรื่องนี้จะมัดใจนักอ่านทุกท่านแน่นอน

*************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

นางสินไม่อาจสรุปกับตัวเองได้ว่าดีใจหรือรู้สึกอย่างไรกันแน่ ที่ได้พบหน้าลูกสาวคนโตที่ห่างหายไปนานปีอีกครั้ง ยัยทองเคยเป็นลูกสาวที่นางภูมิใจหนักหนา ทั้งคล่องแคล่ว หัวไว อารมณ์แจ่มใส ช่วยเหลืองานพ่อแม่ทุกอย่างไม่เคยบ่น แต่ก็เป็นลูกที่ทำให้นางผิดหวังมหันต์เช่นกัน

ย้อนไปหลายสิบปีก่อนสมัยที่เริ่มสร้างตัว สร้างครอบครัวอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามีของนางเป็นนายช่างใหญ่คุมงานก่อสร้าง นางสินขายก๋วยเตี๋ยวเรือหน้าวัดใหญ่ ช่วยสามีหารายได้อีกแรง ครอบครัวมีฐานะยากจนขัดสนแต่ก็อบอุ่นมีความสุข เดิมทีนางสินกับสามีตั้งใจว่าจะมีลูกแค่สองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง แล้วก็มีได้สมดังใจคือแทนทองแท้กับแทนคุณ แต่สิบปีต่อมาก็ได้ลูกหลงคือแทนขวัญและแทนธรรมตามมาติดๆ ลูกชายหญิงสองคนหลังจึงมีอายุห่างจากพี่สาวใหญ่และพี่รองถึงสิบกว่าปี

เหตุการณ์ตอนโจรขึ้นบ้านแล้วสามีถูกแทงตายนั้นเกิดขึ้นตอนแทนขวัญกับแทนธรรมยังเล็กนัก แต่แทนทองแท้กับแทนคุณรู้ความแล้ว ซ้ำยังเป็นเด็กฉลาดหัวไวกันทั้งคู่ด้วย นางรู้ว่าการกระทำอันร้ายกาจและอุกอาจของพวกโจรในครั้งนั้นก่อความสะเทือนใจให้เด็กทั้งสองมาก แต่ลูกๆ ของนางกลับนำเอาเหตุการณ์นั้นมาใช้เลือกเส้นทางชีวิตต่างกัน

เด็กชายแทนคุณใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจเพราะจะได้จับโจรผู้ร้ายมาลงโทษ ปกป้องประชาชนจากภัยมืด ไม่ให้มีใครต้องโชคร้ายอย่างเขาที่เตี่ยถูกฆ่าตายคาบ้านแต่ฆาตกรก็ยังลอยนวล

เด็กหญิงแทนทองแท้เริ่มลงมือลักขโมย คดโกงเล็กๆ น้อยๆ ในเมื่อคนฆ่าเตี่ยยังรอดได้ เด็กหญิงก็เชื่อว่าทำความผิดที่เล็กกว่า น้อยกว่า ก็ย่อมรอดพ้นจากตำรวจได้เหมือนกัน

เมื่อวานตอนค่ำที่รับประทานอาหารเย็นเนื่องในวันเกิดของนาง ท่านผู้กำกับ เจ้านายใหญ่ของลูกชายได้เอ่ยปากชื่นชมนางด้วยว่า

‘คุณน้าสินเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยม ผมขอชื่นชมคุณน้าจากใจเลยครับ’ ท่านผู้กำกับยกนิ้วโป้งให้ด้วย ‘เลี้ยงลูกได้ดีทั้งบ้าน สารวัตรแทนลูกน้องผมก็เป็นตำรวจดีมีฝีมือ มีอุดมการณ์ ยึดมั่นในความถูกต้อง หนูขวัญก็เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่มีวิสัยทัศน์ สร้างธุรกิจที่ช่วยเหลือชุมชนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน แล้วยังครูธรรมอีก เป็นครูที่เก่ง เข้มงวดกวดขันจนลูกศิษย์ได้ดี เห็นว่าพาเด็กนักเรียนไปแข่งขันฟิสิกส์ได้รางวัลมาตั้งหลายครั้ง สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดอีกด้วย’

‘ใช่ครับ ผมละทึ่ง ยังอยากจะมาขอคำแนะนำคุณน้า เผื่อจะเลี้ยงลูกได้ดีอย่างคุณน้าบ้าง’ ท่านรองผู้กำกับก็สำทับมาอีกคน ‘ได้ยินมาว่าพวกชาวบ้านก็รักและชื่นชมบ้านคุณน้ามาก ถึงกับยกย่องให้เป็น บ้านคุณธรรม เลยทีเดียว แหม…ช่างตั้งชื่อได้เหมาะเจาะเห็นภาพจริงๆ ถึงจะดูเหมือนหนังจีนไปหน่อยก็เถอะ’

ท่านผู้กำกับหัวเราะร่วน ทุกคนในโต๊ะก็หัวเราะตาม นางสินยิ้มกว้าง หัวใจพองโต ลูกที่ดีก็เปรียบเสมือนประกาศนียบัตรของแม่ แต่ใจดวงโตที่พองฟูนั้นก็กลับฟีบฟุบ หวิวโหวงเมื่อคิดได้ว่า นางจะกล้าภูมิใจว่าตนเป็นแม่ที่ดีได้อย่างไรในเมื่อลูกสาวใหญ่เติบโตขึ้นมาเป็นโจร

พอรำลึกความหลังถึงตรงนี้ นางสินก็เจ็บหน้าอกอย่างรุนแรง สองมือจิกเนื้อตรงหน้าอกแน่น ความเจ็บปวดถาโถมหนักหน่วงจนแม้แต่จะเปล่งเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากใครก็ทำมิได้

นางคู้ตัว เคลื่อนตกจากโซฟามาที่พื้นพรม พอดีกับที่แทนขวัญหิ้วตะกร้าผักสดกลับเข้าบ้านมาเพื่อทำอาหารกลางวันให้แม่ หญิงสาวกรีดร้องเรียกแม่เสียงหลง ทิ้งตะกร้าตกพื้นจนผักร่วงหล่นกระจัดกระจาย รีบวิ่งเข้ามาดูอาการแม่แล้วพยุงไปขึ้นรถ พาส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที

 

แทนขวัญขับรถมาถึงโรงพยาบาลรัฐที่ใกล้บ้านมากที่สุด เหยียบคันเร่งพุ่งขึ้นทางลาดมาหยุดรถหน้าแผนกฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลที่รอรับเคสอยู่รีบมาเปิดประตูรถ พยุงแม่ขึ้นนั่งบนรถเข็นแล้วเข็นเข้าห้องฉุกเฉินไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวเดินวนไปมาหน้าห้องฉุกเฉิน บีบมือตัวเองแน่นระงับอาการร้อนใจ เพียงไม่นานคุณพยาบาลชุดขาวผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนนางฟ้า พร้อมด้วยแพทย์หนุ่มหน้าตาใจดีก็ออกจากห้องฉุกเฉินมาบอกกับเธอว่า

“ไม่เป็นไรแล้วนะครับคุณแทนขวัญ คุณแม่ปลอดภัยแล้วครับ”

แทนขวัญอยากจะยิ้มกว้างอย่างยินดี แต่ก็ยิ้มไม่ออก เพราะเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นแค่สิ่งที่เธอคาดหวังไปเอง เรื่องจริงมีอยู่ว่าเมื่อเธอขับรถมาถึง บุรุษพยาบาลก็มารับแม่ขึ้นรถเข็นและเร่งจนเกือบเป็นไล่ให้เธอเอารถไปจอดที่อื่น เดี๋ยวจะเกะกะรถพยาบาลหรือรถฉุกเฉินอื่นๆ ที่ใช้พื้นที่ตรงนี้

แทนขวัญรีบไปหาที่จอดในลานจอดรถอันแน่นขนัด วนรอบแรกไม่มีช่องจอดว่าง วนรอบสองก็ยังไม่มีจึงต้องออกไปจอดเทียบหน้าถนนแทน แล้ววิ่งตากแดดกลับมาที่แผนกฉุกเฉินอีกรอบ และพบว่าแม่ของเธอถูกเข็นมาทิ้งไว้หน้าแผนกฉุกเฉินเฉยๆ ยังไม่ได้เข้าไปรับการรักษา

หญิงสาวพุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์วัดไข้และวัดความดันเล็กๆ ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน นางพยาบาลชุดขาวที่เธอคิดว่าจะมีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนนางฟ้าตอบห้วนๆ โดยไม่มองหน้าว่า

“ต้องรอก่อนค่ะ ห้องเต็ม”

ระหว่างที่แทนขวัญยืนคว้างทำอะไรไม่ถูก แทนคุณกับแทนธรรมก็ตามมาถึง แผนกฉุกเฉินมีคนไข้อุบัติเหตุบางอย่างออกมาแล้ว หญิงสาวจึงละล่ำละลักบอกพยาบาล

“พี่คะๆ มีคนไข้ออกมาแล้วค่ะ แม่หนูเข้าไปได้แล้วใช่ไหมคะ”

นางพยาบาลเงยหน้าขวับ จ้องตาเธอเขม็ง ตอบเสียงดังราวกับจะให้ได้ยินไปทั้งแผนกว่า

“ต้องรอคิวนะคะ ที่นี่โรงพยาบาลนะคะน้อง ไม่ใช่คลินิกส่วนตัว คนไข้คนอื่นๆ เขาก็ต้องรอเหมือนกัน น้องออกไปนั่งรอตรงเก้าอี้นู่นเลยค่ะ”

แทนขวัญเริ่มสงสัยในความหมายของคำว่า ‘ฉุกเฉิน’ อยากฝากน้องชายไปถามครูภาษาไทยเหลือเกินว่ามันแปลว่าอะไรกันแน่

แทนธรรมเข้ามาช่วยบ้าง

“พี่พยาบาลครับ คุณแม่ผมเจ็บหน้าอกมากเลยครับ ช่วยบอกหมอให้รีบตรวจให้หน่อยได้ไหมครับ ผมกลัวแม่จะเป็นอันตราย”

“แล้วคนไข้อื่นเขาไม่รีบเหรอคะน้อง ก็กลัวตายเหมือนกันหมดนั่นแหละ แล้วนี่จะรักษาสิทธิ์อะไร”

“รักษาสิทธิ์…สิทธิ์อะไรเหรอครับ”

“สิทธิ์การรักษาไง ใช้สิทธิ์อะไรคะ บัตรทอง บัตรเงิน แพลตทินั่มหรืออะไร ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตอะไรมีหรือเปล่า แล้วบัตรผู้ป่วยมีหรือยัง”

“บัตรผู้ป่วย…” แทนธรรมพึมพำ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าแม่มีบัตรผู้ป่วยที่โรงพยาบาลนี้หรือเปล่า แม่ไม่ค่อยสบาย เจ็บออดๆ แอดๆ ก็จริง แต่แม่ก็ไม่ยอมเข้าโรงพยาบาลเลยสักที กินยาต้ม ยาสมุนไพร มากที่สุดคือไปคลินิก

นางพยาบาลไม่ได้รับคำตอบก็ชักสีหน้าใส่ “ถ้าว่างนักก็ไปทำบัตรผู้ป่วยซะก่อน ห้องฉุกเฉินเต็ม คนไข้ก็เยอะ หมอก็น้อย รอได้ก็รอ รอไม่ได้ก็ไปโรงพยาบาลอื่น คนอื่นเขาก็ต้องรอเหมือนกันเต็มแผนกเลยเนี่ย”

แทนขวัญชักโกรธ อยากจะฉะกับนางพยาบาลสักตั้ง สารวัตรแทนคุณซึ่งยืนจับมือแม่อยู่ตรงรถเข็นต้องรีบเข้ามาคว้าแขนน้องสาวไว้ “ใจเย็นก่อนขวัญ ใจเย็นๆ”

“เย็นได้ยังไงล่ะพี่แทน คนเป็นพยาบาลพูดแบบนี้ก็ได้เหรอ”

ชายหนุ่มลากน้องออกมา เสียงเธอดังจนนางพยาบาลคนนั้นมองมาตาเขียวปั้ด

แทนธรรมปลีกตัวไปทำเอกสารตามที่พยาบาลบอก โรงพยาบาลกว้างขวางแต่แน่นขนัดไปด้วยผู้ป่วยและญาติ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน แผนกไหน ก็เห็นลุงป้าน้าอานั่งรอกันเต็มม้านั่ง ปูเสื่อนั่งรอกันบนชานพักบันไดก็มี และยังมีชาวบ้านอีกมากมายที่เดินขวักไขว่ไปมา รวมถึงเข้าแถวต่อคิวรอทำธุระต่างๆ

ชายหนุ่มใช้เวลาครู่หนึ่งก็หาแผนกเวชระเบียนเจอ ไปยืนเข้าคิวทำบัตรผู้ป่วยใหม่ เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ก็ให้กรอกเอกสารแล้วถามว่า

“คนไข้เป็นอะไรมาคะ”

“เจ็บข้างในหน้าอกครับ”

เจ้าหน้าที่ถอนใจ กระแทกเสียงถามใหม่ว่า “ค่ะ แล้วที่ว่าเจ็บหน้าอกน่ะ เป็นโรคอะไรมาคะ”

แทนธรรมหงายเงิบทันใด…เป็นโรคอะไรนั่นมันต้องให้แพทย์วินิจฉัยไม่ใช่หรือ

“ไม่…ไม่ทราบครับ รอหมอตรวจครับ”

แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองเขาทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปพิมพ์อะไรในคอมพิวเตอร์ เขาไม่ลืมแจ้งด้วยว่าจะใช้สิทธิ์ข้าราชการในการรักษา ยังดีที่เขาและพี่ชายเป็นข้าราชการ ก็คงช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาลได้บ้าง แต่กว่าจะได้รักษานั้นไม่ง่ายเลย

แทนธรรมเดินเอกสารผู้ป่วยเรียบร้อย หลงทางอีกนิดหน่อยก็กลับมาถึงแผนกฉุกเฉิน ตกใจไม่น้อยที่แม่ยังไม่ได้เข้าไปรักษา รถเข็นจอดอยู่ที่ใดก่อนเขาไปก็ยังอยู่ที่เดิมตรงมุมเสาข้างบันไดนั่น บัดนี้แม่นั่งหลับตา หายใจหอบ มือสองข้างจับมือกับแทนคุณและแทนขวัญคนละข้าง

แล้วพี่ชายผู้สุขุมใจเย็นอยู่เสมอก็พยักหน้าเรียกเขาเข้าไปหา

“พี่ไม่ไหวแล้วธรรม พี่จะไปคุยกับแผนกผู้ป่วยนอก”

สารวัตรหนุ่มไม่ชอบการเล่นเส้นสายและไม่เคยทำมาก่อนแม้ว่าจะพบเจออยู่บ่อยๆ จนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ครั้งนี้ ‘ฉุกเฉิน’ จริงๆ เขาคงต้องควักเอายศมาเบ่ง เล่นเส้นสายบ้างเสียแล้ว

เขาก้าวยาวๆ ไปถึงแผนกผู้ป่วยนอกซึ่งมีห้องตรวจอยู่ห้าห้อง เปิดให้ตรวจอยู่สามห้องเพราะอีกสองห้องหมอพักกินข้าวกลางวัน หน้าแผนกมีผู้ป่วยนั่งรอเต็ม แต่ละคนก็สีหน้าซีดเซียว ไม่มีรอยยิ้มเลยสักคนเดียว เขาไม่อยากเดาเลยว่าชาวบ้าน ลุงป้าน้าอาเหล่านี้มารอหมอกันตั้งแต่กี่โมง

นายตำรวจหนุ่มในเครื่องแบบสีน้ำตาลเข้มตรงไปยังเคาน์เตอร์พยาบาล ยืดอกมั่นใจให้ดูมีอำนาจเหมือนที่เคยเห็นพวกนายๆ ทำแล้วว่า

“คุณพยาบาล ผมพันตำรวจโทแทนคุณ สารวัตรสืบสวน ขอคิวหมอให้แม่ผมหน่อยสิ ผมมีธุระราชการด่วนน่ะ รอไม่ได้หรอกนะ”

นางพยาบาลแผนกนี้ไม่ดุเหมือนแผนกฉุกเฉิน ดูยังเด็กและหัวอ่อนราวกับพยาบาลจบใหม่ เจอนายตำรวจอย่างเขาวางก้ามใส่เข้าไปก็ดูจะตัวสั่นๆ รับปากว่า ค่ะๆ แล้วหายเข้าไปในห้องตรวจ ครู่เดียวก็กลับมาบอกเขาว่า

“สารวัตรคะ คุณหมอบอกว่าให้พาคุณแม่มาได้เลยค่ะ”

แทนคุณยิ้มนิดๆ รับคำเบาๆ แต่ในใจนั้นยิ้มกว้างพองฟูมากทีเดียว เขาคงวิ่งเต็มฝีเท้ากลับไปที่แผนกฉุกเฉินแล้วถ้าไม่ติดห่วงภาพลักษณ์นายตำรวจยศใหญ่ที่เพิ่งเบ่งไป

แล้วแทนคุณก็เข็นรถเข็นพาแม่ฝ่ากลุ่มคนพลุกพล่านตามทางเดินมาเร็วจี๋ แทนขวัญกับแทนธรรมตามมาด้วย ทว่า…พอมาถึงแผนกผู้ป่วยนอก ก็ได้เห็นภาพภาพหนึ่งซึ่งทำเอาอึ้งไป

ชายร่างสูงใหญ่ในชุดข้าราชการสีเขียว เข็นรถเข็นผู้ป่วยเข้าห้องตรวจตัดหน้าไปนิดเดียวเท่านั้น

นางพยาบาลสาวคนเดิมเข้ามาหาเขาท่าทางเกรงๆ เอ่ยเสียงเบาว่า

“ขอโทษทีนะคะสารวัตร คุณเป็นพันโท แต่คุณคนนั้นเขาพันเอกน่ะค่ะ รอหน่อยแล้วกันนะคะ”

 

แทนทองแท้พายเรือข้ามคลองมาฝั่งบ้านใหญ่ ตั้งใจจะมาเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดไปจัดการแหล่งกบดานให้อยู่ได้เสียหน่อย เมื่อคืนทนนอนคลุกฝุ่นคันตัวเหลือเกิน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าบ้านปิด ไม่มีใครอยู่เลยสักคน เธอโทรศัพท์หาแม่แต่กลายเป็นแทนขวัญรับสาย คุยกันครู่เดียวก็เข้าใจสถานการณ์ที่โรงพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้น จึงบอกเสียงเข้มว่าขอคุยกับแทนคุณ

พอน้องชายมาพูดสาย แทนทองแท้ก็เอ่ยเฉียบขาดทันทีว่า

“แทน พาแม่ไปโรงพยาบาลเอกเชนเดี๋ยวนี้”

 

เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเอกชน นางสินก็ได้รับการปฏิบัติอย่างดีแทบจะอุ้มลอยเข้าห้องตรวจ ญาติผู้ป่วยก็มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับดูแลจนอยากใช้คำว่าประคบประหงม เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟท่า อาหารขนมพร้อม แทนธรรมมองหาแผนกเวชระเบียนเพราะแน่ใจว่าแม่ไม่เคยมาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้แน่ๆ จะได้ไปทำบัตรผู้ป่วยใหม่ แต่มองหาไม่ทันไรก็มีเจ้าหน้าที่สาวยิ้มสวยมาคุกเข่าถึงเก้าอี้โซฟาพร้อมแฟ้มเอกสาร ให้เขากรอกประวัติผู้ป่วยถึงที่ ทั้งยังแนะนำสวัสดิการต่างๆ เป็นข้อมูลอีกด้วย

หลังเข้าตรวจเสร็จ แม่ต้องนอนพักรักษาต่อที่โรงพยาบาล ห้องพักของแม่สะอาดสะอ้าน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยและญาติครบครัน ตอนนี้แม่นอนหลับอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย ลูกๆ ทั้งสี่ก็ค่อยเบาใจ ทอดสายตามองแม่ของตนเงียบๆ

แพทย์เจ้าของไข้มาส่งถึงห้องพักผู้ป่วยพร้อมอธิบายให้ทุกคนฟังว่า แม่มีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือที่เรียกสั้นๆ ว่า หัวใจวาย

“อาการแบบนี้ต้องเข้ารับการรักษาด่วน ดีนะครับที่มาเร็ว มาช้ากว่านี้อาจไม่รอดนะครับ”

สามพี่น้องบ้านคุณธรรมมองหน้ากันไปมา แล้วยิ้มแห้งให้คุณหมอแทนคำตอบ

“เบื้องต้นหมอให้ยาละลายลิ่มเลือดไปแล้ว ตอนนี้ให้คุณแม่นอนพักก่อน ส่วนหลังจากนี้จะต้องเข้าเครื่องตรวจอื่นๆ ต่อไปเพื่อวางแผนการรักษานะครับ”

“เอ่อ คุณหมอคะ” แทนขวัญเอ่ยเสียงเบาถึงสิ่งที่กังวล “ค่าใช้จ่ายน่าจะประมาณเท่าไรเหรอคะ”

“หมอยังตอบชัดๆ ไม่ได้ ต้องเข้าตรวจก่อน แต่เบื้องต้นน่าจะประมาณสองแสน แต่ถ้าต้องผ่าตัดทำบอลลูนด้วยก็คงขยับขึ้นไปห้าแสนครับ”

แล้วคุณหมอกับคุณพยาบาลก็ขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นต่อ ทันทีที่ประตูห้องงับปิดดังแกร๊ก สามพี่น้องก็หลบวูบไปประชุมกันที่ชุดโซฟาอย่างพร้อมเพรียง แทนคุณหยิบโทรศัพท์มือถือมาค้นข้อมูลสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการตำรวจเพราะเขาจำรายละเอียดไม่ได้ แทนขวัญหยิบกระดาษโน้ตกับปากกาพร้อมจด ส่วนแทนธรรมมีเครื่องคิดเลขอยู่ในมือพร้อม

เจ๊ใหญ่ยืนเท้าสะเอว มองดูน้องๆ บวกลบคูณหารคำนวณเงินเก็บและเงินค่าสวัสดิการข้าราชการกันอย่างถี่ถ้วนทุกบาททุกสตางค์แล้วก็ถอนใจยาว เข้าไปโอบกอดน้องๆ แล้วว่า

“พวกแกไม่ต้องกังวลไป ดูแลแม่ให้เต็มที่ก็พอ เรื่องค่ารักษาพยาบาลน่ะเดี๋ยวเจ๊จัดการเอง”

“แต่ว่า มันแพงมากเลยนะเจ๊” แทนขวัญพูดปนสะอื้น จะร้องไห้รอมร่อ

“เอาน่า เจ๊มีเงิน เห็นเจ๊แต่งตัวปอนๆ แบบนี้เจ๊มีเงินหลายล้านนะโว้ย” เธอแกล้งพูดให้ขำ แต่น้องๆ ไม่มีใครขำออก

“ที่นี่ต่างจากโรงพยาบาลแรกเยอะเลยเนอะ” แทนธรรมเปรย “ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ถึงชอบดื้อ ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเวลาไม่สบาย”

“เรื่องแบบนี้มันก็พูดยาก” พี่ชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวเอ่ย “โรงพยาบาลรัฐมีคนไข้ในแต่ละวันเยอะมากๆ หมอกับพยาบาลก็ต้องทำงานหนัก คงจะเครียดกันแหละพี่ว่า”

แทนขวัญซับน้ำตาริมขอบตา “แหม พี่แทนก็ทำเป็นพูดดี เมื่อกี้แม่เกือบจะแย่เลยนะ ดีนะที่เจ๊ตัดสินใจให้พามาโรงพยาบาลเอกชนแทนน่ะ ไม่งั้น…”

เจ๊ใหญ่วางมือบนบ่าบอบบางของน้องสาว หัวใจพองฟูขึ้นมาทันใด ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าน้องๆ เกลียดเธอ แม้แต่แทนคุณที่โตมาด้วยกันและสนิทกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ก็คงไม่ชอบเธอนัก แต่สิ่งสำคัญในชีวิตโจรชั่วคนนี้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าครอบครัว สิ่งที่ต้องการในชีวิตก็มีเพียงการยอมรับจากคนที่เธอรักก็เท่านั้น

และเงินโจรของเธอ ก็แลกการยอมรับมาได้บ้างในบางที

“แต่โรงพยาบาลเอกชนก็บริการดีสมราคาเหมือนกันนะ” แทนธรรมยังไม่หายติดใจ “บริการดีก็จริง แต่ราคาก็แพงตาม จนอดคิดไม่ได้ว่า บริการเราเพราะเรามีเงินหรือเปล่า”

“เจ๊ไม่สนหรอก เจ๊รู้แค่ว่ามาที่นี่แล้วแม่ได้รับการรักษาที่ดี แม่หายป่วยก็พอแล้ว เรื่องอื่นเจ๊ไม่คิดหรอก และถ้าจะมาที่นี่ก็ต้องใช้เงิน เราก็แค่เตรียมเงินสำรองไว้ให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่คาดฝันแบบนี้”

สาวใหญ่ถอนหายใจยาวระบายความอึดอัดใจที่เก็บไว้ตลอดทั้งวัน

“ทีนี้พวกแกเข้าใจเจ๊หรือยัง ว่าเจ๊เลิกเป็นโจรไม่ได้เพราะอะไร”

 

พอตกเย็นแม่ก็ฟื้น ลูกๆ ทุกคนกรูกันเข้ามาล้อมเตียงด้วยความเป็นห่วง แม่มีสีหน้าดีขึ้นกว่าตอนกลางวันมาก และคนที่แม่เรียกหาคนแรกก็คือลูกสาวคนโต

“ทองเอ๊ย ลูก แม่นึกว่าจะต้องตายซะแล้ว”

แทนทองแท้โผเข้ากอด ซุกหน้าแนบอกแม่

“ไม่เอาสิจ๊ะแม่ มาพูดเรื่องตงตายอะไรกัน ตอนนี้แม่ปลอดภัยแล้วนะ”

“ทอง เลิกซะเถอะนะลูก ถือซะว่าเป็นคำสั่งเสียของแม่ก็ได้ เลิกซะเถอะอาชีพทุจริตแบบนี้ ชีวิตแม่ไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้ว ขอแค่ให้ลูกเป็นคนดีแค่นี้เอง”

แทนทองแท้ผละจากอ้อมอกของแม่ เธอเข้าใจแล้วว่าแม่หมายถึงอะไร แม่คงกลัวว่าจะต้องตายไปโดยไม่ได้สั่งเสีย พอตื่นมาถึงได้รีบพูดเสียก่อน แต่ก็อีกนั่นแหละ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ขอร้องเธอแบบนี้ ไม่รู้จะขอร้องทำไมในเมื่อบอกหลายครั้งแล้วว่าเลิกไม่ได้

“แม่อย่าพูดเป็นลางแบบนี้สิ หนูไม่ยอมให้แม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า ต้องหาเงินมารักษาแม่ ดูแลแม่จนได้นั่นแหละ”

“เอ็งหาเงินมารักษาแม่ด้วยวิธีไปโกงกินเขามาแบบนี้น่ะเหรอ แม่ตายซะยังดีกว่า”

แทนขวัญกับแทนคุณโผเข้ามาจับมือแม่พร้อมกัน ส่วนพี่สาวใหญ่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย ถอนหายใจอย่างไม่ปิดบัง

“โธ่ แม่ ก็วิธีนี้มันหาเงินง่ายดีนี่ และที่หนูทำแบบนี้ก็ไม่ใช่เพื่อใคร เพื่อแม่กับน้องๆ นั่นแหละ แม่ก็รู้นี่ว่าโจรอย่างหนูนี่แหละที่เป็นคนหารายได้หลักเข้าบ้าน หาใช่ข้าราชการใจซื่อมือสะอาดอย่างพวกมันไม่ แล้วถ้าหนูเลิกไปสักคน ใครจะหาเงินมารักษาแม่ได้ล่ะ”

โดนสบประมาทกันซึ่งหน้าแบบนี้ แทนคุณ แทนขวัญ และแทนธรรมก็ขยับปากจะเถียงเจ๊ใหญ่โดยพลัน ทว่ากลับไม่มีคำใดถูกเอ่ยออกมา เพราะทุกคนตระหนักว่าที่พี่สาวใหญ่พูดมานั้นถึงจะบาดหูแต่มันก็ไม่เกินความจริง

แทนธรรมหงุดหงิดใจแต่ยังพยายามเก็บอาการ เขาเชื่อเสมอว่าสังคมจะดีได้ต้องช่วยกันสร้างถึงได้ใฝ่ฝันอยากเป็นครู จะได้ปลูกฝังเด็กและเยาวชนผู้เป็นลูกศิษย์ให้เติบโตขึ้นเป็นคนเก่งและคนดี ให้ใช้ความเก่งพัฒนางาน สร้างความก้าวหน้าให้ประเทศ และใช้ความดีพัฒนาจิตใจ จรรโลงสังคมให้น่าอยู่ แต่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ ครูผู้ยึดถืออุดมการณ์อย่างเขามีเงินเดือนแค่พอเลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัวได้บ้าง แต่เวลาบุพการีล้มป่วย ต้องใช้เงินก้อนใหญ่แบบนี้มันก็ยังไม่พอ

เขาคิดมาตลอดว่าจะพิสูจน์ตัวเองให้เจ๊ใหญ่เห็นว่าทำงานอาชีพสุจริตก็ร่ำรวยได้ไม่แพ้พวกมิจฉาชีพอย่างเจ๊ แต่เวลาผ่านนานปี ถึงวันนี้เขาก็ยังทำไม่สำเร็จ อย่าว่าแต่เจ๊ใหญ่เลย เทียบกับเพื่อนครูบางคนที่รับเงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินสนับสนุนพิเศษจากผู้ปกครองแลกกับเกรดดีๆ ให้นักเรียน เขาก็ยังสู้ไม่ได้

ชายหนุ่มเกี่ยวแขนแทนขวัญดึงมาคุยกันแถวโซฟา

“พี่ขวัญ ผมไม่อยากใช้เงินเจ๊เลยอะ”

พี่สาวเขาทำหน้ามุ่ย “นั่นสิ พี่ก็เหมือนกัน ฟังเจ๊พูดเมื่อกี้แล้วมันเจ็บแปล๊บยังไงไม่รู้ แต่ก็ต้องทนหน่อยละมั้ง ไม่มีทางเลือกแล้วนี่นะ”

“พี่ขวัญ…” ผู้เป็นน้องชายเอ่ยเสียงเบาแทบกระซิบ “พี่ขอยืมเงินพี่เอเจมาก่อนไม่ได้เหรอ”

แทนขวัญคล้ายจะอึ้งไป มองหน้าสบตาน้องชายอย่างชั่งใจ ทางออกที่แทนธรรมเสนอมาก็นับว่ากู๊ดไอเดียอยู่ หากเธอเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากชายหนุ่มคนที่น้องพูดถึง เชื่อได้เลยว่าเขาต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ๆ

ปัญหาอยู่ที่ความสามารถของตัวเองในการหาเงินไปใช้คืนต่างหาก เงินหลายแสนกับซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดใหม่ ดูยังไงก็ไม่เห็นวี่แววกำไรเร็วๆ นี้

“ลองคุยไหมล่ะพี่ขวัญ ยืมเท่าที่พี่เอเจเขาสะดวกก็ได้ เราก็ค่อยๆ ทยอยผ่อนคืนเขาเท่าที่มี ผมเงินเดือนออกก็จะช่วยโปะ”

“แต่พี่ว่า…” ยังไม่ทันพูดอะไร ใครอีกคนก็โผล่หน้าข้ามบ่ามาร่วมวงด้วย

“คุยอะไรกันเหรอ” พี่สาวใหญ่ของพวกเขานั่นเอง แทนขวัญกับแทนธรรมแทบสะดุ้งโหยง

“เปล่า ไม่ได้คุยอะไรซะหน่อยเจ๊” ผู้เป็นน้องสาวตอบปนรำคาญแล้วจะปลีกตัวหนีไปทางอื่น แต่พี่สาวใหญ่ก็ถามขึ้นก่อนว่า

“นี่ พี่เอเจที่ว่าน่ะ ใครเหรอ”

แทนขวัญชะงักฝีเท้า มองหน้ากันกับแทนธรรม เธอไม่อยากตอบคำถามนี้ ส่วนแทนธรรมน้องชายก็ยืนเงียบ ไม่พูดเหมือนกัน แน่ละ เขาต้องไม่พูดแน่ๆ เพราะไม่ใช่เรื่องของเขา

เมื่อไม่มีใครตอบ แทนทองแท้ก็หันไปถามเอากับน้องชายนายตำรวจหนุ่ม แทนคุณส่ายหน้าว่าไม่รู้จัก ไม่รู้เรื่องมาก่อน รอฟังคำตอบจากแทนขวัญด้วยอีกคน



Don`t copy text!