โจรกรรมขำขัน บทที่ 5 : ร้านอาหารในซอยลึก

โจรกรรมขำขัน บทที่ 5 : ร้านอาหารในซอยลึก

โดย : แสนแก้ว

Loading

โจรกรรมขำขัน นวนิยายแนวตลกร้ายโดย แสนแก้ว เมื่อครอบครัวตระกูลแทนต้องเจอกับเหตุการณ์อลหม่านล้านเจ็ด ทั้งการหลอกลวง ปลอมตัว และสืบสวน โจรกรรมครั้งนี้อาจจะขำๆ แต่จะมีหัวใจของใครบ้างนะ ที่ถูกขโมยเอาไปเก็บไว้ในครอบครอง อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์คลายร้อน และเชื่อเหลือเกินว่านวนิยายเรื่องนี้จะมัดใจนักอ่านทุกท่านแน่นอน

*************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

แทนทองแท้สั่งโรตีรถเข็นสองสามแผ่น อาศัยช่วงที่อาบังกำลังนวดแป้งตีป้าบๆ ลงพื้นโต๊ะชะเง้อมองเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นระยะ น้องชายของเธอกินเสร็จแล้ว กำลังคุยอะไรไม่รู้กับนักเรียนหญิง ม. ปลายคนนั้นอยู่ พยายามอ่านปากแต่ก็ไม่เข้าใจ แล้วเธอก็ต้องตาลุกเพราะจู่ๆ แทนธรรมก็ควักธนบัตรสีม่วงให้เด็กสาวคนนั้นไป

โรตีเสร็จพอดี เธอจ่ายเงินคว้าถุงมาไวๆ แล้วหลบฉากเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ริมถนน นักเรียนสาวคนนั้นกำลังข้ามถนนกลับไปฝั่งโรงเรียน ส่วนแทนธรรมคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไป แทนทองแท้ใจคอไม่ค่อยดี สังหรณ์ว่าคุณครูน้องชายคนดีของเธอจะมีสัมพันธ์เกินเลยกับนักเรียนหรือเปล่า สำหรับเธอนั้นไม่กระไรหรอก แต่แทนธรรมจะมีหน้าอยู่ในโรงเรียนได้อย่างไร

ฝ่ายชายขี่รถออกไปแล้ว แต่ฝ่ายหญิงยืนทิ้งสะโพกเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างรั้วโรงเรียน แทนทองแท้ข้ามถนนไปแอบดูห่างๆ ครู่เดียวก็เห็นนักเรียนชายตัวสูง ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกนอกกางเกง หนีบลูกบาสเกตบอลอยู่ข้างเอวเดินกึ่งวิ่งมาหา แทนทองแท้ตาลุกอีกครั้งเมื่อเห็นทั้งสองหยอกล้อกันเกินเพื่อน

แล้วสองนักเรียนหนุ่มสาวก็เดินเคียงกันไปตามทางข้างรั้วโรงเรียน แทนทองแท้เดินตามปะปนไปกับผู้คนที่ทั้งเดินทางเดียวกันและเดินสวนมา เด็กทั้งสองคุยกันหนุงหนิง แล้วพอไปถึงสุดถนนซึ่งมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง นักเรียนชายก็ควักกระเป๋าเงิน ยื่นธนบัตรสีแดงให้สองสามใบ

“ปอช่วยค่ายาแม่ก้อยนะ”

“แต่ว่า…”

“น่า ไม่เป็นไรหรอก ปออยากให้แม่ของก้อยหายไวๆ เหมือนกัน ก้อยกลับบ้านดีๆ นะ”

นักเรียนสาวหน้าเข้มตาคมมองสบตาเด็กหนุ่ม ดวงตาเป็นประกายซึ้ง แล้วรับเงินมา

“ขอบคุณมากนะปอ พรุ่งนี้เจอกันนะ”

แทนทองแท้ซึ่งทำเป็นเลือกลูกชิ้นปิ้งข้างทางเบ้ปากอย่างแรงจนแม่ค้าขมวดคิ้ว

ซื้อลูกชิ้นปิ้งเสร็จ นักเรียนที่ชื่อก้อยก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป ส่วนนักเรียนชายที่ชื่อปอยืนมองส่งจนลับตาก็ย้อนกลับมาทางโรงเรียน คล้อยหลังเด็กชาย แทนทองแท้ก็ปรี่เข้าไปที่วินมอเตอร์ไซค์ทันที

“พี่ๆ น้องก้อยเขาบ้านอยู่แถวไหนเหรอ”

ลุงวินมอเตอร์ไซค์เหลือบตามองผู้ถามหัวจรดเท้า “ถามทำไมล่ะจ๊ะ รู้จักน้องเขาด้วยเหรอ”

“เอ๊า รู้ซี” แทนทองแท้เท้าสะเอวฉับ ยกถุงลูกชิ้นให้ดู “ก็เนี่ย ฉันซื้อลูกชิ้นปิ้งไปฝากแม่เขา เห็นว่าแม่ไม่ค่อยสบาย แต่ยังไม่ทันเอาไปให้เจ้าก้อยก็ขึ้นมอเตอร์ไซค์ไปเฉยเลย ฉันเลยว่าจะตามไปเนี่ย”

“บ้านน่ะ อยู่ท้ายคลองโน่น” ลุงพยักหน้าเรียก ตบเบาะให้มานั่ง ทำท่าจะสตาร์ตรถ “แต่น้องเขาไม่ได้ไปบ้านหรอกนะ”

แทนทองแท้ชะงักขาที่กำลังจะวาดคร่อมเบาะรถทันใด “อ้าว แล้วไปไหนล่ะ”

“ไปคาราโอเกะ”

 

แทนทองแท้ไม่ได้ไปบ้านท้ายคลองของก้อย แต่นั่งวินกลับมาบ้านใหญ่และถามเอากับน้องชายตรงๆ แทนธรรมหน้าหงิกทันใดเพราะไม่พอใจที่ถูกสะกดรอยตาม แทนทองแท้ก็กระแทกถุงลูกชิ้นปิ้งกับโรตีลงกลางโต๊ะอาหารแล้วเท้าสะเอว ตะเบ็งเสียงใส่ว่า

“ถ้าเจ๊ไม่ห่วงแก เจ๊ก็ไม่ตามหรอกโว้ย เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน”

สารวัตรแทนคุณมาร่วมวงด้วย หรืออีกนัยหนึ่งคือมาสอดส่องดูแลความเรียบร้อยของชาวประชาพี่กับน้อง เผื่อจะต้องเข้าระงับเหตุ ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท

“ผมกับก้อยไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งนั้นแหละ ก้อยเป็นเด็กในห้องที่ผมเป็นที่ปรึกษา บ้านยากจน แม่ก็ป่วยหนัก ก้อยเรียนดีเข้าขั้นผมก็พยายามหาทุนการศึกษาให้ ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้แหละเจ๊ พาไปเลี้ยงข้าวบ้าง ช่วยค่ายาแม่บ้าง”

เงินห้าร้อยนั่นก็คงเป็นค่ายา แทนทองแท้ทดไว้ในใจ

“เขาเองก็พยายามดิ้นรนเต็มที่เหมือนกัน ไม่ได้งอมืองอเท้าหรอก ตอนเย็นหลังเลิกเรียนก็ไปทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารของเพื่อนผม หาเงินรักษาแม่”

แทนทองแท้แค่นเสียงเยาะๆ เท้าแขนข้างหนึ่งลงกับโต๊ะ “ร้านอาหารหรือคาราโอเกะ”

ฝ่ายน้องชายไม่ชอบท่าทีคุกคามแบบนี้เลย จึงตอบไปสะบัดๆ ว่า “ร้านอาหารสิเจ๊ คาราโอเกะอะไรล่ะ”

“แกลองไปดูให้ดีก่อนมาตอบเจ๊ ไอ้ธรรม” เธอแหวใส่ “แล้วนี่ไม่ได้รักชอบอะไรกับเด็กก้อยนั่นจริงๆ ใช่ไหม เหมือนจะมีผัว เอ้ย มีแฟนแล้วนะนั่น ตัวแค่นั้น”

“ไม่มีอะไร ผมก็บอกอยู่ว่าแค่นักเรียนในที่ปรึกษาเฉยๆ”

“เออ ดี” เธอชี้หน้าคาดโทษ “เอาให้แน่นะ อย่าให้ซ้ำรอยลูกพี่แกล่ะ”

สารวัตรแทนคุณสำลักลูกชิ้นปิ้งที่เคี้ยวเข้าไป ไอแค่ก

“ไม่มีจริงๆ เจ๊ อย่ามาพูดมั่วๆ น้องเขาเสียหาย”

“เออๆ ให้ดีแล้วกัน ระวังเหอะ จะโดนเด็กหลอก”

 

แทนธรรมตื่นเช้ามาตรวจการบ้านนักเรียนในวันหยุด ห้องนอนของเขาอยู่ชั้นล่าง มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นแปลงดอกดาวเรืองกับดอกดาวกระจาย ชูดอกสีส้มๆ เหลืองๆ แข่งกัน พุ่มมะลิออกดอกขาวพราวอยู่ข้างรั้วหน้าบ้าน ถัดออกไปนอกรั้วเป็นถนนเล็กๆ ซึ่งพาดตรงยาวตั้งแต่หน้าถนนใหญ่ ผ่านหน้าบ้านเขาแล้วลึกเข้าไปข้างในชุมชน ขนาบข้างด้วยสวนผักสวนผลไม้ของชาวบ้าน ที่ดินบางแปลงไม่มีเจ้าของหรือเจ้าของไม่อยู่ดูแลก็กลายเป็นพื้นที่รกร้าง เขาวางปากกาลงบนสมุดการบ้านนักเรียน ทอดถอนใจเมื่อได้เห็นนักวิ่งหน้าใหม่วิ่งออกกำลังกายผ่านหน้าบ้าน

ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ๊ใหญ่นั่นเอง

พี่สาวใหญ่ของเขาบัดนี้ใส่เสื้อสำหรับวิ่งออกกำลังกายสีดำ กางเกงวิ่งขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม มีผ้าบลัฟคาดศีรษะกันเหงื่อ รองเท้าวิ่งยี่ห้อดังนั่นก็เพิ่งถอยมาใหม่สำหรับการณ์นี้โดยเฉพาะ เจ๊ใหญ่วิ่งออกกำลังกายทุกเช้าตั้งแต่ตีห้าครึ่งถึงหกโมงครึ่งทุกวัน วิ่งลึกเข้าไปในชุมชนแล้วก็วิ่งกลับออกมา ผ่านหน้าบ้านอยู่หลายรอบ แม้วัยจะปาเข้าไปสี่สิบกว่าแล้วแต่พี่สาวเขาก็ยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง ดูกระตือรือร้นและมุ่งมั่นจนน่าสงสัย ยังกับว่าปลายทางมีอะไรที่คุ้มเหนื่อยรออยู่

เจ๊ใหญ่วิ่งผ่านหน้าบ้านกี่ที เขาก็มองอย่างครุ่นคิดสงสัยทุกที อย่าว่าแต่เจ๊จะเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องน้องๆ โดยอ้างว่าสงสัยพี่เอเจหรือสงสัยก้อยเลย เขาเองก็สงสัยในตัวเจ๊ไม่น้อยเหมือนกันนั่นแหละ เจ๊ใหญ่อ้างว่าอยากออกกำลังกาย อยากทำบุญทำกุศล ลงงานวิ่งนี้ทีเดียวได้พร้อมเลยทั้งออกกำลังกายทั้งบุญกุศล แต่พอเขากับพี่ๆ ไม่คล้อยตาม เจ๊ก็ว่า

‘ทำไม คนอย่างเจ๊จะทำความดีกับเขาบ้างไม่ได้หรือไง พวกแกอยากให้เจ๊กลับตัวกลับใจกันมากไม่ใช่เหรอ หน็อย…พอเราทำความดีบ้างละก็มาจับผิดกันใหญ่ ชะ!’

 

วันหนึ่งแทนทองแท้วิ่งเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัวไปอยู่แถวๆ ซูเปอร์มาร์เก็ตสามโคกเฟรชมาร์ต รอบบริเวณมีทั้งแปลงผักสลัด คาเฟ่เล็กๆ และสวนหย่อม เธอจึงมีที่ให้แอบซุ่มซ่อนตัวได้อยู่ สิ่งที่ดูผิดแปลกไปกว่าทุกวันจนแทนทองแท้ต้องแอบด้อมๆ มองๆ แถวประตูกระจกใสของซูเปอร์ฯ ก็คือ การมาเยือนของชายแปลกหน้าสองคน

คนหนึ่งตัวใหญ่ ล่ำๆ ตันๆ แทนทองแท้ประเมินว่าอายุน่าจะมากกว่าเธอนิดหน่อย ใส่สูทสีเข้มดูภูมิฐาน ส่วนอีกคนดูหนุ่มกว่ามาก ใส่เสื้อสูทเรียบร้อยเหมือนกัน ยืนเยื้องไปข้างหลัง ก็เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นลูกน้อง

ชายคนที่เป็นเจ้านายไม่ได้เลือกซื้อของ แต่ตรงดิ่งไปยังเคาน์เตอร์คิดเงินซึ่งแทนขวัญนั่งอยู่ เหมือนตั้งใจมาคุยกับน้องสาวเธอโดยเฉพาะ แทนทองแท้จับตาดูท่าทีเผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้เข้าไปช่วยได้ทัน แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งพรวดพราดเพราะจู่ๆ ก็มีเสียงแหลมแหวขึ้นข้างตัว

“นี่ เธอ จะเข้าหรือไม่เข้าจ๊ะ ยึกยักๆ อยู่นั่นเอง ถ้าจะซื้อของก็ผลักเข้าไปซีจ๊ะ มายืนขวางประตูทำไม”

“อ้อ ขอโทษทีจ้ะ” แทนทองแท้ก้าวหลบ ยิ้มแหย “มาซื้อกล้วยเหรอจ๊ะ”

เธอลองถามดูเพราะจำได้ว่าสาวใหญ่รุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอคนนี้มาที่ซูเปอร์ฯ บ่อยๆ แต่ละครั้งก็หิ้วกล้วยขึ้นรถตุ๊กๆ กลับไปหลายเครือ

“ใช่จ้ะ เธอเองก็มากินกาแฟที่คาเฟ่เหมือนเดิมละสิ”

แทนทองแท้แปลกใจเล็กน้อย อีกฝ่ายตอบมาแบบนี้แสดงว่าสังเกตเห็นเธออยู่เหมือนกัน สาวใหญ่ตรงหน้ายิ้มให้แล้วแนะนำตัวว่าชื่อสิเรียม เธอจึงยิ้มแล้วตอบว่าเธอชื่อทอง

ได้เพื่อนใหม่แล้วก็ใช้ประโยชน์ซะเลย

“นี่ สิเรียม นั่นใครเหรอ”

แทนทองแท้บุ้ยปากไปข้างในซูเปอร์ฯ ผู้ตอบทำหน้าแปลกใจที่เธอไม่รู้จัก

“อ้าว ก็เสี่ยสมรักษ์ไง”

“อ้อ ใช่ เสี่ยสมรักษ์จริงด้วยนะ” เธอพูดแล้วก็หัวเราะผสมโรงไป “แหม ยืนหันหลังหน่อยดูหนุ่มขึ้นเป็นกอง ฉันละจำไม่ได้เลย แต่เสี่ยนี่ท่าทางจะสนิทกับหนูขวัญมากนะ ดูคุยกันเยอะเชียว”

แทนทองแท้จงใจใช้คำว่า หนูขวัญ แน่นอนว่าเธอจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเธอเป็นพี่สาวแทนขวัญกับอีกสองแทนที่บ้านคุณธรรม

“สนิทอะไรกันเล่า ฉันว่านะ ยังไง้…ยังไงหนูขวัญของพวกเราก็ไม่เล่นด้วยหรอก”

“เล่นด้วย?”

“ก็เสี่ยน่ะ ตามจีบหนูขวัญมาตั้งนานนม หนูขวัญก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ ถึงเสี่ยจะรวย เป็นถึงสมาชิก อบจ. มีอิทธิพล เส้นสายเยอะ แต่แก่คราวอาคราวลุงแบบนั้นหนูขวัญไม่ชอบหรอก น่าจะชอบหนุ่มๆ รุ่นๆ กันมากกว่านะฉันว่า”

แทนทองแท้ร้องอ้อในใจ ที่แท้ตาหนุ่มใหญ่นี่ก็มาจีบน้องสาวเธอนี่เอง เห็นยื่นซองสีขาวๆ อะไรให้ด้วยก็คงไม่พ้นเงินหรือบัตรวีไอพีอะไรสักอย่าง เธออดชื่นชมไม่ได้ว่ายัยขวัญช่างวาสนาดีแท้ หนุ่มที่เข้าหาแต่ละคนล้วนแต่รวยๆ ไฮโซๆ ทั้งนั้น

ก็น่าอยู่หรอก แทนขวัญทั้งสวย สดใส ทันสมัย ก้าวไกลคุณธรรม ก้าวนำรับผิดชอบต่อสังคม คำขวัญประจำตัวเลิศเลอขนาดนี้ก็ต้องเป็นสุดที่ปลื้มของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่เป็นธรรมดา

อีตาเสี่ยสมรักษ์นี่ก็ท่าจะไม่เลว ถึงจะไม่ได้หนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว เป็นดาวฤกษ์เปล่งประกายได้ด้วยตัวเองอย่างนายเอเจ นายแบบเจ้าของธุรกิจซูเปอร์คาร์นั่น แต่เสี่ยก็มีตำแหน่งสมาชิก อบจ. พ่วงด้วย ถ้าแทนขวัญคบคนนี้ก็น่าจะได้ช่องทางขยายกิจการเกษตรออร์แกนิกของตัวเองอีกไกล

และที่สำคัญกว่านั้น ถึงเอเจจะรวยล้นพอกันหรือเผลอๆ อาจรวยกว่าเสี่ยด้วยซ้ำ แต่ภาพชายหนุ่มสะดุ้งตอนที่เธอบอกว่าพี่ชายแทนขวัญเป็นตำรวจ ก็ยังติดตาไม่หาย

 

ซองขาวที่เสี่ยสมรักษ์นำมาให้แทนขวัญกับมือคือเงินช่วยทำบุญสนับสนุนงานวิ่งการกุศล เสี่ยเป็นคนกว้างขวาง รวบรวมจากเพื่อนนักธุรกิจมาได้ร่วมแสนบาท แทนธรรมบริจาคด้วยเหมือนกันแต่แค่จำนวนเศษหนึ่งส่วนร้อยของเสี่ยสมรักษ์คือหนึ่งพันบาท มันเป็นเงินที่มากแล้วสำหรับครูมัธยมอย่างเขา

ก่อนยื่นธนบัตรให้พี่สาว ชายหนุ่มพนมมือยกเงินขึ้นจบอธิษฐาน ขอให้บุญกุศลที่ได้ทำอำนวยผลให้แม่หายป่วยไวๆ กองทุนทำบุญของงานวิ่งนี้สำหรับซื้อเครื่องมือแพทย์รักษาโรคหัวใจโดยเฉพาะ และแม่ก็ป่วยเป็นโรคหัวใจ บุญจากการบริจาคเงินเป็นทานครั้งนี้เขายกให้แด่มารดาทั้งหมด

ขณะนี้แม่ออกจากโรงพยาบาลเอกชนที่เข้ารับการรักษาในวันฉุกเฉินนั้นแล้ว อาการก็ยังทรงๆ คุณหมอนัดตรวจอาการเป็นระยะ หากพบว่าไม่ดีขึ้นก็ต้องนัดเข้าผ่าตัดต่อไป พวกลูกๆ เห็นตรงกันว่าให้แม่ไปพักกับป้าลูกพี่ลูกน้องของแม่ที่กรุงเทพฯ จะได้มีคนอยู่บ้านด้วยตลอดเวลา เพราะป้าเองก็เกษียณแล้ว มีแม่บ้าน ลูกหลานเลิกเรียนก็กลับบ้าน

เขาเป็นห่วงแม่ คิดถึงแม่มาก แต่ถ้าแม่อยู่ที่บ้านนี้จะไม่มีใครอยู่ด้วยตอนกลางวัน เขาไปสอนหนังสือทุกวัน พี่แทนคุณเองก็ต้องเข้าสถานีตำรวจหรือไม่ก็ออกสืบนอกพื้นที่ ซูเปอร์มาร์เก็ตของพี่แทนขวัญก็เพิ่งเปิดไม่นาน ยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก พี่สาวต้องเข้าไปจัดระบบระเบียบ ส่วนเจ๊ใหญ่ แทนทองแท้ ไม่ได้ทำอะไรเพราะต้องกบดานอยู่เฉยๆ ก็จริงแต่เขาไม่ไว้ใจสักเท่าไร กลัวจะยิ่งทำให้อาการโรคหัวใจของแม่กำเริบเสียมากกว่า

ดังนั้น ย้ายแม่ไปอยู่กับป้าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว กรุงเทพฯ อยู่แค่นี้ วันเสาร์อาทิตย์ก็ไปเยี่ยมได้ โทรศัพท์ไปคุยเล่นด้วยก็ได้ ทนคิดถึงเอาหน่อยแต่อุ่นใจได้ว่าแม่มีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา

เพราะเหตุนี้ แทนธรรมจึงเข้าใจความรู้สึกของก้อย นักเรียนในที่ปรึกษาเป็นอย่างดี แม่ของก้อยป่วยเป็นโรคมะเร็ง แล้วฐานะทางบ้านก็ไม่ดีนักเพราะพ่อมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและก้อยยังมีน้องๆ อีกสองคนในวัยกำลังโตกำลังเรียนอีก ก้อยคงต้องแบกรับอะไรตั้งมากมาย ทั้งดูแลบ้านและน้องๆ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย และที่สำคัญคือเรื่องรักษาพยาบาลแม่ที่ป่วย สำหรับคนเป็นลูกแล้ว ก็มีแต่พ่อกับแม่ที่เป็นที่สุดของชีวิต เด็กนักเรียนตัวแค่นั้นก็คงพยายามที่สุดเช่นกัน

เขารู้ว่าก้อยทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารของครูต้น เพื่อนครูซึ่งสอนคณิตศาสตร์ชั้นมัธยมต้น แต่จะว่าไปเขาเองก็ไม่เคยไปที่ร้านของครูต้นสักทีเพราะไม่ได้สนิทกันนัก และเขาก็ไม่ใช่คนชอบสังสรรค์เฮฮา ชอบกลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว ตรวจการบ้านนักเรียนมากกว่า ชายหนุ่มสงสัยที่เจ๊ใหญ่บอกว่าก้อยทำงานที่คาราโอเกะ ไม่ใช่ร้านอาหาร แต่ก็นั่นละ เจ๊จะไปรู้ดีกว่าเขาได้ยังไง คำพูดของโจรจะเชื่อได้สักแค่ไหน

คิดไปคิดมาก็กลายเป็นเรื่องค้างคาใจ วันหนึ่งแทนธรรมจึงเดินทางไปที่ร้านอาหารของครูต้น ไปดูให้เห็นกับตาเสียให้รู้แล้วรู้รอด

จากที่ถามทางเพื่อนครูมาคร่าวๆ ร้านอาหารของครูต้นอยู่ไกลถึงอำเภอเมืองและยังต้องเข้าซอยลึกพอสมควร เป็นอาคารปิดทึบ มีลานจอดรถหินกรวดซึ่งล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่จำพวกมะขาม จามจุรีเรียงตามแนวรั้วทำให้ดูร่มครึ้มและลึกลับระคนกัน แทนธรรมจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ลานแล้วตรงเข้าผลักประตูกระจกดำทึบเข้าไปในร้าน

ครูหนุ่มถึงกับผงะ สิ่งแรกที่เขาสัมผัสคือไอเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศมาพร้อมกลิ่นหอมจัดเย้ายวน แสงไฟสลัว มีแสงสีน้ำเงิน ม่วง ยิงกวาดไปมาเข้ากับเสียงเพลงแนวอาร์แอนด์บีจังหวะเร้าใจ

ชุดโซฟาตั้งอยู่ตามมุมต่างๆ และคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเหล่านั้นก็ทำให้ครูหนุ่มยิ่งตกใจเข้าไปอีก ผู้ชายหนุ่มบ้างแก่บ้างนั่งกินดื่มโดยมีสาวสวยนุ่งน้อยห่มน้อยคอยป้อน เบียดแนบชิดแทบจะยกขาก่าย

แทนธรรมกลับออกมาอย่างรวดเร็ว นึกในใจว่าเขาอาจมาผิดที่ ร้านของครูต้นเป็นร้านอาหาร ไม่ใช่ไนต์คลับผับบาร์อะไรแบบนี้ ครั้นแล้วเขาก็เพิ่งสังเกตว่าหน้าไนต์คลับมีเพิงร้านอาหารตามสั่ง จึงลองเข้าไปถามดู

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ที่นี่คือไนต์คลับเหรอครับ” แทนธรรมชี้มือไปฝั่งตรงข้าม

แม่ค้าสาวกำลังผัดกับข้าวโช้งเช้งหันมาตอบห้วนๆ ว่า “ใช่”

แทนธรรมได้ยินเด็กในร้านเรียกเธอว่าพี่มิ้ง เธอเองก็น่าจะอายุมากกว่าเขาหลายปี เรือนผมสีน้ำตาลทองรวบเป็นหางม้า ยาวแค่ไม่เกินท้ายทอย สวมเสื้อแขนกุดลายดอกสีส้มกับกางเกงขาสามส่วนสีแดงสด สวมผ้ากันเปื้อนแถมฟรีจากซอสปรุงรสทับอีกที สังเกตได้จากโลโก้ซอสหรากลางหน้าท้อง

อย่าว่าแต่เขาจะแอบไล่มองสำรวจมิ้งเลย มิ้งเองก็ลอบสำรวจเขาเหมือนกัน ดวงตาดุๆ ใต้คิ้วขมวดมุ่นของเธอกวาดมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า คงสงสัยว่าเขาจะมาเที่ยวกลางคืนหรือเปล่า

“ข้างบนเป็นคาราโอเกะ” มิ้งให้ข้อมูลเพิ่ม

แทนธรรมหันไปมองอาคารสีขาวทึบ ดูทันสมัยแต่ก็ลึกลับนั้นอีกที “เอ่อ เจ้าของชื่อต้นหรือเปล่าครับ ที่ เอ่อ…เป็นครู”

“ใช่ เจ้าของชื่อต้น แต่ไม่รู้ว่าใช่ครูหรือเปล่านะ ไม่เคยเห็นใส่ชุดข้าราชการ”

แน่ละ ถึงจะใช่ครูต้นจริงเขาก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามาก่อน จะมาสถานที่แบบนี้โดยใส่ชุดข้าราชการย่อมไม่เหมาะแน่

แทนธรรมตัดสินใจกลับไปที่ร้านคาราโอเกะอีกครั้ง บริกรหนุ่มเชิญให้นั่ง เขาสั่งอะไรมาดื่มนิดหน่อยพลางสังเกตไปรอบๆ แล้วก็พบเรื่องน่าตกใจอีกเรื่องคือ สาวสวยแต่งกายวาบหวิวที่คอยเชียร์เบียร์แขกนั้น มีหลายคนเป็นนักเรียนหญิงที่โรงเรียน ทั้งที่เขาเคยสอนและไม่ได้สอน

ครู่หนึ่งก็มีชายหนุ่มท่าทางอารมณ์ดีถือแก้วเหล้ายิ้มแย้มเดินมาหา ร้องทักเขาอย่างแปลกใจว่า

“อ้าว ครูธรรม มาเที่ยวด้วยเหรอครับวันนี้”

ไม่ใช่ใคร ครูต้นเจ้าของร้านนี่เอง แทนธรรมอดทนไม่ไหว ต้องขอตัวครูต้นออกมาคุยกันแถวลานจอดรถซึ่งปลอดคน

“ครูต้น ผมว่าครูทำแบบนี้มันไม่ถูก ครูเปิด เอ่อ ไนต์คลับผมพอเข้าใจได้ แต่นี่ให้พวกเด็กนักเรียนมารับแขก ผมว่ามันเกินไปนะครู”

“โธ่ ครู ซีเรียสไปได้ มาเที่ยวทั้งทีผ่อนคลายดีกว่าน่า”

“ครูต้น ผมไม่สนุกด้วยหรอกนะ”

แทนธรรมเอ่ยเสียงเข้มเหมือนตอนดุนักเรียน จริงอยู่ว่าเขากับครูต้นไม่ได้สนิทกัน แค่รู้จักกันผิวเผิน แต่ยามเห็นพฤติกรรมไม่เหมาะสมไม่ว่าจะของนักเรียนหรือของใคร เขาก็อดจะตำหนิ สั่งสอนไม่ได้

“ร้านของผมก็แค่ร้านอาหารธรรมดาน่า ข้างบนที่เป็นคาราโอเกะก็แค่ร้องเพลงกันเฉยๆ ผมแค่หารายได้เสริมเอง ครูก็รู้นี่ว่าเงินเดือนครูมันน้อยจะตาย ใครจะไปใช้พอ หรือถึงใช้พอก็ไม่มีวันรวยหรอก ผมเลยต้องหารายได้กระเป๋าสองบ้างนี่ไง แล้วเด็กๆ ก็จะได้มีรายได้ด้วย”

“โดยให้เด็กๆ มาเป็นสาวเชียร์แขกเนี่ยนะครู ผมว่ามันไม่ถูกต้อง”

“ก็แค่มานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแขก ไม่เห็นมีอะไรเสียหายนี่ มันแค่มากกว่าเดินเสิร์ฟอาหารเฉยๆ นิดหน่อยเอง ครูอย่าไปคิดมากน่า”

ครูต้นห้ามไม่ให้เขาคิดมาก แต่แทนธรรมคิดจนถึงกับนอนไม่หลับเลยทีเดียว ลองทำใจเข้าข้างครูต้นว่าที่นั่นคือร้านอาหารที่มืดๆ หน่อย และเน้นขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก เด็กนักเรียนก็เป็นแค่เด็กเสิร์ฟ แค่นั่งคุยเป็นเพื่อนแขกบ้างนิดหน่อย แต่จนแล้วจนรอดหัวใจของเขาก็ยังฟ้องว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี

แต่อะไรคือความถูก หรือความผิด นอกจากความรู้สึกเขาแล้ว มันมีข้อกฎหมายอะไรบ่งบอกว่าผิดงั้นหรือ

พอนึกถึงข้อกฎหมาย เขาก็นึกถึงพี่ชาย โชคดีที่แทนคุณยังไม่เข้านอนเพราะเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่ เขาจึงได้เข้าไปปรึกษา

“เรื่องแบบนี้มันผิดไหมพี่แทน ถ้าสมมุติว่าเด็กนักเรียนพวกนั้นเต็มใจทำงานจริง จะยังถือว่าเป็นงานสุจริตได้หรือเปล่า”

คำตอบที่ได้จากพี่ชายนายแทนคุณ เริ่มขึ้นด้วยเสียงถอนหายใจใหญ่

“คาราโอเกะที่ว่า อยู่ใกล้ๆ แต่ก็ข้ามไปเขตอำเภอเมืองพอดีใช่ไหม”

แทนธรรมพยักหน้า ทวนชื่อร้านกันก็พบว่าเป็นร้านเดียวกัน

ผู้เป็นพี่ชายถอดแว่นสายตาออกวางลงบนหนังสือเกี่ยวกับการเกษตรที่อ่านค้างอยู่ก่อนน้องจะเข้ามาหา ถอนหายใจหนักอกอีกเฮือกใหญ่แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“จริงๆ พวกพี่ก็กำลังทำคดีนี้อยู่ ธรรมอย่าพูดไปนะ มันเป็นความลับราชการ”

“คดี คดีอะไรเหรอพี่แทน”

แล้วคำตอบราบเรียบของพี่ชาย ก็ทำให้เขาต้องตะลึงพรึงเพริด ตาค้าง นอนไม่หลับยิ่งกว่าเดิม

“สายสืบบอกมาว่า ที่นั่นมีการค้าประเวณีเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปี”



Don`t copy text!