โจรกรรมขำขัน บทที่ 2 : การกลับมาของเจ๊ใหญ่

โจรกรรมขำขัน บทที่ 2 : การกลับมาของเจ๊ใหญ่

โดย : แสนแก้ว

Loading

โจรกรรมขำขัน นวนิยายแนวตลกร้ายโดย แสนแก้ว เมื่อครอบครัวตระกูลแทนต้องเจอกับเหตุการณ์อลหม่านล้านเจ็ด ทั้งการหลอกลวง ปลอมตัว และสืบสวน โจรกรรมครั้งนี้อาจจะขำๆ แต่จะมีหัวใจของใครบ้างนะ ที่ถูกขโมยเอาไปเก็บไว้ในครอบครอง อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์คลายร้อน และเชื่อเหลือเกินว่านวนิยายเรื่องนี้จะมัดใจนักอ่านทุกท่านแน่นอน

*************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

กว่าสมาชิกครอบครัวจะกลับบ้านมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ปาเข้าไปหัวค่ำ นางสินผู้เป็นมารดาของทุกคนในที่นี้นั่งหลังงอ ไอค่อกแค่กอยู่บนโซฟาห้องรับแขก แทนธรรมเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนได้ไม่นาน ในอ้อมแขนมีซองน้ำตาลใส่ใบคำตอบวิชาฟิสิกส์ปึกใหญ่ที่เขาต้องตรวจให้เสร็จในคืนนี้

คุณครูหนุ่มมีสีหน้าแบบที่ไม่รู้จะเรียกว่าเหนื่อยล้าหรือเหนื่อยหน่าย ไม่ต่างจากแทนขวัญผู้เป็นพี่สาวซึ่งยืนกอดอกเยื้องไปทางด้านหลังแม่ หญิงสาวถอนใจเพราะเอาแต่คิดวนไปเวียนมาว่า ฤกษ์เฮงๆ ของเธอในวันนี้คงจะป่นปี้ไม่มีชิ้นดีเพราะการมาเยี่ยมเยือนของพี่สาวใหญ่

บรรยากาศอึดอัดอึมครึมในห้องรับแขกไม่ได้เข้าสู่สักประสาทการรับรู้ของแทนทองแท้ เธอตรงเข้าไปกราบไหว้และกอดแม่ก่อนเป็นคนแรก

“แม่จ๋า หนูคิดถึงแม่จัง คิดถึงมาก คิดถึงที่สุด ไม่ได้เจอกันน้านนาน สบายดีหรือจ๊ะแม่”

นางสินไม่ได้ตอบ เพียงแต่ตบบ่าเบาๆ สองทีแล้วไออีกสองสามแค่ก แทนทองแท้ในยามนี้ลอกคราบตำรวจหญิงออกหมดและกลับมาเป็นตัวเองแล้ว ผมบ๊อบดัดลอนจนกลมไปทั้งศีรษะ เสื้อคอปาดลายดอกแขนยาวถึงข้อศอกกับกางเกงผ้าขายาวสีดำ กลับมาเป็นภาพอันคุ้นตาแต่ไม่ใช่ภาพที่อยากจดจำสำหรับแทนขวัญและแทนธรรม

ทักทายแม่เสร็จแล้ว แทนทองแท้ก็ลุกพรวดเข้าไปกอดน้องสาวซึ่งยืนมองอยู่หลังโซฟา แทนขวัญไม่กอดตอบ ซ้ำยังหันหน้าหนี

“ยัยขวัญ น้องรักของเจ๊ ไม่ได้เจอกันตั้งนานสวยขึ้นเยอะเลย ยิ่งโตยิ่งสวย สวยเหมือนเจ๊เลยนะเนี่ย”

แทนขวัญเป็นสาวสมัยใหม่ที่ยึดมั่นในความดีงามไม่ต่างจากพี่ชายผู้เป็นตำรวจและน้องชายผู้เป็นครู เธอเชื่อในความเป็นไปได้และมองโลกในแง่ดีเสมอ แต่สิ่งเดียวที่หญิงสาวหาแง่ดีไม่เจอก็คือเรื่องที่มีพี่สาวเป็นโจรนี่ละ

หญิงสาวพยายามซ่อนสีหน้าบูด ค่อยๆ แกะมือพี่สาวออกจากตัว แต่แทนทองแท้ไม่ทันได้รู้สึกตัวเพราะผละไปโผพรวดเข้าหาน้องชายคนเล็กเสียก่อน

“เจ้าธรรมของเจ๊ อาตี๋น้อย น่ารักน่าเอ็นดูจริงลูก เป็นครูบาอาจารย์ภูมิฐานดีจริง”

“ครับเจ๊ ผมอยากเป็นครู จะได้สอนลูกศิษย์ให้เติบโตขึ้นเป็นคนดี ไม่คดไม่โกง”

สารวัตรหนุ่มสะดุ้งเฮือก ส่วนแทนทองแท้คลายอ้อมกอดมาค้อนใส่ บ่นอะไรอุบอิบ แต่ก็ยังลูบเนื้อลูบตัวน้องอยู่ แทนคุณรู้ว่าน้องๆ ไม่ชอบเจ๊ใหญ่สักเท่าไรจึงลากแขนพี่สาวออกไปคุยในห้องครัว ยังมีเรื่องสำคัญที่ยังไม่ได้สะสางกันเลยตั้งแต่กลับบ้านมา

“เจ๊ กล้ามากนะที่ปลอมเป็นตำรวจแบบนั้น มันมีโทษนะเจ๊”

แทนทองแท้ลอยหน้าลอยตา เกาข้างกกหู “แอบอ้างเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ผิดมาตรา 145 จำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท”

“หรือทั้งจำทั้งปรับ โอ๊ย เจ๊ก็รู้นี่ แล้วยังจะทำอีกนะ”

ผู้เป็นพี่สาวยักไหล่ “จะกลัวทำไม เจ๊มีน้องชายเป็นสารวัตรใหญ่อยู่ที่นี่ทั้งคน”

“อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมเจ๊ ผมไม่ได้ปกป้องเจ๊ได้ตลอดหรอกนะ” แทนคุณโคลงศีรษะเอือมระอา แล้วว่า “เสร็จงานเปิดซูเปอร์ของขวัญแล้ว เจ๊จะกลับเลยไหม ผมจะไปส่งที่ท่ารถ”

พี่สาวเท้าสะเอว เหลือกตามอง “บ้าเหรอ เจ๊หอบเสื้อผ้ามาตั้งกระเป๋าเบ้อเริ่มเบ้อเทิ่มไม่เห็นหรือไง เจ๊จะอยู่ที่นี่แล้วก็จะอยู่อีกนานด้วย หน็อย…เจ๊รึคิดถึงพวกแกจะตาย แต่ดูพวกแกไม่ค่อยอยากเจอเจ๊เลยนะ”

แทนคุณอยากจะสวนกลับไปว่า ‘ก็รู้ตัวนี่’ แต่ก็เอะใจอีกเรื่องมากกว่า

“จะอยู่เพราะคิดถึงพวกผมจริงเหรอ ไม่ใช่ว่าจะมากบดานหนีคดีอะไรอีกนะ”

แล้วรอยยิ้มเผล่ก็ปรากฏบนริมฝีปากแดงแช้ดของพี่สาว แทนคุณอยากจะร้องเฮ้อให้ถึงดาวเสาร์แล้วเอาวงแหวนมาผูกคอ

“เถอะน่า กบดานพักเดียวเอง อยู่บ้านนี้ไม่มีใครรู้หรอก ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดไม่เคยได้ยินหรือไง แกคิดดูสิแทน ใครจะนึกว่าคนร้ายจะมาอยู่ในบ้านตำรวจ จริงไหมล่ะ”

“เจ๊นะเจ๊ สักวันจะลากผมซวยไปด้วย” ผู้เป็นน้องได้แต่โอดครวญเพราะรู้ดีว่าไม่เคยขัดได้

“ไม่หรอกน่า ตำรวจตงฉินอย่างแกมีแต่คนนับหน้าถือตา ซื่อตรง ซื่อสัตย์ ถือคุณธรรมขนาดนี้ เชื่อสิว่าความดีของแกจะช่วยคุ้มครองแกเอง”

“แล้วก็คุ้มครองเจ๊ด้วย?”

“ใช่”

แล้วแทนคุณก็ถอนใจพรวดอีกรอบ ไม่ถึงดาวเสาร์ ถึงแค่ดาวอังคาร

“แล้วนี่เจ๊หนีคดีอะไรมาล่ะ” นายตำรวจหนุ่มถามอย่างหนักใจ แต่คนเป็นโจรกลับค้นตู้เย็นสบายอารมณ์ แล้วหันมาตอบว่า

“แชร์น่ะ แชร์บิตคอยน์ เคยได้ยินไหม”

พอได้ฟังคำตอบ ชายหนุ่มก็ถึงกับตาเหลือก อ้าปากค้าง อย่าว่าแต่เคยได้ยินเลย เขาเองก็เป็นหนึ่งในทีมสืบคดีนี้ด้วยซ้ำเพราะมีผู้เสียหายชาวปทุมธานีไม่น้อยที่มาร้องเรียนที่สถานีตำรวจ

บิตคอยน์คือสกุลเงินดิจิทัลหรือที่เรียกว่าคริปโตเคอเรนซี เท่าที่สืบทราบ แก๊งแชร์ลูกโซ่บิตคอยน์นี้มีผู้ร่วมขบวนการอยู่หลายคน ตัวหัวหน้าแก๊งอ้างตัวเป็นชาวยุโรป เปิดบริษัทและเว็บไซต์เกี่ยวกับการทำธุรกิจลงทุนบิตคอยน์ ดูทันสมัยและน่าเชื่อถือ ซึ่งทางทีมสืบสวนก็ตามอยู่ว่าตัวจริงเป็นใคร เป็นชาวต่างชาติจริงหรือไม่

ส่วนผู้ร่วมขบวนการกระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จากคำบอกเล่าของเหยื่อ พวกเขาแต่งชุดสูทสากลดูภูมิฐาน คล่องแคล่วเรื่องการเงิน และยังดูเป็นคนทันสมัยเพราะรู้เรื่องเงินดิจิทัล เงินแห่งอนาคตที่พวกเขายังเข้าไม่ถึงเป็นอย่างดี มิจฉาชีพเหล่านี้จะชักชวนเหยื่อให้มาร่วมลงทุนโดยอ้างว่าระบบเงินดิจิทัลนี้สามารถสร้างกำไรมหาศาลเป็นร้อยหรือหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ในเวลาอันสั้น

ด้วยความที่สกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ ยังไม่ใช้กันแพร่หลายในสังคม และเป็นเพียงตัวเลขสีเขียวๆ อยู่ในระบบ ไม่ได้เป็นสิ่งของที่จับต้องได้อย่างพวกทองคำหรือธนบัตร ผู้ตกเป็นเหยื่อจึงค่อนข้างลังเลที่จะลงทุนในครั้งแรก แต่กำไรมหาศาลก็ยังล่อใจมากพอให้ลองเสี่ยง จึงได้ยอมลงเงินขั้นต่ำหลักพันบาทเพื่อทดลองดูสักครั้ง

เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือและให้เหยื่อไว้วางใจมากขึ้น พวกแก๊งแชร์ลูกโซ่จะให้เหยื่อดาวน์โหลดแอปพลิเคชันสำหรับดูพอร์ตบิตคอยน์ของตัวเองได้แบบเรียลไทม์ แต่ภาพกราฟสีแดงๆ เขียวๆ มีตัวเลขวิ่งสวนสนามไปมายุบยิบนั่นก็ยากที่จะทำความเข้าใจ ครั้นพอได้กำไรมากจริง ก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นและเลิกดูกราฟไปเอง ฝากความไว้เนื้อเชื่อใจ ยอมยกเงินก้อนใหญ่หลายหมื่นหลายแสนให้คนโกงในคราบผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ดูแลแทน

แทนคุณไม่กล้าฟันธงว่าเงินของเหยื่อได้เข้าไปในระบบลงทุนบิตคอยน์จริงหรือเปล่า หรือเป็นเหมือนแชร์ลูกโซ่ธรรมดาที่เอาเงินของเหยื่อรายก่อนมาจ่ายเป็นกำไรล่อเหยื่อรายใหม่ วนไปเป็นวงจรเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆ คือเมื่อเม็ดเงินในระบบมีมากมหาศาลระดับหนึ่ง แก๊งมิจฉาชีพก็ออกลาย ฮุบเงินทั้งหมดแล้วหายไปราวกับไม่เคยมีตัวตนเหมือนเงินดิจิทัลในระบบนั่นแหละ

ทิ้งไว้เพียงเสียงกรีดร้องและน้ำตาของผู้ตกเป็นเหยื่อทั่วประเทศที่ร่ำไห้ให้กับความเจ็บใจและความเสียหายรวมกันกว่าร้อยล้านบาท

“เจ๊…” แทนคุณครวญเสียงหลง ยกมือกุมศีรษะ “นี่เจ๊ทำงานนี้ด้วยเหรอ ไหนว่าจะทำแต่คดีเล็กๆ เงียบๆ ไง”

แต่ไหนแต่ไร แทนทองแท้ไม่นิยมทำคดีใหญ่ เลือกทำคดีเล็กๆ แค่พอเจ็บๆ แสบๆ คันๆ มากกว่า ไม่ใช่ว่าเมตตาเหยื่อหรือใจไม่ถึง แต่เพราะคดีใหญ่นั้นเสี่ยงต่อการถูกตำรวจจับเกินไป ยิ่งถ้ากลายเป็นข่าวดังหรือเป็นกระแสในโลกออนไลน์ขึ้นมาจะยิ่งอยู่ลำบาก ก็จะทำแค่คดีย่อมๆ เท่านั้นจำพวกกรีดกระเป๋า ตบทรัพย์ โกงเงินนิดๆ หน่อยๆ ไปจนถึงตั้งตัวเป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน หวยลาว หวยเขมร หวยมาเลเซีย

ยุคนี้เป็นยุคออนไลน์ แทนทองแท้ก็ไม่ยอมตกยุค ลงโพสต์ขายของออนไลน์กับเขาด้วย พอมีคนซื้อ โอนเงินมาเรียบร้อยก็ลบโพสต์หนี บล็อกเบอร์โทรศัพท์ บล็อกโซเชียลมีเดียทุกช่องทางให้ติดต่อเธอไม่ได้อีก

แน่นอนว่าเหยื่อที่โดนกระทำก็ต้องโกรธแค้น โพสต์ด่าเธอเต็มหน้าเฟซบุ๊ก มีเพจบัญชีดำแม่ค้าโกงกี่เพจก็มีชื่อเธออยู่ในนั้นด้วยทุกเพจ แต่แทนทองแท้ไม่สนใจ เพราะไม่ว่าจะด่า จะประจานอย่างไร ครั้งหน้าเธอลงโพสต์ขายของอีกเมื่อไรก็มีคนหลงมาซื้อให้เธอได้หลอกเชิดเงินอีกอยู่ดี

ข้อดีของการโจรกรรมคดีเล็กๆ ก็คือ เหยื่อส่วนใหญ่จะปล่อยผ่าน ไม่เอาเรื่องเพราะมองว่า ‘ช่างเถอะ เงินไม่กี่ร้อย ถือซะว่าฟาดเคราะห์’ ต้องเทียวไปเทียวมาสถานีตำรวจ เสียเวลา บางทีอาจเสียเงินมากกว่ามูลค่าที่ถูกโกงไปซะอีก มันก็ชักจะไม่คุ้ม

เหยื่อบางรายฮึดสู้ไปแจ้งความ จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ตำรวจก็มักจะไม่ได้ ‘เอาให้สุด’ ไปด้วยเพราะมองว่าเป็นคดีเล็ก จับยาก ทุ่มเทจับไปก็ไม่ได้ผลงาน หรือไม่ก็ดองไว้ก่อน ทำคดีใหญ่ๆ ก่อน คดีเล็กๆ เดี๋ยวค่อยไปจับก็ได้…ไม่นานเรื่องก็จะเงียบไปอีก

สมัยเด็กแทนทองแท้เคยคิดว่าการแจ้งความเป็นเรื่องใหญ่ หากเรื่องถึงตำรวจแล้วคนร้ายจะต้องถูกจับแน่ เพราะตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย มีพลังวิเศษที่เรียกว่า ‘อำนาจจับกุมดำเนินคดี’ อย่างที่คนธรรมดาไม่อาจมีได้ ดังนั้นคนร้ายที่กระทำความผิดต้องถูกลงโทษแน่ๆ แต่ความจริงมีอยู่ว่า คนรอบตัวของเธอที่เป็นผู้เสียหาย ทรัพย์สินโดนขโมยตั้งแต่ตอนเธอยังเด็ก จนเธอโตเป็นสาว จนมีลูก จนลูกโตเป็นสาวแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่เห็นจะได้ของคืนเลยสักที

แทนทองแท้ก็ยิ่งแน่ใจว่า การ ‘โจรกรรม’ เป็นสิ่งที่สามารถยึดเป็นอาชีพ ใช้ทำมาหากินเลี้ยงปากท้องตัวเองและครอบครัวได้จริง

น้องชายนายแทนคุณของเธอยังโอดครวญไม่เลิก เพราะคดีแชร์ลูกโซ่บิตคอยน์นี้ใหญ่เกินกว่าตำรวจยศพันโทอย่างเขาจะช่วยได้ แทนทองแท้เขย่งเท้ากอดคอน้องชายแล้วว่า

“เออน่า เจ๊ก็ไม่นึกเหมือนกันว่ามันจะโกงกันได้รวยเละเทะขนาดนี้ ก็คนโลภมันมีมากกว่าโจรซะอีก ให้ทำยังไงล่ะ”

ให้ทำยังไงน่ะหรือ แทนคุณตอบเองในใจว่า ก็คงต้องยอมให้กบดานหนีตำรวจกันสักพักใหญ่ๆ นั่นแหละ แต่เขาก็รู้ดีว่าพวกน้องๆ ต้องไม่ยอมแน่ ลำพังแค่เห็นหน้ากันวันนี้วันแรก แทนขวัญและแทนธรรมยังซ่อนสีหน้าไม่สบอารมณ์กันแทบไม่ทัน ถ้าต้องอยู่ร่วมบ้านกันนานๆ เห็นทีคงเป็นไปไม่ได้

และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อเขากับพี่สาวกลับไปที่ห้องนั่งเล่น บอกทุกคนว่าเจ๊ใหญ่จะมาอยู่กับพวกเราในบ้านนี้ ก็โดนซัดกลับมาซ้ายทีขวาทีรัวเร็วแทบหลบไม่ทัน

“อะไรกัน พี่แทน พี่จะให้เจ๊มาอยู่ร่วมกับพวกเราจริงๆ เหรอ” หมัดแรกของแทนขวัญซัดเข้าดั้งเขาเต็มๆ

“ผมไม่โอเคนะ” แทนธรรมก็แย็บหมัดตามมาติดๆ

“พวกชาวบ้านรู้จักเราเยอะนะพี่ นี่ขวัญก็เพิ่งเปิดซูเปอร์มาหยกๆ พี่อยากให้ใครเขารู้เหรอว่าพวกเรามีพี่เป็นโจรน่ะ พี่เองก็เป็นตำรวจ ไม่อายเหรอพี่”

“โอ๊ย ยัยขวัญ!” พี่สาวใหญ่เสียงดังใส่แทนน้องชายที่เมาหมัดจนมึนใกล้น็อกรอมร่อ “คำก็โจร สองคำก็โจร แหม…แล้วที่แกโตมา ได้ดิบได้ดีเรียนหนังสือจบจนมาเปิดซูเปอร์เองอย่างนี้ ไม่ใช่อีโจรคนนี้หรอกเหรอที่เลี้ยงแกมาน่ะ หา!”

“เจ๊ไม่ต้องมาลำเลิกบุญคุณหนูเลยนะ แล้วหนูเลือกได้ไหมล่ะว่าจะให้ใครเลี้ยงหนูน่ะ ถ้าเลือกได้หนูยอมเอาขี้เถ้ายัดปากตัวเองตายซะตั้งแต่เด็กดีกว่าโตมาให้เจ๊ทวงบุญคุณแบบนี้ หนูไม่อยากโตมาด้วยเงินโจรของเจ๊ หนูอาย หนูรังเกียจ ได้ยินไหม”

“ยัยขวัญ!”

“พอ! พอได้แล้ว” นางสินตะเบ็งเสียงห้ามทัพ กระแอมไอแล้วกวักมือเรียก “ทอง มาหาแม่ซิ”

แทนทองแท้สะบัดหน้าหนีน้องสาว แล้วเข้าไปคุกเข่าลงข้างโซฟาตรงหน้าแม่ “จ๊ะ แม่”

“เลิกซะเถอะนะ แม่ขอละ อย่าไปลักไปโกงเขาอีกเลยนะ”

ผู้เป็นลูกทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนพื้นพรม ค้อนใส่แทนขวัญอีกทีหนึ่งก็ถอนใจยาว

“แม่…แม่ก็รู้ว่าหนูเลิกไม่ได้”

“ทำไมล่ะ แต่ก่อนเอ็งไปลักขโมยเขา เอาเงินมาเลี้ยงน้องๆ แม่ก็พอจะเข้าใจ แต่นี่น้องๆ ก็โตกันหมดแล้ว มีหน้าที่การงานมั่นคงกันหมดแล้ว เอ็งจะยังไปขโมยเขาอีกทำไม”

“ก็หนูมีลูกสาวนี่ ยัยปิ่นทองไง แม่จำหลานไม่ได้แล้วเหรอ นี่แกเพิ่งอายุสิบเจ็ด อยู่มอห้าเอง เดี๋ยวก็ต้องลงเรียนพิเศษ ติวสอบ ต้องเข้ามหาวิทยาลัยค่าเรียนไม่ใช่ถูกๆ เลี้ยงเด็กสมัยนี้ใช้เงินเยอะจะตาย แม่ให้หนูเลิก แล้วหนูจะเอาอะไรมาเลี้ยงลูกของหนูล่ะ”

“ทำอาชีพสุจริตมันยากนักเหรอเจ๊” คุณครูแทนธรรมพูดขึ้นบ้าง “เจ๊ก็เปิดร้านทองอยู่ที่สระบุรีไม่ใช่เหรอ ทำแต่ร้านทองไม่ได้เหรอ”

แทนทองแท้ตั้งเข่าขึ้นข้างหนึ่งบนพื้นพรมนั้น ค้อนน้องชายแล้วถอนหายใจใส่ให้รู้ว่ารำคาญ พวกคนดีนี่ช่างมองโลกสวยสดใสเสียเหลือเกิน แทนธรรมพูดถูกว่าเธอมีร้านทองห้องเล็กๆ หลังตลาด แต่นั่นก็เป็นแค่ธุรกิจบังหน้าเท่านั้น ร้านทองโดยทั่วไปต้องคอยระวังไม่รับซื้อของโจร แต่ร้านของเธอมีไว้รับของโจรโดยเฉพาะ

พวกลูกน้องเก่าๆ เครือข่ายจังหวัดต่างๆ ของเธอเอามาขายให้อยู่บ่อยๆ แต่หลายปีหลังมานี้ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจแย่จนคนไม่มีเงินซื้อทองมาใส่ หรือเพราะเศรษฐกิจแย่ ก็เลยกลัวขโมยขโจรกันจนไม่ยอมใส่ทองออกจากบ้าน พวกลูกน้องก็เลยไม่ค่อยมีทองมาขายให้เธอเท่าไรนัก

แต่ก็เพราะเศรษฐกิจแย่อีกนั่นแหละที่ทำให้ร้านทองของเจ๊ใหญ่ยังไปต่อได้ โรงเรียนใกล้เปิดเทอมทีไรชาวบ้านก็จะเอาทองมาจำนำ รายได้ส่วนใหญ่จึงมาจากการเก็บดอกเบี้ยจำนำทองนี่เอง ไม่ได้มาจากการขายทอง ลำพังแค่ร้านทองเก่าๆ โทรมๆ จะไปสู้ห้างทองใหญ่หน้าตลาดได้อย่างไร

ครั้นจะให้ล้างมือมาทำร้านทองแบบขาวสะอาดสุจริตเสียเลยทีเดียว ก็ห่วงว่าพวกลูกน้องลูกพี่ในเครือข่ายจะสงสัยเอาได้ ต่างคนต่างสันหลังหวะแบบนี้เดี๋ยวจะระแวงกันเองซะเปล่าๆ เธอจึงไม่เคยคิดจะเลิกราจากวงการ

แต่เหตุผลที่สำคัญกว่านั้นคือ…มันทำเงินโดยที่ตำรวจก็ไม่เห็นจะจับได้ แล้วอย่างนี้จะเลิกทำไมให้โง่

“เจ๊ คนเราถึงจะเดินหลงทางมากี่ครั้ง ก็ยังกลับเข้าเส้นทางที่ถูกได้เสมอนะ” แทนธรรมพูดกับพี่สาวคนโตด้วยความจริงใจ “จากนี้ไปเจ๊เปลี่ยนมาเดินทางที่ถูกต้องเถอะนะ”

“โอ๊ย แกไม่ต้องสอนเจ๊เลยธรรม เจ๊ไม่ใช่ลูกศิษย์ของแกนะ”

“ผมไม่กล้าสอนเจ๊หรอก ขนาดแม่สอนเจ๊ยังไม่ฟังเลย แล้วผมจะบังอาจไปสั่งไปสอนเจ๊ได้ไง”

“ไอ้ธรรม!” พี่สาวใหญ่แผดเสียง นางสินผู้เป็นแม่คว้ายาดมมาสูด เอนหลังนอนพิงโซฟา สารวัตรแทนคุณก้าวยาวๆ มาตรงกลางวง พยายามไกล่เกลี่ย

“เอางี้นะเจ๊ ฝั่งตรงข้ามมีโรงเก็บของ…”

“แกจะให้เจ๊ไปนอนนั่นเหรอ แทน!”

แทนคุณตอบอย่างอ่อนใจ

“เจ๊…อย่าลืมว่าเจ๊หนีคดีอยู่นะ คดีใหญ่ด้วย ที่บ้านนี้คนเข้าออกเยอะแยะมันเสี่ยงเกินไป ไปอยู่โรงเก็บของนั่นดีกว่านะ ถึงจะรกจะร้าง แต่มันก็เหมาะจะเป็นที่ซ่อนตัวนะเจ๊”

ชายหนุ่มหมายความอย่างที่พูดจริงๆ แต่อีกสิ่งที่ไม่ได้พูดคือเขาเป็นห่วงความรู้สึกของแทนขวัญ แทนธรรมและแม่ น้องๆ ไม่ชอบเจ๊ใหญ่เอาเสียเลย แม่เองก็เป็นทุกข์ตรอมตรม

แทนทองแท้หน้าง้ำ ไล่มองสบตาทุกคนแล้วก็มาหยุดที่แทนคุณ

“แทน ใจคอแกจะไล่เจ๊ไป ไม่ให้เจ๊อยู่ด้วยจริงๆ เหรอ นี่เจ๊มาตั้งไกล ไม่ได้เจอกันก็หลายปี พวกแกไม่มีใครคิดถึงเจ๊บ้างเลยเหรอ”

ชายหนุ่มเกือบจะใจอ่อน แต่พอนึกถึงว่าอีกฝ่ายเป็นนักต้มตุ๋น ไม่แน่ว่าตาแดงๆ ของเจ๊อาจเป็นละครตบตาก็ได้ เขาก็แข็งใจพูดไปว่า

“เอาน่า เพื่อความปลอดภัยก่อนนะเจ๊”

“ไม่ต้องมาอ้างเลย พวกแกรังเกียจเจ๊กันใช่ไหมล่ะ”

ไม่มีใครแก้ความเข้าใจผิดให้เธอสักคน

“ใช่ซี้ เจ๊มันคนโง่จนตรอก เรียนจบแค่มอหก ไม่ได้จบปริญญา จบโรงเรียนนายร้อยอย่างพวกแกนี่”

แทนคุณเจ็บจี๊ดกลางใจ เขาจำได้ดีว่าเจ๊ใหญ่เสียสละไม่เรียนต่อเพื่อทำงานหาเงินเลี้ยงน้องๆ และส่งพวกเขาเรียนหนังสือสูงๆ จนได้ดีกันทุกวันนี้ ทว่าถึงจะรู้สึกผิดจับใจแต่จะให้อยู่บ้านนี้ก็เสี่ยงเกินไปอยู่ดี

“ผมขอโทษนะเจ๊ที่ให้อยู่ด้วยไม่ได้จริงๆ แต่อย่างที่บอกนั่นแหละ พวกผมเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน ถ้าใครเห็นว่าเจ๊อยู่ที่นี่เจ๊จะไม่ปลอดภัยเอาได้นะ ผมเป็นห่วงเจ๊จริงๆ นะ”

พี่สาวเงียบไป ใบหน้าสลดก้มลง ในที่สุดก็ยอมรับปากง่ายๆ ว่า

“เออ ก็ได้”

แทนคุณถอนใจโล่งอกเมื่อการเกลี้ยกล่อมครั้งนี้สำเร็จ แต่พี่สาวจอมดื้อก็มีข้อแม้มาอีกว่า

“แต่คืนนี้เจ๊จะนอนนี่ จะนอนกับแม่ก่อน พรุ่งนี้วันเกิดแม่ เจ๊จะอยู่ฉลองด้วยนะ อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอบอุ่นดี”

แทนคุณ แทนขวัญ และแทนธรรมมองหน้ากันไปมา ที่วางแผนซะดิบดีว่า พรุ่งนี้เช้าจะพาแม่ไปทำบุญตักบาตรเข้าวัดในวันเกิด ก็คงมีอันต้องล้มพับไปโดยรู้กัน

 

ที่บ้านหลังนี้มีห้องนอนสี่ห้อง ทุกคนมีห้องส่วนตัวของตัวเอง ห้องนอนใหญ่ชั้นบนเป็นของนางสิน แทนทองแท้นอนกอดแม่ ซุกหน้าลงกับอกอุ่นด้วยความสุขใจ แม้ว่าแม่จะหลับไปแล้วและไม่ได้โอบกอดเธอตอบก็ตาม

เธออดคิดไม่ได้ว่า สมัยเด็กตอนอยู่บ้านเก่าที่อยุธยา เธอก็นอนเตียงเดียวกับแม่ กอดแม่ไว้แบบนี้จนหลับไปทุกคืน ไม่เว้นแม้แต่คืนนั้น…คืนที่มีโจรบุกเข้ามาขโมยของในบ้าน

ตอนนั้นเธออายุแค่สิบสามขวบ แทนคุณอ่อนกว่าสองปี ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเตี่ยกับแม่ตื่นกันก่อน ทั้งสองกระซิบกระซาบว่าได้ยินเสียงกุกกักเหมือนมีใครยกหรือเคลื่อนย้ายของในบ้าน ที่ไหนสักที่ข้างนอกห้องนอน

‘แม่อยู่ดูลูกๆ นะ เดี๋ยวเตี่ยออกไปดูหน่อย’

แม่เป็นห่วงเตี่ยมาก แต่ก็ไม่อาจผละจากลูกๆ ไปได้ แทนขวัญยังแค่ขวบเดียว ส่วนแทนธรรมก็นอนคู้ตัวอยู่ในท้องโตๆ

‘ติดปืนไปด้วยสิเตี่ย’

ภาพที่ปรากฏในความมืดสลัวในห้องนอน เตี่ยเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วคว้าปืน ค่อยๆ แง้มประตูออกไป แทนทองแท้กับแทนคุณกอดแขนแม่ไว้คนละข้าง แม่เองก็อุ้มแทนขวัญมากอดแนบอก

เวลาผ่านไปครู่หนึ่งมีเสียงเอะอะดังขึ้น เป็นเสียงผู้ชายสองสามคนรวมเตี่ยด้วย แล้วตามด้วยเสียงปืนแผดก้องสองนัดซ้อน ทุกคนที่รอเตี่ยในห้องนี้สะดุ้งเฮือก กอดกันแน่น

ไม่นานทุกอย่างก็เงียบ แม่ผละจากทุกคนเพื่อออกไปดูเตี่ย เธอกับแทนคุณก็วิ่งก้าวสั้นๆ ตามไปด้วย เสียงปืนที่ดังขึ้นเมื่อกี้แสดงว่าเตี่ยคงยิงคนร้ายตายหมดแล้วแน่ แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อ เตี่ยจะติดคุกไหมที่ยิงคนตาย ต้องเอาศพไปไว้ที่ไหน เด็กหญิงแทนทองแท้คิดฟุ้งซ่านไปหมด

กระทั่งเปิดประตูห้องนอนออกมา จึงได้กระจ่างใจว่า เสียงปืนนั้นไม่โดนโจรผู้ร้ายสักคนเดียว ส่วนผู้ที่ยิงนั้นบัดนี้โดนแทงตาย นอนเลือดอาบอยู่กลางบ้าน

เด็กหญิงแทนทองแท้ในวันนั้นเติบโตเป็นสาวใหญ่อายุสี่สิบกว่าแล้ว เวลาผันผ่านมาตั้งสามสิบปีไม่รู้วิญญาณของเตี่ยได้ไปสู่สุคติหรือยัง เพราะจนป่านนี้โจรพวกนั้นก็ยังคงลอยนวล

 

วันรุ่งขึ้น สามพี่น้อง แทนคุณ แทนขวัญ และแทนธรรมออกไปดูความเรียบร้อยของซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดใหม่กันแต่เช้า ไม่ต้องถามเจ๊ใหญ่ก็รู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ไปด้วยแน่ๆ จึงอยู่บ้านกับแม่ ทำความสะอาดบ้าน ตกบ่ายแก่ๆ ก็ลงมือเข้าครัวทำกับข้าวสุดฝีมือ เตรียมตั้งโต๊ะรอน้องๆ กลับมากินข้าวเย็นฉลองวันเกิดแม่กันอย่างพร้อมหน้า

มัสมั่นไก่น้ำแกงข้นๆ นี้คือที่สุดของเมนูโปรดแม่ ยำรวมมิตรทะเลใส่ผักกระเฉด แม่ก็ชอบกินแต่ต้องเผ็ดน้อยหน่อยเพราะอาตี๋น้อยแทนธรรมกินเผ็ดไม่ค่อยเก่ง ปลานิลเจี๋ยนเต้าหู้ เมนูง่ายๆ แต่หากินยากสำหรับสาวรักสุขภาพอย่างแทนขวัญ ส่วนไอ้เจ้าแทนคุณน้องรักของเธอชอบกินไก่ย่างสมุนไพร เธอนึ่งข้าวเหนียวไว้รอท่าและตำส้มตำปูปลาร้าให้อีกครก

“โอ้โฮ ทำกับข้าวอะไรเยอะแยะเลยลูก” แม่เดินมาเกาะพนักเก้าอี้โต๊ะกินข้าว มองดูจานกับข้าวที่เรียงรายเต็มโต๊ะ ผู้เป็นลูกสาวยิ้มภูมิใจแล้วเข้าไปรวบกอดแม่จากข้างหลัง

“แหม วันเกิดแม่ทั้งทีหนูก็ต้องจัดเต็มที่สิจ๊ะ สุขสันต์วะ…”

ยังพูดไม่ทันจบ ปรากฏว่าประตูหน้าบ้านก็ถูกเปิดผัวะเข้ามาอย่างแรง แทนคุณหน้าตื่น ก้าวยาวแทบพุ่งเข้าบ้านมา ตามติดด้วยแทนธรรมและแทนขวัญ

“เย้ เจ้าพวกเด็กๆ กลับมาแล้ว มาๆ มากินข้าวกัน”

ทว่า…สิ่งที่เธอวาดฝันกลับไม่เป็นดังคิด แทนคุณปรี่เข้ามาคว้าแขนเธอแทบเป็นกระชาก ลากไปทางหลังบ้าน

“เจ๊ ไปหลบก่อนเร็ว”

“หา หลบอะไร ทำไมต้องหลบ อะไรของแกเนี่ยไอ้แทน เจ๊เจ็บนะ”

“หลบไปบ้านเล็กนั่นก่อนเร็ว เจ๊ ท่านผู้กำกับมา”

“หา ว่าไงนะ”

แทนธรรมกับแทนขวัญตามเข้าครัวมาด้วย “พี่แทน พี่ไปต้อนรับท่านผู้กำกับกับท่านรองเถอะ ทางนี้ขวัญจัดการเอง”

สารวัตรแทนคุณผละจากไปทันทีตามคำบอก แทนขวัญกอดอก มองหน้าพี่สาวใหญ่แน่วแน่

“เจ๊ เจ๊ต้องหลบไปก่อนนะ คืนนี้พวกเจ้านายพี่แทนเขาให้เกียรติมาร่วมกินข้าววันเกิดแม่ด้วย เจ๊จะให้เขาเห็นหน้าไม่ได้”

พี่สาวใหญ่กะพริบตาปริบๆ ชะเง้อมองไปทางโต๊ะกินข้าวด้านนอก เห็นชายสูงวัยท่าทางภูมิฐานสองสามคนนั่งคุยกับแม่และแทนคุณ คล้ายๆ จะคุยถึงกับข้าวหน้าตาน่ารับประทานที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ

เธอทำปากยื่น บอกตัวเองว่าน้องชายนายแทนคุณเป็นตำรวจดี ขวัญใจประชาชน พวกเจ้านายเมตตาให้ความสำคัญกับครอบครัว มาร่วมงานวันเกิดแม่เขาด้วยอย่างนี้ ควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากกว่าน้อยใจมิใช่หรือ

“อือ งั้นเจ๊หลบขึ้นไปแอบชั้นบนก่อนก็ได้”

“ไม่ได้หรอกเจ๊” แทนธรรมขัดเหมือนรอดักอยู่ “จะขึ้นบันไดก็ต้องผ่านโต๊ะกินข้าวสิ เจ๊ออกไปให้พวกเขาเห็นไม่ได้หรอกนะ เดี๋ยวจะซวยกันหมดทั้งบ้าน”

แทนทองแท้ตาโตทันใด “โอ้โฮ ไอ้ครูธรรม แกด่าเจ๊เป็นตัวซวยเลยเหรอ”

“ผมไม่ได้ด่า แล้วเจ๊ว่าที่ผมพูดมันไม่จริงหรือไง”

พี่สาวใหญ่เท้าสะเอวฉับเตรียมลับฝีปาก ทว่าเสียงห้าวที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้นก่อนจากด้านนอก

“ครูธรรม หนูขวัญ ให้ลุงช่วยยกอะไรไหม”

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาอีก

“เฮ้ย ท่านผู้กำกับมา เจ๊รีบหนีไปบ้านเล็กนั่นก่อนเร็ว”

แล้วน้องชายกับน้องสาวก็ช่วยกันผลักหลังเธอให้กระเด็นพ้นออกประตูหลังบ้านไป

‘บ้านเล็ก’ ที่อาตี๋น้อยของเธอว่าก็คือโรงเก็บของที่คุยกันเมื่อวานนั่นแหละ และที่สารวัตรแทนบอกว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ไม่ใช่ข้ามถนน แต่เป็นข้ามคลอง

บ้านหลังใหญ่นี้มีคลองเล็กๆ ทอดยาวผ่านหลังบ้าน ฝั่งตรงข้ามมีสิ่งปลูกสร้างที่น่าจะเรียกว่าโรงมากกว่าบ้านตั้งอยู่ โอบล้อมด้วยพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยพืชพรรณน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เดิมทีพื้นที่บริเวณนี้เป็นสวนผลไม้ แต่พอชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่กรุงเทพฯ ก็ปล่อยให้สวนผลไม้กลายเป็นป่ารกชัฏ โรงเก็บของที่ปลูกไว้เก็บเครื่องไม้เครื่องมือการเกษตรและไว้พักเข้าห้องน้ำ นั่งเล่นนอนเล่นระหว่างทำสวนก็เลยกลายเป็นโรงร้างไป

แทนทองแท้ลงไปที่ท่าน้ำ ค่อยๆ แจวเรือไม้ไปฝั่งตรงข้าม กระแสน้ำยามเย็นเช่นนี้เชี่ยวพอดู เรือลำน้อยส่ายไปมาแต่ก็ถึงท่าน้ำฝั่งโน้นได้โดยสวัสดิภาพ

โรงเก็บของเก่าที่ใช้ต่างบ้านนี้ยังไม่ได้ทำความสะอาด วันนี้ทั้งวันเธอยุ่งอยู่แต่กับการทำความสะอาดบ้านใหญ่จนลืมเตรียมทำที่ซุกหัวของตัวเอง ไฟฟ้าก็ไม่มี แทนทองแท้มานั่งกอดเข่าอยู่ตรงท่าน้ำหน้าบ้าน ความมืดที่ค่อยๆ คลี่ลงมาครอบคลุมจะช่วยอำพรางตัวเธอให้เองโดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้กำกับหรือตำรวจที่ไหนสังเกตเห็น

บ้านหลังใหญ่ฝั่งตรงข้ามเริ่มเปิดไฟในสวนแล้ว บ้านหลังนี้มีสองชั้น หลังคาสีน้ำตาลเข้ม ตัวบ้านสีครีมเข้ากับระแนงไม้ที่ตกแต่งด้านนอก ภายในบ้านปูกระเบื้องหินอ่อน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ทำจากไม้ตามรสนิยมของแม่ และมีของใช้เท่าที่จำเป็นตามความสมถะของเจ้าธรรม น้องชายคนเล็ก เธอจดจำรายละเอียดทุกอย่างได้แม้จะไม่ได้มาเยือนนานหลายปี ที่จำทุกอย่างได้ดีก็เพราะบ้านหลังนี้เธอเป็นคนออกเงินสร้างมันเอง

สร้างให้แม่และน้องๆ ได้อยู่กันอย่างมีความสุขด้วยเงินโจรที่พวกเขาไม่ยอมรับนั่นแหละ

รู้สึกจี๊ดที่แขนซ้าย แทนทองแท้ฟาดมือตบเพียะเดียวเจ้ายุงก็แบนแต๊ดตายสนิท บ้านเล็กเบื้องหลังเธอดูรกร้างน่ากลัวเกินกว่าจะเข้าไปสำรวจลำพัง เธอจึงกะว่าจะคอยจนแขกกลับให้หมดก่อนค่อยชวนแทนคุณมาดู หรือไม่ก็จะขอนอนกับแม่อีกสักคืน

เสียงหัวเราะครื้นเครงลอยมาตามลม มีเสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ด้วย คนในบ้านใหญ่คงกินอาหารฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อยอิ่มหนำ ไม่แน่ว่าอาจมีเป่าเค้กด้วยก็ได้

แทนทองแท้ฟาดมือตบยุงที่น่องซ้าย แล้วส่งใจถึงแม่ซึ่งคงกำลังมีความสุขอยู่ท่ามกลางลูกๆ กับเจ้านายของลูกในบ้านหลังนั้น พึมพำเพียงลำพังว่า

“สุขสันต์วันเกิดนะแม่”



Don`t copy text!