อุมาวสี บทที่ 3 : กุลณัฐ

อุมาวสี บทที่ 3 : กุลณัฐ

โดย : ตรี อภิรุม

Loading

อุมาวสี ภาคต่อของ “หิมพาลัย” โดย ตรี อภิรุม เรื่องราวชีวิตหลังงานแต่งงานของพิชญ์และอุมาวสีในโลกที่แตกต่างจากโลกลับแลจะเป็นอย่างไร ความรักที่พิชญ์มีให้เธอ จะเพียงพอที่จะช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของหญิงสาวผู้แสนดีคนนี้ได้หรือไม่ ‘อุมาวสี’ นวนิยายออนไลน์ที่พาชาวอ่านเอาเดินทางไปกับจินตนาการที่สวยงามและความรักที่มีอยู่จริง
*****************************

นายพิพัฒน์เกิดจินตนาการล้ำลึก ลูบแขนที่เผลอขนลุก นึกแลเห็นภาพชาวเมืองลับแลใช้มือเปิบข้าวเข้าปาก กับข้าวจำพวกแมลงหรือหนอนบางชนิดคั่วราดพริก แนมด้วยผักดองกลิ่นฉุนจัด

หญิงท้องแก่บุกตะลุยไปคลอดลูกกลางป่า ทำการคลอดด้วยตัวเอง ไม่พึ่งหมอตำแย

“เธอเพิ่งรู้จักโทรทัศน์ที่นี่รึ”

“ใช่ค่ะ”

อุมาวสีรับคำนุ่มนวล สัมผัสกระแสความคิดของนายพิพัฒน์ รู้สึกขบขันแทนโกรธ

“พวกเราถือว่าความเจริญทางวัตถุ ทำลายคุณค่าทางจิตใจ เสริมความละโมบกอบโกย เห็นแก่ตัว”

“อะไรที่อุภูมิใจในหิมพาลัยนคร”

“เมืองเราไม่มีเศรษฐีรวยล้นฟ้าและยาจก พวกเราแบ่งปันเอื้อเฟื้อโอบอ้อมอารี ลงแขกดำนา เกี่ยวข้าว ทำสวน ปลูกกระท่อม ไม่มีขโมย ฉกชิงทรัพย์ คดโกงทุจริต”

“จริงครับ คุณพ่อ” พิชญ์กล่าวเสริม “ชาวเมืองยึดหลักศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม”

นางมณีวงศ์สะกิดชวนลูกสาวทำนองว่าจะกลับตึกเล็ก คุณนายนุชนารถจูงมือมารดาลงจากคฤหาสน์ เมื่อห่างพอควรก็บ่นเบาๆ

“โหน่งหลงเมีย ลอเยชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ หือไม่ขึ้น”

“เขาชื่ออุ” ท่านขัดคอ “นุชเรียกลอเยฟังแล้วมันทะแม่ง”

“นุชเผลอเรียกตามอย่างแนน-แนทค่ะ เฉพาะลับหลัง ต่อหน้าก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ลูกสาวแก้ตัว “แม่ชอบอุหรือคะ”

“บอกแล้วไงว่ากลางๆ โหน่งหลงรักผู้หญิงชั้นต่ำ เราก็ไม่อยากทำลายหัวใจเขา บีบคั้นมากโหน่งอาจพาอุไปอยู่ที่อื่น”

พามารดาไปส่งตึกชั้นเดียว ดูแลความเรียบร้อยนั่งเป็นเพื่อนคุย ชั่วครู่คุณนายนุชนารถก็กลับไปตามเส้นทางเดิม

ตึกขาวไฟสว่าง ประตูเปิดโล่ง หล่อนขบริมฝีปากไตร่ตรอง ตัดสินใจทำหน้าที่กองสอดแนม ถอดรองเท้าแตะที่ขั้นบันไดหินอ่อน ผ่านเข้าห้องอเนกประสงค์ กวาดสายตาสำรวจ

พลันเหลือบพบแผ่นกระดาษเอสี่เหน็บใต้แจกันดอกกล้วยไม้ ดึงขึ้นมาพิสูจน์คุณนายย่นหัวคิ้ว สะดุดความรู้สึกอย่างแรง

พิชญ์เขียนตัวบรรจงพยัญชนะ สระวรรณยุกต์ทุกตัวครบถ้วน ความหมายว่าอย่างไรหรือ เดาไม่ยาก เอาไว้ให้เมียชาวดงฝึกอ่านนั่นเอง

จับแผนเจ้าเล่ห์ได้คาหนังคาเขา หน็อย…หลอกนวดคุณยาย พอท่านเคลิบเคลิ้มสะลึมสะลือ แสร้งทำเป็นอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ ที่แท้ก็ลักจำจากพิชญ์ที่อ่านข่าวให้เมียฟัง

ฮิ-ฮิ คนป่าคนดงหรือจะฉลาดกว่าชาวกรุง

ขณะเดียวกันที่บนคฤหาสน์ พิชญ์ตอบข้อซักถามของนายพิพัฒน์ อุมาวสีสงบเงียบ ส่งกระแสจิตติดตามความเคลื่อนไหวของคุณนายนุชนารถ

หยั่งรู้ทันทีว่ากำลังอ่าน พยัญชนะ สระที่พิชญ์เขียนตัวบรรจง

ดรุณีผู้เลอโฉมกลั้นลมหายใจ หมุนแหวนเงินที่ติดนิ้ว

บัดดล ภรรยาของนายพิพัฒน์สะดุ้งเฮือก ทุกตัวอักษรหายวับไปกับตา เหลือแต่แผ่นกระดาษว่างเปล่า

“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย ฉันตาฝาดเรอะ ไม่อยากเชื่อ”

หล่อนลงจากตึก ความคิดคำนึงอยู่ที่เรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นหยกๆ อายุอานามของตนยังไม่ถึงหกสิบ สมมุติว่าเทียบเท่ามารดาผู้แก่หง่อมจะไม่ประหลาดใจสักนิด

เมื่อกี้อยู่คนเดียวแท้ๆ ปัญหาว่าใครเล่นกลตัดออกไปได้เลย

ลูกชายลูกสะใภ้ลงจากตึกใหญ่พอดี อุมาวสียืนชิดขอบทางด้านหลังพินอบพิเทา หมั่นไส้นัก คุณนายนุชนารถปราม

“เธอไม่ต้องนอบน้อมจนสุดขีด การกระทำแบบนั้นถือว่าเสแสร้ง ไม่ได้มาจากใจจริง”

ชายหนุ่มอัดอั้นตันอก จะออกรับแทนภรรยาก็ไม่เหมาะ พ้นจากตำแหน่งที่เดินสวน ห่างออกมาหน่อย เขาจูงมืออุมาวสี

“คุณแม่ชอบพูดจาขวานผ่าซาก ไม่ค่อยได้ขัดเกลา แต่ใจดีมีเมตตา ลูกจ้างที่นี่อยู่กันสิบปี ยี่สิบปีไม่ลาออก”

“อุไม่โกรธคุณแม่ค่ะ โทสจริตเป็นกิเลสขั้นต่ำ ผู้ใดยึดครองจะระทมทุกข์เจ็บปวดยิ่งกว่าฝ่ายตรงข้าม”

ที่ตึกขาว หล่อนตรงไปหยิบกระดาษเอสี่ สระ พยัญชนะที่พิชญ์เขียนไว้ปรากฏดังเดิม อ่านทบทวนอีกครั้ง ก่อนขยำทิ้งถังขยะปิดฝาครอบ

“จำได้แล้วรึน้องอุ”

“ค่ะ พี่โหน่ง” ไม่บอกเหตุผลที่แฝงลึก “คนที่ทำสมาธิเสมอ คอยขัดเกลาไม่ให้กิเลสฟุ้งกำเริบ พลังจิตจะเข้มแข็ง ผลพลอยได้สติปัญญาเฉียบแหลม”

O         O         O         O

พิณทิพย์เป็นพีอาร์ของโรงแรมห้าดาว ใช้ภาษาอังกฤษคล่อง ต้อนรับลูกค้าทั้งไทยและเทศ แนะนำอำนวยความสะดวกในเรื่องต่างๆ

สาวสวยรายหนึ่งแยกจากกลุ่มเพื่อน ตรงรี่เข้าไปหาหล่อน พนมมือทำความเคารพ

“สวัสดีค่ะพี่แนท”

ธิดาคนกลางของคุณนายนุชนารถรับไหว้เพื่อนรุ่นน้อง ทั้งคู่สนทนาปราศรัยสนิทสนม สักประเดี๋ยวหล่อนก็นึกบางอย่างออก

“โหน่งกลับมาแล้วค่ะ”

“อุ๊ย เป็นไปได้รึ พี่แนทล้อกุลละมั้ง”

กุลณัฐเบิกตาโต เสริมเสน่ห์ให้แก่ตนเองโดยไม่รู้ตัว ในอดีตหล่อนเป็นคนหนึ่งที่ใกล้ชิดพิชญ์มากที่สุด ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ หวุดหวิดจะเทียบขั้นแฟน กุลณัฐนักเรียนนอก ตระกูลสูง ฐานะร่ำรวย กล่าวกันว่าเหมาะสมกับพิชญ์เหมือนกิ่งทองกับใบหยก

“เรื่องพรรค์นี้ใครจะกล้าล้อเล่น โหน่งเล่าว่าพลัดเข้าไปอยู่ในเมืองลับแล ไม่สามารถจะติดต่อกับโลกภายนอก ปลอดสัญญาณอะไรทำนองนั้นแหละ”

“งั้นวันนี้กุลจะไปเยี่ยมพี่โหน่ง”

“อย่าเชียว”

“ทำไมคะ”

พิณทิพย์ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด อเนจอนาถใจเหลือเกิน แต่ก็จำต้องเปิดเผยความจริง

“โหน่งมาพร้อมกับสาวรุ่นกระเตาะชาวป่าชาวดง พวกเราทุกคนรังเกียจ คุณแม่ยอมรับแค่นางบำเรอของโหน่ง เชื่อว่าไม่นานหรอก คนคู่นี้จะแตกแยกหย่าร้าง”

ผู้ฟังทำตาปริบๆ มันเป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้ายผสมผสาน ใครจะคิดว่าเรื่องที่จบไปแล้วจะหวนกลับมาอีก สร้างความเจ็บปวดขมขื่นไม่น้อย อยากจะเห็นหน้าตาของพิชญ์ ว่าระยะเวลาที่จากการปีครึ่ง เขายังหล่อเหมือนเดิมหรือว่าเสื่อมโทรม

“ขอเปลี่ยนเป็นเยี่ยมเยียนคุณแม่คุณยายแทน”

“ไม่ขัดข้องค่ะ เพราะกุลก็เคยเข้านอกออกในที่บ้านเสมออยู่แล้ว”

“วันเสาร์ที่จะถึงนี้ กุลไปแน่ค่ะ”

กุลณัฐขอตัว เข้าไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนในภัตตาคารอาหารจีน

เสียดายน้องชายพลาดสาวไฮโซไปคว้าผู้หญิงชั้นต่ำ ระหว่างกุลณัฐกับอุมาวสีแตกต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว พิณทิพย์โทร.รายงานพี่สาว

พีรวรรณเมื่อได้รับข้อมูลก็รู้สึกเช่นเดียวกับน้องสาว

“ลอเยเป็นตัวมารเข้ามาบ่อนทำลายตระกูลเรา วันก่อนพี่ได้ยินโหน่งคุยกับคุณพ่อ จะไม่จดทะเบียนสมรสกับเมียบำเรอ”

“ความจริงก็ควรจะเป็นเช่นนั้นค่ะ” พิณทิพย์ผสมโรง “ขืนจดทะเบียนกับนังนั่นก็บ้าแล้ว ลอเยอยู่ในข่ายคนเถื่อนลักลอบเข้าเมือง”

“จริงด้วย”

พี่สาวปรารภว่า พนักงานขายโทรศัพท์มือถือว่างสามอัตรา งานที่ต่ำกว่าวุฒิของพิชญ์ จะลองติดต่อกับน้องชายดู เผื่อเขาอยากจะหาประสบการณ์ก็ควรไปสมัคร ดีกว่าอยู่เปล่าๆ

“แล้วลอเย พี่แนนไม่คิดจะช่วยเหลือบ้างหรือคะ”

“แม่นั่นเหมาะสำหรับเป็นลูกจ้างล้างจานชาม หรือไม่ก็พนักงานทำความสะอาดส้วม”

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ บุคคลที่กล่าวขวัญถึงออกจากร้านแฮร์ดู เรือนผมดัดลอนงามรับกับใบหน้าเรียวสวย รูปลักษณ์เปลี่ยนไปจากอุมาวสีคนเดิม พิชญ์ที่นั่งรอบนม้านั่งยาวในห้างสรรพสินค้าขยับลุกขึ้น

“เป็นยังไงบ้างคะ พี่โหน่ง”

“สวยเรี่ยม” ชายหนุ่มชมเปาะ สายตาโลมไล้ทั่วเรือนร่าง “เหมือนชาวกรุงทั้งเนื้อทั้งตัว ขาดนิดเดียว”

“อะไรคะ”

“ไม่ได้ทาเล็บครับ”

อุมาวสีคลี่ยิ้มหวานพลิ้ว เล่าความว่าช่างเสริมสวยแนะให้เพนต์สีเล็บนำภาพตัวอย่างมาให้เลือกเยอะแยะ ดูแปลกสะดุดตาน่ารัก แต่ไม่เหมาะสำหรับตน อยากได้เล็บสะอาดตามธรรมชาติจึงปฏิเสธช่าง เสริมท้ายว่า

“ชุดเสื้อกระโปรงนี่ก็เหมือนกันค่ะ อุสวมแล้วดูขัดเขินแทบว่าจะก้าวขาไม่ออก พวกผู้ชายชอบลอบมองเสมอ แตกต่างกับชุดพื้นเมืองที่ยาวรัดกุม ไม่อวดน่อง ส่วนสัด”

“เสื้อผ้าที่ยาวรุ่มร่ามไม่เหมาะสำหรับเมืองไทย อากาศร้อน” เขาอธิบาย “ขืนอุแต่งแบบนั้น จะถูกคนมองป้องปากยิ้ม เห็นเธอเป็นตัวตลก”

ทั้งสองตระเวนในดีพาร์ตเมนต์สโตร์ เสียงต่างๆ รบกวนจ้อกแจ้กเซ็งแซ่ระยะใกล้บ้างไกลบ้าง ไม่ถือว่าหนวกหู อุมาวสีตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศสภาพแวดล้อม สับสนวุ่นวายด้วยเหล่านักช็อป ไม่มีจุดใดที่สงบเงียบปลอดผู้คน

จิตสัมผัสกระแสของกิเลส โลภ โกรธ หลงเพียบ ความปรารถนาไม่เคยสิ้นสุด บริโภคนิยม บางรายมิจฉาชีพคอยจ้องฉกฉวย หากว่าได้โอกาส

นึกเปรียบเทียบกับหิมพาลัยนคร ตลาดนัดที่โน่นกร่อย ผู้คนเคลื่อนไหวช้าสงบเสงี่ยม อากาศบริสุทธิ์พอๆ กับจิตใจของชาวเมืองที่ใสสะอาด ปราศจากกระแสกิเลสแรงร้อน

อนิจจา…หิมพาลัยเหลือเพียงเก็บไว้ในความทรงจำ

ที่คาร์พาร์ก รถเก๋งนานายี่ห้อจอดเรียงเป็นตับ พิชญ์กดกุญแจรีโมต ยานพาหนะคันหรูส่งสัญญาณปี๊บ ไฟหน้าไฟท้ายสว่างแวบ ก่อนอื่นเขาเปิดกระโปรงท้ายเก็บถุงสินค้าจากห้าง

“พี่โหน่งคะ อุอยากจะออกจากบ้านคนเดียวบ้าง ขึ้นรถเมล์จ่ายตลาดสด”

ชายหนุ่มเกาท้ายทอยแกรก ยิ้มแยกเขี้ยว

“โอ…แย่มาก พี่ไม่คุ้นเคยรถเมล์ จำได้ว่าตอนเด็ก คุณแม่เคยพาขึ้นรถเมล์เพื่อทัศนศึกษา พี่เหลียวล่อกแล่กมองทิวทัศน์ตลอดเส้นทาง คุยจ้อจนแม่ต้องจุ๊ปากให้เงียบ ไม่เป็นไร กลับถึงบ้านจะขอคำแนะนำจากถวิล”

อธิบายต่อไปว่า ชีวิตในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เขาใช้รถส่วนตัว แต่บางครั้งก็นั่งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน แท็กซี่สลับฉาก เปลี่ยนบรรยากาศ

วันนั้น อุมาวสีนั่งรถเก๋งคันงามเคียงคู่พิชญ์ ทอดสายตาทะลุช่องกระจก สนใจกลุ่มคนที่รอรถประจำทาง ตึกรามอาคารพาณิชย์ จักรยานยนต์ที่วิ่งฉิวแซงตลอด รถบรรทุก รถทัวร์จัมโบ้ ถนนสะพานลอยคร่อมสี่แยก

คนอย่างเรา พึมพำในใจ จะไม่หลงในความเจริญทางวัตถุ จนลืมคุณค่าของความเป็นมนุษย์

O         O         O         O

พิชญ์กวักมือเรียกถวิล สาวใช้เข้าไปหา ยืนยอบกายนอบน้อม

“เธอกำลังทำอะไรอยู่”

“เช็ดทำความสะอาดตู้เย็นค่ะ”

“ทำงานให้เสร็จ แล้วมาที่นี่ คุณอุจะขอคำแนะนำจากเธอบางอย่าง”

สาวใช้รับปาก อดประหลาดใจไม่ได้ ฐานะของตนต่ำต้อย ระดับผู้ขายแรงงาน แทบจะไม่ต้องใช้สมอง พิชญ์ไม่น่าจะเล็งเห็นความสำคัญ ทำไมไม่ไปขอคำแนะนำจากพี่สาวสองคน หรือว่าไม่เหมาะสม

คุณนายนุชนารถจับสังเกตอยู่แล้ว เมื่อสาวใช้ขึ้นทางเฉลียงเล็กด้านหลังคฤหาสน์ก็ถามทันที

ถวิลรายงานตามความจริง นายผู้หญิงขบริมฝีปากครุ่นคิด ความสงสัยเต็มเปี่ยม ชอบกล คิดในแง่หัวใจเล็งกัน หล่อนเองยังอยากรู้ประวัติกำพืดของลูกสะใภ้เถื่อน มีหรือที่อุมาวสีจะไม่อยากรู้เรื่องราวบนตึก พิชญ์ตกเป็นเครื่องมือของนางบำเรอวัยกระเตาะ

“เอาละ คุณอุขอคำแนะนำเรื่องอะไร อย่าลืมเก็บมาบอกฉัน”

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง

บัดนี้ อุมาวสียืนเกาะขอบเฉลียงของตึกขาว สาวใช้ยืนอยู่ที่พื้นดินเบื้องต่ำ โธ่เอ๋ย…คิดว่าสลักสำคัญ ที่แท้สะใภ้ใหม่อยากรู้เส้นทางการคมนาคม ใช้รถประจำทาง ตลาดสด ในแวดวงที่ไม่ไกลจากคฤหาสน์มากนัก

ลูกจ้างแจ้งข้อมูลละเอียด และช่วงเวลาต่อมาก็นำความไปเสนอคุณนายนุชนารถ สร้างความแปลกใจแก่ผู้ฟังอย่างยิ่ง

“คุณอุไม่เลียบเคียงเกี่ยวกับฉัน คุณแนน คุณแนท หรือคนอื่นๆ บ้างเลยเชียวรึ”

“ไม่เลยค่ะ”

“เอาละ เท่านั้นแหละ”

ผิดจากความคาดหมายถนัด ลูกสะใภ้ไม่ยักส่อเสียดสอดรู้สอดเห็น ปรารถนาจะใช้รถประจำทางแทนรถเก๋ง ศึกษาภูมิทัศน์กรุงเทพฯ ตามลำพัง

สุภาพสตรีเจ้ายศสรุปความเห็นของตน อุมาวสีไม่มีรสนิยมติดดินแนบสนิท แต่เสแสร้ง สร้างภาพลักษณ์ เอาใจผัว ฉลาดรอบจัดเหลือเกิน

ช่วงเวลาเดียวกันนี้ ที่ตึกขาว ลูกสะใภ้ที่คุณนายเกลียดชังสำรวมจิตตรวจสอบ ทราบข้อมูลที่ถวิลรายงานแม่ผัวตลอด แสดงว่าท่านคอยจับผิดหล่อนทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวทำอะไร

หักใจเสีย คิดว่าความแตกต่างย่อมมีอยู่ในโลกเสมอ สำคัญตรงที่ว่าหล่อนจะอยู่ได้อย่างไรจึงจะสงบสุข ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์

หลังอาหารมื้อค่ำ พีรวรรณแวะมาเยี่ยม น้องชายเชื้อเชิญนั่งเก้าอี้ชุดรับแขก เด็กสาวเสนอตัวเอาใจญาติทางฝ่ายสามี

“พี่แนนจะดื่มกาแฟไหมคะ”

“เอ้อ ดีเหมือนกันจ้ะ ฉันไม่ชอบหวานจัด”

อุมาวสีลงทุนชงเอง ยกมาบริการสองถ้วย ต่อจากนั้นก็เลี่ยงขึ้นชั้นบน ไม่สนใจการสนทนาส่วนตัวของสองพี่น้อง

พีรวรรณคิดว่า เชอะ…ทำเป็นมีมารยาท ที่แท้ลอเยก็อยากรู้เรื่องราวตัวสั่น พอเราลงจากตึก ทายได้เลยว่า แม่เจ้าประคุณซักถามผัวถี่ยิบ

“โหน่งอยากจะทำงานหรือยังจ๊ะ”

“กำลังหาครับ”

พี่สาวเสนอตำแหน่งพนักงานขายโทรศัพท์มือถือที่ว่างสามอัตรา งานต่ำกว่าวุฒิ หากสนใจก็ลองไปสมัคร เชื่อว่าจะผ่านทั้งสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์

“มีเส้นหรือเปล่าพี่แนน”

“ตอบยากจัง ลองคิดดู โหน่งเป็นลูกชายรัฐมนตรี แถมพี่เป็นแนทผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ในบริษัท” พีรวรรณให้ข้อมูล “ไม่ลุ้นก็เหมือนลุ้นในตัว อย่าคิดอะไรมาก เมืองไทยเป็นสังคมเอื้อเฟื้อตอบแทน”

“โอเคครับ”

สาวสำอางโฉมช้อนสายตามองตึกชั้นบน ซ่อนยิ้มเยาะ

“แฟนของโหน่งล่ะ ไม่คิดจะทำงานบ้างรึ”

พิชญ์เพิ่งจะดื่มกาแฟ วางถ้วยลงบนจานรอง ยิ้มกะเรี่ยกะราด

“ท่าจะไม่เหมาะ วุฒิที่โน่นเปรียบเทียบกับเมืองไทยลำบากครับ อุอยู่เฉยๆ ทำงานบ้าน ผมหาเลี้ยงดีแล้ว”

ผู้ร่วมสกุลนึกขัดแย้ง ความรู้ของลอเยอย่างมากแค่ชั้นประถมศึกษา เหมาะสำหรับงานประเภทพนักงานเสิร์ฟล้างชาม กวาดถนน ขัดส้วม ฯลฯ ไอ้ที่จะนั่งโต๊ะคอมพิวเตอร์ต้องรอชาติหน้าตอนบ่ายๆ

“พรุ่งนี้โหน่งเตรียมไปสมัคร สำเนาเอกสารพร้อม”

พีรวรรณลงจากตึกขาว ชายหนุ่มตามไปส่งที่ขั้นบันไดหินอ่อน

เมื่อกลับขึ้นคฤหาสน์ มารดากับน้องสาวรอฟังเหตุการณ์ หล่อนเล่าความละเอียด แถมท้าย

“ยุคนี้บัณฑิตตกงานเยอะมาก โหน่งทำไปพลางๆ ก่อน พอตำแหน่งที่สูงกว่าว่าง ค่อยขยับเลื่อนขึ้นแทนตามความสามารถ”

พิณทิพย์ที่นิ่งฟังตลอดถามบ้าง

“พี่แนนเปิดเผยหรือเปล่าคะ ว่ากุลณัฐเพื่อนใจเก่าจะมาเยี่ยมโหน่ง”

“โฮ้ย เรื่องพรรค์นี้ใครจะกล้าบอก” พี่สาวทำตาโต “น้องกุลมาเมื่อไหร่ โหน่งก็รู้เองน่ะแหละ”

คุณนายนุชนารถไม่ยักห้ามปราม กลับเฉยเสียดุจพอใจโดยปริยาย ดีแล้ว…พิชญ์จะได้เสียดายสาวไฮโซฐานะสมน้ำสมเนื้อ ไปคว้าผู้หญิงชั้นต่ำเป็นคู่ครอง

อยากจะให้ความเสียดายสะสม จนกระทั่งเกิดความแตกแยก อุมาวสีหนีกระเจิดกระเจิงกลับเมืองลับแล

O         O         O         O

พิชญ์ผ่านการสมัครงาน สอบข้อเขียนเบื้องต้น ยังเหลือแต่รอการสัมภาษณ์จากผู้จัดการบริษัท

ขณะเดียวกัน เขาใช้เวลาวันละหนึ่งถึงสองชั่วโมง พิมพ์คอมพิวเตอร์เรื่องหิมพาลัย ละเอียดถี่ยิบ ตรงไหนที่ตกเนื้อหาสาระ ก็พิมพ์เสริมใหม่เพื่อความสมบูรณ์แบบ

ตั้งปณิธานว่า ในอนาคตเมื่อเขาสิ้นบุญ ลูกหลานจะพิมพ์แจกเป็นหนังสืออนุสรณ์งานศพ

“คุณโหน่ง คุณผู้หญิงเรียกตัวค่ะ”

ชายหนุ่มสบตาถวิล

“ฉันคนเดียว หรือว่าคุณอุด้วย”

“เฉพาะคุณโหน่งค่ะ”

ชักจะสงสัยเต็มเปี่ยม โดยสัญชาตญาณชายหนุ่มรู้ว่ามารดาไม่ค่อยจะชอบภรรยาของเขา เคยแสดงออกหน้าออกตาสอง-สามครั้ง

ไม่เป็นไรน่า ปลอบใจตนเอง อยู่ไปนานๆ คุณแม่เห็นความดีงามของอุจะยอมรับเอง

เมื่อปรากฏตัวที่คฤหาสน์ พิชญ์ตะลึงตื่นเต้น แทบจะวางตัวไม่ถูก เสียงหวานเจื้อยแจ้วแว่วมาทันที

“สวัสดีค่ะ พี่โหน่ง”

กุลณัฐพนมมือไหว้สันหลังตรงแหน็ว คุณนายนุชนารถร่วมโต๊ะชุดรับแขกเป็นเพื่อนคุย

เขารับไหว้โดยอัตโนมัติ ยิ้มจางเจื่อน ไม่ต้องสงสัยอีหรอบนี้ แสดงว่ากุลณัฐทราบข้อมูลจากมารดาแล้ว

นั่นซิ เขาพ้นจากสภาพชายโสด เยื่อใยความผูกพันเดิมๆ ก็ต้องสิ้นสุดด้วย แม้จะรื้อฟื้นก็เปล่าประโยชน์

สาวไฮโซพิลาสพิไลโฉม ดูเหมือนกาลเวลาจะทำให้หล่อนสวยยิ่งขึ้น ด้วยการปรุงแต่ง และพราวไปด้วยเสน่ห์

“กุลแวะเยี่ยมคุณแม่ ทราบว่าพี่โหน่งกลับมาแล้ว สบายดีหรือคะ”

“ครับ สบายดี” พิชญ์เก็บซ่อนความอึดอัดกระสับกระส่ายไม่มิด พลางออกตัว “แต่ผมไม่เหมือนก่อน”

“ทราบค่ะ ว่าพี่โหน่งมีแฟนแล้ว” นัยน์ตาเว้าวอน แฝงนัยตัดพ้อต่อว่า “เราคบกันแบบเพื่อน หรือว่าพี่โหน่งกลัวแฟนหึง กุลก็จะขอเซย์กู๊ดบายตรงนี้แหละ”

เอากับแม่ซิ เจรจาคล่องแคล่ว ลูกล่อลูกชนแพรวพราย สาวสวยยิ้มยียวนกวนใจหนุ่ม วางมือเล็บเพนต์สีแถวบริเวณคอเสื้อ ไม่รู้ว่าเจตนาปกปิด หรือชี้ชวนให้มองทรวงอกอวบเต่ง

“เปล่าครับ”

คุณนายนุชนารถลุกไปรวมกลุ่มกับครอบครัวที่มุมอเนกประสงค์ เปิดโอกาสให้สองหนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง



Don`t copy text!