อุมาวสี บทที่ 4 : แผนรื้อความหลัง
โดย : ตรี อภิรุม
“ทราบจากคุณแม่ว่า พี่โหน่งพลัดเข้าไปอยู่ในดินแดนลึกลับ เมืองลับแลอยู่ที่ไหนคะ”
เบื่อชะมัด เจอคำถามทำนองนี้จากบุคคลหลากหลาย ไม่รู้ว่ากี่เดือนหรือกี่ปีจึงจะสิ้นสุด พิชญ์ประสานสายตากุลณัฐ
“เมืองลับแลหรือหิมพาลัยนครไม่อยู่ในแผนที่โลก ต่างมิติภพเหมือนเราเดินทางย้อนอดีตนับพันปีประมาณนั้น”
ชายหนุ่มเล่าความคร่าวๆ ประกอบ เริ่มตั้งแต่สำรวจถ้ำบนภูเขา ถูกกระแสกลิ่นหอมดึงดูด ร่างของเขาปลิวม้วนต้วนสิ้นสติ พลัดเข้าเมืองลับแล พบสิ่งมหัศจรรย์มากมายเหลือที่จะคณานับ ต่อท้ายว่า
“ผมกำลังเรียบเรียงการผจญภัย พิมพ์คอมพิวเตอร์รวมเล่ม ประมาณสามร้อยกว่าหน้าจะเสร็จสมบูรณ์ ใช้เวลาครึ่งปี ถ้าคุณกุลสนใจมาขออ่านได้ครับ”
“อะไรที่เกี่ยวกับพี่โหน่ง กุลสนทั้งนั้นค่ะ”
รอยยิ้มที่งามเฉิดฉันประดับกลีบปาก นัยน์ตาหวานซึ้งสะท้อนประกายถ่านไฟเก่าคุกรุ่น สาวสวยแนะนำต่อเนื่อง
“กุลรู้จักผู้จัดรายการโทรทัศน์โลกพิศวง เอาไหมคะ จะบอกให้เขาติดต่อพี่โหน่งไปสัมภาษณ์ออกอากาศ รับรองว่าพี่โหน่งจะดังเปรี้ยงชั่วข้ามคืน ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง”
ถึงคราวที่พิชญ์จะยกมือหรา ทำหน้าที่ประติมากรปั้นยาก
“ต้องมองแง่มุมกลับด้วยครับ จิตแพทย์จะหาว่าผมสติฟั่นเฟือน แยกแยะไม่ถูกระหว่างจินตนาการกับความจริง พวกนักปราชญ์ราชบัณฑิตจะหาว่าผมโกหกลวงโลก สรุปแล้วสงบเฉยตามแบบของเราปลอดภัยที่สุด”
ฝ่ายตรงข้ามไม่ว่ากระไร ทั้งสองสนทนากันด้วยเรื่องมโนสาเร่รอบๆ ตัว อาทิ กรุงเทพฯ เจริญขึ้นทางวัตถุ ครู่ใหญ่กุลณัฐเพิ่งนึกบางอย่างออก เบิกตาใสแจ๋ว เพิ่มเสน่ห์สวยซึ้ง
“อยากทราบเบอร์มือถือของพี่โหน่งค่ะ หวังว่าคงจะไม่ขัดข้อง”
พิชญ์หวั่นไหวระแวงลึกๆ ทั้งที่รู้ว่าเขาพ้นจากสภาพชายโสด หล่อนควรจะถอยฉาก แต่กลับสร้างความผูกพันแน่นแฟ้นเหมือนเดิม หรือว่ามุ่งหวังจะช่วงชิงเขา สร้างปัญหามือที่สาม ช่างน่าสงสัยจริง
อย่างไรก็ตาม เคยผ่านการตรวจสอบมาแล้วเยอะมากที่เมืองลับแล แล้วทำไมจะต้องหวั่นไหวที่กรุงเทพฯ
ชายหนุ่มบอกหมายเลขเครื่องมือสื่อสาร กุลณัฐหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าหิ้ว กดหมายเลขบันทึกไว้ในเครื่อง
หญิงสาวไหว้ลาผู้อาวุโส พิชญ์ตามไปส่งที่รถเก๋งนอกประตูรั้ว ทิ้งท้ายเสียงอ่อนหวานไพเราะ
“จนแล้วจนรอดไม่ได้รู้จักแฟนพี่โหน่ง”
“จำเป็นนักเชียวรึ”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่คะ” ย้อนมาอย่างแยบยล “อะไรที่เกี่ยวกับพี่โหน่งก็อยากรู้จักคุ้นเคย ยกเว้นขอบเขตส่วนตัว”
“ถ้าโอกาสอำนวยผมจะแนะนำ”
กุลณัฐขับเคลื่อนเก๋งคันหรู ชายหนุ่มโบกมือไหวๆ เมื่อกลับเข้าประตูรั้วก็พบว่ามารดายืนที่เฉลียงหินอ่อนกวักมือเรียก นึกว่าจะมีธุระอื่น แต่ตรงกันข้าม
“เท่าที่แม่สังเกต กุลอาลัยอาวรณ์โหน่งเหลือเกิน ถ้าเก็บความรู้สึกไม่เก่งคงจะน้ำตาร่วงเผาะ”
บุตรชายนึกหัวเราะ นี่เป็นสิ่งที่แสดงออกชัดเจน คุณแม่รังเกียจเดียดฉันท์อุมาวสี สร้างกุลณัฐที่ท่านชื่นชอบขึ้นมาเป็นคู่แข่ง ต่อไปท่านจะรู้เองว่าเขาใจเดียวรักเดียวมั่นคง ไม่ยอมเปลี่ยน
“เอ ผมไม่ยักทราบ”
คุณนายนุชนารถทำท่าคล้ายจะค้อน แต่ไม่ค้อน ฉะนั้น จึงดูอาการค่อนข้างจะประดักประเดิด
“โหน่งเป็นผู้ชาย ไม่มีเซนส์ละเอียดอ่อนเท่าผู้หญิง”
“ครับ ผมทราบ ในอดีตเราเป็นเพื่อนสนิทกันมากที่สุดคนหนึ่ง ผมยังไม่เคยเอ่ยปากขอแต่งงาน”
“โฮ้ย นั่นเป็นสายใยบางๆ กั้นขอบเขตระหว่างจะถึงไม่ถึง” สุภาพสตรีเจ้ายศกล่าวแก้โดยไหวพริบ “แต่สังคมทั่วไปเขารู้ว่าโหน่งเป็นแฟนเธอ”
“คุณแม่พอใจหรือครับ ถ้าผมหย่าร้างอุ แล้วมาแต่งงานกับกุล”
จี้ใจดำตรงเผง ใครจะยอมรับ คุณนายออกอาการคล้ายพาลรีพาลขวาง
“เอ๊ะ โหน่งอย่ามากล่าวหาแม่นะ แกจะหย่าร้างหรือไม่ นั่นเป็นเรื่องส่วนตัว แม่ไม่เกี่ยว เท่าที่บอก ก็แค่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้นเอง”
มารดาปั้นปึ่ง สะบัด สืบเท้าเข้าคฤหาสน์
พิชญ์มุ่งสู่ตึกขาว ไม่ถือสาบุพการี คาดว่าความกตัญญูรู้คุณ จะทำให้สถานการณ์อึมครึมคลี่คลายในที่สุด ก้มเก็บดอกมะลิบานจากต้นริมทางเดิน ได้เต็มอุ้งมือ
อุมาวสีกำลังชมรายการโทรทัศน์ภาคข่าว ชายหนุ่มนั่งเบียด โอบเอวจูบแก้มฟอด
“พี่เก็บมะลิมาฝากอุ”
“ดีแล้วค่ะ วางไว้ข้างหมอน จะส่งกลิ่นหอมตลอดคืน”
ดรุณีร่างงามระหงหยั่งรู้เหตุการณ์ที่คฤหาสน์ แต่ไม่ปริปากถามให้เสียบรรยากาศ
O O O O
พิณทิพย์ให้ลูกน้องอาศัยรถเก๋งมาลงกลางทาง บริเวณใกล้ป้ายรถเมล์ พลันตาไวเหลือบพบอุมาวสีหิ้วถุงยืนอยู่ในกลุ่มคน
เชอะ…ดัดจริต ทำตัวติดดิน ก็โหนรถเมล์ต่อไปเถอะ แม่คุณ ลอเยเห็นเราด้วย ช่างปะไร
เด็กสาวพนักงานโรงแรมรุ่นน้องไหว้ขอบคุณ พี่สาวพิชญ์ดึงประตูปิดกึกเคลื่อนยานพาหนะคู่ชีพ ครู่เดียวก็หายลับไปในความยาวของท้องถนน
ภาคเย็นการจราจรไม่ค่อยจะราบรื่น ผ่านรถติดเป็นระยะ แต่ถึงอย่างไรย่อมเร็วกว่าใช้รถประจำทางหลายเท่า
บัดนี้ พิณทิพย์เคลื่อนเก๋งคันงามชะลอจอดในโรงรถ ดับเครื่องก้าวลงมาส่งสัมภาระให้สาวใช้ที่รอรับ
โอ…โน่นอะไรกันเล่า
อุมาวสีนั่งเล่นที่เฉลียงหินอ่อน มองผีเสื้อสีเหลืองตัวจิ๋วที่บินฉวัดเฉวียน
หล่อนก้าวฉับๆ ตรงไปตึกขาว ย่นหัวคิ้วฉงนสนเท่ห์
“ฉันขับเก๋งผ่านหน้าตลาด ส่งลูกน้องลงเลยป้ายรถเมล์ไปหน่อย บังเอิ๊ญ-บังเอิญแลเห็นอุ แต่ไม่อาจจะถอยหลังมารับเธอ เดี๋ยวไปจูบกับรถใครเข้า อุมาได้ยังไงจ๊ะ เร็วมาก”
น้องสะใภ้อัดอั้นตันทรวง ถือสัจไม่กล่าวเท็จ ครั้นบอกความจริงก็เท่ากับเปิดเผยว่าเก่งเหนือมนุษย์
อยากเป็นคนธรรมดาที่ซ่อนอิทธิฤทธิ์ไว้สำแดงยามฉุกเฉิน ไม่ใช่เพื่อคุยโอ้อวดอัตตา
เหตุผลสองประเด็น หนึ่ง-รถเมล์ผู้โดยสารแน่นเบียดเสียด สอง-หิ้วถุงเต้าฮวย ขืนมัวชักช้าน้ำขิงจะเย็นไม่อร่อย
เด็กสาวใช้วิชาย่นระยะทาง นั่นเป็นอิทธิฤทธิ์ขั้นพื้นฐาน
“ทำอ้ำอึ้งเชียว ไม่ได้ยินเรอะฉันถาม อะไรมันอุดปากเธอ”
มุสาวาท ละเมิดศีลข้อที่สี่ จะทำให้พลังวิเศษในตัวเสื่อม จักรยานยนต์วิ่งผ่านถนนซอย สายตาหลุกหลิกของอุมาวสีเหลือบไปทางประตูเหล็กดัด
“อ๋อ ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่อุเรียกชื่อรถไม่ถูก” พิณทิพย์ทึกทักเอาเอง “ระวังนะจ๊ะ นักบิดบางคนอันธพาลแอบแฝง มันจะพาเธอไปเรียงคิว”
“เรียงคิวหมายความว่าอะไรคะ”
“ข่มขืน” พานคิดว่าน้องสะใภ้แกล้งงี่เง่าอินโนเซนต์ ทั้งที่ร้ายเงียบคว้าตัวพิชญ์ติดหนับ “พรรคพวกต่อแถวยาวเหยียด”
นางมณีวงศ์โผล่ออกมาจากแนวพุ่มพฤกษ์เงียบเชียบ เปรยขึ้นลอยๆ
“เอะอะมะเทิ่งเชียว”
“แนทคุยกับอุค่ะ” สุ้มเสียงอ่อนลง พิณทิพย์เกรงใจบุพการี “เธอไม่รู้จักชื่อมอเตอร์ไซค์ เพราะหิมพาลัยมีแต่ล่อกับเกวียน คำนี้เป็นภาษาอังกฤษ คนไทยเรียกทับศัพท์”
“เต้าฮวยที่อุซื้อมาฝากยาย น้ำขิงเผ็ดจัดยังร้อน กินแล้วโล่งคอ ขอบใจอีกครั้งจ้ะ เธอว่างหรือเปล่ามาช่วยบีบนวดน่องให้ยายแก้เมื่อย”
“ว่างค่ะ”
หลานสาวคนกลางเม้มริมฝีปาก ความไม่ชอบที่เป็นทุนเดิมต่อเติมแตกแขนง อ้อ…ประจบประแจงคนแก่ หวังจะยึดเป็นที่พึ่ง แม่คนนี้ฉลาดเหลี่ยมจัด
เชอะ…กุศโลบายของพวกระดับรากหญ้า
พิณทิพย์สืบเท้ามุ่งสู่คฤหาสน์ ขณะที่อุมาวสีตามนางมณีวงศ์ไปตึกเล็ก
ท่านเอนกายระนาบบนโซฟา ใช้หมอนอิงหนุนศีรษะ ผมหงอกขาวโพลนรับกับใบหน้าจีบริ้ว
“เผื่อคุณยายงีบหลับ อุกลับไปตึกขาวนะคะ”
“ตามสะดวก”
ไม่เหมือนหนแรกที่สตรีวัยดึกกำหนดให้อ่านหนังสือพิมพ์ด้วย อุมาวสีจดมือลงที่โคนขาบีบขยำ แผ่อำนาจสะกดกึ่งหนึ่ง กระแสจิตสร้างจินตนาการเชิงสันติสุข
ระลึกถึงวัดเชิงเขา บรรยากาศร่มเย็นด้วยพฤกษาใหญ่น้อย ฝูงนกร้องจิ๊บเจี๊ยบเซ็งแซ่ ผีเสื้อแสนสวยบินว่อน
โบสถ์และกุฏิรูปเก๋งจีนประยุกต์ มองผิวเผินคล้ายพระราชวังฮ่องเต้แห่งอดีตนับพันปี พระภิกษุชรานุ่งห่มจีวรสีกรักเดินจงกรมสังวรศีล น่าเคารพกราบไหว้ สมเป็นศิษย์ตถาคต
นางมณีวงศ์คลายปวดเมื่อย สบายเนื้อสบายตัว นัยน์ตาสะลึมสะลือ หูแว่วเสียงริ้งๆ เหมือนจิ้งหรีดขยับปีกในพงหญ้า ในที่สุดท่านก็งีบหลับผล็อย ริมฝีปากเผยอ
หมอนวดเฉพาะกิจย่องลงจากตึก กลับที่พัก โล่งอกที่ปฏิบัติภารกิจเสร็จเรียบร้อย
พิชญ์ขับยานพาหนะคันหรูผ่านเข้าประตูรั้ว จอดในโรงรถ ดับเครื่องยนต์
ปี๊บ-ปี๊บ!
ชายหนุ่มดึงโทรศัพท์มือถือออกจากเข็มขัด หมายเลขแปลกไม่คุ้นเคย ใครหนอ
“ฮัลโหล…”
“กุลเองค่ะ พี่โหน่ง”
ภาพสาวสังคมปรากฏในห้วงนึก สวยคนละแบบกับอุมาวสี แต่งกายนำสมัยเฉียบ ชายกระโปรงย้วย ด้านหนึ่งยาวถึงข้อเท้าอีกด้านสูงคลุมเข่า
“โอ…กุลนั่นเอง มีธุระอะไรครับ”
“พี่โหน่งสนใจละครเวทีหรือเปล่า” สาวโสภาดำเนินการตามแผน
โดยไหวพริบ พิชญ์รู้ทันทีว่ากุลณัฐวางแผนชวนเขาชมละครเวที ฟื้นฟูความปฏิพัทธ์ ช่วงชิงความสัมพันธ์ดั้งเดิมกลับคืน
จะไหวหรือ ใครจะว่าโง่ก็ยอมโง่ เขาไม่นิยมพฤติกรรมคาสโนว่า รักเดียวใจเดียว
ภาพแห่งอดีตยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ เขาพลัดหลงถิ่นเข้าไปในหิมพาลัยนคร อุมาวสีเลี้ยงดูอย่างดียิ่ง ได้รับความสะดวกสบายตามสภาพแวดล้อม หากไม่ได้หล่อน เขาคงไม่มีชีวิตจนถึงทุกวันนี้
“สนใจนิดหน่อยครับ”
“กุลจองบัตรชมละครเรื่องลูกเจ้าคุณไว้สองใบ ว่าจะไปชมกับเพื่อนหญิง แต่บังเอิญเพื่อนคนนั้นป่วยเข้าโรงพยาบาล พี่โหน่งไปชมกับกุลนะคะ รับรองว่าฉากอลังการ สามมิติ ใกล้เคียงละครบรอดเวย์”
รู้คำตอบว่าขัดข้อง แต่จะปฏิเสธโต้งๆ ไม่เหมาะ ควรรักษามารยาท หาเงื่อนไขที่คู่สนทนายอมรับ
“เมื่อไหร่ครับกุล”
“วันที่สามสิบเดือนนี้รอบทุ่มตรงค่ะ”
“โอ…ท่าจะขัดข้องเสียแล้ว เพราะวันรุ่งขึ้นผมจะต้องไปฝึกงานที่สาขาบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ร้านตั้งอยู่ในห้างแถวชานเมืองครับ วันที่สามสิบต้องทำการบ้านหนักเตรียมพร้อม มิฉะนั้น จะเสียหายแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูล”
ผู้ฟังรู้สึกผิดหวังที่พลาดนัดแรก แต่ความพยายามใช่ว่าจะสิ้นสุด
“ไม่เป็นไรค่ะ เอาไว้วันหน้า เท่านั้นแหละ กุลไม่รบกวนเวลาพี่โหน่ง”
พิชญ์เก็บเครื่องมือสื่อสาร ลงจากรถเก๋ง กดกุญแจรีโมตล็อก ภรรยาสาววัยรุ่นรอรับที่เฉลียงหินอ่อน ไม่ถามสักคำว่าโทร.คุยกับใคร ทั้งที่จิตอันทรงพลังสัมผัสกระแส
O O O O
นายพิพัฒน์และภริยาไปงานเลี้ยงฉลองสมรสลูกชาย-ลูกสาวมหาเศรษฐี ที่คฤหาสน์นางมณีวงศ์อยู่กับหลานสาวสองคน ท่านเล่าความประทับใจ อุมาวสีบีบนวดครั้งที่สอง
“มืออุไม่หนักไม่เบากำลังพอดี ยายสบายเนื้อสบายตัว เผลองีบหลับผล็อยฝันประหลาดจ้ะ”
พีรวรรณและน้องสาวไม่แปลกใจจนนิดเดียว นอนมากย่อมฝันมาก เป็นธรรมดาของปุถุชน นักจิตวิทยากล่าวว่า เกิดจากสิ่งที่สั่งสมอยู่ในความทรงจำ สะท้อนออกมาในรูปของสุบินนิมิต พิณทิพย์แกล้งสนใจ
“คุณยายฝันว่ายังไงบ้างคะ”
บุพการีเล่าความว่า ฝันถึงวัดเชิงเขา ทิวทัศน์สวยงาม มองไปทางไหนเห็นแต่ป่าไม้เขียวชอุ่ม ดอกไม้ป่าบานสะพรั่ง เทือกเขาสลับซับซ้อน โบสถ์และกุฏิรูปเก๋งจีนประยุกต์ โดยเฉพาะกุฏิใหญ่โตคล้ายพระราชวังฮ่องเต้ พักรวมกันหมดไม่ว่าสงฆ์หรือเณร
พระภิกษุเฒ่านุ่งห่มจีวรสีกรัก เดินจงกรมท่ามกลางฝูงผีเสื้อและนกร้องเพลง
สิ่งที่ท่านไม่ทราบคือ มันเป็นความฝันเทียม เกิดจากการสร้างจินตนาการของอุมาวสี
“เมื่อตื่นขึ้น ยายรู้สึกอิ่มเอิบปลื้มปีติอย่างบอกไม่ถูก”
สองพี่น้องลอบสบตากันอมยิ้ม ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ที่เป็นการขัดคอนางมณีวงศ์
กริ๊ง-กริ๊ง!
ลูกสาวคนโตของคุณนายนุชนารถลุกไปรับโทรศัพท์บ้านที่มุมห้องโถง
“ขอสายพี่แนนค่ะ”
“กำลังพูดค่ะ”
“นี่กุลเอง” สาวไฮโซเล่าความเชิงฟ้อง “ชวนพี่โหน่งไปชมละครเวทีเรื่องลูกเจ้าคุณ เขาปฏิเสธ พี่แนนไปชมกับกุลนะคะ”
พร้อมกันนั้นก็แจ้งรายละเอียดครบถ้วน
“ตกลง เท่าที่พี่ทราบ โหน่งสอบผ่านสัมภาษณ์ ส่วนขั้นตอนการฝึกงานนั้นไม่รู้ พี่ไม่อยากก้าวก่าย”
“สงสัยพี่โหน่งกลัวแฟนหึง”
สาวสวยลองหยั่งเสียง พีรวรรณผ่อนลมหายใจยาวเหยียดจนฝ่ายตรงข้ามได้ยิน
“นี่แหละ หล่อนเป็นสิ่งที่พวกเราอิดหนาระอาใจ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยกเว้นคุณยายคนเดียวที่รู้สึกกลางๆ น้องกุลอย่าเก็บเอาไปบอกใครนะ”
“รับรอง กุลจะเก็บเป็นความลับสุดยอดค่ะ” สมคะเน กุลณัฐดำเนินนโยบายต่อเนื่อง “ไม่กล้าแนะนำ เดี๋ยวกุลจะกลายเป็นคนส่อเสียด ยุให้รำตำให้รั่ว”
“พี่ไม่คิดหรอก อย่าลืมว่าคุณแม่เราเป็นเพื่อนกัน”
หญิงสาวอิดๆ เอื้อนๆ ชั่วเสี้ยวนาที ก็เปิดเผยแผนการอันแยบยล พีรวรรณกะพริบตาสองแวบ คลี่ยิ้ม
“โอ้โห แผนของกุลซับซ้อนลึกซึ้ง อาจจะเป็นไปได้ค่ะ แม่คนนั้นจะหลุดออกไปจากวงโคจรของโหน่ง คืนนี้คุณแม่กลับมาจากงานเลี้ยง พี่จะปรึกษาหารือกับท่าน”
“ขอให้เป็นความคิดของพี่แนนคนเดียวค่ะ”
การสนทนาทางโทรศัพท์สิ้นสุด
เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษ ยานพาหนะของท่านรัฐมนตรีและภริยาก็มาถึงคฤหาสน์ โดยมีรถตำรวจนำขบวนอารักขา
นายพิพัฒน์กับคุณนายขึ้นชั้นบนผลัดเปลี่ยนชุด สามีเสร็จก่อนลงไปชั้นล่าง ชมรายการโทรทัศน์พักอิริยาบถ
ก๊อก-ก๊อก!
“ใครจ๊ะ”
“แนนค่ะ”
พีรวรรณถือวิสาสะดึงประตูลวดสกรีนเข้าไปนั่งใกล้มารดา ขณะนั้นคุณนายนุชนารถกำลังทาครีมบำรุงผิว
“คุณแม่เริ่มชอบลอเยบ้างหรือยังคะ”
“อุ๊ย! เอาอะไรมาพูด ทั้งรังเกียจขยะแขยง แต่ก็ขว้างงูไม่พ้นคอ”
“กำลังจะพ้นค่ะ แนนมีวิธีแยบคาย”
สุภาพสตรีวัยทองมองทายาทเพ่งพิศ ธิดาคนโตทำท่าเสมือนหนึ่งว่า สิ่งที่จะขยายนั้นสำคัญยิ่งนัก
“ลอเยไม่เคยออกงานสังคม ขลุกอยู่แต่ในตึกขาว โหน่งเคยพาออกไปข้างนอกเป็นบางครั้ง ชีวิตอยู่ในกรอบแคบๆ สมถะ แนนคิดว่าถ้าเราพาลอเยออกไปสู่แสงสีศิวิไลซ์ บริโภคนิยม สะสมวัตถุ รู้จักหนุ่มหล่อที่เอาใจเก่ง ไม่ช้าหรอก หล่อนจะแตกเปลี่ยวกู่ไม่กลับ ถึงขั้นหย่าร้างกับโหน่ง หรือไม่ก็หอบผ้าหนีตามผู้ชายอื่น”
ชะงักนิด รู้สึกประหนึ่งเห็นดวงตาสวรรค์ คุณนายนุชนารถปิดฝากระปุกครีมที่ลบรอยเหี่ยวย่น
“เข้าท่านะ แนนไปเอาความคิดนี้มาจากไหน”
ตกลงกับกุลณัฐแล้วว่าจะไม่เปิดเผยความจริง พีรวรรณรับสมอ้างเองหน้าตาเฉย
“มันสว่างวาบขึ้นในใจค่ะ ถ้าจะพูดโดยสำนวนก็ต้องว่า จุดประกายความคิด”
“แนทรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“แนนยังไม่ได้บอก”
“เอาละ แนน-แนทดำเนินการได้เลย” มารดาพยักหน้าอนุญาต “อย่าให้คุณยายรู้เรื่อง แม่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องด้วยจ้ะ”
ลูกสาวกลับลงมาชั้นล่าง ปลอดโปร่งโล่งอก ความคิดแตกแขนง แผนย่อยมากมายเกิดขึ้นในสมอง หล่อนเปิดตู้เย็น หยิบแท่งช็อกโกแลตลงจากคฤหาสน์เดินไปตามทางเท้าระหว่างพุ่มพฤกษ์ ผ่านขึ้นเฉลียงหินอ่อนของตึกขาว
ขณะนั้นอุมาวสีกำลังชมโทรทัศน์ภาคข่าวตามลำพัง
“อุจ๊ะ”
เจ้าของนามไหวกายเหลือบมอง
“เชิญค่ะ พี่แนน”
พีรวรรณสืบเท้าเข้าไปนั่งเก้าอี้บุนวม ยื่นสิ่งที่ถืออยู่ในมือ
“เอ้า พี่ให้เธอ” น้ำเสียงเอื้ออาทร ราวกับว่าไม่เคยมีความขุ่นข้องในใจเลย
“ช็อกโกแลตผสมนมวัวเม็ดอัลมอนด์ ไม่รู้ว่าอุจะทานได้หรือเปล่า”
อุมาวสียกมือไหว้ขอบคุณ รับแท่งช็อกโกแลตที่หุ้มกระดาษตะกั่วสีทอง พลางอธิบายประกอบ
“นมวัวทานได้ค่ะ อุถือว่าเป็นลูกของมัน”
“โหน่งนอนแล้วรึ”
“เขาอยู่ชั้นบน พิมพ์คอมพิวเตอร์เรื่องหิมพาลัยค่ะ เปรียบได้ว่าประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งในชีวิต อุไม่อยากรบกวน เลยลงมาชมรายการโทรทัศน์”
“ทำไมเธอไม่ชมละคร บางเรื่องสนุกมาก ผู้ชมติดหนึบ”
น้องสะใภ้คลี่ยิ้มเจื่อน เคยเปิดผ่านแต่ละช่วง มักจะเจอแต่ประเภทอิจฉาริษยาแรงร้อน ตบตีทะเลาะวิวาท แย่งผัวแย่งเมีย ชู้สาวกิเลสเข้มข้นกระจายฟุ้ง ห่างไกลจากชีวิตของชาวหิมพาลัยคนละขั้ว
“อุชอบชมข่าวให้เนื้อหาสาระและความรู้ค่ะ”
หล่อนกล่าวชมเชย สักประเดี๋ยวก็ขอตัวลงจากตึก
นึกแปลกใจในการเปลี่ยนท่าทีของลูกสาวคุณนายนุชนารถ อุมาวสีใช้แหวนเงินสัมผัสไม่พบสารพิษใดๆ ผสมในแท่งช็อกโกแลต