วิวาห์ถอดรูป บทที่ 2 : เจ้าแม่ส่งของ

วิวาห์ถอดรูป บทที่ 2 : เจ้าแม่ส่งของ

โดย : กุลวีร์

Loading

วิวาห์ถอดรูป โดย กุลวีร์ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เมื่อแม่ๆ หวังให้ลูกของพวกเธอได้มีคู่ครองที่ดี จึงพากันไปขอพรจาก ‘เจ้าแม่ปลวกทอง’ ความมหัศจรรย์จึงบังเกิดกับต่อลาภและเพาพะงา แต่ทั้งคู่ต้องพบเจอกับเรื่องอะไร และแม่ๆ จะสมหวังไหม ต้องติดตามกันเอง

ภายในซอยหมู่บ้านจัดสรรเขตพญาไท ยามดึกช่างเงียบสงัด บ้านแต่ละหลังส่วนใหญ่ดับไฟมืดสนิท จะมีเพียงไม่กี่หลังที่ยังเห็นแสงสว่างของหลอดไฟ ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าสู่บ้านหลังหนึ่งซึ่งรู้จักดี เพราะเป็นลูกค้าขาประจำที่สั่งอาหารแล้วเขาเป็นผู้รับออร์เดอร์จากร้านเพื่อนำมาส่งถึงที่พัก แต่คืนนี้ต่างจากปกติ เจ้าของบ้านคงหิวในช่วงเวลาห้าทุ่มครึ่ง เขาจำเป็นต้องกดรับงานจากร้านค้าแล้วรีบแต่งตัวออกจากห้องเพื่อบริการส่งอาหารให้ถึงมือลูกค้าอย่างเร็วรี่ โดยผู้สั่งรอรับอยู่ที่บ้าน

ต่อลาภเช่าหอพักแถวพญาไทจึงเป็นพนักงานขับรถส่งอาหารย่านนี้ เขาเข้ามาในกรุงเทพมหานครได้เกือบสองปีเพื่อตามหาฝัน แต่ดูท่าแล้วสิ่งที่หวังนั้นต้องรอเวลาเหมาะเจาะสำหรับคนอย่างเขา ระหว่างรอฝันให้เป็นจริงจึงหางานทำ จนลงตัวกับอาชีพในปัจจุบันตามคำชักชวนของเพื่อนสนิทที่เข้ามาหางานทำในกรุงเทพก่อนหลายปี

แสงไฟด้านหน้าของยานพาหนะสองล้อส่องไปตามเส้นทางแสนเคยชิน ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าสู่บ้านซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางด้วยความเร็วไม่มากนัก เนื่องจากกลัวเสียงเครื่องยนต์ไปรบกวนคนที่เข้านอนแล้ว อากาศเย็นในค่ำคืนช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ลมหนาวพัดมาปะทะร่างกาย อาจเป็นความโชคดีที่ชุดยูนิฟอร์มเสมือนเสื้อกันหนาวป้องกันความเย็นจากลมได้เป็นอย่างดี

ถ้าบ้านหลังนั้นไม่ใช่คนที่มาส่งอาหารให้เป็นประจำ เขาคงไม่รับงานและเข้านอนเรียบร้อย แต่เพื่อได้เงินเข้ากระเป๋า จึงยอมทำงานในยามดึกเช่นนี้

เขากดโทรศัพท์มือถือต่อสายถึงผู้สั่งอาหารทันที เมื่อหยุดรถมอเตอร์ไซค์ตรงหน้าบ้านเดี่ยวหนึ่งชั้นพร้อมทั้งดับเครื่องยนต์ พอปลายสายตอบรับ ไม่นานนักก็มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากตัวบ้าน ปลดกลอนประตูเหล็กดัด ก้าวขามาหาเขาและส่งยิ้มอย่างคนคุ้นเคยกันดี ตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ๆ พอลูกค้าท่านนี้เจอกับเขาก็ชอบสั่งอาหารเพื่อให้เขามาส่งในช่วงกลางวันเกือบทุกวัน จนเหมือนคนรู้จักกัน แต่ชายหนุ่มไม่อยากผูกมิตรด้วย เพราะรอยยิ้มและแววตาหวานเยิ้มของอีกฝ่ายที่เห็นทุกครั้งตอนมาส่งอาหาร เวลานี้ก็เช่นเดียวกัน แม้จะอยู่ในความสลัวลาง ต่อลาภยังขนลุกเสมอ ยามที่ลูกค้าชายคนนี้มีท่าทางสนอกสนใจในตัวเขา

“เป็นไงบ้างวันนี้ ดึกหน่อยนะที่พี่สั่งอาหาร” คำทักทายจากเจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นชายรูปร่างบึกบึน สวมเสื้อกล้ามตัวเล็กรัดลำตัวจนเห็นหน้าอกเป็นมัดกล้ามเนื้อค่อนข้างใหญ่โตไม่แพ้ต้นแขน นุ่งกางเกงเลกกิ้งขาสั้นเห็นส่วนสัดช่วงล่างชัดเจนโดยเฉพาะตรงเป้าซึ่งนูนออกมาด้านหน้า ถ้าไม่เคยได้ยินคำบอกเล่าจากชายตรงหน้า คงไม่เชื่อว่าลูกค้าท่านนี้อายุเกือบหกสิบปี

“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมมาส่งให้ได้ แต่กลางคืนที่หมู่บ้านนี้เงียบเชียบจังเลยครับ”

“คนในหมู่บ้านนี้นอนกันเร็ว ทำตัวเหมือนอยู่ต่างจังหวัดเลยนะ สี่ทุ่มก็ปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว น้องต่อต้องไปส่งอาหารที่อื่นอีกหรือเปล่า” เจ้าของบ้านเอ่ยออกมา ขณะที่เขาหยิบถุงใส่อาหารจากกล่องบนท้ายรถมอเตอร์ไซค์

“บ้านพี่เป็นหลังสุดท้ายแล้วครับ” ต่อลาภตอบพลางยื่นถุงอาหารให้อีกฝ่าย

“อ้าว! ดูสิกระเป๋าที่พี่หยิบมา ไม่มีเงินสักบาท พี่ต้องเข้าไปหยิบเงินให้น้องต่อ รบกวนน้องต่อช่วยถืออาหารไปวางในบ้านให้พี่หน่อยได้ไหม” คนพูดทำท่าทางหาเงินในกระเป๋าใบเล็กซึ่งถือติดมือมาด้วย

ต่อลาภจำเป็นต้องเดินถือถุงอาหารเข้าไปในบ้านลูกค้า ปกติจะไม่ทำเช่นนี้ แค่มาส่งให้ถึงมือลูกค้าเพียงหน้าประตูบ้านเท่านั้น พอรับเงินเสร็จก็ขับรถออกมา

ชายหนุ่มเข้าไปในตัวบ้านซึ่งเปิดแสงไฟสลัวและมีเสียงดนตรีดังเบาๆ เพิ่งรู้ว่าค่ำคืนนี้เจ้าของบ้านไม่ได้อยู่คนเดียว ตอนที่เห็นผู้ชายอีกสองคนนั่งบนโซฟาซึ่งมีรูปร่างและสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกับคนที่บอกว่าจะเข้ามาหยิบเงินค่าอาหาร

“วางบนโต๊ะนั้น วันนี้พี่จัดปาร์ตี้กับเพื่อนกำลังสนุกเลย น้องต่อจะดื่มสักแก้วไหม”

“เอ่อ…ไม่เป็นไรครับ ผมต้องขับรถกลับห้อง” ต่อลาภวางถุงอาหารไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยด้านหน้าโซฟาซึ่งมีแก้ว ขวดเบียร์ และขนมคบเคี้ยวอยู่บนนั้น

“ถ้าขับรถกลับไม่ไหวก็นอนกับพวกพี่ คืนนี้จะพาไปทัวร์สวรรค์” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยออกมา ก่อนที่จะหัวเราะพร้อมกัน

เขารับรู้ถึงสายตาของผู้ชายสองคนบนโซฟาซึ่งน่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าของบ้านที่จ้องมองเขาไม่วางตา

ต่อลาภอยากรับเงินแล้วรีบออกไปจากบ้านหลังนี้ เขามองเจ้าของบ้านกำลังรินเบียร์ใส่แก้วและยื่นแก้วนั้นมาไว้ตรงหน้าเขา “ดื่มสักแก้วก่อนนะ แล้วพี่จะให้ค่าอาหาร”

เขาถูกชายอีกคนหนึ่งดึงแขนให้ลงไปนั่งข้างๆ แก้วใบนั้นยังตามมาจ่อตรงปาก เขายังปฏิเสธและอ้างเหตุผลตามเดิม “ผมไม่กินเบียร์ครับ เดี๋ยวขับรถกลับห้องไม่ได้”

“หุ่นน่าเจี๊ยะเหมือนที่มึงบอกเลย แถมยังหน้าตาดีอีกด้วยขนาดอยู่ในหมวกกันน็อกก็รู้ว่าหล่อ น้องไม่ต้องกินเบียร์ก็ได้ ดื่มน้ำเปล่าให้ชื่นใจก่อน ค่อยกลับแล้วกัน น้องอายุเท่าไหร่” คนพูดปัดแก้วออกห่างจากปากเขา แล้วหยิบแก้วที่มีน้ำเปล่าส่งให้ พร้อมทั้งจ้องหน้าด้วยแววตาเหมือนอยากกลืนกินเขาไปทั้งตัว

ต่อลาภรับแก้วน้ำเปล่ามาถือไว้ ตอนนี้เขาต้องทำใจดีสู้เสือเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ตรงหน้าไปให้ได้ “ยี่สิบสี่แล้วครับพี่”

“กำลังน่ากินเลยพวกเรา” ชายอายุมากทั้งสามคนตบมือและหัวเราะพร้อมกัน

ต่อลาภถูกขนาบข้างด้วยชายเจ้าของบ้านและเพื่อนชายอีกคน เขาต้องสะดุ้งยามต้นขาขวาถูกมือของคนที่นั่งอยู่ข้างกายถูไถไปมา “พวกพี่ขอลองสักครั้งได้ไหม เด็กๆ แบบนี้คงอร่อย แล้วพี่จะให้ค่าอาหารแถมด้วยค่าขนมอีกด้วยนะ”

เขาลุกขึ้นยืนเร็วพลัน เมื่อรู้ความหมายในคำกล่าวที่ได้ยิน แต่ถูกเพื่อนเจ้าของบ้านอีกคนมายืนขวางไว้ด้านหน้าแล้วผลักเขาให้ลงไปนั่งบนโซฟาตามเดิม ต่อลาภตกอยู่ในวงล้อมของเกย์เฒ่ารูปร่างกำยำทั้งสามคน

“คนนี้กูเล็งมาเป็นปีแล้วนะโว้ย คืนนี้กูขอเปิดซิงค์ก่อน พวกมึงสองคนทีหลัง ได้มันส์กันทั้งคืนแน่ๆ หล่อๆ อย่างนี้” คำพูดหยาบคายจากปากเจ้าของบ้านซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน ลบล้างความสุภาพที่เคยได้พบจากอีกฝ่าย

“ผมไหว้ละครับพี่ อย่าทำอะไรผมเลย” ต่อลาภพนมมือตรงหน้าอก รู้ชะตากรรมตนเองที่กำลังจะเผชิญ

“มึงพูดเป็นเล่นไป น้องมันกลัวจนหำหดหมดแล้ว ค่อยๆ ประโลมดิว่ะ” คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเอ่ยขึ้น

ต่อลาภพยายามคิดหาวิธีให้ตัวเองรอดพ้นจากสถานการณ์บ้าๆ นี้ แม้พอจะรู้ว่าเจ้าของบ้านเป็นพวกชอบเพศเดียวกัน แต่ไม่คิดว่าคืนนี้ยังมีอีกสองคนที่มีรสนิยมไม่ต่างกัน แค่รับมือกับเจ้าของบ้านคนเดียวก็แทบแย่แล้ว นี่มีเพิ่มอีกสองคน เขาจะทำเช่นไร

ชายหนุ่มนั่งนิ่งไม่ไหวติง คล้ายยินยอมให้ผู้ที่นั่งประชิดทั้งสองข้างลูบต้นขาของเขาคนละข้าง แล้วพูดเสียงค่อย “ผมไม่เคยนะครับพี่”

“ไม่เป็นไร พี่จะสอนน้องต่อให้เอง ถ้าลองแล้วอาจจะติดใจพวกพี่ก็ได้ พวกมึงสองคนออกมาให้ห่างจากน้องต่อเลย กูจะสอนน้องเองแบบสองต่อสอง” เจ้าของบ้านพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงเข้มยามไล่เพื่อนสองคนซึ่งย้ายไปนั่งโซฟาอีกตัวแล้วจูบปากกันให้เขาเห็น

“พี่ครับ ผมปวดฉี่ ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหม” เขาพูดถ่วงเวลาเพื่อหาทางหนีทีไล่ และไม่อยากมองภาพอุจาดตาของชายสองคนกำลังนัวเนียกันบนโซฟา

คืนนี้เขาจะไม่ยอมเสียความบริสุทธิ์ให้เกย์เฒ่าพวกนี้แน่นอน ต่อลาภตั้งมั่นกับตัวเอง

“พี่พาน้องไปห้องน้ำเอง จะได้ดูด้วยว่าตรงนั้นจะดีเหมือนหน้าตาไหม” เพื่อนเจ้าของบ้านเอ่ยขึ้นแล้วมองมายังเป้ากางเกงของเขา

“มึงไม่ต้องมายุ่งกับน้องต่อของกู บ้านกู กูพาไปได้”

“แหม…ทำมาเป็นหวง ถ้าคืนนี้มึงไม่ได้พวกกูยุให้ทำแบบนี้ ป่านนี้มึงก็ได้แต่มองหน้าน้องต่ออยู่อย่างนั้น คงไม่มีหวังได้กินหรอก รู้อย่างนี้กูพาเด็กของกูมาด้วยก็ดี ไม่ต้องมานั่งรอจนเหงือกแห้ง”

บทสนทนาของชายมีอายุพวกนี้ ยิ่งเขาได้ยิน ยิ่งรู้ว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ

ต่อลาภเดินตามหลังเจ้าของบ้านไปยังห้องน้ำ เอ่ยด้วยความข้องใจ “ผมขอถามได้ไหมครับ อายุของพวกพี่ไม่ใช่น้อยๆ ยังมีอารมณ์อย่างนั้นอยู่อีกเหรอครับ”

“น้องต่อไม่ต้องกลัวหรอก ของพี่ยังปึงปังสู้กับน้องได้ ถึงแม้พวกพี่จะเคยเป็นนักกีฬารักบี้มาก่อน ตอนนี้ก็ยังออกกำลังกายเข้ายิมทุกวัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ พี่มียาช่วย คืนนี้ได้มีความสุขกับพี่แน่นอน”

เขาเพิ่งรู้สาเหตุที่ทำให้เจ้าของบ้านมีรูปร่างกำยำ พอถึงประตูห้องน้ำเหมือนโชคช่วย เพราะมีกลอนล็อกประตูจากด้านนอก ชายหนุ่มหาทางรอดให้ตัวเองได้เสียที “พี่ครับ ผมอายพี่สองคนนั้น พี่ช่วยสอนผมในห้องน้ำได้ไหมครับ” เขาพูดพลางผายมือให้เจ้าของบ้านเดินนำเข้าไปในห้องน้ำ

“อย่างนั้นก็ได้ ถ้าน้องต่อต้องการ” คนพูดหันหลังให้เขาแล้วเปิดประตูห้องน้ำเดินเข้าไปโดยดี ต่อลาภได้จังหวะ ยกเท้าขวาถีบก้นคนด้านหน้าอย่างเต็มแรงแล้วปิดประตูลงกลอน วิ่งออกมาตรงส่วนกลางของบ้าน

เสียงโวยวายของคนที่ถูกขังในห้องน้ำดังพอให้ชายอีกสองคนลุกมาจากโซฟาแล้วขวางประตูทางออกไว้ หนึ่งในสองคนนั้นเอ่ยขึ้น “ขัดขืนอย่างนี้สิ พวกพี่ชอบ มันปลุกเร้าอารมณ์ได้ดี ช่วยกันจับน้องไว้แล้วมาขึ้นสวรรค์พร้อมกัน”

บัดนี้เหลือสองต่อหนึ่ง ต่อลาภยืนคุมเชิง ขณะเกย์เฒ่าทั้งสองกางแขนเพื่อต้อนจับตัวเขา

ถึงแม้ชายหนุ่มจะมีรูปร่างสูง แต่ความแข็งแรงไม่อาจเทียบเท่าผู้ใหญ่สองคนซึ่งเป็นอดีตนักกีฬาและยังมีร่างกายบึกบึน ต่อลาภถูกรวบแขนรวบขา พยายามสะบัดแขนขาแต่ไม่อาจรอดพ้นพันธนาการจากมือแข็งแกร่งได้ ชายสองคนช่วยกันหามเขามาวางไว้บนโซฟา

ต่อลาภตะโกนร้องสุดเสียง “ปล่อยผม ช่วยด้วยครับ ช่วยผมด้วย”

“อย่าดิ้นสิครับน้องชายสุดหล่อ แรงแค่นี้จะมาสู้พวกพี่ได้ยังไง ถึงจะเกือบหกสิบ แต่กำลังยังเหลือเฟือ ไม่เชื่อคืนนี้ก็รู้เอง” คนที่อยู่ด้านบนศีรษะพูดขึ้นพร้อมกดไหล่เขาให้นอนลง ต่อลาภใส่ชุดพนักงานและสวมหมวกกันน็อกพยายามดันตัวลุกขึ้นนั่ง แม้จะไม่เป็นผลก็ตาม

“วันนี้กูจะได้ลองเล่นกับเด็กส่งอาหาร ถ้าติดใจพวกพี่ ขับรถมาหาได้บ่อยๆ ถอดหมวกออกดีกว่า จะได้เห็นคนหล่อเต็มๆ ตา” ชายอีกคนซึ่งนั่งทับขาเขาไว้เอ่ยขึ้น พร้อมกับโน้มตัวมาทางด้านหน้า เมื่อรู้ว่าแรงกดตรงขาลดน้อยลง ต่อลาภเรียกกำลังที่เหลืออยู่ให้ฝืนสู้สุดชีวิต จนหน้าแข้งโดนจุดสำคัญของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนบนโซฟา มือข้างหนึ่งกุมตรงเป้า เขาไม่รอช้า ยามขามีอิสระจึงหาโอกาสเตะผ่าหมากคนยืนคร่อมขาของเขาไว้ทำให้ซ้ำไปตรงจุดเดิมเป็นการทำลายกำลังฝั่งตรงข้าม ส่วนอีกคนที่ยังกดไหล่เขาไว้ ต่อลาภใช้ศีรษะในหมวกกันน็อกกระแทบกับใบหน้าอีกฝ่ายอย่างแรง จนหลุดพ้นจากสองมือที่กดไหล่ไว้

เขาลุกขึ้นนั่งเมื่อเป็นอิสระแล้ววิ่งไปยังประตูหน้าบ้าน ไม่รอช้ารีบคว้ามอเตอร์ไซค์ขับออกไปโดยด่วน ไม่สนค่าอาหารที่ยังไม่ได้รับมา เพราะกลัวความบริสุทธิ์ของลูกผู้ชายจะถูกเกย์เฒ่าพรากมันไปในคืนนี้

ต่อลาภขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วที่ยังสามารถประคองยานพาหนะสองล้อไปตามซอกซอยในหมู่บ้านได้ ทั้งที่ใจจริงอยากเพิ่มความเร็วให้มากกว่านี้ โดยไม่คำนึงถึงเสียงดังจากท่อไอเสียจะไปรบกวนผู้อื่น ขอแค่นำพาตนเองให้รอดพ้นจากคนพวกนั้นได้ก็พอ

ชายหนุ่มโล่งใจมาก เมื่อขับรถมอเตอร์ไซค์ออกมาสู่ถนนหลักของย่านพญาไท และย้ำกับตัวเองว่าจะไม่มาหมู่บ้านนั้นอีกเด็ดขาด ความเร็วของรถลดลงเมื่ออยู่ในเส้นทางมุ่งหน้ากลับสู่หอพัก เขายังเสียขวัญและไม่หายตกใจกับสถานการณ์น่าหวาดกลัวจนชวนขนลุกหรือเสียวท้องน้อยเหลือเกิน

โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงสั่นบ่งบอกถึงมีคนโทร.เข้ามา เขาปล่อยให้มันสั่นอยู่อย่างนั้น คงเป็นลูกค้าคนที่หวังในตัวเขาโทร.มาต่อว่าต่อขานหรือขอโทษขอโพยที่คิดทำเกินควร เขาไม่อยากจะเสวนาด้วยอีกแล้ว แต่โทรศัพท์ยังสั่นไม่หยุดหย่อนเหมือนปลายสายจะคุยกับเขาให้จงได้ จนเริ่มหมดความอดทน หยุดรถมอเตอร์ไซค์บริเวณข้างถนนตรงเสาไฟ หยิบมือถือขึ้นมาดู ปรากฏเป็นชื่อน้องชาย

ต่อลาภกดรับสาย “ว่าไง โทรมาอยู่นั้นแหละ มันดึกแล้ว ไม่ยอมนอน”

“พี่ต่อนอนแล้วเหรอ กว่าจะกดรับสายได้ ตังค์โทรเกือบสิบรอบ” ปลายสายเอ่ยสวนกลับมา

“พี่ขับรถอยู่ จะรีบกลับห้องไปนอนเหมือนกัน”

“ทำงานเลิกดึกขนาดนี้ ไม่พักผ่อนบ้าง ระวังจะแย่นะพี่”

“เมื่อกี้เกือบจะแย่เหมือนกัน โชคดีที่หนีมาได้ มีอะไรกับพี่หรือเปล่า ไม่หลับไม่นอน พ่อกับแม่ไม่ว่าเหรอ”

“ไม่มีใครมาว่าตังค์ได้หรอก พ่อพาแม่ไปงานปิดทอง ป่านนี้ยังไม่กลับถึงบ้านเลย ตังค์นอนไม่หลับ แล้วเมื่อกี้พี่ไปเจออะไรมา เล่าให้ฟังบ้างสิ” น้องชายคงจำคำของเขาซึ่งเผลอหลุดพูดออกไป

ต่อลาภเล่าเรื่องที่ตนเผชิญมา เล่าไปยังขนลุกไปยามถึงนึกเกย์เฒ่าทั้งสามคน หากคนปลายสายหัวเราะลั่น ถ้าอยู่ใกล้จะหาอะไรอุดปากให้เลิกขำสักที

“เป็นไงพี่ เกือบจะเสียตัวอีกครั้งแล้วสิ ครั้งที่แล้วยังไม่เข็ดหรือไง” น้องชายเอ่ยขึ้นหลังจากหยุดเสียงหัวเราะได้

“ใครจะไปรู้ว่าอยู่ดีๆ เกือบโดนเกย์จับปล้ำตอนไปส่งอาหาร”

“กลับมาทำงานของบ้านเราดีไหม พ่อคงหายโกรธพี่ต่อแล้ว”

“ไม่ พี่ยังไม่อยากกลับไปทำงานที่บ้าน” แค่นึกถึงกิจการของบ้านตัวเอง กลิ่นควันไฟลอยมาติดปลายจมูก

“พี่ต่อไม่อยากทำงานเผาถ่านก็ไม่เป็นไร แต่กลับมาให้พ่อแม่เห็นหน้าบ้าง แม่บ่นอยากเห็นหน้าพี่”

ตั้งแต่เขาออกจากบ้านมาเพื่อตามหาฝัน ต่อลาภไม่เคยกลับไปเยือนบ้านอีกเลย มีเพียงการโทร.คุยกับน้องชายเป็นประจำเพื่อให้ได้รู้ว่าเขายังสบายดี

“พี่ต้องทำตามที่ต้องการให้ได้ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน พ่อจะได้รู้ว่าคนอย่างพี่ทำได้ แต่ตอนนี้พี่เริ่มไม่ชอบตัวเองแล้ว ที่เกิดมาเป็นคนหน้าตาดี ทำให้ผู้คนเข้ามาหลอกเพื่อหวังแต่เรื่องพรรค์นั้น”

“พี่ต่ออย่าคิดมากเลย มีคนมากมายอยากเกิดมาหล่อ พี่โชคดีแล้วที่เกิดมามีหน้าตาแบบนั้น”

“แต่ในความโชคดียังมีโชคร้ายที่พี่เกือบต้องเสียตัวตั้งสองรอบ ถ้าเป็นไปได้ อยากขี้เหร่ให้รู้แล้วรู้รอด ดูซิ จะมีใครอยากฉุดพี่ขึ้นเตียงอีกไหม”

“พี่ต่อก็พูดไปเรื่อย แล้วจะขับรถส่งอาหารได้อีกเหรอ ก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น”

“คงต้องเลิกส่งอาหารแถวนี้ แล้วค่อยว่ากันจะทำอะไร ตอนนี้ยังไม่ได้คิด”

“ถ้าไม่มีงานให้ทำ กลับมาอยู่บ้านเราได้นะพี่” น้องชายยังย้ำคำกล่าวนี้เสมอในทุกครั้งที่พูดคุยกัน

“พี่จะอยู่กรุงเทพ มันต้องมีหนทางที่ทำให้ฝันเป็นจริง”

“ตังค์ง่วงนอนแล้ว แค่นี้นะ ขับรถกลับห้องดีๆ ระวังจะมีคนฉุดไปทำมิดีมิร้ายอีก คืนนี้พี่ต่ออยากลืมไปสนองความอยากของพวกเขาต่อในฝันนะ” น้องชายหาวเสียงดังและขำออกมา

“หุบปากแล้วไปนอนเลย ถ้าอยู่ใกล้พี่จะเตะตูดสักทีสองที” คนปลายสายยังหัวเราะให้กับคำของเขาก่อนกดวางสาย

ต่อลาภมีน้องชายเพียงคนเดียวชื่อนับตังค์ สองพี่น้องโทรศัพท์ถึงกันอยู่เสมอ พูดคุยเรื่องราวต่างๆ หรือปรึกษาหารือกัน จึงได้รู้ความเป็นไปของครอบครัวผ่านคำบอกเล่าของน้องชาย ส่วนเขานั้นแทบไม่มีเรื่องปกปิดนับตังค์ เผชิญเรื่องอะไรมาน้องชายจะเป็นคนแรกที่ได้รู้ อย่างเรื่องเกือบเสียตัวสองครั้งสองครา จะบอกน้องชายเป็นคนแรกและยังย้ำว่าห้ามไปบอกคนอื่นโดยเฉพาะพ่อของเขา

ชายหนุ่มยังไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะมีทางออกของการทำงานหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ๆ คือจะไม่ขับรถส่งอาหารแถวย่านนี้ วันดีคืนดีอาจเจอเหตุการณ์อย่างนั้น จะทำอย่างไร งานสมัยนี้ยิ่งหายากกับวุฒิแค่ปวส. ต่อลาภถอนหายใจแรง ลองทำงานมาเกือบทุกอย่างที่ทำได้ ทั้งร้านอาหารกลางวันและกลางคืน พนักงานต้อนรับ พนักงานขายของ จนมาลงตัวที่คนขับรถส่งอาหาร เป็นงานที่ได้เงินพอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน และยังมีเวลาไปไขว้คว้าฝันที่หวังไว้อีกด้วย

แม้จะมีปัญหาที่ยังมองไม่เห็นทางออก แต่พอจะรู้ว่าเพราะความหล่อของตนนั้นนำภัยร้ายมาสู่ตัว ถ้าจะเป็นคนไม่หล่อคงไม่ได้ เพราะฝันนั้นต้องใช้ความหน้าตาดีเป็นใบเบิกทาง ชายหนุ่มพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ “หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ขอให้ลูกช้างพบหนทางที่ทำให้อยู่ในกรุงเทพต่อไปได้เพื่อตามหาฝัน และมีงานทำเพื่อนำเงินมากินมาใช้ สิ่งศักดิ์ทั้งหลายช่วยลูกช้างด้วยเถิด สาธุ”

ชายหนุ่มตั้งมั่นในใจ ตั้งแต่ก้าวขาออกจากบ้านเกิด ถ้ายังทำฝันไม่สำเร็จก็ไม่อยากกลับไปให้พ่อเห็นหน้า จึงไม่คิดทำตามคำชักชวนของน้องชายซึ่งได้ยินบ่อยครั้ง และยังยืนยันทำตามความตั้งใจเดิม ขอดิ้นรนอยู่ในเมืองใหญ่เรื่อยไป

ต่อลาภขับรถมอเตอร์ไซค์สู่หอพัก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าจะได้พบทางออกนั้นในอีกไม่ช้า แบบเกินความคาดหมายเลยทีเดียว

 

พัดลมติดเพดานให้ลมเย็นแก่ชายหนุ่มบนฟูกหนาสองนิ้ววางไว้บนพื้น เขานอนแผ่หลาถอดเสื้อโชว์เรือนร่างส่วนบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกและหน้าท้องอย่างชัดเจน สวมกางเกงขาสั้น เสียงใบพัดกำลังทำงานดังทั่วห้องสี่เหลี่ยมไม่สามารถปลุกให้คนที่อยู่ในห้วงลึกของความฝันยามนิทรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้

ท่ามกลางความมืดมิด เขาเดินสะเปะสะปะค้นหาแสงสว่าง ก้าวขาไปตามหนทางซึ่งมองไม่เห็นราวกับถูกผ้าปิดตาไว้ แม้รู้สึกเมื่อยล้าและเหนื่อยอ่อน ก็ยังเดินต่อไปเพราะหวังจะได้พบความสว่างอยู่ที่ใดที่หนึ่งซึ่งเชื่อมั่นว่าจะต้องพบทางออกของความมืดมิดที่กำลังเผชิญ ในที่สุดได้เห็นแสงสว่างเป็นจุดเล็กๆคล้ายดวงไฟ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ แสงนั้นแผ่ขยายวงกว้างเป็นสีทองเหลืองอร่าม เขายกมือขึ้นมาป้องหน้าคล้ายสายตาโดนแดดจ้ายามเที่ยงวัน

พอสายตาปรับให้ชินกับแสงทอง แม้จะอยู่ใกล้เพียงหนึ่งก้าว เขาเห็นเป็นเงาดำรูปร่างเหมือนคนอวบอ้วน หากเพ่งมองส่วนที่คิดว่าเป็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ต้องยกมือขึ้นบังตาไว้เหมือนอีกฝ่ายส่องไฟฉายมาที่ดวงตาเขา

“ข้ามาพบเจ้า นายต่อลาภ ลูกแม่ติ๋ม ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทุกข์ใจหนักกับสิ่งที่เจ้าเป็น แต่ต้องใช้มันเพื่อทำการบางอย่าง ในขณะที่เจ้าไม่อยากมีรูปงาม ข้ามีสิ่งนี้มอบให้”

เขาได้ยินเสียงหญิงสาวเอื้อนเอ่ยจากเงาร่างนั้น น้ำเสียงนุ่มนวลไพเราะน่าฟัง ราวกับเสียงนั้นเป็นมนต์สะกดให้ยินยอมรับฟังอย่างตั้งใจโดยไม่คิดพูดจาโต้ตอบกลับไป เสียงนั้นยังเอ่ยต่อ “นี่คือรูปทรามและใบคาถา ข้ามอบสองสิ่งนี้ให้แก่เจ้า”

เขาจ้องมองของที่ปรากฏอยู่ตรงด้านหน้า เสมือนเงาดำที่ยังเปล่งแสงสีทองโดยรอบนั้นยื่นส่งให้แก่เขา ครานี้ต่อลาภเห็นของสิ่งนั้นชัดเจน พอเลื่อนสายตามองหน้าอีกฝ่ายก็มีแสงทองแย้งตาทันทีจึงต้องหลบตาจ้องมองกระดาษแผ่นเล็กเท่าลอตเตอรี่และสิ่งที่เหมือนหัวคิงคองย่อส่วนมีขนาดเท่าลูกปิงปอง รู้โดยทันทีคงเป็นรูปทรามตามคำที่เงาร่างนั้นใช้เรียกขาน

“เวลาที่เจ้าอยากสวมรูปทรามให้ยกมันวางไว้บนศีรษะ ส่วนใบคาถานี้จะเป็นคาถาที่ทำให้ผู้อื่นเห็นรูปจริงของเจ้าที่ซ่อนอยู่ด้านในยามใส่รูปทราม แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะไม่เห็นรูปจริงของเจ้าตอนใช้คาถานี้”

“ทำไมหรือครับ” เขาเพิ่งจะพูดออกมาได้

“เจ้าอย่ารู้เลย จงใช้รูปทรามนี้ทำในสิ่งที่เจ้าปรารถนา”

“ถ้าผมอยากถอดรูปทรามต้องทำยังไงครับ” ต่อลาภเริ่มสนใจถามด้วยความใคร่รู้และนึกสนุกกับสิ่งที่ได้เจอ

“เพียงเจ้าพนมมือสองข้างไว้ตรงอก แล้วแบมือพร้อมกับนึกถึงร่างจริงของเจ้า รูปทรามจะถอดออกจากตัวเจ้ามาอยู่บนฝ่ามือ”

เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจราวกับเด็กนักเรียนตั้งใจฟังสิ่งที่ครูกำลังสอนหน้าชั้นเรียน

“คุณคือใครครับ”

“ข้าคือเจ้าแม่ปลวกทอง” สิ้นเสียงเอ่ย เงาร่างอวบอ้วนนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา

“คุณอย่าเพิ่งไป ผมจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง ช่วยบอกผมหน่อยครับ” เขาพูดพลางใช้มือไขว้คว้าในอากาศ แสงสีทองสว่างเจิดจ้าค่อยๆ จางหายไปเป็นความมืดมิดเช่นเดิม

เสียงเพลงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นจากฝันทันที แล้วหยิบมือถือที่ยังส่งเสียงดังต่อเนื่อง มองเห็นชื่อคนโทร.เข้ามา จึงกดรับสายด้วยความงัวเงีย “มีอะไร ไอ้มาก โทรมาแต่เช้า”

“มันจะเที่ยงอยู่แล้ว ไม่ตื่นไปทำงานหรือไง และรบกวนคุณต่อลาภช่วยเรียกชื่อเพื่อนคนนี้ดีๆ หน่อยก็ได้ มากมันชื่อเก่า ตอนนี้ชื่อใหม่ของฉันเปลี่ยนเป็นมาร์คแล้วโว้ย” เพื่อนที่โทร.มาหาโต้ตอบเขาด้วยเสียงดังฟังชัด

“มาร์คก็มาร์ค มีอะไรถึงโทร.มา แต่ก็ดีช่วยฉันไว้ได้”

มาร์คหรือไอ้มาก มีชื่อจริงว่า มนัส เป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนปวช. ก่อนจะย้ายบ้านไปอยู่กับย่าในจังหวัดใกล้เคียงกับบ้านเกิดของเขา ยังติดต่อถึงกันเสมอทางโทรศัพท์ แม้จะมีไลน์และเฟซบุ๊กแล้วก็ตาม หากครั้งแรกที่เขาเข้ามาในกรุงเทพฯ ยังคิดไว้ว่าจะไปอาศัยอยู่กับมนัสแถวปิ่นเกล้า แต่เพื่อนชอบพาแฟนมานอนที่ห้อง เขาจึงต้องออกมาเช่าห้องอยู่คนเดียวแถวพญาไท และงานขับรถส่งอาหารก็เป็นงานที่มนัสชักชวนให้เขาทำ

“ฉันเลิกกับแฟนแล้ว เมื่อคืนนี้เอง สดๆ ร้อนๆ”

“จริงดิ แล้วตอนนี้แกโอเคไหม”

“ตอนนี้โอเคแล้ว เจ็บนิดเดียวแค่เมื่อคืน อกหักเรื่องเล็ก ผู้หญิงในโลกไม่ได้มีคนเดียวสักหน่อย”

“ก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องอยากบอกเหมือนกัน ตั้งแต่วันนี้ฉันจะเลิกขับรถส่งอาหารแถวนี้”

“แล้วจะทำงานอะไรอีก” มนัสถาม เพราะรู้ว่ายามที่เขาอาศัยในกรุงเทพฯ ได้ผ่านงานรับจ้างมาหลายงาน

ต่อลาภเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เพื่อนฟัง มนัสขำแบบไม่เกรงใจจนลืมเรื่องเศร้าที่เพิ่งประสบมา

“พอเถอะไอ้มาร์ค ไม่ใช่เรื่องตลกนะที่ฉันเกือบเสียตัวให้พวกเกย์”

“เออ ฉันขอโทษ แต่ก็…” เสียงขำขันเบาๆ ยังเล็ดลอดออกมาจากโทรศัพท์ให้ได้ยิน เขาปล่อยให้เพื่อนหัวเราะจนพอใจ แล้วมนัสกลับมาพูดต่อ “ที่โทรหาแก จะบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปอยู่กับย่า เบื่อแล้วในเมืองกรุง กลับบ้านนอกดีกว่า ฉันคิดออกแล้ว แกมาเช่าห้องนี้แทนฉัน แล้วทำงานขับรถส่งอาหารแทนฉันด้วยดีไหม”

ความคิดของมนัสเข้าท่า แต่ยังไม่ตอบรับในทันที “ฉันขอคิดดูก่อน แล้วจะบอก” ทั้งที่ใจจริงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเพื่อน ต่อลาภมองเห็นหนทางของการทำงานเพื่อใช้ชีวิตในเมืองกรุงและยังมีโอกาสตามหาฝันต่อไป

หลังจากวางสาย ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์มือถือลงบนที่นอน ขอบคุณสวรรค์ที่ยังคอยช่วยเหลือลูกช้างอย่างเขา เมื่อทิ้งตัวลงนอน แขนขวาปัดไปโดนห่อผ้าข้างหมอน แหงนคอมองแล้วนึกขึ้นไว้ว่าห่อผ้านั้นไม่เคยวางไว้ข้างหมอนมาก่อน เขากระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งจ้องมองห่อผ้าสีทอง หยิบมาไว้ใกล้ตัวแล้วแกะดูของด้านใน

สิ่งที่ปรากฏแก่สายตา คือรูปทรามคล้ายหัวคิงคองขนาดเท่าลูกปิงปองและใบคาถา เหมือนกับสิ่งของที่ฝันถึงเมื่อคืน

เจ้าแม่ที่พบในความฝันส่งมอบห่อผ้านี้ให้แก่เขาเป็นเรื่องจริง

ก่อนจะหยิบของเหล่านั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ โทรศัพท์มือถือแจ้งเตือนว่ามีลูกค้าสั่งอาหารของร้านค้าที่อยู่ใกล้หอพัก ต่อลาภตัดสินใจกดรับงานและทำงานขับรถส่งอาหารแถวพญาไทเป็นครั้งสุดท้าย เขาดูรายละเอียดต่างๆ ของลูกค้า แล้วรีบอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และแต่งตัวออกไปปฏิบัติงาน



Don`t copy text!