วิวาห์ถอดรูป บทที่ 4 : ของมี…มันต้องลอง

วิวาห์ถอดรูป บทที่ 4 : ของมี…มันต้องลอง

โดย : กุลวีร์

Loading

วิวาห์ถอดรูป โดย กุลวีร์ นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เมื่อแม่ๆ หวังให้ลูกของพวกเธอได้มีคู่ครองที่ดี จึงพากันไปขอพรจาก ‘เจ้าแม่ปลวกทอง’ ความมหัศจรรย์จึงบังเกิดกับต่อลาภและเพาพะงา แต่ทั้งคู่ต้องพบเจอกับเรื่องอะไร และแม่ๆ จะสมหวังไหม ต้องติดตามกันเอง

ภายในห้องพักชั้นสามของตึกสูงห้าชั้นย่านปิ่นเกล้า มีสิ่งของเครื่องใช้ไม่ต่างจากห้องพักแถวพญาไทที่ย้ายออกมา ทั้งพัดลมติดเพดาน ตู้เสื้อผ้า เบาะนอนกว้างสามฟุตสูงถึงตาตุ่มวางบนพื้นกลางห้อง นอกจากนั้นยังมีโทรทัศน์จอสิบสี่นิ้วพร้อมชั้นวางของสองชั้น พัดลมตั้งพื้น ราวตากผ้า ถ้วยชาม กะละมัง เป็นของเพื่อนของเขาซึ่งเป็นเจ้าของห้องคนก่อนทิ้งไว้ให้ใช้เมื่อเขาย้ายเข้ามาอยู่ต่อ และห้องนี้ยังมีขนาดกว้างกว่าห้องเก่าเกือบเท่าตัว

ชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงขาสั้นไม่ใส่เสื้อ ตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากต้องทนนอนบนผ้าห่มผืนบางที่ปูบนพื้นกระเบื้องมาทั้งคืน เพราะไม่อยากไปนอนเคียงเพื่อนบนฟูกนอน เขาย้ายมาอยู่กับมนัสตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวาน หลังจากทำงานขับรถส่งอาหารแถวพญาไทครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น กลับเข้าห้องเก็บเสื้อผ้าและข้าวของจำนวนน้อยนิดใส่กระเป๋าสองใบ โดยไม่ลืมห่อผ้าสีทองซึ่งนำติดตัวมาด้วย ต่อลาภทำเรื่องออกจากหอพักแห่งนั้นแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์มาที่หอพักของเพื่อนชายทันที ได้ยกเลิกการเป็นพนักงานขับรถส่งอาหารแถวพญาไท แล้วสมัครงานเดิมแทนเพื่อนชายซึ่งขับรถส่งอาหารย่านปิ่นเกล้า ชุดยูนิฟอร์มที่มีอยู่จึงนำมาใช้ได้ตามเคย

เขายังรับช่วงต่อในการส่งอาหารจากร้านน้าสาวของมนัสที่อยู่หน้าปากซอยซึ่งไม่มีหน้าร้าน รับออร์เดอร์จากการสั่งออนไลน์เพียงอย่างเดียวแล้วให้ไปส่งในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย

ต่อลาภหันหน้ามองเพื่อนยังนอนไม่รู้สึกตัว นึกขอบคุณในใจที่ช่วยให้เขามีหนทางอยู่ในกรุงเทพเพื่อตามหาฝันโดยไม่ต้องเปลืองแรงหาที่พักและงานใหม่ รวมทั้งไม่เสียค่าใช้จ่ายของที่พักมากเกินไป เพราะค่าเช่าห้องนี้ถูกกว่าห้องที่เคยอยู่ ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน หยิบผ้าเช็ดตัวของตนบนราวตากผ้าเดินไปยังห้องน้ำด้านหลังห้องติดกับระเบียง เพื่อเตรียมตัวออกไปทำงานเดิมในที่แห่งใหม่เป็นครั้งแรก

เมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำเข้าไปในห้อง มีผ้าเช็ดตัวพันร่างกายช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปจนถึงเข่า เปลือยท่อนบนเหมือนยามนอน โชว์กล้ามเนื้อหน้าอก ต้นแขน และหน้าท้องไร้ซึ่งไขมันส่วนเกิน ต่อลาภเจอมนัสซึ่งมีรูปร่างท้วม ผิวเข้ม หน้าตาไม่โดดเด่นหรือชวนหลงใหล นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือบนฟูกนอน

“ตื่นแล้วเหรอ ไอ้มาก” เขาแกล้งเรียกชื่อเพื่อนที่พ่อแม่ของฝ่ายนั้นเรียกมาตั้งแต่เกิด

“บอกแล้วไงว่าให้เรียกฉันว่ามาร์ค เรียกมากผู้หญิงที่ไหนจะยอมให้จีบ ที่ตื่นเพราะเสียงอาบน้ำของแกนั่นแหละ” มนัสขยับปากพูด แต่สายตายังจ้องจอโทรศัพท์ในมือ

“แล้วคุณมาร์คจะกลับบ้านเกิดกี่โมงครับ” เขาพูดสุภาพเพื่อประชดเพื่อน

เมื่อคืนต่อลาภช่วยมนัสเก็บของใส่กระเป๋าที่นำกลับไปใช้ยังต่างจังหวัด ส่วนของที่เพื่อนชายไม่ต้องการนั้นเก็บไว้ให้เขาใช้ต่อและนำไปทิ้งบางส่วน

“ฉันจองตั๋วรถไว้สี่โมงเย็น ออกจากที่นี่บ่ายสามยังทัน สายใต้ใหม่อยู่ใกล้แค่นี้เอง แกเอากุญแจห้องกับคีย์การ์ดไปแล้วใช่ไหม”

“เอามาเรียบร้อยแล้ว ถ้าแกอยากได้ของของแกก็มาเอาได้ ปกติฉันอยู่ห้องเก่าไม่มีอะไรมากมายขนาดนี้”

“ฉันไม่เอาคืนหรอก ยกให้แกฟรีๆ หมดนี่เลย”

“ขอบใจมาก ไอ้มาร์ค เพื่อนร๊าก” เขาจงใจเน้นย้ำชื่อเล่นเพื่อนตามที่อีกฝ่ายอยากให้เรียก

“แต่ฉันมีสองเรื่องอยากฝากแกไว้ ให้ช่วยดูแลสักหน่อย”

“ว่ามาเลย ฉันจะทำเป็นอย่างดี” ต่อลาภรับปากมนัส สวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ทาแป้งตามตัวและทาครีมบนใบหน้าเสร็จเรียบร้อย นั่งลงบนพื้นตั้งใจรับฟังสิ่งที่เพื่อนอยากบอกกล่าว

“อย่างแรกคือบาบาร่า” มนัสชี้นิ้วไปยังตู้ปลาสี่เหลี่ยมตั้งไว้บนเก้าอี้ตรงมุมห้องข้างประตูหลังห้องก่อนออกไปยังระเบียง ปลาทองตัวจ้อยว่ายน้ำวนไปวนมาอย่างสำราญใจ แล้วเอ่ยต่อ “แกอย่าลืมให้อาหาร เปลี่ยนน้ำ และที่สำคัญชวนบาบาร่าคุยบ้าง กลัวมันจะเหงาแล้วเฉาตาย เมื่อไม่มีฉันอยู่ที่นี่”

บาบาร่าคือชื่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของมนัส เป็นปลาทองที่เจ้าของเชื่อว่าเป็นตัวเมีย แต่ก่อนมนัสเลี้ยงปลาทองไว้สองตัว แต่ไมเคิลหรือปลาทองอีกตัวนั้นมีอายุสั้น ขณะนี้ในตู้ปลาจึงเหลือแค่บาบาร่าตัวเดียว

“ไว้ว่างๆ ฉันจะชวนมันคุยก็แล้วกัน” เขารับปากเพื่อนอย่างขอไปที ไม่คิดทำจริงจัง จะให้คนคุยกับปลาเพื่ออะไร

“แกต้องพยายามมาคุยกับมันทุกวัน ไม่ใช่แค่ตอนว่างๆ ถ้าวันข้างหน้าฉันมาหาแก แล้วหน้าตาบาบาร่าหมองไป แกต้องรับผิดชอบ”

“เออนะ ฉันไม่ปล่อยให้บาบาร่าเหงาหรอก เชื่อใจฉันได้ ไอ้มาร์ค” ต่อลาภดูท่าทางของเพื่อนชายแล้ว ถ้ารับปากเพื่อให้ผ่านๆ ไป มนัสคงไม่จบเรื่องนี้โดยง่าย จึงเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อเอาใจ ทั้งที่ในใจบอกว่า ถ้าเป็นห่วงมันนัก ทำไมไม่เอามันกลับไปอยู่ต่างจังหวัดด้วยเลย

มนัสลุกขึ้นยืน ก้าวเดินไปนั่งลงข้างๆ ตู้ปลา สายตาจับจ้องปลาทองว่ายในน้ำ “ถ้ามาร์คไม่กลัวบาบาร่าเมารถแล้วต้องจากไปอีกตัว มาร์คจะพากลับบ้านพร้อมกัน บาบาร่าต้องทนอยู่กับไอ้ต่อ เพื่อนของมาร์คให้ได้นะ มันหล่อและดูดีกว่ามาร์คเยอะ บาบาร่าเห็นแล้วคงกระชุ่มกระชวย แต่อย่าโกรธกันนะ มาร์คไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งบาบาร่าไป”

เขายกมือขึ้นเกาหัว มองดูเพื่อนคุยกับปลาทอง หรือจะเพี้ยนไปแล้วเพราะอกหัก เขาดึงความสนใจจากอีกฝ่ายให้กลับมาคุยกันต่อ “แล้วอีกเรื่องที่แกจะฝากฝังคืออะไร”

ต่อลาภขออย่าให้เป็นเรื่องแปลกยิ่งกว่าการต้องคุยกับปลาทองเลย

มนัสให้อาหารเม็ดแก่สัตว์เลี้ยงตัวเดียวภายในห้อง เดินมานั่งบนที่นอนตามเดิม “มีลูกค้าประจำร้านของน้าของฉันคนหนึ่ง อยู่คอนโดสูงถัดไปอีกสองซอย เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากชอบสั่งสลัดโรล ฉันจะรับออร์เดอร์จากน้าแล้วไปส่งให้เธอเสมอ เธอจะสั่งอาหารทุกวันเสาร์อาทิตย์ ฉันอยากให้แกเป็นคนขับรถไปส่งอาหารให้ถึงมือเธอแทนฉัน แล้วแกจะรู้ว่าบนโลกนี้ก็มีนางฟ้าสุดสวยอยู่จริง ไอ้ต่ออย่ามาทำหน้าอย่างนั้น ไม่เชื่อฉันล่ะสิ แกเห็นเองก็จะรู้ว่าคนอย่างไอ้มาร์คพูดจริง”

เขานั่งรับฟังคำของมนัสโดยไม่มีคำโต้ตอบใดๆ แม้แสดงสีหน้าไม่เชื่อว่าหญิงสาวคนนั้นจะสวยปานนางฟ้าก็ตาม เมื่อยังไม่ได้ตกปากรับคำ มนัสหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดชื่อลูกค้าสาวที่บอกว่าสวยให้ได้เห็นและจดจำชื่อไว้ พร้อมย้ำกับเขาอีกว่าได้กำชับน้าสาวไว้แล้วให้เขาเป็นคนส่งอาหารให้หญิงผู้นั้นอีกด้วย ชายหนุ่มจึงยอมรับคำเพื่อยุติการสนทนาถึงหญิงสาวที่ไม่เคยเจอหน้า

มนัสขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น หยิบขึ้นมาเปิดดู มีงานส่งอาหารแจ้งเข้ามา เขากดตอบรับทันที นี่คืองานแรกของการย้ายมาทำงานในย่านนี้

ต่อลาภสวมชุดยูนิฟอร์มของพนักงานขับรถส่งอาหาร เดินไปยังระเบียงตะโกนบอกเพื่อน “ฉันไปส่งอาหารก่อน แล้วจะพาแกไปกินข้าว วันนี้ฉันเลี้ยงเอง” เขาคิดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เพื่อขอบคุณมนัสสำหรับเรื่องที่อยู่และงานเดิมที่ยังได้ทำต่อไป รวมทั้งเป็นการเลี้ยงส่งเพื่อนก่อนกลับต่างจังหวัด

“ขอบใจ ฉันจะล้างท้องไว้รอเลย อย่าลืมหยิบกุญแจกับคีย์การ์ดไปด้วยละ แล้วถ้าแกหลงทาง โทร.มาถามฉันได้” เสียงตอบจากคนในห้องน้ำ

ก่อนเดินออกจากห้องพัก ชายหนุ่มมองห่อผ้าสีทองวางไว้ใกล้กระเป๋าเสื้อผ้า ซึ่งยังไม่ได้แกะดูของด้านใน มนัสถามว่าห่อผ้าอะไร เขาทำเป็นไม่ได้ยิน จนคนถามเลิกสงสัยไปเอง ถ้าบอกว่าข้างในมีรูปทรามกับใบคาถา อีกฝ่ายคงหัวเราะและอาจนำมาล้อแน่นอนที่เชื่อเป็นตุเป็นตะกับนิทานหลอกเด็ก

จะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องหลอกนั้น ไม่มีใครบอกได้ นอกจากเขาจะต้องลองสวมรูปทราม และมนัสคือบุคคลที่จะให้คำตอบได้ว่าของในห่อผ้าสีทองที่ได้มานั้นจะเป็นไปตามคำบอกของเจ้าแม่ปลวกทองหรือไม่

ชายหนุ่มเดินลงบันไดไปยังรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนสวมหมวกกันน็อก เขาหยิบมือถือขึ้นมาอ่านรายละเอียดของร้านค้า รายการอาหาร ที่อยู่คนสั่ง และดูเส้นทางให้แน่ชัดอีกครั้ง เพราะยังไม่ชินหนทางแถวนี้มากนัก ต่อลาภต้องหาเวลาขับรถสำรวจเส้นทางด้วยตัวเอง โดยเฉพาะเส้นทางลัดซึ่งมีหลายทางจนตอนนี้แทบจำไม่ได้ หลังจากที่นั่งฟังคำแนะนำจากมนัสเมื่อคืนก่อนนอน

ขอให้เจอแต่เรื่องราวดีๆ ในวันแรกของการเริ่มต้นทำงานแถวนี้ เขาบอกตัวเองในใจแล้วขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปจากที่พักย่านปิ่นเกล้า

 

หญิงสาวนั่งบนเบาะคนขับในรถยนต์ของตนเอง บรรยากาศบนท้องถนนในช่วงแปดโมงเช้าของวันจันทร์เป็นสิ่งที่หล่อนแสนคุ้นเคย ยวดยานต่างๆ เต็มพื้นที่อย่างแน่นขนัด จะขยับรถไปทางใดแทบทำไม่ได้เลย ต้องเคลื่อนรถทีละนิดแล้วเหยียบเบรกตามรถยนต์คันหน้า เพาพะงาใช้เส้นทางนี้จากคอนโดไปบริษัท ต้องอดทนกับสถานการณ์รถติดแบบนี้เกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึงที่ทำงาน เสียงเพลงดังออกมาจากลำโพงรถยนต์ ถ้าเพลงคุ้นหูก็ร้องคลอไปตามทำนอง ช่วยลดความเบื่อหน่ายในยามเช้าได้บ้าง แสงแดดส่องเข้ามากระทบห่อผ้าสีทองตรงเบาะข้างคนขับ หญิงสาวหันหน้ามองเมื่อรับรู้ถึงประกายแสงทางหางตา

หล่อนไม่ได้หยิบห่อผ้านั้นออกจากรถเพราะหลงลืมของที่จำใจรับมาถือไว้ตั้งแต่เมื่อคืน พอเห็นมันอีกครั้ง ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับสิ่งที่เจ้าแม่ในกระโจมบอกมา ยิ่งประโยคที่ว่า…ถ้าอยากเจอผู้ชายคนแรกที่ได้พบหน้าในเช้านี้ให้สวมรูปทราม จะเป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ใจเริ่มโอนเอียงไปทางไม่เชื่อเสียแล้ว

ในขณะรถยนต์จอดนิ่งอยู่กับที่ หล่อนนึกถึงตั้งแต่ออกจากห้องพักจนมาถึงบัดนี้ ยังไม่พบหน้าผู้ชายเลยสักคนเดียว ทั้งที่ปกติจะเจอลุงยามเกือบทุกครั้งที่ขับรถผ่านไม้กั้นตรงทางเข้าออกของคอนโด หากวันนี้ยามเป็นผู้หญิง แล้วจะเจอผู้ชายคนแรกของวันนี้ได้ที่ไหน อาจจะเป็นพี่ๆ น้องๆ ในบริษัท แต่จะสวมรูปทรามอีกทำไม ยังไงก็ได้เจอกันที่ทำงานอยู่ดี คำกล่าวของเจ้าแม่คงเปล่าประโยชน์สำหรับหล่อน

เสียงกระจกด้านข้างคนขับถูกกระแทกดังขึ้น ฉุดให้หลุดออกมาจากห้วงความคิด เพาพะงารู้โดยทันทีว่ารถยนต์ของตนถูกรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชน ก่อนจะอารมณ์เสียต้อนรับวันแรกของการทำงานในสัปดาห์นี้ ชายหนุ่มซึ่งเป็นคนขับรถสองล้อคันก่อเหตุเหมือนจะรู้ตัว จอดรถไว้ด้านหน้าแล้วเดินมาหาหล่อน จากการแต่งกายของอีกฝ่ายคงเป็นพนักงานส่งอาหาร ชายสวมหมวกกันน็อกเคาะกระจกรถแล้วทำท่าทางสื่อให้หญิงสาวช่วยปรับระดับกระจกรถด้านตรงข้ามคนขับ

เพาพะงาชั่งใจจะทำตามหรือไม่ หากหล่อนคือผู้เสียหายและตอนนี้เป็นช่วงเช้าซึ่งมีผู้คนอยู่กันเต็มท้องถนน อีกฝ่ายคงไม่ก่อเหตุร้ายกับผู้หญิงอย่างหล่อน เมื่อกระจกรถยนต์ถูกลดระดับลงมา เผยให้เห็นใบหน้าชายหนุ่มอย่างชัดเจน หัวใจของเพาพะงาเริ่มสั่นไหว ยามจ้องหน้าผู้ก่อเหตุซึ่งถอดหมวกกันน็อกมาถือไว้ในมือ หล่อนยังทำตัวไม่ถูกจะยิ้มหรือต่อว่า แม้แต่อยากเรียกค่าเสียหายยังไม่มีเสียงพูดออกไป  หญิงสาวนั่งนิ่ง ขณะที่อีกฝ่ายยกมือไหว้และกล่าวคำขอโทษพร้อมยอมรับผิด

“ผมขอโทษนะครับที่ขับรถประมาทจนชนกระจกรถของคุณ จะให้ผมชดใช้อะไรไหมครับ”

หล่อนไม่ได้ฟังคำพูดจากปากเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะอยู่ในอาการอึ้ง! ที่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเจอชายหนุ่มแถวย่านนี้

รถยนต์คันหลังบีบแตร เรียกสติหญิงสาวกลับคืนมา รับรู้ว่ารถยนต์คันหน้าเคลื่อนตัวออกห่างพอสมควร “ไม่เป็นไรค่ะ” หล่อนเอ่ยได้เพียงแค่นั้น

“ขอบคุณครับ” เขาสวมหมวกกันน็อก รีบวิ่งไปนั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไปจนพ้นสายตาของหล่อน

หญิงสาวเคลื่อนรถทั้งที่เปิดกระจกด้านข้างไว้ คล้ายคนตกอยู่ในภวังค์ หน้าตาของชายผู้นั้นคือนายต่อลาภ ศรีเอี่ยม ชายหนุ่มส่งอาหารที่เคยพบมาก่อนแม้จะมองอยู่ไกลๆ แต่ยังจดจำได้ดี เพาพะงาใช้มือตบแก้มตัวเองเบาๆ หลายที แล้วทำไมต้องไปสนใจเขา ยังหาเหตุผลไม่ได้เลย

แสงแดดสะท้อนห่อผ้าสีทองแยงตา หันไปมองอีกครั้ง คำของเจ้าแม่ลอยมาคล้ายกระซิบข้างหูหญิงสาว ถ้าอยากเจอและอยากได้ความจริงใจจากผู้ชายคนแรกที่เจอกันในเช้านี้ หล่อนต้องสวมรูปทราม

มันจะจริงหรือเปล่า อาจเป็นเรื่องอำกันเล่นของกองถ่ายที่เผลอเข้าไปพบ เพาพะงาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ความไม่เชื่อเริ่มลดน้อยลงไป พอได้เจอบุคคลที่เคยได้พบ หรือต้องลองดูให้รู้กันไป ว่าจริงหรือไม่จริง

 

หลังจากแปดโมงเช้าที่เขาขับรถส่งอาหารให้ลูกค้ารายแรก จากนั้นมีงานส่งอาหารเข้ามาไม่ขาดสายจนถึงเวลาจวนจะบ่ายโมง ต่อลาภหยุดพักช่วงเวลาของการทำงาน ขับรถกลับเข้าห้องซึ่งปัจจุบันนี้ถูกโอนย้ายเป็นชื่อเขาแทนชื่อเพื่อนที่เคยเป็นผู้เช่ามาก่อน

เขานัดมนัสไว้จะพาไปเลี้ยงข้าวก่อนกลับต่างจังหวัดและตั้งใจจะลองสวมรูปทรามทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นเรื่องจริง

คนที่หิวจนท้องกิ่วท้องแขวนยังอดทนนอนรออยู่ในห้อง ยามเห็นหน้ากันไม่ปริปากบ่นสักคำ ทั้งที่ผ่านพ้นเวลาทานอาหารกลางวันมามากแล้ว ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและพาเพื่อนไปยังจุดหมาย เขาได้ยินเสียงท้องร้องของตนเองและมนัสดังขึ้นพร้อมกัน เมื่อยืนอยู่หน้าร้านอาหารบุฟเฟ่ห์ในห้างสรรพสินค้า ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วหัวเราะ พวกเขาจะกินให้หนำใจเลยทีเดียว

ทั้งสองคนอิ่มจนพุงกางและกลับถึงหอพักในช่วงเวลาที่มนัสจะต้องไปสายใต้ใหม่เพื่อรอขึ้นรถตู้ตามเวลาที่จองตั๋วไว้ หากตอนแรกเขาอยากขับรถไปส่งเพื่อน แต่เพื่อนชายมีกระเป๋าใบใหญ่สองใบทำให้ไม่สะดวกในการนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์

ระหว่างที่มนัสอาบน้ำชำระร่างกาย เสียงสายน้ำไหลลงกระทบพื้นและเสียงร้องเพลงของเพื่อนภายในห้องน้ำดังลอดเข้ามาในห้อง ต่อลาภนั่งบนพื้นกระเบื้องจ้องมองห่อผ้าสีทองซึ่งถูกนำมาวางไว้ข้างกาย ตัดสินใจสวมรูปทรามและใช้คาถาเห็นรูปจริงกับเพื่อนสนิท ถ้าไม่เป็นไปตามคำของเจ้าแม่ ยังสามารถหาข้อแก้ต่างแบบไม่ต้องอับอายคือเล่นตลกให้มนัสเห็น

ผ้าสีทองถูกแกะมุมทั้งสี่ที่มัดรวมกันไว้ สิ่งของภายในยังเป็นรูปทรามและใบคาถา เขาหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมาอ่านตามตัวอักษรซึ่งสั้นกระชับ แต่ยังจำไม่ได้เพราะอ่านครั้งแรก เขาวางใบคาถา หันมาให้ความสนใจกับรูปทรามลักษณะคล้ายหัวคิงคองขนาดเท่าลูกปิงปอง เขาจับมันพลิกหงาย คงไม่ต่างจากหมวกกันน็อกย่อขนาดให้เล็กลง เพราะมีช่องว่างตรงข้างใต้สามารถนำนิ้วแหย่เข้าไปได้และด้านในกลวง ถ้ารูปทรามขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นกว่านี้คงจะใช้ครอบศีรษะได้เช่นกัน

ต่อลาภทำตามคำกล่าวของเจ้าแม่ที่ยังพอจำได้ สองมือจับรูปทรามขึ้นมาวางไว้บนศีรษะ ทันใดนั้นเกิดแสงขาวสว่างเจิดจ้าเพียงเสี้ยววินาที เขาต้องหลับตาพร้อมกับรู้สึกถึงความเย็นฉาบบนผิวทั่วทั้งตัว ศีรษะถูกคลุมด้วยบางสิ่งบางอย่าง แล้วลืมตาขึ้นเมื่อกลับสู่สภาวะปกติ สิ่งที่ยังคงเดิมคือรูปร่าง รับรู้จากเสื้อผ้าที่สวมใส่คือชุดเดิมไม่คับหรือหลวมจนเกินไป เขาก้มหน้ามองดูแขนขาสองข้าง หากสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคือจากคนสีผิวเข้มเปลี่ยนเป็นผิวดำปิ๊ดปี๋ แม้กระทั่งส่วนที่อยู่ในเสื้อผ้ายังมีผิวดำเช่นกัน เขายกมือขึ้นลูบบริเวณใบหน้า มันผิดแปลกไปจากตัวจริงราวกับเป็นคนละคน

ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินไปส่องกระจกตรงตู้เสื้อผ้า ภาพสะท้อนในกระจกเงาคือคนหน้าตาคล้ายคิงคอง ศีรษะล้าน ใบหน้าดำมืด ต่อลาภตกใจหน้าตาตัวเองจนแทบจะหงายหลังล้มลงไป ยามแย้มยิ้มยังมีฟันหลออีกต่างหาก

เขางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยังนึกว่ามีใครปล่อยคิงคองหัวล้านไว้ในห้อง

ความหล่อเหลาที่เคยเห็นในกระจก บัดนี้แปรเปลี่ยนไปจนเขาอธิบายไม่ถูก อาจเป็นความขี้เหร่แต่ไม่ใช่น่ากลัวจนผู้อื่นไม่อยากเข้าใกล้ ซึ่งเปลี่ยนจากขาวเป็นดำหรือเปลี่ยนอัญมณีให้เป็นดินเหลน เหตุการณ์ที่ยากจะเชื่อได้เกิดขึ้นจริงในชีวิต เคยได้ยินแต่สังข์ทองสวมรูปเงาะ แต่นี่…ต่อลาภสวมรูปทรามคล้ายคิงคอง

เขายังไม่ลืมวิธีถอดรูปทราม หลับตา ยกมือสองข้างขึ้นมาพนมไว้ตรงหว่างอก นึกถึงรูปจริงของตนเองที่เห็นจนชินตาตอนส่องกระจก แล้วแบมือทั้งสอง พอลืมตา รูปทรามเท่าลูกปิงปองปรากฏบนฝ่ามือ แล้วมองภาพสะท้อนในกระจกอีกครั้งกลายเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและมีสีผิวเข้มดุจเดิม

สิ่งที่เจ้าแม่ปลวกทองพูดไว้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่นิทานหลอกเด็ก

มนัสอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย กำลังจะออกมาจากห้องน้ำ ต่อลาภสวมรูปทรามอีกครั้ง

“เฮ้ย! ไอ้ต่อ หลับไปแล้วหรือไง เงียบเลย” เสียงเพื่อนตะโกนถาม ตรงระเบียงหลังห้อง

“ฉันยังไม่หลับ เล่นมือถืออยู่” เขาคว้าใบคาถาบนพื้นขึ้นมาไว้กับตัว

“นึกว่าออกไปทำงาน แล้วไม่อยู่รอส่งฉัน” มนัสพูดพลางก้าวเดินเข้ามาในห้อง

ถึงช่วงวินาทีวัดใจ จะได้รู้เสียทีว่าคาถาเห็นรูปจริงจะใช้ได้ผลหรือไม่

ต่อลาภในสภาพหน้าตาคล้ายคิงคองยืนหันหลังให้เพื่อน ก้มหน้าก้มตาท่องคาถาวนเวียนซ้ำๆหลายรอบ “พุทโธ มามา ธัมโม มามา สังโฆ มามา มหาละลวย โชคช่วย บุญช่วย จงเห็นรูปจริง โอมสวาหะ”

มนัสเข้ามาจับบ่าจนเขาสะดุ้ง “แกยืนพึมพำอะไรคนเดียวตรงหน้ากระจก แล้วนั่นถือกระดาษอะไร”

ต่อลาภหันหน้าไปหาเพื่อน ซ่อนใบคาถาไว้ด้านหลัง “ไม่มีอะไรหรอก แค่กระดาษที่เพิ่งค้นเจอ แกรีบแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันรถตู้เที่ยวที่จองไว้”

“ไปทันเวลาแน่นอน แกเป็นอะไร ทำตัวแปลกๆ” มนัสมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ต่อลาภยังหวั่นใจ ถ้าเพื่อนเห็นเขาเป็นคนตัวดำ คงต้องเล่าเรื่องรูปทรามให้ฟัง ทั้งที่อยากเก็บเป็นความลับรู้อยู่คนเดียว แต่มนัสเลิกสนใจในตัวเขา จนใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย

หรือว่าคาถาใช้ได้ผล เพราะเพื่อนไม่พบความผิดปกติใดๆ จากตัวเขาและยังคุยกันไม่ต่างจากเดิม

“ไอ้มาร์ค ฉันถามจริงๆ ตอนนี้แกเห็นฉันมีลักษณะยังไงบ้าง”

มนัสกำลังเก็บของใส่กระเป๋าเงยหน้ามองเขา “แกยังหล่อระดับพระเอกละครไม่เคยเปลี่ยน หุ่นดี เสียอย่างเดียวคือผิวเข้ม ถ้าขาวมากกว่านี้ คงผ่านการคัดเลือกได้เป็นนักแสดงไปนานแล้ว”

“แกไม่ได้เห็นฉันเป็นคิงคองผิวดำหรอกนะ”

“คิงคง คิงคองอะไรกัน ดูหนังมากไปหรือเปล่า แกก็เป็นแก หนุ่มหล่อที่ฉันอิจฉาอยากเป็นบ้าง เพี้ยนหรือเปล่า แค่ฉันจะไม่อยู่ในกรุงเทพ เริ่มมีอาการไม่ค่อยดีแล้วนะ ถามอะไรแปลกๆ”

“แค่ลองถามดูว่าตัวเองยังหล่อเหมือนเดิมไหม” เขาส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อนความมีพิรุธของตนเอง

คำตอบจากมนัสยืนยันได้เป็นอย่างดี คาถาให้ผู้อื่นเห็นรูปจริงที่อยู่ภายใต้รูปทรามนั้นใช้ได้จริงและยังสัมฤทธิ์ผลกับตา ขณะนี้เขายังเห็นตัวเองมีหน้าตาคล้ายคิงคองในกระจกอยู่เลย

“ปีนี้แกต้องไปออดิชันอีกกีที่” มนัสถามขึ้นเมื่อนั่งบนพื้น

“มีอีกสองที่ที่จะลองไปคัดเลือกนักแสดง คงเป็นสองที่สุดท้าย เพราะอายุจะเกินเกณฑ์ที่เขาจะรับสมัครแล้ว แต่ฉันหวังกับที่สุดท้ายไว้มากมีแววว่าจะได้รับคัดเลือกเป็นพระเอกละคร”

“เป็นอย่างนั้นก็ดีแล้ว ขอให้แกประสบผลสำเร็จในชีวิตและได้ในสิ่งที่หวัง” คำอวยพรออกมาจากปากเพื่อนด้วยความจริงใจ

“ขอบใจมาก ไอ้มาก เพื่อนร๊าก” เขานั่งลงเคียงข้างมนัสแล้วส่งยิ้มให้ หากอีกฝ่ายไม่ยิ้มตอบ

“เรียกชื่อฉันดีๆ หน่อย บอกแล้วไงว่าชื่อมาร์ค ชื่อมาร์ค แกอย่าลืมบาบาร่าของฉันก็แล้วกัน ถ้ามันเหงาตาย ฉันจะไม่ยกโทษให้แกที่ดูแลมันได้ไม่ดี” มนัสเดินเข้าไปใกล้ตู้ปลาทอง

“ฉันจะดูแลบาบาร่าของเพื่อนมาร์คให้เป็นอย่างดี ไม่ให้ยุงลงไปวางไข่ ไม่ให้ไรลงไปตอม และไม่ให้น้ำขุ่นอีกด้วย” เขาพูดทีเล่นทีจริง แกล้งยียวนอีกฝ่าย

“อย่าลืมให้อาหารมันด้วยละ ถ้าบาบาร่าผอมลง แกโดนดีแน่” มนัสเน้นย้ำกับเขา แล้วตั้งหน้าตั้งตากล่าวลากับปลาทอง

ต่อลาภได้แต่นั่งฟังคำรำพันออกจากปากเพื่อนเพียงผู้เดียวที่อยู่ข้างตู้ปลา ตกลงว่ามนัสอาลัยอาวรณ์ปลามากกว่าเพื่อนอย่างเขา

ชายหนุ่มช่วยเพื่อนชายยกกระเป๋าลงมาวางไว้หน้าหอพัก ระหว่างทางเข้าหอ พวกเขาพบกับหญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นเจ้าของหอพักเข้ามาทักทายและพูดคุยกับมนัส

“เดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัดด้วยความปลอดภัย ถ้ามาอยู่ที่กรุงเทพอย่าลืมที่นี่แล้วกัน” เจ้าของหอพักพูดขึ้นเมื่อรู้ว่ามนัสจะย้ายออกไป หากสายตาสอดส่องมาที่ตัวเขาแบบไม่ต้องหลบซ่อน

มนัสถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “ป้ามีอะไรกับเพื่อนผมหรือครับ”

“ป้าว่า ป้าไม่เคยเห็นหน้าคนนี้มาก่อน”

“เพื่อนของผมที่มาขอเช่าห้องต่อจากผมไงครับ”

“แต่ป้าว่าไม่ใช่คนนี้นะ มันดูดำๆ ยังไงไม่รู้ หน้าตาแปลกๆ หรือป้าไม่ได้ใส่แว่น จึงมองเห็นเพี้ยนไป” เจ้าของหอพักบอกกับมนัส และบ่นกับตัวเอง ก่อนเดินผละออกไป

ต่อลาภได้ยินทุกถ้อยคำจากปากหญิงวัยกลางคน นึกขึ้นมาได้ว่า เวลานี้เขายังสวมรูปทรามและไม่ได้ท่องคาถาให้ป้าคนนั้นเห็นรูปจริง นี่คือเหตุการณ์ช่วยตอกย้ำว่าคาถาในกระดาษแผ่นนั้นใช้ได้ผลจริง

“ไอ้มาก แกเห็นว่าตอนนี้ ฉันเป็นไง ขาวดำ หน้าเหมือนคิงคองไหม” ชายหนุ่มเรียกเพื่อนให้หันหน้ามาดูเขาอีกครั้ง ขณะที่มนัสกำลังมองหารถแท็กซี่ที่ขับผ่านถนนหน้าหอ

“ถ้าจะขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอย่างฉัน กรุณาเรียกชื่อฉันดีๆ หน่อย” เพื่อนของเขาพูดขึ้น แต่สายตาจับจ้องท้องถนน

“คุณเพื่อนมาร์ค ช่วยหันมาดูเพื่อนต่อหน่อย”

มนัสมองเขาแค่เศษเสี้ยวนาทีแล้วหันหน้าไปหารถแท็กซี่ตามเดิม เอ่ยด้วยคำพูดติดปากเรื่อยมา “แกยังเหมือนเดิมนะ ไอ้ต่อ หล่อ เข้ม อย่างกับพระเอกละคร อย่ามาเซ้าซี้ฉันให้มาก เดี๋ยวจะไปไม่ทันขึ้นรถตู้ ถ้ามีอะไรก็โทร.มาหากันได้”

ที่นี่มาว่าเขาจะเป็นคนทำให้ไปไม่ทันเวลา ตอนแรกต่อลาภเร่งเพื่อนให้ลงมาเร็วๆ แต่อีกฝ่ายยังพิรี้พิไรร่ำลาปลาทองอยู่อย่างนั้นไม่ยอมลงมาเสียที จนเขาเอือมระอา อยากลงมาเมื่อไหร่ก็แล้วแต่อีกฝ่าย ถ้าเขานำปลาทองยัดใส่กระเป๋าของมนัสได้ คงทำไปตั้งนานแล้ว แต่พอได้ยินคำพูดของเพื่อนซึ่งยังเห็นรูปจริงของตัวเขา คาถาบทนั้นยังไม่เสื่อมฤทธา

รถแท็กซี่ที่ผ่านเข้ามาในซอยหน้าหอพัก จอดลงตรงหน้าเพื่อนชาย ต่อลาภช่วยยกกระเป๋าขึ้นเบาะหลัง เอ่ยบอกคนขับ “ไปส่งเพื่อนผมที่สายใต้ใหม่นะครับพี่”

“ถ้าน้องไม่พูดขึ้นมา พี่นึกว่าคิงคองออกมาเดินเล่น คนอะไรหน้าเหมือนมาก” เสียงคนขับรถแท็กซี่

“พี่พูดเล่นหรือเปล่าครับ หน้าตาเพื่อนผมหล่ออย่างกับพระเอก จำหน้าเพื่อนผมคนนี้ไว้นะครับ บางทีอาจได้เห็นผ่านจอทีวี ฉันไปแล้วนะไอ้ต่อ ออกรถได้เลยครับ” มนัสนั่งเบาะข้างคนขับ เอ่ยตัดบทพร้อมกับเร่งคนขับเพราะกลัวไม่ทันเวลาขึ้นรถกลับบ้าน

“โชคดี เดินทางปลอดภัย” ต่อลาภรีบปิดประตูรถ แต่ยังได้ยินเสียงหัวเราะของคนขับที่น่าจะเป็นคนมีอารมณ์ขัน

ไม่มีผู้ใดพูดผิด เพราะต่างคนเห็นรูปลักษณ์ของเขาแตกต่างกัน

ตั้งแต่สวมรูปทรามก้าวขาออกจากห้อง เจอคำทักของเจ้าของหอพักและคนขับรถแท็กซี่ จึงมั่นใจกับคำกล่าวของเจ้าแม่ในคืนนั้นที่ได้มอบของให้แก่เขา

ต่อลาภกลับเข้ามาในห้องพักชั้นสาม ถอดรูปทรามไว้บนฝ่ามือ จ้องมองด้วยความทึ้ง ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่มีขนาดเท่าลูกปิงปองจะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ภายนอกของเขาได้

ชายหนุ่มนั่งนึกถึงช่วงเช้าของวันนี้ ยามขับรถส่งอาหารในละแวกใกล้เคียงเหมือนลางไม่ดี ระหว่างขับรถส่งอาหารของลูกค้ารายแรกนั้นได้เผลอไปเฉี่ยวกระจกข้างรถยนต์ของหญิงสาวผู้หนึ่ง แต่ยังโชคดีที่อีกฝ่ายไม่เอาความ และยังมีเรื่องที่ทำให้กระอักกระอ่วนใจ ตอนขับรถส่งอาหารถึงมือลูกค้ารายอื่น โดยเฉพาะสาวใหญ่สองราย เพียงแค่ฝ่ายนั้นได้เห็นหน้าตาเขาในหมวกกันน็อก เขาถูกแทะโลมทางสายตา วาจา และยังมีทีท่าของสาวใหญ่ที่จับมือเขาตอนรับอาหาร อีกทั้งยังโดนอีกฝ่ายแตะอั๋งบั้นท้ายเมื่อหันหลังเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ ทั้งที่ไม่อย่าถือสาการกระทำของฝ่ายนั้น แต่กลัวจะลุกลามไปจนเกิดสถานการณ์ซ้ำรอยเดิมที่ทำให้ต้องเปลี่ยนงานอีก

ต่อลาภไม่อยากหางานใหม่และยังไม่ยอมกลับไปอยู่บ้าน เพราะมีหน้าตาหล่อเหลาจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ชายหนุ่มมองของในมือ ตัดสินใจสวมรูปทรามขับรถส่งอาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงความสนใจของลูกค้าแต่ละรายที่มีในตัวเขาและจะใช้รูปจริงในการตามหาฝัน

ชายหนุ่มขอบคุณเจ้าแม่ปลวกทองที่ทำให้ชีวิตค้นพบทางออกในเวลานี้



Don`t copy text!