สารพันมหัศจรรย์แห่งถั่ว ประโยชน์ควรรู้ และวิธีบริโภคถั่วให้ได้ประโยชน์สูงสุด

สารพันมหัศจรรย์แห่งถั่ว ประโยชน์ควรรู้ และวิธีบริโภคถั่วให้ได้ประโยชน์สูงสุด

โดย : นพ. พงศกร จินดาวัฒนะ

หนุ่มราศีสิงห์ นายแพทย์นักเขียน ผู้มีผลงานเขียนนวนิยายคุณภาพมาแล้วกว่า 50 เรื่อง และคอลัมนิสต์ บทความเชิงสุขภาพ

 

“เพื่อการรับประทานอาหารจำพวกถั่วให้อร่อย

และได้ประโยชน์สูงสุด

ไม่ควรรับประทานถั่วชนิดใดชนิดหนึ่ง เพียงชนิดเดียวติดต่อกันไปนานๆ

แต่ลองเลือกรับประทานให้หลากหลาย ผสมกันหลายๆ ชนิด”

 

เวลาอ่านหนังสือ คุณๆ มีกิจกรรมอะไรทำควบคู่กันไปด้วยไหมครับ?

หลายคนอาจจะชอบนั่งอ่านหนังสือ หรือ นวนิยาย พร้อมกับเปิดเพลงบรรเลงเบาๆ คลอไปด้วย บางคนชอบอ่านหนังสือในร้านกาแฟ อ่านไปได้กลิ่นกาแฟหอมๆ ไป ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพให้กับการอ่านได้เป็นอย่างดี ขณะที่บางคนนิยมอ่านหนังสือพร้อมกับรับประทานของขบเคี้ยวไปด้วย ซึ่งของขบเคี้ยวนั้นก็มีมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนม ผลไม้ เครื่องดื่มเย็นๆ กาแฟหอมกรุ่น แต่หนึ่งในของขบเคี้ยวยอดนิยมนั้น ผมเชื่อว่าต้องมีถั่วชนิดต่างๆ ที่ติดอันดับเข้ามาด้วยอย่างแน่นอน

พืชตระกูล Nut หรือถั่ว มีอยู่กระจัดกระจายทั่วทุกภูมิภาคในโลกใบนี้ มนุษย์เรารู้จักบริโภคถั่วเป็นอาหารมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มีการขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณและเศษถั่วอยู่ในถ้ำหลายแห่ง ทั้งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ปัจจุบันนี้อุตสาหกรรมเกี่ยวกับถั่วเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้สูง และอาหารจำพวกถั่วก็เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก

พืชตระกูลถั่วมีอยู่มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นอัลมอนด์, พีแคน, วอลนัต, บราซิลนัต, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, เกาลัด, เฮเซลนัต, ถั่วแมคคาเดเมีย, ถั่วไพน์, ถั่วพิสตาชิโอ ฯลฯ เป็นต้น อาหารกลุ่มนี้จัดเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีโปรตีน ไขมัน และวิตามิน

นอกจากโปรตีน ไขมัน และสารอาหารที่จำเป็นแล้ว เรายังพบอีกว่า ในถั่วอัลมอนด์ยังมีวิตามินอี ช่วยบำรุงผิว และแคลเซียมเสริมกระดูก, เม็ดมะม่วงหิมพานต์ยังมีธาตุเหล็กที่สูงกว่าถั่วชนิดอื่น, เฮเซลนัตนั้นมีสารที่ชื่อว่าโฟเลต ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างเม็ดเลือดของมนุษย์ ถั่วแมคคาเดเมีย มีธาตุกลุ่มแมงกานีสและกรดอะมิโนบางตัวที่ช่วยบำรุงสมอง

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

 

พีแคน มีสาร anti-oxidant หรือสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงมาก พิสตาชิโอเองก็มีทั้งกรดไขมันไม่อิ่มตัวและสารต้านอนุมูลอิสระด้วยเช่นกัน ส่วนวอลนัตนั้นก็พบว่ามีกรดอะมิโนที่จำเป็นและมีสารโอเมกา-3 ที่ร่างกายต้องการ เป็นต้น

นอกจากสารอาหารเหล่านี้ ถั่วยังมีเส้นใยอาหาร ที่จะช่วยระบบย่อยและระบบขับถ่ายของร่างกายได้ดีมาก เส้นใยในถั่วหลายชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยดูดซับไขมัน ทำให้มีผลช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ในทางอ้อม นอกจากนี้เส้นใยของถั่วยังมีผลช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย

งานวิจัยทางการแพทย์หลายฉบับแสดงให้เห็นว่า นอกจากประโยชน์ต่างๆ ที่เล่ามาแล้ว การรับประทานอาหารตระกูลถั่วเป็นประจำยังสามารถช่วยลดน้ำหนัก ช่วยป้องกันสมองเสื่อม ช่วยบำรุงสายตาและการมองเห็น รวมถึงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้เป็นอย่างดี

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งที่มีอาการแพ้อาหารจำพวกถั่วได้

หากท่านเป็นผู้ป่วยในกลุ่มนี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ แพทย์มักแนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีถั่วและเนยถั่วเป็นส่วนประกอบ เพราะอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

อาการแพ้อาหารกลุ่มถั่ว มีได้ตั้งแต่เล็กน้อย แค่คันยุบยิบๆ ปวดท้อง ท้องเสีย มีผื่นตามร่างกาย ไปจนถึงขั้นรุนแรง เช่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และช็อกได้ การแพ้ถั่วมีได้ตั้งแต่แพ้แค่ชนิดเดียว ไปจนถึงแพ้หลายชนิด แตกต่างกันไปแล้วแต่คน บางคนแพ้พิสตาชิโอแต่กินวอลนัตได้ก็มี แต่ถ้าหากไม่แน่ใจแล้ว ควรปรึกษาแพทย์จะเป็นการดีที่สุดครับ

ความโชคดีในความโชคร้ายก็คือ อาการแพ้ที่เกิดจากถั่วนั้นพบไม่มาก และส่วนมากจะพบกับคนยุโรปและอเมริกามากกว่าคนเอเชีย เล่าถึงตรงนี้ คุณๆ คงเริ่มสนใจรับประทานถั่วหรือพืชในกลุ่มถั่วชนิดต่างๆ กันแล้วใช่ไหมครับ

เพื่อการรับประทานอาหารจำพวกถั่วให้อร่อยและได้ประโยชน์สูงสุด แพทย์ระบบโภชนาการสถาบันสุขภาพแห่งประเทศออสเตรเลียแนะนำว่า คุณไม่ควรรับประทานถั่วชนิดใดชนิดหนึ่ง เพียงชนิดเดียวติดต่อกันไปนานๆ แต่ควรเลือกรับประทานให้หลากหลาย ผสมกันหลายๆ ชนิด เช่น รับประทานพิสตาชิโอร่วมกับแมคคาเดเมียและมะม่วงหิมพานต์ วันต่อไปลองรับประทานถั่วลิสงร่วมกับพีแคนและอัลมอนด์ดูบ้าง สลับผสมๆ กันไปแบบนี้ นอกจากจะอร่อยกับรสชาติที่ไม่ซ้ำกันแล้ว ยังได้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารที่หลากหลายอีกด้วยครับ

 

เกร็ดน่ารู้ :

  • Nut (ถั่ว) คืออาหารที่อร่อยและมีคุณค่า บางครั้งเราเรียกคนเพี้ยนๆ คนที่ดูสติไม่ค่อยดีว่า Nuts ที่มาที่ไปของการนำเอาถั่วไปใช้เรียกคนสติไม่ดียังถกเถียงกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากไหนกันแน่ ทฤษฎีหนึ่งที่มีคนยอมรับกันอย่างกว้างขวางคือทฤษฎีของฟรานเซส โครแนง (Frances Cronin) บรรณาธิการข่าวของบีบีซีฝรั่งเศส เขาศึกษาเรื่องนี้และให้ข้อสังเกตว่า อาจจะมีที่มาจากการล่าแม่มดในช่วงยุคกลางของยุโรป เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1612 มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่ออลิซ นัตเตอร์ (Alice Nutter) มีบุคลิกประหลาดคือชอบเดินพึมพำ พูดจาคนเดียว ท่องบ่นมนตราภาษาแปลกๆ เที่ยวเดินท่อมๆ ไปในยามวิกาล สุดท้ายผู้คนก็ลงความเห็นว่าเธอเป็นแม่มด และถูกนำไปประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น คำว่า Nut จึงถูกนำมาเรียกคนที่สติไม่ดี นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อ้างอิง :

  • บทความเรื่อง Nuts and Health จาก http://www.nutritionaustralia.org/national/frequently-asked-questions/general-nutrition/nuts-and-health

 

 

 

Don`t copy text!