เรื่องเล่าจากนักเขียนกับนวนิยายใหม่ บนเวทีงานจัตุรัสจามจุรี บุ๊กแฟร์ ครั้งที่ ๑๗ EP2

เรื่องเล่าจากนักเขียนกับนวนิยายใหม่ บนเวทีงานจัตุรัสจามจุรี บุ๊กแฟร์ ครั้งที่ ๑๗ EP2

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

หลังจากทำความรู้จักกับ แสนแก้ว เวฬุวลี และนวาภัส ผ่านผลงาน หรือมุมมองต่างๆ ของการทำงาน รวมถึง การแอบนำเรื่องใกล้ตัวใส่ลงไปในนิยายของตัวเองแล้ว คราวนี้จะพาไปอ่านถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นิยายของแต่ละคน การทำงานที่มีทั้งอุปสรรคและความท้าทายของพวกเธอด้วยกัน รับรองว่าอาชีพนักเขียนนั้นทั้งสนุกสนาน แต่ก็ต้องอดทนและละเอียดลออไม่แพ้อาชีพไหนเลยทีเดียว

เรื่องย่อและแรงบันดาลใจของนิยายทั้งสาม

จากครั้งที่แล้วที่สามสาวพูดถึงผลงานของตัวเองก็เชื่อมั่นว่าแฟนนักอ่านบางท่านอาจอยากรู้เรื่องย่อแบบคร่าวๆ กันบ้างว่าทั้งสามเรื่องล่าสุดนี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

พลิกรักทำนายใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับหมอดูไพ่ยิปซีที่เชื่อโชคชะตามากเพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง ทำให้การตัดสินใจหลายๆ ครั้งขึ้นอยู่กับคำทำนายมากกว่าความเป็นจริง จนสุดท้ายนางเอกได้เติบโตจากบทเรียนต่างๆ กลายเป็นคนที่มีสติมากขึ้น เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมาก อ่านเข้าใจง่าย มีกลิ่นอายของการเรียนรู้และเติบโตจากความผิดพลาดค่ะ

“นอกจากนี้ยังมีประเด็นปัญหาและปริศนาของเพื่อนและคนรอบตัว แล้วนางเอกช่วยหาทางออกโดยการเปิดไพ่ นิยายเล่มนี้จึงเหมาะกับกลุ่มผู้อ่านวัยรุ่นและผู้ที่สนใจเรื่องสายมูและการดูดวง ตอบโจทย์ความสนใจของคนในยุคปัจจุบันได้ดีค่ะ”

ส่วนฤทัยยักษ์เวฬุวลีบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากตำนานยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง

“เรื่องนี้เป็นตำนานที่มีคนพูดถึงเยอะ โดยเล่าว่ายักษ์วัดโพธิ์ที่ไปขโมยเงินยักษ์วัดแจ้งแล้วไม่คืน ทำให้ยักษ์วัดแจ้งมาตามทวงจนเกิดการต่อสู้ เป็นเหตุให้พื้นที่นั้นกลายเป็น ‘ท่าเตียน’ หรือพื้นที่โล่งเตียน แต่ในรายการหนึ่งทาง YouTube ที่ได้ดูได้พูดถึงตำนานนี้โดยเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ไฟไหม้ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ทำให้พื้นที่โล่งเตียนค่ะ แล้วก็บอกว่าตำนานที่เป็นเรื่องราวของยักษ์นั้นเกิดขึ้นมาที่หลังอาจเล่าขึ้นมาเพื่อปลอบใจคนที่สูญเสียจากเหตุการณ์ไฟไหม้ เราเลยได้ไอเดียว่าถ้านำเรื่องนี้มาผูกกับนิยายจะน่าสนใจแค่ไหน แล้วก็อยากจะเห็นคาแรกเตอร์จากยักษ์วัดโพธิ์มาเป็นพระเอกในนิยาย เพราะหลายๆ ชาติก็ทำกันคือนำความเป็นเรื่องราวปรัมปราที่เป็นแฟนตาซีมาทำให้ทันสมัย เลยอยากทำอย่างนั้นบ้าง ในที่สุดจึงมีพระเอกเป็นยักษ์ที่ชื่อ ‘แสงอาทิตย์’ ซึ่งเป็นตัวละครจากรามเกียรติ์ที่ไม่โดดเด่นมากแต่มีอาวุธที่น่าสนใจ เลยนำคาแรคเตอร์นี้มาเป็นพระเอก

“การเขียนเรื่องนี้ต้องหาข้อมูลเยอะมากเพราะต้องการให้มีความสมจริง ผสมกลิ่นอายแฟนตาซีบางส่วนให้ผู้อ่านรู้สึกว่าน่าสนใจ ส่วนความยากในการเขียนคือการหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัดโพธิ์ รวมถึงเหตุการณ์ในช่วงรัชกาลที่ ๔ ซึ่งมีผู้ช่วยนักวิจัยช่วยเก็บข้อมูลให้ ทำให้ได้ข้อมูลเบื้องลึกมาช่วยในการเขียน แต่ไม่ได้ใส่ข้อมูลวิชาการมากจนเกินไป เพียงแค่ให้ผู้อ่านรู้สึกถึงกลิ่นอายประวัติศาสตร์และสนุกไปกับเรื่องราวที่มีความเชื่อมโยงกับความเป็นจริงค่ะ”

สำหรับชื่อเรื่อง ‘ฤทัยยักษ์’ ที่มีความหมายว่าหัวใจของยักษ์ เป็นความตั้งใจของนักเขียนตั้งแต่ครั้งแรกแล้วว่าต้องมีคำว่ายักษ์ในนี้ และเธอก็อยากให้มีเรื่องของ ‘ใจ’ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“เพราะนิยายเรื่องนี้เน้นเรื่องความรู้สึกในใจยักษ์ ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นตัวร้าย แต่จริงๆ แล้วภายในใจเขาอาจเป็นคนดี และยังมีมุกเรื่องการถอดดวงใจที่ทำให้ยักษ์ไม่ตาย แต่แลกกับการที่เขาจะไม่มีโอกาสได้รักใครอีก การใช้ชื่อ ‘ฤทัยยักษ์’ จึงเป็นการผสมผสานความลึกซึ้งของตัวละครและเนื้อเรื่อง รวมถึงตั้งชื่อนางเอกว่า ‘ฤทัยมาศ’ เพื่อให้สอดคล้องไปกับเรื่องที่เล่าด้วยค่ะ”

ในเรื่อง ลูกไม้เกี่ยวรัก ของนวาภัสนั้นเธอเล่าว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากการได้เห็นข่าวและเรื่องราวของผู้หญิงในยุคปัจจุบันที่มีความเพรียบพร้อมในเรื่องหน้าที่การงานและรายได้ แต่เลือกใช้ชีวิตโสดและมีลูกเองด้วยการทำเด็กหลอดแก้วจากการซื้อน้ำเชื้อผู้บริจาค

“เรื่องนี้ต่างชาติทำกันเยอะมากนะคะ แต่กฎหมายในเมืองไทยไม่เอื้อ คนในบ้านเราเลยก็ต้องบินไปทำที่เมืองนอกแทน ส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้น่าสนใจและเข้ากับยุคปัจจุบัน ก็เลยนำไอเดียนี้มาสร้างเป็นเรื่องราวค่ะ

“นิยายเรื่องนี้เล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เก่งมากแต่ไม่มีแฟน อีกทั้งเธอยังมีเหตุที่ต้องผ่าตัดมดลูกทำให้จะมีลูกไม่ได้อีก แล้วยังมีปมกับแม่ที่ไม่ค่อยสนใจตัวเอง ทำให้เธอต้องการมีลูกเพื่อพิสูจน์ว่าเธอสามารถเลี้ยงลูกได้ดีกว่าแม่จึงตัดสินใจไปซื้อน้ำเชื้อผู้บริจาคมาเพื่อจะได้มีลูกเองโดยไม่ต้องพึ่งผู้ชายจนทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้นเมื่อลูกเริ่มโตและเห็นเพื่อนๆ มีพ่อ เลยมาขอให้แม่หาพ่อให้ กลายเป็นภารกิจหาพ่อปลอมๆ ที่นางเอกต้องทำเพื่อให้ลูกมีความสุขค่ะ”

นวาภัสบอกว่าผลงานของเธอชิ้นนี้มีทั้งความสนุกสนานที่มาจากความปั่นป่วนของคู่แม่ลูก รวมถึงการหาพ่อปลอมๆ ให้กับลูกด้วย ในขณะเดียวกันผู้อ่านจะได้รับความรู้สึกของความเป็นครอบครัวที่เธอเล่าไว้ในเรื่องลูกไม้เกี่ยวรักด้วย รับรองว่านี่เป็นผลงานที่มีครบรสอีกเรื่องเลยละค่ะ

ความท้าทายในอาชีพนักเขียน

ถ้าพูดถึงความท้าทายในอาชีพ นักเขียนหลายคนอาจตอบไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นนิยายที่เขียนประกวดโดยกำหนดระยะเวลาชัดเจน เชื่อว่าเรื่องการแบ่งเวลาน่าจะเป็นความท้าทายอันดับต้นๆ ที่นักเขียนต้องจัดการให้ดี

“ในกระบวนการเขียนนิยาย โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานประกวด ความกดดันเรื่องเวลาก็ถือเป็นอุปสรรคสำคัญค่ะ” นวาภัสเล่า “เพราะต้องหาข้อมูลและเขียนให้จบภายในระยะเวลาที่จำกัด ต้องทำให้เรื่องราวสนุกและน่าสนใจในขณะที่ข้อมูลถูกต้อง และไม่ให้มีอะไรขาดตกไป ที่สำคัญต้องให้ความสำคัญในเรื่องวรรณศิลป์ด้วย

“สำหรับตัวเองทุกเรื่องที่เขียนไปไม่ว่าจะเป็นงานประกวดหรืองานอื่นๆ จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อให้คนอ่านรู้สึกอินและประทับใจค่ะ

“นอกจากนี้ในงานนิยายทุกเรื่องสิ่งที่ทำเสมอคือพยายามสร้างสรรค์ให้สนุกสนานและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพราะปัจจุบันผู้อ่านมีตัวเลือกเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือนิยายออนไลน์ การแข่งขันในตลาดเองก็สูงมาก ความท้าทายคือทำอย่างไรให้ผู้อ่านเลือกอ่านผลงานของเรา และหยิบขึ้นมาอ่านให้ได้ก่อน เรื่องนี้จึงเป็นความยากที่ต้องเผชิญในฐานะนักเขียนด้วย”

สำหรับเวฬุวลีเองเธอบอกว่าทุกเรื่องที่เธอเขียนล้วนมีความท้าทายแตกต่างกัน

“อย่างเรื่องแรก ‘แอปซ่อนรัก’ ที่ได้เขียนส่งประกวดในโครงการช่องวันอ่านเอา ปี๑ ความท้าทายคือทำอย่างไรให้การเขียนบทละครที่คุ้นเคยสามารถเปลี่ยนมาเป็นการเขียนนิยายที่มีบทบรรยายมากขึ้น รวมถึงต้องถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครให้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นการฝึกฝนที่ดี

“ส่วนเรื่อง ‘คดีรักร้าง’ ความท้าทายคือการทำให้ขั้นตอนของการพิจารณาคดีในศาลน่าเชื่อถือ ดูสมจริง ต้องหาข้อมูลกฎหมายให้ถูกต้อง และยังคงอรรถรสของดรามาไว้ ไม่ให้ผู้อ่านรู้สึกว่ามีข้อมูลกฎหมายมากเกินไปจนอ่านแล้วเบื่อ จึงต้องหาจุดสมดุลระหว่างการให้ข้อมูลกับการเล่าเรื่องค่ะ

“พอมาถึงเรื่อง ‘ฤทัยยักษ์’ ความยากอยู่ที่การเขียนแนวแฟนตาซีซึ่งไม่ใช่ว่าเขียนอะไรก็ได้ เราต้องมีตรรกะบางอย่างในโลกของแฟนตาซี ต้องสร้างโลกใหม่และมีอิทธิฤทธิ์ของตัวละครยักษ์ที่ไม่ใช่คนธรรมดา เรื่องนี้มีความท้าทายในการสร้างคาแรกเตอร์ของยักษ์ที่มีพลังพิเศษและสามารถแปลงร่างได้ แต่ก็ต้องไม่เกินขอบเขตความจริงของโลกที่สร้างขึ้น ต้องกำหนดว่าใครทำอะไรได้บ้างในโลกแฟนตาซีนี้ และยังต้องให้ผู้อ่านรู้สึกถึงกลิ่นอายของความเป็นพีเรียดในบางตอนด้วยค่ะ

“ทุกวันนี้นักอ่านมีทางเลือกมากขึ้น เช่น การอ่านในรูปแบบดิจิทัล หรือแม้กระทั่งคลิปวิดีโอสั้นๆ ทำให้ต้องพยายามสร้างผลงานที่มีความน่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเรื่องของเราสนุกแม้ว่าแนวเรื่องจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อีกทั้งการเขียนนิยายแฟนตาซีจะทำให้มีโอกาสดึงกลุ่มนักอ่านใหม่ๆ เช่น เด็กวัยรุ่นหรือผู้ชาย ที่อาจไม่ได้สนใจเรื่องแนวดราม่าหนักๆ มาสนใจได้ด้วยค่ะ”

ฟังสองสาวเล่าเรื่องของเธอไปแล้วก็มาที่แสนแก้วกันบ้าง นักเขียนสาวเล่าว่าเนื่องจากเรื่อง พลิกรักทำนายใจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อสายมู จึงสุ่มเสี่ยงที่จะกระทบต่อคนที่เชื่อมากๆ หรือคนที่ไม่เชื่อเลย ดังนั้นความท้าทายคือต้องพยายามหาจุดกึ่งกลางที่ไม่ไปแตะหรือหักล้างความเชื่อของใครมากเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสะท้อนธีมเรื่องที่เกี่ยวกับการตัดสินใจบนพื้นฐานของดวงหรือความเชื่อแบบมูเตลูไว้ด้วย

“นอกจากนี้ยังได้ใส่คาแรกเตอร์ของพระเอกที่มีมุมมองตรงกันข้ามกับนางเอกเข้ามาด้วยค่ะ พระเอกจะบอกนางเอกเสมอว่า เขาไม่ได้เชื่อหรือไม่เชื่อในสายมู แต่เขาเชื่อในการใช้ชีวิตอย่างมีสติและรอบคอบ ซึ่งเป็นการสื่อสารแนวคิดของนิยายเรื่องนี้ว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและการใช้ชีวิตอย่างมีสติค่ะ”

ถึงแม้นิยายของแสนแก้วมักเป็นแนวโรแมนติกคอเมดีที่อ่านแล้วสบายใจ สนุกสนาน แต่ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามสอดแทรกเรื่องราวทางจิตวิทยาและข้อคิดดีๆ เพื่อให้ผู้อ่านได้รับสาระพร้อมกับความเพลิดเพลินไว้ด้วย โดยเฉพาะ พลิกรักทำนายใจ ที่พูดถึงการเติบโตทางความคิดและการตัดสินใจที่ต้องมีสติ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดสำคัญที่อยากจะส่งต่อให้ผู้อ่านได้เห็นถึงความสมดุลระหว่างการเชื่อดวงชะตา พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล

ผลงานในอนาคตอันใกล้

นอกจากจะมีผลงานออกมาให้ได้อ่านกันอย่างต่อเนื่องแล้ว ล่าสุดนักเขียนทั้งสามยังมีผลงานที่กำลังปั้นมาแอบบอกกับแฟนๆ นักอ่านอีกด้วย อย่างแสนแก้วที่ตอนนี้กำลังมีผลงานเรื่อง ‘รักหวานน้ำตาลน้อย’ นิยายแนวโรแมนติกคอเมดีที่เกี่ยวข้องกับอาหาร โดยได้รับโจทย์จากข้าวพนมรุ้ง เผยแพร่รายตอนสัปดาห์ละหนึ่งตอนในเพจ Panomrungrice

ส่วนเวฬุวลีนั้นบอกว่าตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มงานใหม่แต่มีโครงเรื่องที่คิดไว้แล้วชื่อว่า รักลืมเลือน โดยเรื่องนี้จะเล่าเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ “งานจะเป็นแนวรักครอบครัวที่มีความซาบซึ้งและเน้นความสัมพันธ์ของสมาชิกในบ้านที่จะสื่อให้เห็นการดูแลกันเมื่อเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากค่ะ”

นวาภัสเองก็เตรียมผลงานของเธอไว้เช่นกัน โดยตอนนี้กำลังซุ่มเขียนเรื่องใหม่ที่ชื่อว่า ‘พรพยาบาท’ “เป็นนิยายแฟนตาซีที่มีเรื่องการแก้แค้นและการชดใช้ จะมีความหนักหน่วงและมีความลี้ลับในบางส่วน เรื่องนี้ได้รับคำแนะนำจากพี่หมอโอ๊ต พงศกร ว่าการเขียนแฟนตาซีให้สนุกนั้นต้องเขียนให้ผู้อ่านเชื่อว่าตัวละครมีอิทธิฤทธิ์จริงๆ ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ”

เรียกว่าทั้งสามคนต่างมีสไตล์แนวคิดที่น่าสนใจและต่างก็มีหมัดเด็ดเป็นของตัวเองทั้งนั้น ใครอยากอ่านผลงานของเธอสามารถติดตามได้ที่ www.groovebooks.com หรือ FB สำนักพิมพ์ กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง หรือติดตามผลงานทั้งสามเรื่องที่ยังมีให้อ่านเป็นตอนๆ ได้ที่ anowl.co อีกทั้งตอนนี้นิยายของ แสนแก้ว เวฬุวลี และนวาภัส ก็มีจัดจำหน่ายแล้วที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงใครสนใจอ่านแบบอีบุ๊กกันก็ติดตามกันที่ Meb ได้ด้วยค่ะ

 

Don`t copy text!