ความท้าทายของ สิตา ใน ‘หน้ากากมยุเรศ’

ความท้าทายของ สิตา ใน ‘หน้ากากมยุเรศ’

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

เพราะหยุดเขียนนิยายไทยไปนาน การเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อได้รับการเชิญชวนให้เข้าร่วมโครงการช่องวันอ่านเอา ปี ๔ ‘สิตา’ จึงปลุกความสามารถและหยิบงานสไตล์ที่เธอบอกว่า ‘จุดติดง่าย’ ขึ้นมาและถ่ายทอดเป็น ‘หน้ากากมยุเรศ’ ให้ได้อ่านกัน

ความสนุกที่ทำให้ก้าวข้ามความยาก

“เนื่องจากหยุดเขียนไปเป็นปี เลยอยากเริ่มด้วยแนวที่ถนัดและคุ้นชิน เรียกไฟการทำงานกลับมาค่ะ ซึ่งแนวนิยายเชิงธุรกิจ มีหักมุม ชิงไหวชิงพริบนิดหน่อยเป็นแนวที่เคยเขียนมาแล้วสองเรื่อง จริงๆ ก็ท้าทายแกมหวั่นๆ เหมือนกันนะคะว่าจะกลับมาเขียนอย่างเดิมได้ไหม แต่พอเขียนแล้วก็ทำให้จดจำความสนุกในการเขียนที่เคยลืมจนในที่สุดก็ใช้มันก้าวข้ามความยากไปได้ (หัวเราะ) ใช้เวลาเขียนจริงจังประมาณสามเดือนค่ะ แต่ถ้ารวมเวลาคิดพล็อตก็มากกว่านั้น

หน้ากากมยุเรศ นี่เรียกว่าหาข้อมูลแทบทั้งเรื่องเลยค่ะ คือเราอาจพอรู้ข้อมูลคร่าวๆ เช่น ธุรกิจสิ่งทอเป็นธุรกิจสำคัญในไทยและปัจจุบันกำลังประสบปัญหา เลยเลือกธุรกิจนี้เพราะคิดว่าน่าจะหาข้อมูลง่าย หรือเคยผ่านหูเรื่องการรับจ้างทำงานฟาร์มที่ต่างประเทศ พอต้องการให้ตัวละครหนีไปไกลๆ เลยเลือกวิธีนี้ ก็ต้องมาหาข้อมูลของประเทศนิวซีแลนด์อีกทั้งที่ไม่เคยเหยียบประเทศนี้เลย

อีกอย่างการเขียนนิยายจีน (นามปากกา ‘เหย่หวา’) กับการเขียนนิยายไทยก็แตกต่างกันด้วยค่ะ อย่างแรกคือสำนวน นิยายจีนมีสำนวนและจริตของมัน เช่น การยกสุภาษิตจีนมาอ้างถึงบ่อยๆ จึงต้องพยายามหาข้อมูลให้ใกล้เคียงกับต้นตำรับ อีกเรื่องคือวัฒนธรรมต่างกันซึ่งเป็นจุดที่ต้องระวังมาก ขนาดตัวเองมีเชื้อสายจีน ยังไหว้ตรุษจี  สารทจีน เชงเม้ง ยังพลาดหลายอย่างเลย (หัวเราะ) ก็ต้องพยายามกันไป แต่ในทางตรงข้าม การเขียนนิยายไทยที่อิงความสมจริงจะมีกรอบตรงนั้นอยู่ ทำเอาเขียนหักมุมยากเพราะถูกความสมจริงบังคับไว้ ถ้าเขียนนิยายจีนแบบแฟนตาซีไปเลยจะคุมตรงนี้ง่ายกว่าค่ะ”

ความท้าทายของนักเขียน      

“นิยายพล็อตประมาณว่า พ่อตาย ลูกสาวสงสัยการตายของพ่อเกี่ยวกับญาติที่ทำธุรกิจกงสีด้วยกัน จึงต้องตามพี่ชายต่างแม่มาช่วยสืบระหว่างแก้ไขปัญหาธุรกิจไปด้วย เป็นพล็อตที่มีให้เห็นเยอะมาก แต่อย่างที่ทราบว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่ได้เข้าร่วมโครงการช่องวันอ่านเอา ปี ๔ ที่ทางกรรมการท่านช่วยเบิกเนตรให้เห็นช่องโหว่ของพล็อตช่องเบ้อเร่อเลยค่ะ แถมหลายจุดด้วย เล่นเอาทำใจว่าอาจแก้ไขไม่ได้ สุดท้ายแม้จะแก้ไขได้ไม่หมดแต่ก็พอใจที่สามารถผลักดันตัวเองสู้กับโจทย์ยากๆ แบบนี้ และพอพยายามแก้ไขตามคำแนะนำแล้วก็ได้พล็อตที่ดีกว่าเดิมอีก ประทับใจมากค่ะ ต้องขอบคุณกรรมการทุกท่านจริงๆ”

ความน่าสนใจของหน้ากากมยุเรศ

“ถ้าสนใจอ่านนิยายที่ขับเคลื่อนด้วยพล็อต มีแทรกความรู้เชิงธุรกิจพอกรุบกริบ มีหักมุมแบบเดายากบ้างง่ายบ้าง พระเอกนางเอกงอนกันไม่นานก็ต้องรีบคืนดีเพราะต้องจับมือไปแก้ปัญหาที่มันใหญ่กว่า จบแฮปปี้แม้ระหว่างทางจะขมไปบ้าง โปรดลองให้โอกาสนิยาย หน้ากากมยุเรศ ดูสักครั้งนะคะ (หัวเราะ) แล้วก็ยังมีเมสเซสจที่อยากสื่อสารกับนักอ่านอีกเรื่องหนึ่งด้วย คือมีประโยคหนึ่งในนิยายค่ะที่นางเอกพูดว่า “ความรักก็คงเหมือนหลายสิ่งหลายอย่างในโลกใบนี้ มีทั้งด้านสวยงามและน่ารังเกียจ เราคงเลือกไว้แค่ด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้” การยอมรับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ต้องรับไว้ทั้งด้านดีและร้ายของมันค่ะ

“รู้สึกว่าความโดดเด่นของผลงานเรื่องนี้ของสิตาคือพล็อตนะคะ ส่วนตัวชอบเขียนพล็อตหักมุม ถ้าไม่มีการหักมุมคนเขียนจะปวดท้อง (หัวเราะ) แล้วก็สำนวนที่เน้นความกระชับ พยายามเดินเรื่องให้เร็ว แต่มีแอบแทรกรายละเอียดตรงนู้นตรงนี้ ไว้ให้คนอ่านเก็บตกเวลากลับมาอ่านซ้ำ

“และทุกครั้งที่เขียนนิยายก็หวังเพียงว่าหากมีคนอ่านแล้วรู้สึกพอใจไม่เสียดายเวลา แค่นี้สิตาก็ดีใจมากๆ แล้ว อยากได้คำติชมไว้เป็นกำลังใจเวลาปั่นงานใหม่ ซึ่งกำลังชั่งใจระหว่างนิยายจีนแนวเทพเซียนหรือนิยายไทยแนวสายลับ ที่ตอนนี้ยังเป็นแค่ตัวอ่อนอยู่ด้วยกันทั้งคู่อยู่เลยค่ะ”

Don`t copy text!