“สาปแสงรัก” ตำราเล่มใหญ่และชัยชนะของการจัดการอารมณ์ของตัวเอง

ตำราเล่มใหญ่ และชัยชนะของการจัดการอารมณ์ของตัวเอง

เพราะอยากเขียนนิยายที่ว่าด้วยเรื่องกฎแห่งกรรม ประกอบกับความสงสัยที่ว่า ถ้าตัวละครฝ่ายหนึ่งขอเกลียดกันทุกชาติ อีกฝ่ายหนึ่งขอรักทุกชาติ เรื่องราวในนิยายจะเป็นยังไง จึงทำให้ ตวงทิพย์ ยุวชิต พล็อตนิยายที่มีสองส่วนนี้เป็นสารตั้งต้น และค่อยๆ พัฒนาจนเกิดเป็น สาปแสงรัก ขึ้นมาในที่สุด

“สาปแสงรัก เล่าเรื่องราวของอานุภาพ ชายหนุ่มที่ต้องคำสาปให้พบรักแท้แต่กลับรักไม่ได้ อานุภาพไปทำงานบูรณะประติมากรรมปูนปั้นในวัดบนเกาะเดือนดับ ที่นั่นเขาได้พบหญิงสาวที่เขาแน่ใจว่าเคยรักและผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน แต่เมื่อเขารู้สึกรักเธอเขากลับทุกข์ทรมานเจียนตาย และเธอก็ยังเกลียดชังเขามากอย่างไม่รู้สาเหตุ อานุภาพเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาที่ไม่มีคาถาอาคม แล้วเขาจะถอนคำสาป และทำให้เธอกลับมารักเขาได้อย่างไร ซึ่งปอผูกเรื่องไว้ให้ลุ้นกันตลอดเรื่องค่ะ”

ความน่าสนใจของนิยายเรื่องนี้

“ปกตินิยายที่เกี่ยวกับคำสาปมักจะเป็นเรื่องแฟนตาซี มีของวิเศษ หรือพลังวิเศษ แต่เรื่องนี้พระเอกเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากรักแท้ แล้วเขาจะเอาอะไรมาเอาชนะคำสาป นอกจากเรื่องคำสาปของพระเอก นางเอกก็มีคำสาปที่ติดตัวมาจากชาติปางก่อนเหมือนกัน คนอ่านเลยต้องมาติดตามกันค่ะว่าพระเอกนางเอกที่เป็นคนธรรมดาจะทำอย่างไรให้ตัวเองพ้นคำสาปและสมหวังในความรักได้”

การทำการบ้าน ความสนุกและท้าทาย

“เรื่องนี้ปอต้องทำการบ้านมากกว่านิยายสองเรื่องที่ผ่านมาเพราะเป็นนิยายรักที่เป็นพีเรียด ข้ามภพข้ามชาติเรื่องแรก ต้องค้นคว้าหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้มากที่สุด หาจนหมดข้อสงสัย แม้ว่าจะใช้จริงในนิยายแค่บรรทัดเดียว ความยากก็คือการเขียนบทสนทนา เพราะแม้ว่าจะหาข้อมูลมามากแค่ไหนเราก็ไม่อาจแน่ใจว่าผู้คนเมื่อเกือบสองร้อยปีก่อนสนทนากันอย่างไร เป็นความท้าทายและสนุกมากที่ได้เขียนภาษาแบบนี้หลังจากที่เป็นผู้อ่านนิยายพีเรียดมานานปี ความยากอีกอย่างหนึ่งก็คือการเล่าเรื่องระหว่างปัจจุบันกับอดีตชาติ ได้เรียนรู้ว่าจะเล่าอย่างไรให้คนอ่านไม่งงค่ะ”

รู้จักตัวเองผ่านนิยาย

“นิยายเรื่องนี้ทำให้รู้จักวิธีการทำงานและรู้จักจัดการกับอารมณ์ตัวเองระหว่างการทำงานได้ดีขึ้นค่ะ นักเขียนทุกคนคงมีอารมณ์เหมือนๆ กัน นั่นคือระหว่างเขียนอาจจะเกิดอาการตัน คิดไม่ออก หรือคิดพล็อตเตลิดจนออกทะเลไป เรื่องนี้มีทุกอารมณ์เลยค่ะ ตอนที่คิดพล็อตก็อยากเล่าไปเสียทุกเรื่อง กว่าจะคิดว่าควรสางประเด็นใดออกเพื่อให้เล่าเรื่องได้ตรงตามจุดประสงค์ก็ใช้เวลานาน รู้สึกท้อแท้ จะหยุดเขียนก็หลายรอบ แต่เนื่องจากนิยายอยู่ในโครงการช่องวันอ่านเอา ปี 4 ที่ไม่ใช่ว่าอยากจะเข้ามาเขียนก็เขียนได้ แต่ต้องได้รับคำเชิญจากพี่ๆ วิทยากรและคณะกรรมการ จึงคิดว่าเมื่อได้รับเกียรติแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เลยพยายามแก้ไขปัญหาที่ติดขัดทุกอย่างจนสามารถเขียนนิยายจบได้ และได้งานในระดับที่ตัวเองพอใจมากด้วยค่ะ นับได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นตำราเล่มใหญ่ในการเขียนนิยายของตัวเอง ต่อจากนี้ไปไม่ว่าเขียนงานแล้วติดขัดยังไงปอก็พอจะรู้วิธีแก้ไขงานและจัดการกับอารมณ์ตัวเองแล้วค่ะ”

สาปแสงรัก คุณค่าของผลงาน

“คุณค่าของนิยายเรื่องนี้คือข้อคิดเรื่องความสำคัญของกรรมเก่าและกรรมปัจจุบันที่เล่าผ่านเรื่องราวความรักที่ต้องลุ้นระทึกไปกับตัวละครอย่างไม่มีเวลาให้หยุดพักหายใจเลยค่ะ ลุ้นตลอดเรื่องจริงๆ ตอนนี้ สาปแสงรัก ลงให้อ่านในอ่านเอาจนถึงตอนสุดท้ายแล้ว ใครที่ยังไม่ได้อ่านแนะนำให้อ่านย้อนหลังรวดเดียวเลยค่ะ รับรองสนุกแน่ๆ”

ติดตามผลงานของ ตวงทิพย์ ยุวชิต ซึ่งมีจำหน่ายตามร้านนายอินทร์และร้านหนังสือทั่วไป นั่นก็คือ วรรณกรรมเยาวชนเรื่อง “เตลิด” นิยายเรื่อง “รักนี้ไม่มีตำหนิ” และล่าสุด “ดวงใจภาดา”