เมียอันดับห้า บทที่ 5 : รถชน
โดย : โสภี พรรณราย
เมียอันดับห้า นวนิยายออนไลน์แนวชีวิตผสมโรแมนติกคอมเมดี้ใน อ่านเอา ของ โสภี พรรณราย เรื่องราวของ ‘ภีม’ หนุ่มสังคมรูปหล่อที่มีชีวิตรักแบบรักๆ เลิกๆ จนถึงขั้นเจ็ดปีเปลี่ยนเมียไปสี่คน กับ ‘ไหมแพร’ นักข่าวสายสังคมที่ไม่อาจจะปล่อยให้เรื่องแซ่บๆ นี้ผ่านไปได้ และตอนนี้เธอคือคนที่เขาสนใจ หรือเธอจะกลายเป็นเมียอันดับห้าของเขา!!
****************************
– 5 –
ไหมแพรถามตัวเองว่า
ทำไม…หล่อนไม่ชอบผู้ชายคนนี้เสียเหลือเกิน?
เพราะ…ร่ำรวย…ถือว่าเงินซื้อทุกอย่างได้หรือ…
เพราะ…ขี้เต๊ะ…วางท่า สายตามักมองคนหมิ่นๆ หรือ…
เพราะ…หลายใจ…เปลี่ยนเมียเป็นว่าเล่นหรือ…
ไม่ใช่…สรุปว่า…ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ…
หล่อนเคยไปสัมภาษณ์เศรษฐีผู้ประสบความสำเร็จ หรือคนเก่งมีความสามารถมากมาย งานหลักคืองานสัมภาษณ์และตามข่าวดัง ตลอดเวลาหล่อนมักจะชื่นชอบและชื่นชมคนเหล่านั้น…ประทับใจไม่ลืม…
ภีม…เป็นคนแรกที่หล่อนเกลียดเลยล่ะ
ขณะนี้รถเก๋งราคาแพงของเขาชนท้ายจักรยานยนต์หล่อน จะว่าไปหล่อนมีส่วนผิดที่เบรกกะทันหัน และเขาก็ผิดที่ขับรถจี้ท้าย
คนขับรถเขารีบเร่งเพราะเจ้านายจะไปรับลูกค้าที่สนามบิน
ถือว่าผิดพลาดทั้งคู่ แต่ไหมแพรเจ็บ แผลทั้งขาและแขน กางเกงก็ขาด เสื้อก็แขนขาด เห็นเลือดแล้ว แต่หล่อนไม่ใช่คนกลัวเลือด หญิงสาวกลับอยากเอาชนะผู้ชายคนนี้
คนขับรถหันมาพูดกับหญิงสาวว่า
“ผมรีบจริงๆ และผิดจริงๆ คุณไปโรงพยาบาลตรวจร่างกายก่อน เสร็จจากส่งเจ้านายแล้วผมจะรีบติดต่อกับคุณ ขอนามบัตรคุณ แล้วผมจะได้ให้เบอร์ผม หรือบัตรประชาชนของผมกับคุณไว้”
รีบหรือ…มาดูลีลาของไหมแพรบ้าง
“โอ๊ย…ไม่ได้หรอก เจ้านายคุณโวยวายเกินเหตุ และไม่เห็นใจคนได้รับบาดเจ็บ ฉันจะเจรจากับเขาเอง”
“ไม่ได้ครับ ท่านไม่ชอบคุยกับคนอื่น” โบกมือห้ามเป็นพัลวัน
“แต่ตอนนี้ฉันไม่ใช่คนอื่น ฉันเป็นคู่กรณีกัน”
“ผมผิดเอง”
“เจ้าของรถต้องรับผิดชอบ!”
“ท่านชื่อภีม เป็นผู้บริหารสุททินพงษ์กรุ๊ป อย่ารบกวนถึงท่านเลยครับ ผมกล้ารับรองว่าจะรับผิดชอบทุกอย่างครับ”
ไหมแพรยังถ่วงเวลา แกล้งมารยาร้อง
“โอ๊ย…ฉันเจ็บ…เจ็บ…”
“รีบไปตรวจโรงพยาบาลเลยครับ”
“เสียเวลาฉันมากๆ”
“ค่าซ่อมรถ ค่าเสียเวลา ผมพร้อมจ่ายครับ”
“คุณสรุปตัวเลขได้เรอะ?”
“เอ้อ…” คนขับรถลังเล แล้วตอบ “ได้ครับ ได้แน่ครับ”
ขณะนั้นภีมที่นั่งอยู่มองนาฬิกาข้อมือ ใบหน้าบึ้งตึง และตะโกนบอกคนขับรถ
“ถ้าเสียเวลาเจรจาขนาดนี้ แกเตรียมตกงานเลย ถ้าไปรับลูกค้าไม่ทัน รีบมาเอาเงินไป” เงินในกระเป๋าสีดำ เป็นกระเป๋าธนบัตรแบบผู้ชายหนังแท้แบรนด์เนม อัดแน่นด้วยธนบัตรใบละพัน
ภีมหยิบขึ้นมาปึกหนึ่ง โดยไม่นับ
“เร็ว…เอาไปจ่าย!”
ถึงตอนนี้ ไหมแพรจึงชะโงกหน้าไปทักทายด้วยการกล่าวว่า
“สวัสดีค่ะ”
เห็นหล่อน…เผื่อนายภีมต้องประหลาดใจ
เปล่าเลย…เขาจำหล่อนไม่ได้ แค่มองผ่านแว่บเดียวอย่างไม่สนใจ แถมยังมีสีหน้ารำคาญในตอนท้าย จนหล่อนต้องทักอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ!”
กับผู้หญิงที่ขี่จักรยานยนต์ และเกิดชนท้ายเกิดอุบัติเหตุ ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ทำไมนายภีม สุททินพงษ์จะต้องมาสนใจด้วย
สวัสดีสองครั้ง เขาเย็นชาเหลือเกิน
“จำชั้นไม่ได้หรือคะ?”
ใครจะมานั่งจำ เขาพูดขึ้น
“รับเงินจากคนรถแล้วรีบไป”
หล่อนเบิกตากว้าง
ใช้เงินซื้อคนอีกแล้ว หญิงสาวเบ้ปาก รู้…รู้ว่าร่ำรวย แต่ฉันไม่อยากได้เงินของคุณ
“ลงมาคุยกันก่อนดีมั้ยคะ?”
เขาโบกมือ สีหน้ารำคาญสุดๆ
“ไปคุยกับคนขับรถ”
“เขาไม่มีอำนาจตัดสินใจค่ะ”
“ฉันให้อำนาจเขาทุกอย่าง!” เน้นคำว่า ‘ทุกอย่าง’ เพื่อจะตัดบท แต่หญิงสาวยังดื้อ
“อยากคุยกับคุณมากกว่า”
“เธอ!”
ดูเหมือนว่าหล่อนจะเผลอทำท่ายียวกวนประสาทโดยไม่รู้ตัวเพราะความอคติเก็บกดมานาน
“รถฉันเสียหายและฉันก็ได้รับบาดเจ็บ”
“รีบเอารถไปซ่อม และเธอก็รีบไปโรงพยาบาลสิ พูดมากอยู่ได้”
ไหมแพรตาโต
“คุณพูดเหมือนฉันเป็นฝ่ายผิด คุณเป็นฝ่ายผิด คุณต้องพูดกับฉันดีๆ สิ”
“น่ารำคาญจริงๆ”
“งั้นเราไปตกลงกันที่โรงพัก”
สนุกแน่ถ้านายภีม สุททินพงษ์ต้องขึ้นโรงพัก หล่อนล่ะ…หล่อนจะช่วยประโคมข่าวให้ดังไปเลย
ภีมไม่พูด…แต่ส่งสายตาไปที่คนรถ คนรถเห็นแค่สายตาเจ้านายก็สะดุ้งแล้ว
เขาพูดกับไหมแพรว่า
“คุณครับ…อย่าคุยกับท่านเลย เจรจากับผมแทน ผมชื่อปันนะครับ”
หล่อนกำลังจะบอกว่าไม่คุย แต่นายปันอายุราวๆ น่าจะห้าสิบ กลับยกมือไหว้หญิงสาว
“ไหว้ล่ะครับ ผมขอ…อย่าให้ผมต้องตกงานเลยครับ ผมต้องเลี้ยงครอบครัว ผมยอมรับผมรีบจะพาเจ้านายไปสนามบินและเบรกไม่ทัน รับเงินแล้วแยกกันนะครับ”
ทั้งยกมือไหว้ ทั้งพูดดีแล้ว ไหมแพรจะทนใจแข็งได้อย่างไง หล่อนเกลียดภีม แต่กับนายปันไม่เกี่ยวข้องด้วยเลย จะให้คนตกงานก็ไม่ใช่นิสัยของไหมแพรสักนิด
“เอ้อ…”
นายปันยังไหว้หล่อน ไม่ยกมือลง
“นะครับ…ถือว่าช่วยผมเถอะ รับเงินของท่าน”
เงินในมือเป็นปึก ไหมแพรโบกมือ
“ไม่รู้ว่าค่าซ่อมรถเท่าไหร่ และค่ารักษาบาดแผลเท่าไหร่ ไว้เก็บบิลแล้วจะเข้าไปขอเบิกที่บริษัทก็แล้วกัน ไม่ต้องไหว้ฉันหรอก”
“แล้วเงินนี่…”
“ตอนนี้ยังไม่รับ”
“เดี๋ยวผมให้นามบัตรท่านไว้”
“ไม่ต้อง…ฉันรู้จักบริษัทของคุณภีม”
“ครับ…ครับ…ท่านดัง ใครๆ ก็รู้จักท่าน แต่เบิกกับผมนะครับ ผมจะเก็บเงินนี้ไว้ครับ คุณไปที่บริษัทถามหาปันคนขับรถท่าน ผมมักนั่งอยู่ห้องกระจกด้านหน้าตึกเลยครับ”
เจรจาแล้วไหมแพรมองนายภีม
เขาไม่มองหล่อนเลย นั่งเงียบๆ ในรถ รอคนขับรถจัดการเรื่องและเมื่อปันก้าวขึ้นรถก็รีบขับออกไปทันที
ไหมแพรเพิ่งมีโอกาสสำรวจตัวเองกับรถ
รถต้องซ่อม…ตัวเองก็เจ็บ เพิ่งรู้สึกเจ็บมากๆ ก็ตอนนี้เอง จึงไปโรงพยาบาลทำแผลก่อน
ทำแผลเสร็จแล้วหญิงสาวรีบเข้าสำนักงานฟ้าใหม่ ในสภาพที่แขนและขาปิดผ้าพันแผลสดๆ หมาดๆ
“ยัยแพร…ไปโดนอะไรมา?”
“รถชน”
“ว้าย! แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“ก็อย่างที่เห็นน่ะ”
“แกเจ็บมากเรอะ หน้าตาเคร่งเครียดจัง”
ไหมแพรถอนใจยาว
“ถ้าเจ้าของรถเก๋งที่ชนมอ’ไซค์ฉันไม่ใช่นายภีม ฉันคงสบายใจกว่านี้ ตอนนี้คิดถึงเขายังจี๊ดขึ้นสมองอยู่เลย เป็นอะไรก็ไม่รู้ทำไมต้องเจอะเจอ แต่ละครั้งไม่ประทับใจ ชวนโมโห”
“ยัยแพร…โมโหแบบนี้ระวังความดันขึ้นนะจ๊ะ” อมรซึ่งได้ยินแต่แรกโพล่งขึ้น
ไหมแพรใช้มือแตะขมับตัวเอง หน้าตาขรึม
“นี่ก็คงขึ้นอยู่ล่ะ จะบ้าตาย”
“อย่าเพิ่งตาย น่าจะให้ชั้นเจอคุณภีมแทน จะยั่วให้ติดเลย”
“ติดอะไร?”
“ติดกับดักหัวใจไงล่ะ เผื่อคุณภีมจะเบี่ยงเบนมาชอบแบบชั้นบ้าง ใครจะรู้ ลึกๆ คนเราเก็บซ่อนมิดชิดจะตาย ต้องให้ชั้นเป็นคนเปิดออกไง”
“บ้าใหญ่แล้ว” สินีโคลงศีรษะ แล้วหันมาถามเพื่อน “บาดเจ็บขนาดนี้ ทางนั้นรับผิดชอบหรือเปล่า”
“อือม์…ก็ให้ไปเบิกได้ ฉันต้องรวบรวมใบเสร็จค่าซ่อมรถกับค่ารักษาก่อน”
“ทำไมไม่เรียกเงินก้อนเลย จะได้จบๆ ไปเลย”
“ก็ไม่อยากให้จบเร็วเกินไป”
“อ้าว! ไหนว่าจี๊ดที่เจอ ยังจะถ่วงเวลา”
“อยากกวนประสาทคนเล่น!”
อมรเบิกตากว้าง เป็นฝ่ายร้อง
“ว้าย! ร้ายนะแก…ไหมแพร เล่ห์เหลี่ยมเยอะ อยากเจอนายภีมก็บอก แกล้งทำเป็นจี๊ด…จี๊ดอยู่นั่นแหละ”
ไหมแพรค้อน
“พวกแกไม่เข้าใจหรอก บางเรื่องมันค้างคาในใจ ต้องเคลียร์ไม่งั้นจะเก็บกด!”
***
วิทยานั่งซึมอยู่เบื้องหน้าอาหารกลางวัน
ต้องเรียกว่าเป็นมื้อแรกของวัน เพิ่งตื่นตอนเที่ยง ก่อนจะลงมาก็บ่ายแก่ๆ แล้ว
ยายสายบัวจ้องมองหลานชายแสนรักอย่างห่วงใย
“ไม่กินล่ะ ยายอุตส่าห์ทำให้ ข้าวผัดร้อนๆ”
“กินไม่ลง”
“เลยเที่ยงมานานแล้ว”
“ไม่หิวเลย…ยาย”
“แกก็ต้องกิน แกยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่ด้วย”
“ก็คนมันกินไม่ลงจะบังคับทำไม” วิทยาพูดเสียงดัง แล้วก็ลดเสียงตั้งสติ “ฉันอารมณ์ไม่ดีแน่ะยาย”
“วิทเอ๊ย…เห็นหน้าแกยายก็รู้แล้ว ยังเจ็บแผลอยู่ใช่ไหมที่ถูกมันรุมทำร้าย”
“ฉันไม่ดีเองยายที่ไปกู้เงินพวกมัน”
“รู้ว่าไม่ดียังกู้”
“ก็คนมันอยากรวย”
“แกก็ทำมาหากิน แกมีฝีมือด้านไฟฟ้า ยังทำมาหากินได้”
“ไปเป็นลูกจ้างมันให้พวกมันด่า ให้พวกมันใช้งานอย่างหมูอย่างหมา”
“ก็แกเป็นซะแบบนี้ มีงานทำมั่นคงอยู่ดีๆ ก็ดันลาออกมาซะ แล้วก็ไม่ยอมหางานใหม่ซะที”
“ไม่ล่ะ ฉันรับงานอิสระดีแล้ว” ละแวกนี้ใครมีปัญหาก็เรียกใช้บริการของวิทยา นานๆ ครั้ง
ยายสายบัวไปป่าวประกาศข้างบ้าน และแถวตลาดใกล้เคียงไว้ให้วิทยาพอรับงานไฟฟ้าเล็กๆ น้อยๆ ได้ค่าแรงครั้งละสองสามร้อย
“บ้านข้างในให้แกไปช่วยเดินไฟข้างรั้วเพราะมืด เรียกแกตั้งนานแล้ว แกยังไม่ไปเลยนะ”
“โอ๊ย! บ้านข้างในมันขี้เหนียว ให้ทีแค่ร้อย เรียกมากก็ขอต่อรองว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน ไม่คุ้มค่าเหนื่อย”
“แต่แกก็ต้องทำงาน มีรายได้บ้าง”
“ใครจะมีใจทำงานล่ะ ถูกทวงหนี้เช้าเย็น”
“บอกตามตรงกับยาย ครั้งนี้หนี้เท่าไหร่?”
หลานชายถอนใจยาว เสียงอ่อยๆ
“ต้นก็น่าจะห้าแสนกว่าหกแสน…ราวนั้นล่ะ แต่ดอกเบี้ยฉันคิดไม่ถูก พวกมันคิดอย่างไงไม่รู้ มันพรวดๆ เป็นจรวด มันเอาฉันตายแน่นะยาย ถ้าไม่คืนมัน ที่โดนซ้อมเมื่อวานแค่น้ำจิ้ม”
ยายสายบัวมองหลานชาย แสนจะสงสาร ในชีวิตไม่เคยแพ้กับอะไรเท่ากับหลานชายคนเดียว
ไหมแพรก็หลานแท้ๆ ทำไมรักวิทยามากกว่า ยอมรับว่าลำเอียงไม่สามารถรักเท่าเทียมเสมอกัน พอเห็นแววตาหลานชาย วิทยาก็อ้อน
“ยายจ๋า…ยายต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่อยากตาย”
“แกเป็นซะแบบนี้ ก่อแต่เรื่อง”
“ก็ฉันอยากรวย อยากมีเงินเยอะๆ มาให้ยาย ตอนฉันเล่นได้ฉันให้ยายเป็นหมื่นเป็นแสน”
“นั่นไง…โลภ”
“ยาย…มันผิดตรงไหนที่อยากหาเงินเยอะๆ และแบบง่ายๆ” ฟังดูแล้ววิทยาไม่สำนึกสักนิด
“แกมันคิดผิด และคิดง่ายเกินไป เงินทองไม่ใช่จะหาง่ายๆ ต้องแลกด้วยแรงกายและสมอง ยายก็ทำงานหนักเพื่อแกสองคนตั้งแต่พวกแกยังเด็ก”
“ผิดหรือถูกไม่ใช่เวลามาพูดตอนนี้ เอาให้รอดก่อน ไอ้แพรมันมีเงินเก็บแล้วยังมีรถเก่าๆ ของมันอีกคัน พอได้เป็นแสน” แววตาวิทยาเป็นประกาย
“รถเก่าของมัน มันก็รักของมัน”
“หรือยายอยากเห็นฉันตาย!”
ตาย…วิทยายกเอาความตายขึ้นมาขู่ บาดแผลบอบช้ำตามตัวและตามใบหน้าแสดงให้เห็นแล้วว่า เขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แน่นอนว่ายายสายบัวรักเขามาก มีหรือจะปล่อยให้เขาต้องตาย