พนมนาคา บทที่ 1 : Medical illustrator
โดย : พงศกร
พนมนาคา นวนิยายลึกลับเรื่องล่าสุดของ พงศกร เมื่อ ‘เอเชีย’ Medical illustrator รับงานวาดภาพประกอบตำราทางการแพทย์เกี่ยวกับโรคผิวหนังประหลาดที่มองคล้ายเกล็ดงู ทำให้เธอต้องไปพัวพันกับตำนานอันลึกลับของหมู่บ้านที่ผู้คนยังบูชาพญานาค เธอจะได้กลับออกมาไหม ตามไปลุ้นกันที่ anowl.co เว็บไซต์ที่มีนิยายสนุกๆ ให้คุณได้อ่านออนไลน์
****************************
– 1 –
ศิลานครสีสนิมเหล็กดูโดดเด่นเป็นสง่าท่ามกลางความเขียวขจีของพรรณไม้ที่รายล้อม ปุยเมฆขาวกระจ่างลอยละล่องผ่านหน้าต่างไปเป็นกลุ่ม
แม้จะมองจากระยะไกล ไม่เห็นรายละเอียดที่สลักเสลา หากเธอสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ และศรัทธาของมนุษย์ผู้สร้าง
อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะเคยเห็นแต่ในภาพถ่าย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะได้มาสัมผัสกับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกด้วยตาตัวเอง ที่นี่มีปราสาทหินนับร้อยแห่ง เฉพาะที่กระจุกกันอยู่ในตัวเมืองพระนครก็มีหลายสิบแห่ง เอเชียทำการบ้านมาก่อนแล้วว่าปราสาทแห่งไหนมีอะไรเป็นจุดเด่นบ้าง เวลาที่เดินชมจะได้ไม่พลาดสิ่งสำคัญไป
เริ่มรู้สึกหูอื้อเล็กน้อย ด้วยเครื่องกำลังลดระดับลงสู่ท่าอากาศยานเบื้องล่าง
หูอื้อนั้นไม่เท่าไร แต่ความง่วงที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างมุ่งมั่น…นั่นต่างหาก ที่ทำให้สมองของเธอมึนตื้อจนนึกอะไรแทบไม่ออก
การเดินทางข้ามเส้นแบ่งเวลาทำให้ร่างกายยังไม่คุ้นชิน
จากอเมริกา เอเชียเพิ่งถึงกรุงเทพฯ เมื่อตอนเช้ามืด พอตกสายเธอก็เดินทางต่อมายังเสียมเรียบเลย หญิงสาวตั้งใจว่าเมื่อถึงโรงแรมที่พัก จะนอนรวดเดียวแล้วไปตื่นเอาเช้าพรุ่งนี้ บางทีร่างกายจะได้ปรับตัวกับเวลาท้องถิ่นได้ดีขึ้น
สุดท้ายเครื่องก็ลงจอดด้วยความนุ่มนวล และขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองไม่ยุ่งยากอย่างที่นึกกังวล พาสปอร์ตอเมริกันทำให้สายตาของเจ้าหน้าที่ซึ่งมองมายังเอเชียเต็มไปด้วยการต้อนรับอย่างดียิ่ง
ความยุ่งยากเดียวที่เกิดขึ้นกับเธอ และเป็นความยุ่งยากใหญ่หลวงก็คือ กระเป๋าเดินทางยังเดินทางมาไม่ถึง และอุปกรณ์การทำงานทั้งหมดของเอเชียก็อยู่ในนั้นเสียด้วย
หลังจากติดต่อที่เคาน์เตอร์ติดตามสัมภาระหายหรือ Lost and Found เอเชียก็เดินสวยๆ ออกมารอรถที่โถงของผู้โดยสารขาเข้า เพกาบอกว่าน้องชายของเธอจะมารับเอเชียไปโรงแรม หากยืนรออยู่พักใหญ่ก็ไม่เห็นจะมีใคร
ลองกดโทรศัพท์หมายเลขที่ให้มา ก็ปรากฏว่าปิดเครื่อง เอเชียถอนหายใจเบาๆ ตั้งใจว่าจะรออีกสักพัก หากพุ่มข้าวบิณฑ์ยังไม่มารับ เธอก็จะเรียกรถรับจ้างไปที่โรงแรมเอง เดินทางมาแล้วมากมายทั่วโลก เพียงเท่านี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเอเชีย
พุ่มข้าวบิณฑ์เป็นน้องชายของเพกา ส่วนเพกานั้นเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเอเชีย พวกเธอทั้งคู่ทำงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ The MET ด้วยกัน
The MET เป็นชื่อย่อของ The Metropolitan Museum of Art หรือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งอยู่ในเซ็นทรัลพาร์กของมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา
The MET ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1870 โดยกลุ่มชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งรวมทั้งนักธุรกิจนักการเงิน ผู้นำศิลปิน และนักคิดในสมัยนั้น และเปิดดำเนินการมาถึงทุกวันนี้ ผู้คนมากมายใฝ่ฝันอยากได้มาชมวัตถุโบราณจากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก และมาชมงานศิลปะที่ The MET สะสมเอาไว้ และยังมีผู้คนอีกมากมายใฝ่ฝันอยากเข้าทำงานที่ The MET
เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน แถมเป็นคนไทยจำนวนไม่มากนักที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานใน The MET – พิพิธภัณฑ์ที่คนทั่วอเมริกาปรารถนาจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง นั่นทำให้สองสาวสนิทสนมกันมาก
เพกาเป็นลูกน้องของแฮโรลด์ มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยภัณฑารักษ์ ประจำสถาบันเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ส่วนเอเชียนั้นอยู่แผนก Illustrate ทำงานเกี่ยวกับการวาดภาพและจัดแต่ง Display ให้กับนิทรรศการต่างๆ ภายใน The MET หัวหน้าของเธอคือโปรเฟสเซอร์เซอร์จิโอ จิตรกรเอกชาวอิตาลีผู้แสนจะเคร่งครัด
เอเชียชอบงาน Illustrate ความชำนาญพิเศษของเธอคือ medical illustrate หรือวาดภาพประกอบทางการแพทย์ อันเป็นสาขาที่ไม่ค่อยมีผู้คนเลือกทำกันมากนัก ด้วยต้องใช้ความอดทน แถมยังต้องมีความรู้วิชากายวิภาคเป็นอย่างดีอีกด้วย
เอเชียเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญสาขาวาดภาพประกอบทางการแพทย์หรือmedical illustrate ที่มีอยู่เพียงไม่กี่คนในโลกใบนี้
นับวันคนที่ชอบและเลือกเรียนสาขานี้ยิ่งมีน้อยลง เพราะเทคโนโลยีอันทันสมัย ทำให้ภาพกายวิภาคต่างๆ ชัดเจน สามารถสร้างเป็นภาพสามมิติ คนเรียนสามารถเข้าใจได้โดยง่าย medical illustrate แบบวาดด้วยมือ ระบายด้วยพู่กันจึงไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ประกอบตำราเรียนอีกต่อไป
แต่เอเชียก็เลือกเรียน…เลือกเพราะความชอบส่วนตัวล้วนๆ
หญิงสาวคิดว่าหากจะทำอะไรสักอย่าง ทำในสิ่งที่ชอบและถนัดย่อมจะดีกว่าทำไปตามกระแสของความนิยม
โชคดีที่พ่อและแม่เข้าใจ เธอจึงได้ทำในสิ่งที่ต้องการ แม้จะอายุไม่มาก หากเอเชียมีความสามารถเป็นที่ยอมรับกันในวงการ ภาพวาดประกอบในตำราทางการแพทย์หลายเล่มล้วนเป็นฝีมือของเอเชียแทบทั้งสิ้น
แต่ก่อนหน้าที่เธอจะสามารถทำงานนี้ได้ หญิงสาวต้องลงเรียนวิชากายวิภาคศาสตร์ไปพร้อมๆ กับนักศึกษาแพทย์ เรียนเรื่องสมมติฐานเกี่ยวกับโรคและอาการแสดงต่างๆ มีความรู้เกือบเหมือนแพทย์คนหนึ่ง ขาดแค่เรื่องการรักษาและสั่งยาเท่านั้น
ที่เอเชียจำต้องเดินทางมายังเสียมเรียบในคราวนี้ ก็เพราะงานชิ้นล่าสุดที่หัวหน้ามอบหมาย และทันทีที่เพการู้เรื่อง เธอก็ห่อปากร้องอู้หู
‘โอ้โห…อิจฉา’
‘อิจฉาอะไร’ เอเชียหัวเราะชอบใจ ‘ของเจ๊น่าตื่นเต้นกว่าตั้งแยะ…นิทรรศการกี่เพ้าโบราณที่มาจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้า ฉันละอดตื่นเต้นแทนเธอไม่ได้’
‘ตื่นเต้นน่ะตื่นเต้นอยู่หรอก แต่ถึงเวลานั้นจริงๆ ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่าเลย เจ้าของท่าทางเรื่องเยอะ…แต่อย่างว่าละนะ กี่เพ้าแต่ละชุดนี่ของเก่าแท้ๆ บางชุดมาจากราชวงศ์ชิง บางชุดเป็นของมาดามซุนยัดเซ็น เป็นใครก็ต้องหวงเป็นธรรมดา’ เพกาถอนใจ
กี่เพ้าที่สถาบันเสื้อผ้าและเครื่องประดับขอยืมมาจากมหาเศรษฐีชาวฮ่องกงนั้น เป็นกี่เพ้าโบราณที่เจ้าเหวินเยี่ยหวงมาก ไม่รู้ว่าแฮโรลด์หัวหน้าของเพกามีคาถาอะไร ถึงสามารถพูดเกลี้ยกล่อมจนชายผู้นั้นยอมอนุญาตให้นำกี่เพ้าของสะสมแสนรักแสนหวงมาจัดแสดงได้ แถมยังส่งให้บุตรชายเดินทางมาควบคุมการขนย้ายกี่เพ้าทั้งหมดด้วยตัวเองอีกต่างหาก
‘น่าเสียดายที่ช่วงเปิดนิทรรศการของเจ๊ หนูไม่อยู่พอดี’ เอเชียพึมพำ
‘เที่ยวให้สนุกละกัน’ เพกาอวยพร
‘หนูไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย’ เอเชียหัวเราะชอบใจ ‘เสียมเรียบ…อยากไปมานานแล้ว’
‘คนไทยไม่ได้เรียกเสียมเรียบ แต่เรียกว่าเสียมราฐ’ เพกาพอรู้มาจากน้องชาย
‘ขอเรียกเสียมเรียบแบบที่ชินปากก็แล้วกัน’ เอเชียว่า คนอเมริกันและอีกหลายชาตินิยมเรียกเมืองมรดกโลกแห่งนั้นว่า ‘เสียมเรียบ’ จนคุ้นชิน ‘และขอยืนยันว่าไปทำงานค่ะ ไม่ได้ไปเที่ยว’
‘ไม่เที่ยวก็เหมือนเที่ยวนั่นละ’ เพการู้ทัน ‘จะไปนั่งวาดรูปทั้งวันเลยหรือไง มีเวลาก็เที่ยวไปก่อนเถิด เธอไปล่วงหน้าก่อนคณะตั้งหลายวัน เรื่องไกด์นำทางไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันบอกให้หนูพุกช่วยดูแลเธอเอง’
‘หนูพุก’ เอเชียมีสีหน้าครุ่นคิด
‘น้องชายฉันยังไง’ เพกาหัวเราะชอบใจ เธอลากแขนให้เอเชียเข้าไปนั่งใน The gallery ร้านกาแฟในสวนกลาง The MET ด้วยกัน
‘จะรู้จักกันไหมเนี่ย’ เอเชียไม่เคยเจอตัวจริงของน้องชายเพกา เพราะตอนที่เธอเข้าทำงานใน The MET นั้น ชายหนุ่มก็ย้ายไปอยู่ที่กัมพูชาแล้ว
‘ไม่ยาก’ เพกายกเอสเพรสโซขึ้นจิบเธอชอบกาแฟดำรสเข้มที่ไม่เติมน้ำตาล‘เดี๋ยวฉันส่งรูป ส่งเบอร์โทรให้ หนูพุกไปดูแลพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ที่เสียมเรียบ ไปได้สองปีแล้ว อยากไปไหน อยากทำอะไร ถามหนูพุกได้เลย’
‘ดีเหมือนกัน’ เอเชียพยักหน้า ‘จะได้พาหนูเที่ยวปราสาทหิน’
‘See Angkor Wat and die’ เพกายกเอาประโยคอมตะของอาโนลด์ ทอยน์บี นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษขึ้นมา พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
ที่ The MET มีห้องเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นั่นอุดมไปด้วยวัตถุโบราณจากเขมร เทวรูปต่างๆ พระพุทธรูป ทับหลังของปราสาทหิน และอื่นๆ อีกมากมาย คราวนี้ละที่เอเชียจะได้ไปดูของจริงที่เสียมเรียบ
‘ตกลงเธอยังไม่ได้เล่าเลยว่า โปรเฟสเซอร์ให้เธอไปทำงานอะไรที่เสียมเรียบ’ เพกาถามอย่างสนใจ
‘วาดภาพเด็กป่วย’ เอเชียตอบเสียงเรียบเรื่อย
‘วาดภาพเด็กป่วย’ ดวงตาของเพกาเบิกกว้าง
‘ใช่’ เอเชียหยักหน้า
‘ป่วยเป็นอะไร ประหลาดมากนักหรือ ถึงต้องไปไกลครึ่งค่อนโลกแบบนี้’ เพกานึกไม่ออกว่าเด็กป่วยที่เอเชียเล่าถึงนั้น ป่วยด้วยโรคอะไร
‘เด็กป่วยเป็นโรคผิวหนังประหลาด เท่าที่หนูได้ยินมา…’ เอเชียลดเสียงให้เบาลง ‘ลักษณะเหมือนกับเกล็ดงูเลย’
‘โอย…’ เพกาเกลียดงู ‘แค่ฟังก็น่ากลัวแล้ว’
‘เป็นโครงการของมหาวิทยาลัย…น่ะ’ เอเชียเอ่ยนามมหาวิทยาลัยดังของนิวยอร์ก ก่อนจะอธิบายต่อ ‘หมู่บ้านที่เราจะไปอยู่ชายแดนไทยกัมพูชา แต่เข้าจากทางประเทศไทยไม่ได้ เพราะมีหน้าผาสูงกั้นเป็นเขต ต้องบินไปลงที่เสียมเรียบ แล้วนั่งรถต่อไปอีกสามถึงสี่ชั่วโมง’
‘หมู่บ้าน…’ เพกานิ่วหน้า ‘หมู่บ้านอะไร’
‘พนมนาคา’ เอเชียพึมพำเสียงแผ่ว ‘หมู่บ้านนั้นชื่อว่า…พนมนาคา’
‘ทีมใหญ่ขนาดนี้…แสดงว่าต้องเป็นโปรเจกต์สำคัญมาก’ เพกาวิเคราะห์
‘สำคัญสิ ไม่งั้นดอกเตอร์เบเนดิกต์คงไม่ลงมาดูแลโครงการด้วยตัวเองหรอก’
นายแพทย์ไมค์ เบเนดิกต์ที่เอเชียเอ่ยถึงเป็นหมอที่ทำงานวิจัยด้านโรคระบาดในเด็กมานานนับสิบๆ ปี มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เป็นอาจารย์พิเศษสอนหลายมหาวิทยาลัย และเขียนตำราที่นักศึกษาแพทย์ใช้เรียนหลายเล่ม
‘ดอกเตอร์เบเนดิกต์บอกว่า ที่นั่นมีเด็กป่วยด้วยโรคเกล็ดงูที่ว่า เป็นสิบๆ คนเลยนะเจ๊…ที่สำคัญคือแกกำลังเป็นกังวลว่า โรคผิวหนังชนิดนี้อาจเป็นโรคระบาดใหม่ ที่ยังไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน’
‘อืม…เข้าใจละ แต่ฉันก็ยังอดแปลกใจไม่ได้อยู่ดี’ เพกาขมวดคิ้ว ‘ถ้าจะเก็บข้อมูลรายละเอียดโรคผิวหนัง…ทำไมต้องให้เธอไปนั่งวาดรูปที่นั่น ทำไมไม่ถ่ายภาพเอาล่ะง่ายกว่า ประหยัดกว่าตั้งเยอะ’
ตำราแพทย์สมัยปัจจุบันเต็มไปด้วยภาพถ่ายที่ทันสมัย หลายเล่มนำเอาเทคโนโลยี AR มาใช้ ทำให้สามารถมองเห็นภาพอวัยวะต่างๆ เป็นสามมิติ แทบไม่ต้องใช้จินตนาการเหมือนอย่างการเรียนแพทย์ในรุ่นเก่าอีกแล้ว ภาพวาดทางการแพทย์กำลังจะกลายเป็นตำนาน คนที่เชี่ยวชาญด้านนี้ก็มีเหลืออยู่น้อยคน และเอเชียคือหนึ่งในนั้น
‘หมู่บ้านที่ทีมของดอกเตอร์เบเนดิกต์จะเข้าไปทำการศึกษา ค่อนข้าง Conservative’ เอเชียหมายถึงว่าหมู่บ้านนั้นมีแนวความคิดอนุรักษ์นิยม อยู่กันในวิถีแบบเดิมๆ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ชอบให้คนภายนอกเข้ามายุ่งวุ่นวาย ‘หัวหน้าหมู่บ้านยืนยันเด็ดขาด ห้ามถ่ายภาพคนป่วย แต่ถ้าจะวาดภาพรอยโรคที่ผิวหนัง แบบนั้นเขายอมอนุญาต’
‘ยุ่งยากแบบนี้ก็เปลี่ยนไปศึกษาที่หมู่บ้านอื่นสิ’ เพกาว่า
‘ตอนแรกหนูก็คิดว่าทำไมไม่เปลี่ยนสถานที่เสียใหม่ แต่ทำไม่ได้’ เอเชียยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ สายตาของเธอมองไปยังรูปสลักที่อยู่ในห้องโถง กับบรรดานักท่องเที่ยวที่เดินถ่ายรูปด้วยความสนอกสนใจ ‘เพราะโรคผิวหนังที่ว่ามีเกิดขึ้นเฉพาะที่หมู่บ้านแห่งนี้แห่งเดียวเท่านั้น และเจ๊ก็รู้ว่าตำราโรคผิวหนัง สิ่งสำคัญที่สุดก็คือภาพประกอบ ดอกเตอร์เบเนดิกต์จึงจำเป็นต้องยอมรับข้อเสนอของหัวหน้าหมู่บ้าน’
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเธอต้องรอนแรมมาไกลเกินครึ่งโลก เพื่อทำภารกิจสำคัญนี้ให้สำเร็จสมตามเจตนารมณ์ของคณะแพทย์ผู้วิจัย
ที่จริงกำหนดการของดอกเตอร์เบเนดิกต์คือสัปดาห์หน้า เอเชียเลือกที่จะเดินทางมาก่อน เพราะอยากเที่ยวเสียมเรียบ เธอมีเวลาอยู่ในเมืองราวห้าถึงหกวัน ก่อนที่คณะใหญ่จะเดินทางมาถึง หลังจากนั้นเอเชียจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแถวตะเข็บชายแดน ที่ห่างไกลทั้งแสงเสียงและความเจริญ
ล้อเครื่องบินแตะรันเวย์ตรงตามเวลากำหนด เอเชียผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองอย่างสบายๆ
ยืนรออยู่ที่สายพาน นานจนกระทั่งผู้โดยสารคนอื่นๆ รับกระเป๋าไปกันหมดแล้ว ทั่วทั้งบริเวณเหลือหล่อนอยู่แค่คนเดียว เอเชียรู้สึกเหมือนกำลังถูกใครบางคนจับตามองอยู่ ครั้นพอเหลียวกลับไปทางด้านหลังก็ไม่เห็นมีผู้ใด นอกจากรูปสลักพญานาคที่ทำมาจากศิลาแลงเท่านั้น
ดวงตาที่ทำมาจากศิลามีพลังบางอย่าง ที่ทำให้ขุมขนบนเรือนกายของเอเชียลุกชัน หล่อนสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะรีบหันหน้าไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว
“มิสรอกระเป๋าอยู่หรือครับ” พนักงานสายการบินคนหนึ่งเดินเข้ามาถาม เมื่อเห็นผู้โดยสารยังยืนรออยู่
“ค่ะ” เอเชียตอบเสียงแผ่ว ขมวดคิ้วจ้องมองสายพานที่ว่างเปล่า
“กระเป๋าที่มาจากกรุงเทพ โหลดหมดแล้วนะครับ” เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินกลับมาบอก หลังจากไปตรวจสอบให้เป็นที่เรียบร้อย
“อ้าว” เอเชียทำหน้าเหลอหลา
“ขอดูบัตรโดยสารได้ไหมครับ” พนักงานคนเดิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ เขารับบัตรโดยสารจากมือของหญิงสาวมาพลิกดูสติกเกอร์ทางด้านหลัง ก่อนจะบอกกับเอเชียว่า
“คงเกิดความผิดพลาดแล้วละครับ ต้นทางกระเป๋าส่งมาจากอเมริกา ไม่ได้ส่งมาจากกรุงเทพ” สีหน้าเขาดูยุ่งเหยิง “รบกวนมิสติดต่อที่เคาน์เตอร์ Lost and Found นะครับ ทางเราจะรีบติดตามให้”
เสียเวลาติดต่อและทำเอกสารอยู่อีกพักใหญ่ ตอนที่เอเชียออกมาจากอาคารผู้โดยสาร ใครบางคนควรจะมารอเธออยู่แล้วที่ waiting area หากเอเชียเหลือบมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
เปลี่ยนซิมโทรศัพท์มือถือ กดหาพุ่มข้าวบิณฑ์ตามหมายเลขที่เขาให้ไว้ หากพบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง
นี่มันวันอะไรกันนะ…เอเชียพึมพำกับตนเอง…กระเป๋าก็หาย คนก็ไม่มารับ
แต่ก็ช่างเถิด…รู้ชื่อโรงแรมที่พุ่มข้าวบิณฑ์จองไว้ให้แล้วนี่นะ เช่นนั้นจะรออะไรอยู่อีก
เอเชียตัดสินใจเดินออกไปนอกอาคาร กวาดสายตามองดูรถรับจ้างที่มีหลายแบบ ทั้งสามล้อเครื่อง แท็กซี่ ไปจนถึงลีมูซีน
อากาศนอกอาคารร้อนชื้น หากเอเชียกลับหนาวยะเยือก รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่
กวาดสายตามองไปรอบๆ หากไม่เห็นจะมีอะไร นอกจากรูปปั้นพญานาคที่ราวบันไดเท่านั้น
เป็นรูปปั้นพญานาคที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา เกล็ดบนลำตัวสีเขียวมรกตเป็นเงาวะวับ ดวงตาสีแดงก่ำราวโกเมนเนื้อดี
และจังหวะนั้นเอง ที่หางตาของหญิงสาวเหลือบเห็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างของเขาสูงสง่า สวมเสื้อผ้าสีดำทั้งชุด ผู้ชายคนนั้นยืนอยู่ในอาคารผู้โดยสาร จ้องมองตรงมาที่หล่อนแน่วนิ่ง ตอนแรกเอเชียนึกว่าเป็นพุ่มข้าวบิณฑ์ หากเมื่อหันกลับไปเต็มตัว ก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า
โถงอาคารผู้โดยสารมีแต่ความว่างเปล่า…ปราศจากผู้คน
นึกสงสัยว่าตัวเองคงจะง่วงจนสมองเบลอไปแล้ว จึงเห็นอะไรเป็นตุเป็นตะ ร่างกายส่งสัญญาณว่าต้องการการพักผ่อน ถึงโรงแรมได้นอนหลับสนิทสักหนึ่งคืน วันพรุ่งนี้ทุกอย่างน่าจะเข้าที่
รออยู่อีกพักหนึ่งก็ไม่เห็นวี่แววน้องชายของเพกา หล่อนจึงตัดสินใจไปโรงแรมเอง เอเชียกำลังจะขึ้นรถลีมูซีนคันยาวอยู่แล้ว ตอนที่ใครบางคนวิ่งพรวดพราดตรงเข้ามาหา
“คุณเอเชีย”
พุ่มข้าวบิณฑ์นั่นเอง หน้าตาของเขาแดงก่ำ หนวดเครารกครึ้มเหมือนไม่ได้โกนมาเป็นสัปดาห์ โดยไม่รอให้เธอตอบหรือทักทายกลับ ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็ลากมือเธอให้เดินตามเขาไป ท่ามกลางเสียงก่นว่าของเจ้าของลีมูซีนที่เอเชียเพิ่งตกลงราคาเสร็จ
“ขอโทษที ผมตื่นสาย แบตมือถือก็ดันหมดเสียอีก คุณรอนานหรือเปล่า…ไปกันเถอะครับ รถผมจอดรออยู่โน่นแล้ว” เขาพึมพำ แล้ววิ่งข้ามถนนหน้าอาคารผู้โดยสารไปหน้าตาเฉย
…ไม่ดูด้วยซ้ำว่าเธอเดินตามเขาทันหรือเปล่า…