ฤทัยยักษ์ บทที่ 3.1 : หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน
โดย : เวฬุวลี
ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน
ฤทัยมาศจำไม่ได้ว่าเธอกลับมาที่บ้านได้อย่างไรในวันนั้น ฤดีแม่ของเด็กสาวบอกว่าหล่อนเปิดประตูห้องนอนเข้ามาก็เจอลูกสาวหลับปุ๋ยอยู่ในห้อง แต่ความทรงจำสุดท้ายที่ฤทัยมาศมีคือที่วัดโพธิ์ ตอนที่เธอเจอกับแสงอาทิตย์ และยักษ์อีกสามตน
ฤทัยมาศเกือบจะเชื่อว่าความทรงจำนั้นเป็นเพียงความฝัน แต่แล้วเธอกลับเจอบางสิ่งในกระเป๋านักเรียนของเธอ…พวงมาลัยพวงเล็กๆ ที่เธอจำได้อย่างแม่นยำว่าเป็นของที่แสงอาทิตย์เสกให้กับเธอเพื่อไปมอบให้กับเพื่อนๆ ตุ๊กตาหินในวัดโพธิ์ของเขา
ทุกอย่างคือเรื่องจริง…เธอได้พบกับแสงอาทิตย์จริงๆ
เด็กสาวพยายามจะกลับไปที่วัดโพธิ์อีกหลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะรออยู่นานแค่ไหน เธอก็ยังไม่พบแสงอาทิตย์
จากวัยเด็กมัธยมต้นไปสู่วัยรุ่นมัธยมปลาย ฤทัยมาศย้ายไปเรียนต่อในอีกโรงเรียนหนึ่ง ขณะที่เพื่อนหล่อนกรี๊ดกร๊าดกับรูปศิลปินหนุ่มเกาหลีหน้าขาวใส แต่ฤทัยมาศกลับมองอย่างไม่สนใจ เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในใจหล่อนคือ ใบหน้าคมเข้มของผู้ชายดวงตาสีนิลที่หล่อนพบหน้าเมื่อหลายปีก่อน เพื่อนๆ หลายคนซุบซิบนินทาถึงความแปลกประหลาดของฤทัยมาศ แต่หล่อนก็ไม่สนใจคำนินทาเหล่านั้น
ฤทัยมาศเฉยชากับเพศตรงข้ามทุกคน หนุ่มร่วมชั้นเรียนหรือหนุ่มต่างห้องหลายรายแวะเวียนเข้ามาทำความรู้จัก บางรายที่กล้าหน่อยถึงขนาดที่มาขอคบหาหล่อนอย่างจริงจัง แต่ฤทัยมาศก็ปฏิเสธไปทุกครั้ง จนเพื่อนสาวหลายคนของหล่อนถึงกับเสียดายแทน
“แกปฏิเสธพี่ต้นได้ยังไงนะฤทัย เขาทั้งเรียนเก่ง แถมยังเป็นนักกีฬาของโรงเรียน นี่ฉันได้ยินว่าเขากำลังจะสอบเข้าหมอด้วยนะ”
ฤทัยมาศไม่อธิบายเหตุผลที่ทำให้หล่อนไม่สนใจผู้ใด เหตุการณ์ที่เคยเกิดกับหล่อนสมัยมัธยมต้นทำให้หญิงสาวไม่เอ่ยถึงเรื่องแสงอาทิตย์ให้ใครได้รับรู้อีก เพื่อนทุกคนรู้เพียงแต่ว่าหล่อนยังไม่สามารถลืมความประทับใจแรกที่มีต่อใครบางคน
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฤทัยมาศมานั่งอยู่ที่ม้านั่งเดิม ที่ที่เธอเคยคุยกับแสงอาทิตย์เมื่อหลายปีก่อน นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนวัดโพธิ์ในวันนี้ค่อนข้างบางตา หญิงสาวมาบ่อยเสียจนเธอสังเกตได้ว่าวันไหนที่นักท่องเที่ยวจะมากหรือน้อย รวมทั้งเธอยังเตรียมหนังสือมาอ่านอย่างเงียบๆ ระหว่างที่เฝ้ามองคนที่เดินเข้าออกไปมาบริเวณวัด
ฟ้าครึ้มด้วยเมฆสีเทาที่ลอยเต็มท้องฟ้า ก่อนที่หยดฝนจะตกลงมาเป็นสาย ฤทัยมาศรีบเก็บข้าวของของเธอก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหลบฝนใต้ชายคาที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น
ฤทัยมาศมองดูสายฝนที่ตกกระหน่ำ เธอพลันรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว นานหลายปีแล้วที่เธอเทียวไปเทียวมาบริเวณนี้ จากสมัยมัธยมจนกระทั่งเข้าสู่วัยมหาวิทยาลัยแล้วในตอนนี้ แต่ฤทัยมาศก็ยังไม่เคยพบเห็นผู้ชายที่ชื่อแสงอาทิตย์อีกเลยแม้แต่น้อย
“แสงอาทิตย์… คุณมีตัวตนจริงใช่มั้ย”
หญิงสาวระบายความอัดอั้นของตนเองออกมาทางคำพูด ฝนยังคงตกอีกเป็นชั่วโมงกว่าที่จะหยุดลงในที่สุด ฤทัยมาศเลยเดินออกไปเพื่อกลับบ้าน หญิงสาวตั้งใจที่จะเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นเหมือนทุกครั้ง แต่ในวันนี้การเผชิญละอองฝนมาเป็นชั่วโมงทำให้เริ่มรู้สึกไม่สบาย หญิงสาวเดินยังไม่พ้นวัดเลยก็ทรุดลงนั่งด้วยความมึนหัว หญิงสาวรู้สึกเหมือนเธอเห็นร่างของคนหนึ่งเข้ามาใกล้ ก่อนที่เธอจะหมดสติไป
แสงอาทิตย์อุ้มเธอไปในที่ที่หลบสายตาจากมนุษย์ทั้งหลาย ยักษ์หนุ่มบอกตนเองว่าเขาไม่ได้ผิดสัญญาต่อผู้เป็นพ่อ อย่างน้อยฤทัยมาศก็ไม่เห็นเขา และกว่าที่เธอจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็จะไปจากเธอ
มัยราพณ์เพื่อนยักษ์ที่ยืนคู่อยู่ซุ้มประตูเดียวกับเขา เข้ามาเห็นตอนที่แสงอาทิตย์ประคองร่างของฤทัยมาศ เพื่อนยักษ์ถามขึ้นทันที
“เจ้าพานางมาอีกหรือแสงอาทิตย์ นี่ถ้าพ่อเจ้ากับสัทธาสูรรู้เข้า…”
“ช่วยข้าหน่อยมัยราพณ์” แสงอาทิตย์ขัดขึ้น “นางไม่สบาย ช่วยปรุงยาให้ข้าหน่อย…”
ความสามารถพิเศษของยักษ์หนุ่มจากวังบาดาลคือการปรุงยา ในสมัยหลายพันปีก่อน เขาก็เคยปรุงยาเพื่อสะกดทัพของพระรามมาแล้ว มัยราพณ์พยักหน้าตอบรับคำขอนั้น ยักษ์หนุ่มตื่นเต้นที่จะได้ใช้ฝีมือในการปรุงยาที่เขาร้างราไปเสียนาน เขาร่ายมนตร์สองสามคาถา ก่อนที่กระทะขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า มัยราพณ์ค่อยๆ ใส่ว่านยาทั้งหลายเพื่อให้หญิงสาวในอ้อมกอดของแสงอาทิตย์หายเป็นปกติ
“อีกอย่าง…” แสงอาทิตย์กล่าวต่อ “ช่วยปรุงยาที่ทำให้นางลืมข้าด้วย ข้าไม่อยากให้นางต้องมารอข้าอีก”
มัยราพณ์ชะงัก ยักษ์หนุ่มจากวังบาดาลถอนหายใจ เขาเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนยักษ์ นานแสนนานก่อนที่เขาจะถอดดวงใจ เขาก็เคยมีความรู้สึกผูกพันกับใครบางคนด้วยเช่นกัน
“ยาของข้าทำให้นางลืมเรื่องราวได้เพียงชั่วคราว…” มัยราพณ์บอกเพื่อนยักษ์ “ในสักวันหนึ่ง…นางอาจจะกลับมาจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้อีก”
“เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ขอบใจเจ้ามาก”
มัยราพณ์ใส่ว่านยาไปอีกสองสามชนิด จนในที่สุดเม็ดยาสีขาวมุกก็พร้อมอยู่ในมือของมัยราพณ์ ก่อนที่ยักษ์หนุ่มจะส่งต่อยาเม็ดนั้นไปให้กับแสงอาทิตย์
แสงอาทิตย์ค่อยๆ ประคองร่างของฤทัยมาศก่อนจะป้อนเม็ดยาของยักษาให้เธอกลืนลงไป มัยราพณ์เห็นภาพแล้วก็สะท้อนใจ เมื่อฤทธิ์ยาปรากฏ หญิงสาวก็คงจะไม่ได้มาที่นี่อีก ถึงตอนนั้นคนที่จะต้องรักษาไข้ใจอาจจะเป็นตัวของแสงอาทิตย์เอง
ฤทัยมาศมารู้สึกตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งไม่ไกลจากละแวกนั้น
หญิงสาวในชุดพยาบาลที่กำลังดูแลผู้ป่วยอยู่ในห้องนั้น เดินเข้ามาไถ่ถามหล่อน “เป็นไงบ้างคะ ยังรู้สึกมึนหัวอยู่ไหมคะ”
“คะ…” ฤทัยมาศยังรู้สึกมึนงง จนพยาบาลสาวอธิบาย “คุณเป็นลมไปนะคะ มีพลเมืองดีพามาส่งที่โรงพยาบาล ฉันเป็นพยาบาลที่ดูแลคุณ”
พยาบาลอดนึกถึงหน้าคมเข้มของพลเมืองดีคนนั้นไม่ได้ ที่ทำให้พยาบาลสาวๆ ในวอร์ดนั้นหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน แต่ชายหนุ่มกลับออกไปทันทีหลังจากที่หญิงสาวถึงมือหมอแล้ว
“คุณฤทัยมาศใช่ไหมคะ”
ฤทัยมาศชะงักที่นางพยาบาลรู้ชื่อของเธอ หญิงสาวอธิบาย “ตอนแรกเราก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร…เพราะไม่เจอบัตรไม่เจอเอกสารอะไรที่อยู่กับตัว แต่คุณหมอของที่นี่ เขารู้จักกับคุณค่ะ”
ไม่นานนักฤทัยมาศก็ได้เจอกับชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาวที่เธอจดจำได้ว่าเขาคือหนุ่มรุ่นพี่ที่เคยรู้จักกันในช่วงมัธยมปลาย
“พี่ต้น…”
“ดีใจที่ฤทัยยังจำพี่ได้” หมอศศินยิ้มกว้างอย่างยินดี
ฤทัยมาศมีความสำคัญมากกว่ารุ่นน้องธรรมดา นอกจากหญิงสาวตรงหน้าเป็นรุ่นน้องโรงเรียนเดียวกันแล้ว เธอยังเป็นความรักในสมัยมัธยมที่ศศินไม่เคยลืม แม้ว่าสุดท้ายจะผิดหวังเพราะโดนหญิงสาวปฏิเสธว่าคิดกับเขาแค่พี่น้องก็ตาม
แต่การมาเจอหญิงสาวอีกครั้งในโรงพยาบาลที่เขามาเป็นอินเทิร์นอยู่ก็ทำให้ศศินเริ่มสงสัยว่าเขาอาจจะมีโอกาสอีกครั้ง
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ค่ะพี่ต้น…หรือตอนนี้ ต้องเรียกว่าพี่หมอต้นดีคะ”
ศศินยิ้มให้กับฤทัยมาศ ไม่ว่ากี่ปีหญิงสาวก็ยังจุดประกายความสุขให้เขาได้อยู่เสมอ หญิงสาวและชายหนุ่มคุยกันอย่างสนิทสนม ขณะที่ด้านล่างของโรงพยาบาลนั้น ‘พลเมืองดี’ ผู้หนึ่งที่พาหญิงสาวมาส่งก็ยังคงเฝ้ารออยู่ จนเมื่อเขามองเห็นจากหน้าต่างของโรงพยาบาลว่าหล่อนลุกขึ้นนั่งได้ตามปกติ แสงอาทิตย์ก็เดินจากไปอย่างเงียบเชียบ
ฤทัยมาศรู้สึกเหมือนสังหรณ์ใจบางอย่าง เธอหันไปมองทางหน้าต่าง แต่ก็ไม่เห็นร่างของแสงอาทิตย์แล้ว ศศินถามหล่อนขึ้นมา
“ว่าแต่…ฤทัยไปทำอะไรแถวท่าเตียน ก่อนที่จะเป็นลมไป พอจะจำได้ไหม”
หญิงสาวนิ่งไป ก่อนที่จะส่ายหน้า “ไม่แน่ใจค่ะ…เหมือนจะเดินเล่นอยู่มั้งคะ ฤทัยก็จำไม่ได้เหมือนกัน”
ฤทัยมาศไม่ได้มีความทรงจำแม้แต่น้อยถึงเรื่องที่เกิดในวันนั้น ในบางขณะ หญิงสาวก็เหมือนจะจำได้ว่าเธอเคยพบกับใครบางคน หากแต่ใบหน้าของเขากลับเลือนรางไปจากความทรงจำของหล่อน จนไม่ได้บังเกิดความรู้สึกถวิลหาใดอีก และนับแต่นั้นมา เธอก็ไม่ได้ไปรอคอยใครที่วัดโพธิ์อีกเลย