ฤทัยยักษ์ บทที่ 2.1 : เพื่อนวัดโพธิ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 2.1 : เพื่อนวัดโพธิ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ทีแรกฤทัยมาศคิดว่าจะเก็บเรื่องที่หล่อนเจอกับแสงอาทิตย์ที่วัดโพธิ์ไว้กับตัว แต่ความตื่นเต้นก็ทำให้เด็กสาวอดรนทนไม่ได้ เผลอเล่าเรื่องนี้ให้กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง จากนั้นข่าวก็กระจายไปสู่เพื่อนคนต่อๆ มา จนมีกลุ่มเพื่อนที่ใจกล้าเพียงพอ ขอให้เธอพาไปวัดโพธิ์เพื่อพิสูจน์

“รูปปั้นนี่เหรอที่เธอเห็นว่ามีคนออกมา” หนึ่งในเพื่อนที่จับกลุ่มกันมาท้าพิสูจน์พูดขึ้น ตาจับจ้องไปที่รูปปั้นยักษ์แสงอาทิตย์ในวัดโพธิ์ มือก็ถือโทรศัพท์ไว้ เตรียมตัวที่จะถ่ายคลิปลงในสื่อโซเชียล

“ไม่ใช่คน” ฤทัยมาศแก้คำพูดของเพื่อน “เป็นยักษ์…”

“นั่นแหละ” เพื่อนร่วมชั้นมัธยมของหล่อนชักจะรำคาญ “นี่เรารอกันมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ฉันยังไม่เห็นคนหรือยักษ์ตัวไหนโผล่ออกมาเลย”

“แต่ฉันเห็นจริงๆ นะ” ฤทัยมาศท้วง น้ำเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นว่าเพื่อนสามสี่คนที่มานั้น เริ่มที่จะไม่เชื่อถือหล่อน

“ถ้างั้นเธอก็เรียกเขาออกมาสิ” เพื่อนคนหนึ่งท้าทาย “เพื่อนยักษ์ของเธอน่ะ”

ฤทัยมาศมองไปรอบกาย ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อที่หล่อนจำได้ขึ้นใจ “แสงอาทิตย์… แสงอาทิตย์”

เงียบสนิท ไม่มีเสียงผู้ใดตอบรับเสียงเรียกของเด็กสาว รวมทั้งไม่มีผู้ใดที่ออกมาจากรูปปั้นด้วย

เพื่อนคนหนึ่งแอบหลุดขำออกมา ก่อนเสียงหัวเราะจะประสานกันทั้งกลุ่ม “โอ๊ย ตลกจริงๆ”

ฤทัยมาศหน้าเสียที่คนอื่นมองความพยายามของเธอเป็นเพียงเรื่องขำขัน

“ตอนที่เธอตะโกนเรียกชื่อยักษ์นี่โคตรตลกเลยฤทัย”

เด็กสาวผู้นำของกลุ่มยักไหล่ ก่อนบอกกับเพื่อนคนอื่นๆ “ไปเถอะ เสียเวลามาพอแล้วกับเรื่องปัญญาอ่อน ใครเชื่อว่ามียักษ์จริงๆ ก็บ้าเต็มทนแล้ว”

แล้วทุกคนก็เดินจากไป ฤทัยมาศยืนนิ่ง รู้ดีว่าในวันพรุ่งนี้ เพื่อนทั้งห้องคงมองหล่อนด้วยความขบขัน และข่าวที่เล่ากันปากต่อปากคงทำให้ฤทัยมาศถูกมองว่าเป็นคนเพี้ยนของโรงเรียนไปอีกนาน

เด็กสาวทรุดตัวลงนั่ง ก่อนจะก้มหน้าร้องไห้อย่างเงียบๆ ในเวลาเพียงไม่นาน เธอก็รู้ว่ามีอีกร่างหนึ่งที่กำลังมองเธออยู่

“ร้องไห้ทำไม”

เสียงนั้นพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน แต่ฤทัยมาศกลับเงยหน้าขึ้นมองอย่างแค้นใจ

“ทำไมเพิ่งมา เมื่อกี้หนูตะโกนเรียกคุณอยู่ตั้งนาน”

แสงอาทิตย์ถอนใจ ก่อนบอกกับหล่อน “ฤทัย…ไม่ใช่ว่าเมื่อไหร่ที่เธอเรียกฉันแล้ว ฉันจะสามารถมาได้ ยักษ์มีกฎที่จะไม่ยุ่งกับเรื่องของมนุษย์ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น พวกเราจึงไม่ควรปรากฏตัวให้ใครเห็น”

“แล้วทำไมคุณมาให้หนูเห็นได้ล่ะ” ฤทัยมาศท้วง “คุณมาให้หนูเห็นตั้งหลายครั้งแล้ว คุณก็น่าจะให้เพื่อนหนูเห็นบ้างสิ เขาจะได้ไม่หาว่าหนูโกหก”

แสงอาทิตย์เงียบไป คำถามว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งในคำถามมากมายที่เขาไม่สามารถอธิบายให้เธอฟังได้

“เพื่อนงั้นเหรอ” ชายหนุ่มท้วงคำพูดของเด็กสาวบ้าง “จากสิ่งที่เขาทำกับเธอ ฉันไม่คิดว่าคนพวกนี้เป็นเพื่อนของเธอหรอกนะฤทัย”

ฤทัยมาศนิ่งไป ใจหนึ่ง เธอก็ยอมรับว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง แต่อีกใจก็ดื้อรั้นและหงุดหงิดกับการที่เขาไม่ยอมออกมาตามที่เธอเรียก

“ยังโกรธฉันอยู่หรือ” ยักษ์หนุ่มคุกเข่าลง ร่างสูงใหญ่ของเขาคล้ายจะเล็กลงไปถนัดใจเมื่อเขาเอ่ยเสียงวิงวอนต่อเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า “ฉันอาจจะไปเจอเพื่อนของเธอไม่ได้ แต่ฉันจะพาเธอ…ไปเจอเพื่อนของฉันดีมั้ย”

ฤทัยมาศชะงัก ดวงตาที่เปี่ยมด้วยคราบน้ำตาเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นดวงตาที่ระยิบระยับด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แสงอาทิตย์ยิ้ม เขาให้เธอนั่งรออยู่จนกระทั่งพลบค่ำ ฤทัยมาศรอจนเผลองีบหลับไป ก่อนที่แสงอาทิตย์จะเอื้อมมือปลุกให้เธอตื่น เมื่อเธอลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตนเองยังอยู่ในวัดโพธิ์อยู่เช่นเดิม แต่บรรยากาศยามราตรีได้ทำให้วัดดูเปลี่ยนไปจากที่เธอเคยเห็น และบรรดาผู้คนที่เคยเดินพลุกพล่านในวัดก็หายไปหมดแล้ว

“มาเถอะ” ยักษ์หนุ่มกุมมือของหล่อน ก่อนที่จะจับจูงให้เด็กสาวก้าวตามเขาไปในมุมต่างๆ ของวัด

ฤทัยมาศไม่เห็นร่างของผู้ใดที่อยู่บริเวณนั้นนอกจากหล่อนกับแสงอาทิตย์ แต่พอเดินไปสักพัก ด้านหน้าของเธอกลับมีอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวขยุกขยิกอยู่

เด็กสาวหันไปมองเห็นสิงโตขนาดเท่าเอวของเธอ หน้าตาเหมือนสิงโตหินแบบจีนที่เธอเห็นด้านหน้าซุ้มประตูวัด แต่ว่ามันขยับได้…

สิงโตขยับได้! และยังกำลังขยับมาหาเธอด้วย!

“กรี๊ด!” เด็กสาวถอยหนีแต่แสงอาทิตย์จับมือหล่อนไว้แน่นก่อนบอก “ไม่ต้องกลัว สิงโตพวกนี้ไม่ทำร้ายใคร มันแค่กำลังตื่นเต้นที่เห็นคนแปลกหน้า”

สิงโตตัวนั้นดูไม่ดุร้ายเหมือนที่แสงอาทิตย์ว่า มันมาคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ขาของหล่อนเหมือนแมว พอเริ่มรู้สึกคุ้นเคยแล้ว มันก็คายลูกแก้วสุกใสที่อยู่ในปากออกมา ฤทัยมาศเริ่มหายตกใจ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป

“ช่วยโยนลูกแก้วให้มันหน่อยสิฤทัย”

ฤทัยมาศเริ่มเข้าใจพฤติกรรมของสิงโต หล่อนค่อยๆ เอื้อมมืออย่างกล้าๆ กลัวๆ ไปหยิบลูกแก้ว ก่อนจะโยนไปอีกทาง สิงโตตัวนั้นเริ่มกระโจนไปคาบลูกแก้ว และวิ่งเอากลับมาวางให้หล่อนโยนอีก

อยากจะเล่นด้วยนั่นเอง เจ้าสิงโตส่ายหางน้อยๆ ช่างน่าเอ็นดูนัก

ฤทัยมาศยังโยนลูกแก้วให้กับสิงโตอยู่อีกหลายครั้ง จนยักษ์หนุ่มต้องตัดบทด้วยการบอกกับเพื่อนตุ๊กตาหินว่า

“วันนี้พอแค่นี้ก่อน เดี๋ยววันหลังข้าจะพานางมาเล่นกับเจ้าใหม่”

สิงโตหินตัวน้อยเลยยอมปล่อยให้อสูรหนุ่มและเด็กสาวเดินจากไปยังซุ้มประตูอื่น

ฤทัยมาศเดินมาอีกไม่ไกล ก็เจอกับสิ่งมหัศจรรย์อย่างที่สอง

คนหลายสิบคน…ไม่ใช่คนธรรมดา เครื่องแต่งกายบ่งบอกว่าคนเหล่านี้คือฤๅษี กำลังทำท่าทางต่างๆ ฤๅษีบางตนก็เอี้ยวตัวไปด้านหลัง บางตนกำลังงอเข่าและดึงขาข้างหนึ่งขึ้นมา บางตนก็ไปช่วยเหยียบหลังเพื่อนอีกตนหนึ่ง

เห็นกิริยาทั้งหมดแล้ว ฤทัยมาศก็สรุปได้ในใจได้โดยที่อสูรหนุ่มไม่ต้องพูด

คนเหล่านี้คือรูปปั้นฤๅษีดัดตนที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่นั่นเอง!

 



Don`t copy text!