ฤทัยยักษ์ บทที่ 2.2 : เพื่อนวัดโพธิ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 2.2 : เพื่อนวัดโพธิ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ฤๅษีดัดตนตนหนึ่งหันมามองเห็นอสูรหนุ่มกับเด็กสาว ก็เริ่มหันเหความสนใจจากกิจกรรมที่ทำอยู่

“แสงอาทิตย์นั่นเจ้าพาใครมา”

“เพื่อนของข้าเอง” แสงอาทิตย์ตอบอย่างเรียบง่าย

บรรดาฤๅษีดัดตนตนอื่นๆ พอได้ยินดังนั้น ก็หันมามองเด็กสาวอย่างเป็นตาเดียวกัน แสงอาทิตย์กระแอมก่อนบอกว่า “นางอยากให้พวกเจ้าช่วย…ดัดตน”

ฤๅษีดัดตนนับสิบตนดูกระตือรือร้นขึ้นมาทันใด เดินเข้ามาล้อมวงแขกที่มาใหม่อย่างฤทัยมาศ

“เจ้าปวดหลังหรือไม่…ข้ามีท่าที่ทำให้เจ้าหายปวดหลังได้”

“หรือว่าเจ้าปวดหัว ข้าก็มีท่าที่ระงับอาการปวดได้”

“ท่าของข้าจะทำให้เลือดลมเจ้าไหลเวียนได้ดีนะ”

ฤๅษีดัดตนทั้งหลายต่างผลัดกันแนะนำท่าดัดตนให้กับฤทัยมาศ เด็กสาวทำตามอย่างงงๆ และไม่ช้าก็เริ่มหัวเราะไปกับสิ่งใหม่ที่หล่อนได้ทดลองทำในวันนี้

ยักษ์หนุ่มยินดีที่เห็นรอยยิ้มของเด็กสาวอีกครั้ง แสงอาทิตย์รอจนเห็นฤทัยมาศเริ่มเหนื่อย เขาจึงไปขัดจังหวะบรรดาฤๅษี และพาฤทัยมาศเดินออกไปอีกทาง

“นี่หมดหรือยังคะ คนที่คุณจะพาหนูไปแนะนำให้รู้จัก…” เด็กสาวถามอย่างสงสัย แสงอาทิตย์ส่ายหน้าและอมยิ้ม “ยัง…ฉันยังมีเพื่อนอีกมากเลยละ”

อสูรหนุ่มจูงมือของฤทัยมาศมาถึงเขตชั้นในของบริเวณวัด เด็กสาวก็ตื่นตาตื่นใจกับภาพคนสองสามคนที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตานักรบจากอุปรากรจีนกำลังกวัดแกว่งดาบไปมา

“หนีห่าว” แสงอาทิตย์ส่งเสียงทักทายไปยังสหายที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากเมืองจีน ตุ๊กตาจีนที่กำลังเคลื่อนไหวเหล่านั้นจึงหยุดและหันมามอง “สหายข้าผู้นี้ อยากชมฝีมืออุปรากรจีนจากพวกท่านเสียหน่อย พอจะเล่นให้พวกข้าชมเป็นบุญตาได้หรือไม่”

ใบหน้าที่มีน่าเกรงขามเยี่ยงนักรบนั้นพยักหน้า ก่อนที่จะเริ่มร่ายรำตามแบบอุปรากรจีน แต่อสูรหนุ่มส่งเสียงไปยังเพื่อนอีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่

“เจ้าจะมาเล่นด้วยก็ได้นะมาร์โคโปโล (1)

ฤทัยมาศหันไปมองจึงเห็นตุ๊กตาหินอีกตนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล เขาแต่งตัวแบบจีนเหมือนเพื่อน แต่สวมหมวกทรงสูงและยังมีโครงหน้าแบบชาวตะวันตกอย่างชัดเจน

ตุ๊กตาหินมาร์โคโปโลเบือนหน้าอย่างไม่สนใจ “จะให้ข้าไปเล่นงิ้วนี่นะ…ข้าเป็นมาร์โคโปโลผู้ยิ่งใหญ่แห่งเส้นทางสายไหมนะ เจ้าลืมแล้วหรือ”

“ก็ข้าเห็นเจ้าชอบแอบหนีไปดูงิ้วแถวตลาดน้อยบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ” อสูรหนุ่มดักคออย่างรู้ทัน จนตุ๊กตาหินหน้าฝรั่งถึงกับเก้อไป

แสงอาทิตย์ยังคงคะยั้นคะยอให้ตุ๊กตาหินท่ามากมาร่วมแสดงกับเพื่อน ไม่ช้าไม่นาน ตุ๊กตาหินหน้าฝรั่งเลยยินยอมในที่สุด แถมพอเล่นไปเล่นมาแล้วดูท่าทาง ‘อิน’ กว่าเพื่อนเสียอีก

ฤทัยมาศที่นั่งเป็นผู้ชมอยู่ ตาระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น หล่อนปรบมือให้กับคณะงิ้วตุ๊กตาหินหลายครั้ง และหันมาพูดกับแสงอาทิตย์เมื่อการแสดงงิ้วจบลง

“หนูอยากเอาดอกไม้ไปให้พวกเขาจัง”

แสงอาทิตย์พยักหน้า ก่อนจะค่อยๆ แบมือ สักพักดวงไฟลูกเล็กๆ ลูกหนึ่งก็ปรากฏอยู่บนมือของเขา และค่อยๆ กลายไปเป็นพวงมาลัยดอกมะลิหลายสิบพวง

“ขอบคุณนะคะ” ฤทัยมาศหยิบพวงมาลัยจากมือของแสงอาทิตย์และวิ่งเอาไปให้กับนักแสดงตุ๊กตาหินทุกตน มาร์โคโปโลทำท่าปลื้มจัดที่เขาเริ่มมี ‘แฟนคลับ’ แล้ว

พวงมาลัยดอกมะลิที่เหลือในมือของฤทัยมาศหล่น ฤทัยมาศกำลังจะก้มลงเก็บ ทว่ากลับมีร่างของผู้หนึ่งยืนขวางอยู่ตรงหน้า เด็กสาวชะงัก เงยหน้ามองผู้ที่เข้ามาใหม่

เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับแสงอาทิตย์ หากแต่ดูมีอายุมากกว่าหลายสิบปี และแววตาที่จ้องมองหล่อนนั้นเต็มไปด้วยความกังวล ไม่เหมือนกับแววตาขี้เล่นของแสงอาทิตย์

“แสงอาทิตย์ นี่เจ้าพาใครเข้ามากัน”

ฤทัยมาศก้าวถอยห่างจากชายวัยกลางคนผู้นั้น สังหรณ์ว่าเขาไม่พึงใจที่จะพบเธอที่นี่ ก่อนที่จะมีใครพูดอะไรขึ้นมา ก็มีชายอีกคนที่รูปร่างสูงใหญ่เช่นกันเดินเข้ามาพูดด้วยเสียงมีอำนาจ “ลูกชายของท่านหาเรื่องอีกแล้วนะพญาขร เราไม่ควรจะปรากฏตัวให้มนุษย์เห็น เจ้ารู้อยู่แล้วมิใช่หรือแสงอาทิตย์!”

ประโยคสุดท้ายนั้น เขาเอ่ยกับแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ไม่พูดตอบกลับ หากแต่ก้าวมายืนข้างหน้าฤทัยมาศ เหมือนไม่ต้องการให้ใครอื่นมาทำอันตรายหล่อนได้

นอกจากชายแปลกหน้าสองคนแล้ว ยังมีชายหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาร่วมวงสนทนา เขาไม่ได้เอ่ยคำพูดอะไร นอกจากจ้องมองดูใบหน้าของฤทัยมาศ

ฤทัยมาศหลบอยู่หลังของแสงอาทิตย์ แต่ยังแง้มหน้าออกมาชำเลืองมอง ขณะนี้สายตาจากคนสามคน หรือถ้าจะเรียกให้ถูก ก็คือสายตาจากยักษ์สามตนต่างมองมายังหล่อน พญายักษ์ตนแรกที่มีใบหน้าละม้ายกับแสงอาทิตย์ ฤทัยมาศมั่นใจว่าเขาคือ ขร ผู้ที่เป็นพ่อของแสงอาทิตย์ ส่วนอีกตนที่มองหล่อนอย่างหงุดหงิดเสมือนเป็นตัวปัญหาที่โผล่ขึ้นมา ฤทัยมาศเดาว่าเขาคือ สัทธาสูร มิตรสหายของทศกัณฐ์ และพญายักษ์ตนสุดท้ายที่อยู่ในวัยหนุ่มพอๆ กับแสงอาทิตย์ และกำลังมองหล่อนอย่างด้วยแววตาที่ยากที่จะอธิบายนั้น ฤทัยมาศคาดว่าเขาคือ มัยราพณ์ (2) ยักษ์จากเมืองบาดาล ที่มีศักดิ์เป็นหลานของทศกัณฐ์

สัทธาสูรมองขรอย่างหงุดหงิด แม้จะยืนอยู่ข้างกันมานานหลายร้อยปี เขาก็เห็นว่าพญายักษ์เจ้าเมืองโรมคัลน้องชายของทศกัณฐ์ตนนี้ไม่สามารถควบคุมให้ลูกชายอย่างแสงอาทิตย์อยู่ในร่องในรอยได้เลย

“รีบกำจัดนางให้พ้นไปจากที่นี่เสียเถิด”

“ข้าจัดการเอง…” มัยราพณ์เอ่ยขึ้น ยักษ์หนุ่มจากเมืองบาดาล เดินเข้ามาประชิดตัวของฤทัยมาศ เด็กสาวตกใจกลัว แต่แสงอาทิตย์ก็เอาร่างสูงใหญ่ของเขาบังเธอเอาไว้จนมิด

“ออกไปนะมัยราพณ์!” เสียงของแสงอาทิตย์หนักแน่น “นางเป็นแขกของข้า…”

มัยราพณ์มองหน้าแสงอาทิตย์ เขาขมวดคิ้วก่อนถามอย่างสงสัย “หรือว่า…เด็กคนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับ…ผู้หญิงคนนั้น”

เมื่อยักษ์วังบาดาลพูดขึ้น ขรและสัทธาสูรต่างหันมามองใบหน้าของฤทัยมาศ สีหน้าของยักษ์ทั้งสองบ่งบอกว่าข้อสงสัยของมัยราพณ์เป็นเรื่องจริง

ฤทัยมาศยังคงสับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก ทันใดนั้น มัยราพณ์ก็พูดพึมพำอะไรบางอย่างก่อนเหมือนมีลมอ่อนๆ ที่ปะทะมายังใบหน้าของเด็กสาว ฤทัยมาศชะงัก เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นจนปิดลงในที่สุด

“ฤทัย!” แสงอาทิตย์เข้าไปคว้าตัวฤทัยมาศไว้ ก่อนหล่อนจะล้มคว่ำลงกับพื้น เขาพูดกับเพื่อนยักษ์อย่างโกรธจัด “เจ้าทำอะไรนาง!”

มัยราพณ์อธิบายขณะที่เพื่อนยักษ์กำลังจะกระโจนเข้ามาถึงตัวเขา “ข้าเพียงเป่ามนตร์สะกดให้นางหลับไปเท่านั้น พรุ่งนี้เช้านางก็จะตื่นขึ้นมาดังเดิม”

แสงอาทิตย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อมองเห็นว่าเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมกอดแค่เพียงกำลังหลับสนิทไปเท่านั้น แต่ผู้ที่มีสีหน้ากลัดกลุ้มยิ่งกว่าคือ ขร ผู้เป็นพ่อของเขา “หลายร้อยปีผ่านมาแล้ว…เจ้ายังไม่ละวางจากเรื่องนี้อีกหรือแสงอาทิตย์”

เมื่อเห็นว่ายักษ์พ่อลูกกำลังจะสนทนากัน สัทธาสูรกับมัยราพณ์จึงเร้นกายจากไปให้สองพ่อลูกได้อยู่เพียงลำพัง แสงอาทิตย์รู้ว่าพ่อของเขาจะพูดอะไรต่อ ยักษ์กายสีแดงหันมามองพ่อ พยายามแก้ตัว

“นางกำลังเสียใจ…ข้าเลยเข้าไปปลอบ”

“ไม่มีความจำเป็นเลยที่เจ้าต้องไปช่วยนาง ลืมแล้วหรือว่าคราวที่แล้วที่เจ้าพบนางนั้นเกิดอะไรขึ้นกับพวกเรา” กษัตริย์ยักษ์เมืองโรมคัลเตือนลูกชาย “ที่เราต้องโดนคนกล่าวหาว่าไปโกงเงินยักษ์ฟากขะโน้น เจ้าจำได้ใช่ไหมแสงอาทิตย์”

สีหน้าของแสงอาทิตย์เงียบขรึมลงไป เขามองหน้าพ่ออย่างรู้สึกผิด

“ข้าขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ยักษ์วัดโพธิ์ต้องถูกหยามเกียรติ”

“ไม่ใช่แค่เพียงนั้น” พ่อของเขาท้วง “แม้แต่ผู้หญิงคนนั้น…ก็ต้องพบเจอกับชะตากรรมที่ไม่มีใครอยากให้เกิด ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้าคิดฝันในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”

แสงอาทิตย์เงียบงัน ไม่สามารถปริปากเอ่ยคำใดกับพ่อได้อีก

“เจ้าควรจะถอดดวงใจเสีย” ผู้เป็นพ่อเองพูดเรื่องนี้กับลูกชายนับครั้งไม่ถ้วน “หาไม่แล้ว เจ้าก็จะดิ้นรนที่จะเจอนางอยู่ร่ำไป”

แสงอาทิตย์หน้าเศร้า ยักษ์ที่อยู่มานานอย่างเขามีบางเรื่องที่ยังไม่พร้อมที่จะทำ แม้ว่าจะผ่านมาหลายร้อยปี

“ข้าจะไม่ไปเจอนางอีก…” แสงอาทิตย์พูดออกมาในที่สุด “ข้าสัญญา”

 

เชิงอรรถ :

(1) มาร์โคโปโล เป็นชื่อเรียกตุ๊กตาจีนในวัดโพธิ์ที่หน้าตาเป็นฝรั่ง คาดว่าผู้สร้างชาวจีนต้องการสะท้อนถึงชาติตะวันตกที่เข้ามาในจีน คนจึงเรียกตุ๊กตาหินนี้ว่ามาร์โคโปโลตามชื่อของนักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ในเส้นทางสายไหมของจีน

(2) ชื่อ มัยราพณ์ เขียนได้หลายแบบ บางที่ใช้ ไมยราพ แต่เรื่องนี้เลือกเขียนตามป้ายชื่อรูปปั้นของวัดโพธิ์

 



Don`t copy text!