ฤทัยยักษ์ บทที่ 3.2 : หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน

ฤทัยยักษ์ บทที่ 3.2 : หรือเป็นเพียงแค่ความฝัน

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

วันเวลาผ่านไป อาจจะเนิ่นนานสำหรับบางคน และแสนสั้นสำหรับบางคน แต่เวลาที่เคลื่อนไปนั้น ทำให้ฤทัยมาศค่อยๆ ถอยห่างจากความทรงจำที่เธอเคยมีที่วัดโพธิ์มากขึ้นทุกที

หญิงสาวเรียนจบจากมหาวิทยาลัยในอีกสองปีหลังจากนั้น หลังจากที่ใช้เวลานานหลายเดือนในการสมัครงาน แต่ยังไม่สามารถหางานที่ถูกใจได้ หล่อนก็เบนเข็มมาสมัครเข้าไปเป็นตำรวจตามคำแนะนำของพ่อ ไม่นานนักหล่อนก็ได้บรรจุในยศร้อยตำรวจตรี ฤทัยมาศไม่อยากให้ใครมาว่าได้ว่าหล่อนเข้ามาเป็นตำรวจได้เพราะพ่อ หญิงสาวเลยพยายามทุ่มเททำงานอย่างหนัก

น่าเสียดายงานส่วนใหญ่ที่มอบหมายให้กับตำรวจหญิงเช่นหล่อนมักจะเป็นงานเอกสาร จนฤทัยมาศอดเบื่อหน่ายไม่ได้ หล่อนไม่ได้ไปลงพื้นที่ตามสืบโจรผู้ร้ายเหมือนที่เธอเคยเห็นพ่อของเธอทำมาตลอด และยิ่งพอคนเห็นว่าหล่อนเป็นลูกนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ก็ยิ่งไม่กล้าที่จะให้หล่อนมาคลุกคลีกับงานสืบสวนซึ่งเป็นงานหนัก

“นึกว่าพอเป็นตำรวจแล้วจะได้เจอคดีแบบ CSI แต่วันๆ กลับได้เจอแต่งานเอกสาร”

ฤทัยมาศบ่นกับแม่ที่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวเหมือนเช่นทุกวัน

“ดีแล้ว…ลูกจะได้มีเวลาให้แฟนบ้าง”

“แม่ก็…”

“แม่พูดถูกมั้ยล่ะ” ฤดีหันมามองลูกสาว กึ่งเอ็นดูกึ่งหมั่นไส้ “อะไรกัน เป็นแฟนกันมาหลายปี แต่เดือนๆหนึ่ง เจอหน้ากันแค่ไม่กี่ครั้ง หมอต้นก็ยุ่ง ลูกก็ยุ่ง แบบนี้เมื่อไหร่เขาจะมาขอลูกสาวแม่กันล่ะ”

“หนูยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะแม่ ขอทำงานก่อนดีกว่า”

แม่ของหล่อนถอนหายใจอีกครั้งเมื่อได้ฟังคำตอบของลูกสาว

“ก็อย่าให้นานนักแล้วกัน รู้ไหมตอนฤทัยเรียนอยู่ แล้วไปชอบผู้ชายที่ไปเจอที่ท่าเตียนนั่น แม่กลุ้มใจจริงๆ เขาเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ แต่ฤทัยก็ชอบเขาจริงจัง จนแม่คิดว่าลูกจะไม่ยอมคบใครคนอื่นเสียแล้ว”

ฤทัยมาศชะงัก หล่อนจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ จำความรู้สึกไม่ได้เลยว่าหล่อนเคยลุ่มหลงกับรักแรกมากขนาดนั้น

“ฤทัยเป็นมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”

“ใช่สิ ลูกออกไปนั่งรอที่ท่าเตียนเป็นวันๆ เลย” ฤดีมองลูกอย่างแปลกใจ “นี่ลูกจำไม่ได้เลยเหรอ”

ฤทัยมาศส่ายหน้า จนป่านนี้หล่อนก็ยังไม่อยากเชื่อว่าหล่อนเคยชอบใครมากขนาดนั้น กระทั่งแฟนหนุ่มที่คบหากันอยู่ตอนนี้ ฤทัยมาศก็ยังไม่รู้สึกถึงความคลั่งไคล้แบบขาดไม่ได้ ความรักระหว่างฤทัยมาศและศศินเป็นไปด้วยความเรียบง่าย มีทั้งมิตรภาพและความผูกพันที่มาตั้งแต่วัยเรียน แต่จนถึงตอนนี้ หล่อนก็ยังไม่สามารถจินตนาการภาพที่หล่อนและเขาจะอยู่เคียงข้างกันในวันวิวาห์

หล่อนถึงแอบดีใจที่ศศินก็ไม่ได้มีท่าทีเร่งรัดหล่อน เขาเองก็ยุ่งกับหน้าที่ของเขา หล่อนเองก็ยุ่งกับงานของหล่อน นานๆ ทีถึงจะนัดเจอกันให้ยังรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญต่อกัน

“แล้วนี่พ่อไปไหนเหรอคะ” ฤทัยมาศเปลี่ยนเรื่องโดยถามถึงผู้เป็นพ่อที่หล่อนยังไม่ได้เจอหน้านับตั้งแต่กลับมาบ้าน

“โน่น…คุยกับลูกน้องอยู่โน่น”

ฤทัยมาศมองเข้าไปในห้องทำงาน เห็นพ่อของหล่อนกำลังคุยกับตำรวจหลายคนที่เป็นลูกน้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

พ่อของหล่อนยังใช้เวลาในการพูดคุยอีกนาน กว่าที่ทั้งครอบครัวก็จะสามารถมานั่งพร้อมหน้าที่โต๊ะอาหารก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว ฤทัยมาศได้โอกาสชวนพ่อคุย

“คดีนี้เป็นคดีใหญ่เหรอคะพ่อ เห็นคุยกันตั้งนาน”

“ฤทัย…” แม่ของหล่อนตำหนิขึ้นมา “แม่บอกแล้วไงว่าอย่าคุยเรื่องงานบนโต๊ะอาหาร”

“ขอโทษค่ะ”

“ให้ลูกคุยเถอะ ต่อไปลูกก็อาจจะต้องรับคดียากๆ แบบนี้” มนัสหันมามองลูกสาวด้วยความคาดหวัง “ไม่ใช่คดีใหญ่อะไร…มีคนตายแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นนักธุรกิจ”

“แล้วทำไมต้องมาถึงมือพ่อด้วยล่ะคะ” หญิงสาวถามอย่างสงสัย พ่อของหล่อนเหลืออายุราชการอีกเพียงไม่นาน และด้วยตำแหน่งกับความอาวุโส ทำให้คดีที่มาถึงมือพ่อของหล่อนนั้น เป็นคดีที่ต้องอาศัยนายตำรวจฝีมือดีในการสอบสวนจริงๆ

“ก็เพราะคดีนี้มันแปลกน่ะสิ…พยานคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์บอกว่าคนร้ายในคดีนี้คือ ยักษ์

ทั้งภรรยาและลูกสาวที่ฟังอยู่ต่างชะงักกับคำตอบนั้น ฤทัยมาศถามพ่อต่อ

“เขาบอกว่า…เขาเห็นยักษ์ฆ่าคนงั้นเหรอคะ”

มนัสนิ่งไป และนึกย้อนไปถึงวันที่เขาเข้าไปสืบสวนพยาน

พยานที่เห็นเหตุการณ์มีเพียงคนเดียวคือพนักงานรักษาความปลอดภัยวัยเกือบหกสิบที่อยู่เฝ้ากะดึกของบริษัท ทำให้เขาได้เจอศพผู้ตายเป็นคนแรกและคาดว่าน่าจะเห็นฆาตกรด้วย

ทว่าตั้งแต่เกิดเหตุ ชายคนนี้ก็เพ้อคลั่งจนดูคล้ายกับคนสติไม่สมประกอบ มนัสจึงออกจะหนักใจเมื่อเข้าไปสอบสวนชายคนดังกล่าว

‘คุณพอจะจำหน้าคนร้ายได้ไหมครับ’

ชายวัยห้าสิบกว่าส่ายหน้าท่าทางเขายังคงหวาดกลัวไม่หายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

‘แล้วรูปร่างละครับ… เห็นไหมว่าคนร้ายสูงขนาดไหน’ มนัสถามอย่างต่อเนื่อง

‘มันสูง…สูงมากๆ รูปร่างใหญ่โต’

มนัสจดเบาะแสในบันทึก แต่แล้วก็ชะงักเมื่อชายคนนั้นพูดต่อว่า ‘สูงเท่าตึกสามชั้นเลย น่ากลัวมากๆ’

ตำรวจใหญ่ถอนหายใจ แทนที่จะได้เบาะแส กลับได้แค่ฟังคำเพ้อเจ้อของชายสติไม่ดีแทน

‘คุณ…ใจเย็นๆ นะครับ ตั้งสติหน่อย ลองคิดอีกทีว่าคนร้ายสูงแค่ไหน’

‘ก็บอกไปแล้วไงว่ามันสูงเท่าตึกสามชั้น’

‘จะมีคนที่ไหนสูงเท่าตึกสามชั้นกันล่ะคุณ!’

‘ก็มันไม่ใช่คนน่ะสิ!’ ชายคนนั้นพูด และท่าทางเพ้อคลั่งหนักกว่าเดิม ‘คนร้ายในคดีนี้…มันเป็นยักษ์! เชื่อผมนะครับคุณตำรวจ ยักษ์มันกำลังออกมาฆ่าคน!’

 



Don`t copy text!