แม็กกี้

แม็กกี้

โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ

Loading

When We Met โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากรส ของผู้คนอันหลากหลาย ที่เราได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยวนิดๆ  หวานหน่อยๆ  หรืออาจขมบ้างเป็นบางเวลา ที่พร้อมแบ่งปันให้ผู้อ่านได้จดจำนึกถึงและสุขสำราญไปด้วยกัน

คุณยังจำสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่มีได้ไหม? 

สัตว์เลี้ยงตัวแรกในบ้านของป้อน ชื่อ “โจ” เป็นลูกหมาตัวเล็ก ที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวยาวรุงรัง อายุแค่ 2 วัน เธอเจอมันครั้งแรกตอนกลับจากโรงเรียน พ่อบอกว่ามันคือ “หมาจู” ที่เพื่อนบ้านยกให้ เพราะแม่หมาบ้านเขาเกิดลูกมาหลายตัว ความทรงจำที่ป้อนนึกถึง “โจ”  คือ โจเป็นหมาของคนทั้งบ้าน และคนทั้งบ้าน ทั้งพ่อแม่ พี่ชาย ก็เลี้ยงโจแบบบุฟเฟต์และให้อิสระเต็มที่ ใครใคร่เอาอะไรให้โจกิน โจก็กิน  โจอยากจะอยู่ตรงไหนของบ้านก็ได้ เพราะบ้านป้อนเป็นอาคารพาณิชย์ในตลาดที่เปิดเป็นร้านขายของชำ แต่ละวันทุกคนก็จะง่วนกับการขายของ-ส่งของ จนแทบไม่มีเวลา  โจเลยเป็นหมาที่ใช้ชีวิตชิลล์ๆ เวลาเบื่อๆ ไม่มีใครสนใจ โจก็หนีออกไปเดินเล่นตรวจตลาด แล้วค่อยกลับมาให้พ่อจับอาบน้ำให้สะอาด ก่อนขึ้นบ้านไปนอนแผ่อยู่หน้าทีวี

โจไม่เคยถูกล่าม ไม่เคยป่วย ไม่เคยไปหาหมอ  ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่โจจากไปเพราะความชรา เธอเห็นพ่อไปหาเศษไม้ เอามาเลื่อยตัดแต่งแล้วต่อเป็นโลงอยู่หลังบ้าน พ่อบอกว่า “โจคงไม่อยู่กับเราได้อีกไม่นาน”  วันนั้นเธอโตพอที่จะรู้สึกได้ถึงคำว่า “ใจหาย” ที่อีกไม่นานคงจะไม่ได้เห็นโจเดินไปเดินมาอยู่ทั่วบ้าน วันสุดท้ายของโจ โจเอาแต่นอนนิ่งๆ อยู่หน้าประตูริมระเบียงบนชั้น 2  กินอาหารได้น้อยลง แม้แต่ของชอบอย่างมะม่วงโจก็ยังเมิน ทุกคนต่างวนเวียนมาเฝ้าดูอาการและห้อมล้อมอยู่ใกล้ๆ คอยปลอบโยนแล้วบอกลาโจ หลังจากนั้นทุกคนก็แทบจะกอดคอกันร้องไห้ เพราะ 23 ปีของการอยู่ด้วยกันมันยิ่งกว่าคำว่าความผูกพัน

หลายปีผ่านจากวันนั้น…ไปบ้านของป้อนก็มีหมาแมวพันธุ์ทางมาให้ได้ดูแลตลอด แต่เธอก็เป็นเหมือนผู้สังเกตการณ์การเลี้ยงของคนอื่นๆ ในครอบครัว  กระทั่ง 13 ปีก่อน พี่ชายของป้อนไปงานสัตว์เลี้ยง ระหว่างเดินชมร้านรวงต่างๆ ก็เกิดไปถูกชะตากับโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวหนึ่งในร้านจนตัดสินใจซื้อมัน  ระหว่างรอจ่ายเงินเขาบังเอิญได้สบตากับชิสุตัวน้อยที่นั่งข้างๆ กับเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ แววตาที่เต็มไปด้วยประกายมองตรงมาที่เขาด้วยความอ้อนวอน ทำเอาพี่ชายของป้อนเกิดความรู้สึกสงสาร จนต้องรับมันกลับมาบ้านพร้อมเจ้าโกลเด้น และคิดว่าต่อไปมันจะได้เป็นเพื่อนเล่นกัน แต่ความแอคทีฟและความขี้เล่นของโกลเด้น ที่มักคาบคอเพื่อนตัวเล็กไปไหนมาไหน ก็ทำให้พี่ชายตัวดีเริ่มเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กว่าอาจจะถูกเพื่อนตัวโตทำร้ายจนเจ็บเข้าสักวัน  เขาเริ่มวางแผนหาคนรับเลี้ยง ‘แม๊กกี้’ ชิสุตัวน้อย ด้วยการพามันมาให้น้องสาวคนเล็กอย่างป้อนเห็นบ่อยๆ ทำทีเอามาฝากแล้วหายไปทำธุระครั้งละนานๆ  

วันที่ป้อนรับแม๊กกี้มาอยู่ด้วยอย่างจริงจัง เป็นวันที่พี่ชายตัวดีเอาแม๊กกี้มาฝากไว้เหมือนเช่นทุกที เพียงแต่วันนี้แม็กกี้เอาแต่นอนแผ่นิ่งๆ ไม่ขยับเขยื้อนตัวไหนเลยตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ทุกคนบอกให้ป้อนรีบพามันไปหาหมอ ป้อนก็จำใจพาไปอย่างเสียไม่ได้   วันนั้นหมอบอกป้อนว่า  “แม๊กกี้ลำไส้อักเสบ เป็นตายเท่ากัน” แค่ประโยคสั้นๆ ของหมอ หัวใจป้อนก็หล่นลงไปตาตุ่ม อย่างคนทำอะไรไม่ถูก ที่จู่ๆ ก็ต้องมารับรู้เรื่องความตายของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ตรงหน้า ป้อนสบตาแม็กกี้ในวัย 2 เดือนที่นอนมองป้อนอยู่ก่อนแล้วจากบนเตียงในคลินิครักษาสัตว์  วินาทีนั้นป้อนถึงกับถอนหายใจและบอกกับมันว่า “เดี๋ยวเรากลับบ้านไปอยู่ด้วยกัน..ป้อนจะดูแลเม๊กกี้เอง แต่แม๊กกี้อย่าตายนะ”

วันที่รับปากจะดูแลแม็กกี้ เธอรู้ว่ามันคือภาระแต่ในเมื่อบอกหมาไปแล้วก็ต้องทำให้ได้  พี่ชายเอาอาหารหมาที่เหลือของแม๊กกี้มาวางไว้ให้แล้วก็จากไปด้วยความลิงโลด ส่วนป้อนกับหมามองหน้ากันเหมือนส่งสัญญาณให้รู้ว่าเราต้องปรับตัวอยู่ด้วยกันให้ได้แล้วนะ  ป้อนจำได้ว่าตอนมีโจอยู่ในบ้าน ใครให้อะไรโจก็กินหมด ป้อนก็ใช้วิธีนั้นกับแม๊กกี้  วันไหนแม๊กกี้กินได้น้อยหรือไม่กิน ป้อนก็พยายามเปลี่ยนเมนูอาหารให้มัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวหมูแดง ข้าวขาหมู  ข้าวมันไก่ และสารพัดของกินที่จะหาได้ในตลาดเอามาให้มันกิน จนมีคนมาทักป้อนว่าอย่าให้หมากินอาหารคน เพราะสภาพร่างกายมันไม่เหมือนกัน เดี๋ยวมันจะตายเอา ป้อนจึงเริ่มถึงบางอ้อ..แล้วเริ่มลงมือหาความรู้จากอินเตอร์เนต เริ่มทักเฟสบุ๊คหาเพื่อนที่เลี้ยงหมา แล้วพาตัวเองเข้าสู่วงการทาสหมาอย่างเต็มตัว 

ทุกๆ เช้าแม๊กกี้จะส่งเสียงเห่าปลุกป้อนให้ตื่น เพื่อลงมาช่วยพ่อเปิดร้านขายของ ลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรที่ผ่านไปผ่านมาในตลาด ต่างรู้จักและคุ้นเคยกับแม๊กกี้เป็นอย่างดี เพราะหล่อนจะนั่งนิ่ง หน้าเชิด  อยู่บนหลังตู้กระจกหลังใหญ่หน้าร้าน คอยเฝ้ามองผู้คนเลือกซื้อล็อตเตอร์รี่กับป้อนอยู่เงียบๆ  เพื่อให้ทุกคนได้ใช้สมาธิอยู่กับการพินิจพิจารณาตัวเลขที่ชอบ จนกลายเป็นขวัญใจลูกค้าทุกเพศทุกวัย 

วันว่างทั้งหมาทั้งคนจะพากันไปนั่งรถเล่น แล้วก็กลับบ้านมานอนดูละครด้วยกัน และเธอก็มักใช้ละครสอนแม๊กกี้ ตัวละครไหนมีพฤติกรรมดีๆ ป้อนก็จะคอยบอกให้แม๊กกี้จำไว้  ถ้าตัวละครไหนเหวี่ยงวีนแสดงความร้ายกาจออกมาให้เห็น ป้อนจะรีบหันไปย้ำบอกแม๊กกี้ตลอดว่าอย่าทำนิสัยแบบนี้นะมันไม่น่ารัก หรือแม้กระทั่งตอนทำกับข้าว ป้อนยังต้องพาแม็กกี้ไปนั่งในครัว แล้วคอยบอกวิธีปรุงอาหารแต่ละชนิด ประหนึ่งอบรมสั่งสอนลูกสาว นานวันเข้าทั้งคู่ก็กลายเป็นเหมือนแม่ลูก คู่พี่น้อง และเพื่อนสนิท ที่ป้อนสามารถปรับทุกข์พูดคุยได้ทุกตลอด เพราะแม๊กกี้จะมองเธอแล้วตั้งใจฟังทุกเรื่อง 

ป้อนยังจำได้ดีถึงช่วงเวลา 2 เดือนสุดท้ายของแม๊กกี้ หลังจากตรวจพบก้อนเนื้อในปอด และหมอบอกว่าแม๊กกี้มีโอกาสที่จะไม่รอด แม้จะมีระยะเวลาให้ทำใจ แต่มันก็ไม่มากพอเมื่อคิดว่าต้องแยกจากกัน เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นความทุกข์ทรมานของแม๊กกี้เมื่อมันไม่สามารถนอนราบกับพื้นได้ เพราะปอดจะโดนกดทับจนทำให้หายใจไม่สะดวก มันต้องยืนจนผ่าเท้าเป็นเลือดซึมออกมา วันที่เธอพาแม๊กกี้ไปส่งโรงพยาบาล หมอแจ้งว่าต้องให้ออกซิเจนและรอดูอาการสักคืน  เธอไม่คิดว่านั่นจะเป็นคืนสุดท้ายของการจากลา หมอโทรศัพท์มาบอกข่าวร้ายในวันรุ่งขึ้น เธอกับหลาน รีบขับรถแทบเหาะจากบ้านไปยังโรงพยาบาลเพื่อรับตัวแม๊กกี้ที่ถูกห่อไว้อย่างมิดชิดด้วยแผ่นรองซับผืนใหญ่และติดไว้ด้วยเทปกาวหลายทบ ตลอดทางเธออุ้มมันไว้บนตักและพยายามแกะเทปกาวเพื่อได้เห็นหน้ามันอีกครั้ง แต่ยิ่งพยายามแกะเท่าไหร่ เทปกาวนั้นก็เหมือนยิ่งหาทางแกะไม่ออก สุดท้ายเธอก็กอดมันไว้แน่นแนบอก ปล่อยให้เสียงความรักที่เต้นอยู่ในหัวใจได้บอกลามัน พร้อมๆ กับน้ำตาแห่งความอาลัยที่ทะลักทลายออกมา

ป้อนใช้เวลาทำใจกับการจากไปของแม๊กกี้อยู่นานนับปี กว่าจะยิ้มให้ตัวเองได้อีกครั้ง เพราะทุกวันที่เปิดร้านลูกค้าทุกคนต่างก็ถามหาแม๊กกี้และบ่นคิดถึงมัน คำปลอบโยนด้วยเจตนาดีของทุกคนเหมือนก้อนหินที่ตั้งใจปาเข้ามากระทบกับความสูญเสียในใจไม่เว้นแต่ละวัน จนเธอไม่อยากคุยกับใคร และต้องแอบไปร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง เพราะ 13 ปี 5 เดือน ของการกินนอนเที่ยวเล่นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา มันยาวนานเกินกว่าจะทำใจได้ง่ายๆ  นอกจากความเศร้าแล้วทุกวันของป้อนยังเต็มไปด้วยความห่วงใยว่ามันจะสุขสบายดีไหมในที่ใหม่ที่มองไม่เห็น การทำบุญเหมือนเป็นทางออกเดียวที่ช่วยเยียวยาป้อนจากความทุกข์  จากคนที่ใส่บาตรทำบุญตามสะดวก หลังแม๊กกี้ตาย ป้อนตื่นมาใส่บาตรทุกเช้าไม่เคยขาด และการใส่บาตรของเธอเหมือนโต๊ะจีน ที่มีกับข้าวชุดเดียวแต่พร้อมเชื้อเชิญทุกคนด้วยรายชื่ออุทิศส่วนกุศลที่ยาวขึ้นในทุกๆ ปี ให้กับทุกคนที่จากไปจากชีวิตเธอ ตั้งแต่บรรพบุรุษ คนที่รัก เพื่อนร่วมชั้นเรียน  หมา แมว ที่รู้จักและจำชื่อได้ รวมทั้งแม๊กกี้เพื่อนที่ดีที่สุดเพิ่งจากเธอไป

มาถึงวันนี้เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ป้อนสามารถเปลี่ยนความเศร้าที่เคยมี ให้กลายเป็นความสุขเล็กๆ ของตัวเองได้ ด้วยการแบ่งความรักไปให้กับสุนัขจรจัดอีกนับร้อยๆ ตัว เป็นประจำทุกๆ เดือน ด้วยการซื้ออาหารเม็ดไปเลี้ยงสุนัขในคอกกักกัน ที่คอกพักเทศบาลประจำจังหวัด พร้อมทั้งหวังว่าเพื่อนตัวน้อยของเธอคงจะได้อิ่มหนำสำราญกับอาหารเหล่านี้จากที่ไหนสักแห่งด้วยเช่นกัน บนตู้กระจกในร้านที่เคยเป็นที่นั่งประจำของแม๊กกี้ มีกรอบรูปของมันมาตั้งวาง เพื่อที่ว่าต่อจากไปนี้ไม่ว่าป้อนหันมาเมื่อไหร่ก็ยังจะได้เจอมันนั่งอยู่ที่เดิมเสมอ

 

 

Don`t copy text!