ความเชื่อ ตอนที่ 3

ความเชื่อ ตอนที่ 3

โดย : ครูก้อ เพิ่มพลังชีวิตคิดบวก

Loading

“อ่านเอาเล่าเรื่อง” คอลัมน์ที่รวมบทความจากผู้เข้าอบรมในโครงการ อ่านเอาเล่าเรื่อง ที่จัดโดยเว็บไซต์อ่านเอา โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้นำเรื่องราวที่ประทับใจของตัวเองมาถ่ายทอดในรูปแบบเรื่องเล่า และสานฝันสำหรับทุกคนที่อยากเริ่มต้นสู่เส้นทางการเป็นนักเขียน

เรื่องของความเชื่อ วันนี้มาถึงตอนที่ 3 แล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ เรื่องของความเชื่อถ้าใครสามารถปรับใหม่ได้ จะเปลี่ยนชีวิตไปได้ตลอดกาล และไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้นะคะ ทำได้จริง ๆ วันนี้มีวิธีง่าย ๆ มาให้พวกเราได้ฝึกกันค่

วิธีสร้างความเชื่อใหม่ ให้กลายเป็นความเชื่อในระดับจิตใต้สำนึก (Subconscious Mind)

  1. เลือกเชื่อในสิ่งที่ให้พลังกับเรา (คิด) ข้อนี้คือสิ่งใดที่เราคิดแล้วส่งพลังบวก คิดแล้วเพิ่มพลังให้กับเรา ให้คิดถึงสิ่งเหล่านี้ให้มากค่ะ – คิดว่าเราเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวได้
  2. เขียนความเชื่อนั้น (เขียน) จากนั้นเมื่อเรารู้ความคิดเราแล้ว ให้เราเขียนลงไปค่ะ เพื่อให้กลายเป็นความจริงครั้งแรก คือจากการคิด กลายมาเป็นตัวหนังสือให้เราเห็นต่อหน้าต่อตา

ถึงตรงนี้อาจมีคนสงสัยว่า พิมพ์ในมือถือได้ไหม? ได้ค่ะ แต่พลังที่ได้ไม่เท่ากัน เพราะการเขียนเป็นการสื่อสารจากจักรวาล หรือพลังเบื้องบน (พลังธรรมชาติ) ส่งตรงมาที่สมองของเรา แล้วส่งผ่านลงมายังร่างกาย ผ่านแขน ผ่านมือ ผ่านดินสอ ซึ่งมีหลายท่านบอกว่า ยิ่งใช้ดินสอที่ทำจากไม้ และไส้ดินสอที่ทำมาจากธาตุคาร์บอน จะยิ่งเชื่อมพลังกับธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้น รวมไปถึงกระดาษที่ทำมาจากต้นไม้ด้วยค่ะ

  1. พูดสิ่งนั้นย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ (พูด) พอเราเขียนเสร็จแล้ว ให้อ่านประโยคที่เราเขียนออกมาให้ตัวเองได้ยิน เพื่อเป็นการตอกย้ำ ซ้ำ ๆ เข้าไปอีก สมองรับรู้แล้วจากการคิด ตาเห็นแล้วจากการเขียน หูก็ได้ยินสิ่งนั้นเข้าไปด้วย
  2. เห็นภาพสิ่งนั้นทุกวัน (เห็นภาพ) เห็นในที่นี้จะเน้นไปที่การเห็นภาพในจินตนาการ เราคิดได้แล้ว เราเขียนแล้ว เราพูดแล้ว แล้วเราก็มาเห็นภาพนั้นให้ชัดในมโนสำนึกของเรา ยิ่งภาพที่เราเห็นชัดมากเท่าไหร่ เราก็จะได้ชีวิตใหม่จากการสร้างความเชื่อใหม่ได้เร็วขึ้นเท่านั้น
  3. ข้อสุดท้ายนี้คือข้อที่สำคัญที่สุด หากทำมาทั้ง 4 ข้อแล้ว ไม่ได้ทำข้อนี้ ก็จะเปลี่ยนความเชื่อ หรือสร้างความเชื่อใหม่ได้ยาก หรือช้า นั่นคือ การใส่ความรู้สึกกับสิ่งนั้น (รู้สึก) เราต้องรู้สึกประหนึ่งว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เราได้รับสิ่งนั้นมาแล้วจริง ๆ รู้สึกว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ เรามีสิ่งนั้นแล้วจริง ๆ

ถึงแม้ว่าความจริงจะยังไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็นก็ตามที แต่สำหรับข้อนี้ เราต้องรู้สึกกับความเชื่อใหม่ของเราให้ได้

มีเทคนิคสนุก ๆ ในการที่จะปล่อยทิ้งความเชื่อเดิม ๆ ทิ้งสิ่งที่ไม่คู่ควรกับเรา ทิ้งไปแบบเบา ๆ สบาย ๆ แล้วสร้างความเชื่อใหม่ให้กับตัวเราเอง อยากให้พวกเราได้ฝึกทำกันค่ะ เพลง let it go ต้องขึ้น ณ จุด ๆ นี้

อุปกรณ์ – กระดาษเปล่า ที่สามารถฉีกออกมาได้ หรือเป็นกระดาษแผ่น ๆ

  1. เขียน “นิสัย” ที่เราไม่ชอบ นิสัยที่เราจะไม่เอาติดตัวต่อไปอีกแล้ว เขียนออกมาให้ได้เยอะที่สุดค่ะ – นิสัยขี้เกียจ นิสัยผัดวันประกันพรุ่ง นิสัยขี้โกหก นิสัยชอบนอนตื่นสาย นิสัยกินจุบจิบ ฯลฯ
  2. เขียน “สิ่ง” ที่เราไม่ชอบ – ไม่ชอบบ้านที่อยู่ปัจจุบันนี้ ไม่ชอบนิสัยเพื่อนคนนี้ ไม่ชอบรถติด ไม่ชอบคนขี้โกหก ไม่ชอบคนหลอกลวง ไม่ชอบผู้ชายหลายใจ ใด ๆ ให้เขียนออกมาค่ะ
  3. เอาไปเผา เอาสิ่งที่เราเขียนไว้ในข้อ 1 กับข้อ 2 เผาให้สิ้นซาก ระหว่างที่เผาให้ระวังความปลอดภัยกันด้วยนะคะ แล้วยืนมองนิสัย กับสิ่งที่เราไม่ชอบเผาไหม้เป็นจุลไปกับตา วิธีนี้ก้อเรียนมาจากครูที่อเมริกา เป็นการเคลียร์พลังงานความรู้สึกในจิตเราได้ ทำเสร็จจะรู้สึกโล่ง เบาสบายมากค่ะ
  4. เมื่อเผาทิ้งเสร็จแล้ว ให้เรา “เขียนความเชื่อใหม่” เชื่อในสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเรา ที่เราต้องการให้กับครึ่งปีหลังของปี 2567 นี้กันค่ะ อะไรที่เป็นความเชื่อใหม่ของเรา?​ เขียนแบบไม่ต้องสนความจริง แต่ให้สนใจกับสิ่งที่เราปรารถนาให้มากที่สุด
  • ฉันทำธุรกิจที่กำลังทำอยู่สำเร็จได้ด้วยฝีมือตัวเราเอง (ความจริงคือกำลังเหน็ดเหนื่อย และลุ้นมากว่าจะรอดไม่รอด)
  • ฉันได้เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นกับคนรัก (ความจริงคือยังไม่มีเงินเก็บเลยสักนิด)
  • ฉันมีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม (จริง ๆ หนัก 57)

ทั้ง 4 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้เราทิ้งความเชื่อที่เหนี่ยวรั้งตัวเราไว้ และสร้างความเชื่ออันใหม่ที่สดใส ไฉไลกับเรามากกว่าได้

ความเชื่อใหม่อาจจะดูเหมือนไม่จริงในตอนนี้ และสมองเราจะต่อต้าน ซึ่งเป็นเรื่องปกตินะคะ ค่อย ๆ เติมน้ำใส่ใส่ลงไปในแก้ว วันหนึ่งข้างหน้าน้ำดำ ๆ แก้วนั้นก็จะเปลี่ยนเป็นน้ำสะอาดใส บริสุทธิ์ เฉกเช่นเดียวกับความเชื่อของเรา ซึ่งพอเราทำตามกระบวนการข้างต้นแล้ว ก็จะสดใส ไฉไล พาเราพุ่งฉิวไปข้างหน้าได้สบาย ๆ

ครั้งหน้าเป็นบทความสุดท้ายของ “ความเชื่อ” ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ

 

Don`t copy text!