수라간 สูตรลับตำรับชายา บทที่ 2 : คงนามุลกุกบัป

수라간 สูตรลับตำรับชายา บทที่ 2 : คงนามุลกุกบัป

โดย : นาคเหรา

Loading

수라간 สูตรลับตำรับชายา เรื่องราวอึนบยอล เด็กสาวที่เมื่อยังอ่อนเดียงสาเธอได้รับความเมตตาจากพระราชาคยองมินให้ลิ้มรสข้าวต้มถั่วแดงในวันที่อดอยาก เธอจึงตั้งใจว่า หากโตขึ้น จะเป็นแม่ครัวที่ปรุงอาหารด้วยหัวใจให้จงได้  “수라간 สูตรลับตำรับชายา” โดย นาคเหรา … นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อ อดใจรออีกนิด เนื่องจาก 수라간 สูตรลับตำรับชายา อยู่ในขั้นตอนการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่ง และสามารถติดตามข่าวได้ทางแฟนเพจของสำนักพิมพ์ @Groove publishing ค่ะ

 

สมัครบัตร Citi Ready Credit

ทุกยอดการสมัครจะมีส่วนแบ่งกลับมาสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอาของพวกเรา 🙂

……………………………………………………………….

-2-

 

ข้าวต้มถั่วแดงถ้วยนั้นแม้เย็นชืด แต่ก็เติมเต็มแล้วซึ่งความหวังของสองแม่ลูก พระราชารับสั่งให้ชาคยูซองขันทีคนสนิทของพระองค์ เป็นธุระในการจัดหาที่พักให้ พระราชาก็พระราชทานเงินอีกจำนวนหนึ่งให้พวกนาง ครั้งแรกพระมเหสีแบครยอนเสนอให้ชาคยูซองนำเด็กหญิงและแม่ไปอาศัยอยู่ที่หอพุนยังก่อน เพราะอยู่ที่ฮันยางทั้งคู่ยังไม่มีใครและไร้ซึ่งญาติมิตร จะอยู่ตามลำพังแม่ลูกก็คงลำบาก ใจจริงพระมเหสีก็อยากจะขอเด็กน้อยเข้าไปอยู่ในวังด้วย เพราะทรงเห็นว่านางเป็นเด็กน่ารัก แค่เห็นครั้งแรกก็ถูกชะตา ถึงขนาดพูดว่าถ้าอยากฝึกหัดการทำอาหารสูตรชาววัง ถ้าอยากก้าวหน้าเรื่องเป็นแม่ครัวหลวงก็ให้เข้าไปอยู่ในวัง ส่วนแม่ของเด็กน้อยก็ให้อยู่ที่หอพุนยังช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่มาคิดเช่นนั้นดูจะเห็นแก่ตัวเกินไป เพราะต่อให้เอ็นดูเด็กคนนี้ขนาดไหน เด็กๆ ก็ควรอยู่กับแม่มากกว่าอยู่กับคนอื่น

“ไปอยู่กับข้าไหม บยอล อยู่ในวังข้าจะให้ฝึกงานที่กุงจุงจอนซูรากัน เจ้าจะได้เรียนทำอาหารอย่างไรเล่า” พระมเหสีทรงถามหยั่งเชิง

“ข้าคงไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่มีใคร” บยอลตอบ ตอนนี้นางเริ่มมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว องค์ชายยงซุนเห็นว่ามีเด็กรุ่นเดียวกันจึงแบ่งตังเมให้บยอลด้วย ตอนนี้แก้มตอบๆ ทั้งสองของเด็กน้อย จึงบวมตุ่ยไปด้วยขนมที่แอบซ่อนไว้ในปาก

“จริงสิไปอยู่ในวัง ไปอยู่ตำหนักของข้า เจ้าจะได้กินขนมอร่อยๆ ทุกวัน ท่านพี่ว่าดีไหมพระเจ้าค่ะ” องค์ชายยงซุนหันไปหาพระเชษฐาที่มองดูอย่างระอาในความคิด

“เจ้าจะได้มีคู่หูคนใหม่น่ะสิ เบื่อนางกำนัลที่ชื่อซูอาแล้วรึ นางกำนัลคนที่ขึ้นต้นไม้ได้เร็วพอๆ กับลิงน่ะ”

“เปล่า ข้าหาคนไปเล่นซ่อนแอบเพิ่มด้วยต่างหาก เด็กคนนี้ท่าทางฉลาด ถูกใจข้า ถ้าออมม่ามามาให้นางมาอยู่ในวังจริงๆ นางต้องเป็นนางในตำหนักของข้าเท่านั้น”

“เค้าลางความวุ่นวายมาแล้วตงิดๆ  ข้าว่าขันทีตำหนักเจ้าคงอยากอยากลาออกมาอยู่ตำหนักข้าแน่ๆ”

“ท่านพี่ก็พูดราวกับตำหนักของเราสองคนอยู่ไกล ตำหนักของท่านกับข้าห่างกันแค่สิบก้าวเอง” องค์ชายยงซุนตรัสกับพระเชษฐาพลางหันมาขยิบตาให้บยอล ท่าทางเจ้าชู้แบบนี้พระมเหสีดูออกว่าพระบุตรจำท่าทางนี้มาจากผู้ใดก็ได้แต่นึกขำ แต่บยอลที่นั่งฟังอยู่กลับมีแววตาหนักใจ

“งั้นก็ไปอยู่ที่หอพุนยังสิ ที่นั่นเป็นบ้านของข้าเอง มารดาของข้าเป็นแม่ค้า ตอนนี้มีร้านเครื่องสำอางกับร้านผ้าอยู่สิบสามสาขา ท่านคงอยากจ้างคนงานบ้าง”พระมเหสีตรัส

“แต่ท่านแม่ของข้าชอบทำอาหารเจ้าค่ะ ท่านคงมีความสุข ถ้าได้ทำงานอยู่ในครัว”

“งั้นรึ คงอยากจะทำงานที่ถนัดสินะ เอาอย่างนี้ก็ได้ ชาซังซอน…ที่ตรอกแทวอนท้ายตรอกมีร้านขายข้าวกุกบัปอยู่ เจ้าของร้านเป็นเพื่อนของมารดาข้าเอง เอาเงินถุงนี้ให้นางแล้วบอกว่า ข้าขอฝากคนมาอยู่ด้วย เอาล่ะ..ทำแบบนี้เจ้าพอใจรึยัง”

พระมเหสีตรัสพลางยิ้ม เมื่อสบตากับเด็กน้อย บยอลยิ้มให้กับพระองค์เช่นกัน ในขณะเดียวกันก็ก้มลงคำนับพระมเหสี พระหัตถ์ทั้งสองของพระองค์แตะลงที่ใบหน้าของบยอลอย่างเอ็นดู

“ข้ายอมรับว่าเสียดายนัก ที่เจ้าไม่ไปอยู่กับข้า ถ้าขาดเหลืออะไรก็ไปหาข้านะ หรือไม่ก็ไปหอพุนยังก็ได้นะ ที่นั่น..มีท่านแม่ของข้าอยู่ ทุกคนพร้อมจะช่วยเหลือเจ้าเสมอ”

“เจ้าค่ะ แล้ววันหนึ่ง ข้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้พระองค์กับพระราชาได้กินนะเจ้าคะ”

เด็กหญิงตอบประสาซื่อ รอยยิ้มที่สดใสเผยออก นางก้มลงพระมเหสีอีกครั้ง ก่อนหันมามองเด็กหนุ่มร่างสูงในชุดทหาร รอยยิ้มอาทรเผยออกจากใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายนั้น ดวงตาเมื่อยามทอดมองสบมายังนางก็ดูอบอุ่นปลอดภัยนัก

“ข้าจะทำอาหารเผื่อนายท่านด้วยเจ้าค่ะ”

“เอาเป็นว่าข้าจะรอนะ…”

ท่านชายแฮอินพยักหน้าก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้า ขบวนเสด็จเคลื่อนไปยังสุสานหลวงมินยางวอน เหลือแต่ชาคยูซองและองครักษ์ฝีมือดีอีกคนหนึ่ง ที่รับบัญชาพระเสาวนีย์ของพระมเหสีให้จะพาบยอลและแม่ไปที่ตรอกแทวอนที่อยู่ไม่ไกลนัก

ณ ร้านคงนามุลกุกบัป

“นี่มันร้านขายกุกบัปจริงๆ รึท่านชาซังซอน ทำไมดูเงียบและไม่เห็นลูกค้าสักคน”

ราชองครักษ์ฮงอุนเอ่ยพลางมองไปรอบๆ ร้านขายข้าวที่ดูแล้วน่าจะเลิกกิจการ เพราะไม่มีลูกค้าเลยสักคนแถมบรรยากาศวังเวงเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าช้าก็ไม่ปาน เสียงหมาหอน ทั้งๆ ที่อยู่ในตอนกลางวันทำให้ชาคยูซองอดคิดเห็นด้วยกับองครักษ์หนุ่มไม่ได้

“พระมเหสีคงไม่ได้บอกผิดที่หรอกนะ ร้านเงียบแบบนี้ไม่ใช่เขาเลิกขายแล้วรึ”

ชาคยูซองคิดในใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา บยอลใจไม่ดีนัก ที่มาเห็นร้านเงียบแบบนี้ นางทอดสายตาเข้าไปมองในร้าน ก็เห็นสตรีร่างอ้วนสวมชุดผ้าฝ้ายที่ผูกผ้ากันเปื้อนสีขาวไว้กับเอว ท่าทางหมดอาลัยตายอยากในชีวิต ถ้ามาค่ำกว่านี้ นางคงคิดว่าผู้หญิงที่เห็นเป็นผีสิงเตาไฟแน่ๆ ที่เด็กน้อยคิดเช่นนั้นก็เพราะหญิงเจ้าของร้านเอา แต่แอบซ่อนในความมืด นั่งมองน้ำแกงที่กำลังเดือดพล่านในเตา จนน้ำแกงจะแห้งหมดหม้ออยู่แล้ว

“ตรงนั้นมีคนนั่งอยู่เจ้าค่ะ…นายท่าน”

ชาคยูซองมองตามที่เด็กหญิงบอก ท่าทางของเจ้าของร้านเหมือนกับมีเรื่องหนักใจอะไรบางอย่าง พอเห็นหน้าของขันทีและทหารก็ตกใจจนทำกระบวยตักน้ำแกงหลุดมือ

“นายท่านมากินข้าวรึเจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ” จองอีบอกอย่างดีใจ นางกระวีกระวาดต้อนรับผู้มาใหม่ทั้งสอง พลางมองร่างของชินดัลแรและบยอลที่ตามมาด้วยอย่างสงสัย

“นายท่านพาทาสมาด้วยรึเจ้าคะ ถ้าใช่…ข้าขอแนะนำพาไปผูกไว้ที่หน้าร้านจะดีกว่า”

“ข้ากับท่านแม่ไม่ใช่หมานะ ถึงจะได้ผูกไว้ได้!”

เด็กหญิงกล่าวอย่างเหลืออด นึกโกรธท่านป้าคนนี้ที่มองนางและท่านแม่เหมือนไม่ใช่คน แต่ผู้เป็นมารดาส่งภาษามือก่อนจะบอกให้บยอลเงียบ

‘บยอล อย่าเสียมารยาทกับผู้ใหญ่’

‘แต่ท่านป้าคนนี้ดูถูกเรา..แถมยังว่าเรานี่คะ…ท่านแม่’

บยอลทำสัญญาณมือบอกมารดา พลางจ้องมองเจ้าของร้านเหมือนจะไม่ยอม เด็กน้อยนึกรังเกียจท่านป้าคนนี้นัก ที่ดูถูกคน แล้วยังสายตาที่มองจากหัวจรดเท้าเล่า นี่มันสายตาที่หยามเหยียดกันชัดๆ!

‘เพราะเราดูมอมแมมน่ะสิ เงียบไว้ดีกว่าลูก’

พอแม่บอกเช่นนี้ บยอลก็ได้แต่จ้องมองจองอีอย่างไม่พอใจนัก ชาคยูซองเห็นอย่างนั้นก็แปลกใจ เพราะว่าเด็กคนนี้กับแม่ใช้ภาษามือคุยกันแทนที่จะพูดออกมา

“พวกเจ้ารู้ภาษามือรึ”

“เจ้าค่ะ…พ่อของบยอล..เอ่อ…เขาเป็นใบ้เจ้าค่ะ”

พอได้ฟังเช่นนี้ จองอีก็เอามือทาบอก เพราะไม่คิดว่า ผู้หญิงคนนี้จะเลือกใช้ชีวิตกับคนใบ้ ทั้งๆ ที่ดูแล้วรูปร่างหน้าตาก็งดงามแม้จะดูมอมแมมใส่เสื้อขาดวิ่น น่าจะหาสามีได้ดีกว่าคนใบ้ จองอีอดคิดไม่ได้ว่าการตัดสินใจเลือกที่ผิดพลาด ผู้หญิงคนนี้จะนึกเสียใจย้อนหลังไหมนะ

“เฮ้อ..น่าสงสารนะ เจ้ารูปร่างหน้าตาก็สวยดีอยู่หรอก ถ้าอาบน้ำแต่งตัวดีๆ ไปที่หอคณิกาน่าจะมีคนรับเข้าทำงาน สมัยนี้เขาไม่ห่วงเรื่องมีลูกมีผัวกันหรอก เขาห่วงแต่ว่าจะทำงานได้หรือไม่ได้เท่านั้น”

“ถ้ามันดีขนาดนั้นจริง…ท่านก็ไปทำเองสิเจ้าคะ ท่านป้า”

“บยอล!!”

“นังเด็กคนนี้ มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”

“ก็จริงนี่เจ้าคะ ข้ากับแม่ใส่เสื้อเก่าๆ ขาดๆ ก็จริง มาที่นี่คนอื่นอาจจะมองว่าเป็นคนจรจัดเป็นคนไร้บ้าน แต่ข้าไม่ได้มาที่นี่ เพื่อให้ท่านดูถูกนะเจ้าคะ ท่านควรขอโทษท่านแม่ของข้า ที่ว่าท่านแบบนี้ พวกข้าใส่เสื้อขาดก็จริง แต่ก็มีศักดิ์ศรี”

“ชิ…นังเด็กเมื่อวานซืน ศักดิ์ศรีของพวกเจ้าแลกข้าวกินได้ไหมล่ะ ถ้าพวกเจ้าเก่งจริงคงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรอก ข้าแนะทางไปให้พวกเจ้าน่าจะยินดีถึงจะถูกสิ”

“อ้าว..ถ้ามันดีอย่างที่ท่านว่า ท่านก็ไปเองสิเจ้าคะ จะมานั่งรอเวลาให้ไฟไหม้ชายกระโปรงอยู่ทำไม!” บยอลอดไม่ได้ที่จะต่อความ แม้แม่จะห้ามแล้วก็ตาม ใบหน้าของชินดัลแรซีดเผือด นางได้แต่ก้มลงขอโทษผู้สูงวัยกว่า

“ข้าต้องขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะเจ้าคะ นางยังเด็กยังไม่รู้ความ”

“ไม่รู้ความ! นี่ขนาดไม่รู้ความยังด่าออกมาได้ขนาดนี้ ถ้ารู้ความจะด่าได้ขนาดไหน”

ชาคยูซองแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ เขารู้แล้ว ว่าทำไมพระมเหสีถึงอยากได้เด็กคนนี้ไปอยู่ด้วยนัก เด็กคนนี้ฉลาดเป็นกรด แถมยังเลือกคำด่าได้เจ็บแสบนัก ถ้าหากได้ไปอยู่กับองค์ชายน้อยยงซุนแทกุน วังหลวงต้องวุ่นวายแน่ๆ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องทำงานที่พระองค์มอบหมายมาให้ได้ เพราะว่าต้องไปรอรับเสด็จตอนขบวนเดินทางกลับพระราชวังมัวช้าอยู่ไม่ได้อีกเหมือนกัน

“เอาล่ะๆ อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลย อึนบยอลก็ไม่ควรก้าวร้าวผู้ใหญ่ ส่วนเจ้าก็อย่าหาเรื่องกับเด็กเลย พวกข้ามาที่นี่ ไม่ได้มาดูคนทะเลาะกันหรอกนะ พระมเหสีสั่งความมาถึงท่านด้วย…โอจองอี”

“พระมเหสีหรือเจ้าคะ” ท่าทางของจองอีตกใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น พระมเหสีมีเรื่องอะไรกับนางรึ ถึงได้ส่งใต้เท้าทั้งสองมาที่นี่ แถมยังพาคนจรจัดสองคนแม่ลูกนี้มาอีก

“มีเรื่องอะไรรึเจ้าคะ ข้าหมายถึงพระมเหสีคงไม่ได้บอกให้ท่าน พาสองคนนี้มาอยู่ที่นี่หรอกนะเจ้าคะ”

“อ้าว…ทำไมเดาถูกล่ะ” ชาคยูซองเอ่ยพลางยิ้ม

“มันไม่ใช่ข้ออ้างหรอกนะเจ้าคะ แต่ตอนนี้ร้านของข้าอยู่ในช่วงขาลง คนไม่ค่อยเข้าร้าน เพราะมีร้านอาหารมาเปิดที่ตรอกทางเข้า คนส่วนมากไปกินที่นั่นมากกว่า”

“แต่ข้าช่วยท่านได้เจ้าค่ะ ข้าสามารถทำอาหารให้ท่านได้” ชินดัลแรพูดออกมาในที่สุด

“ช่วย..เจ้าเนี่ยนะจะช่วยข้า! จากสภาพของเจ้าอดอยากเหมือนไม่มีกิน จะมาทำอาหารรสเลิศได้อย่างไร” จองอีมองดูคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก เพราะชินดัลแรที่นางเห็นตอนนี้เป็นคนร่างผอมโซ คนที่อดอยากขนาดนี้จะปรุงอาหารที่เรียกว่ารสเลิศได้เช่นใด

“ท่านแม่ของข้าเคยทำงานที่หอเทียมฟ้าเจ้าค่ะ ท่านแม่ของข้าเคยทำอาหารขึ้นโต๊ะราชทูตที่เปียงยางด้วย”

“พูดเป็นเล่นไปน่า..หอเทียมฟ้า การที่พวกเจ้าได้ไปเหยียบเงาหลังคาภัตตาคารเลื่องชื่ออย่างนั้น นับว่าเป็นวาสนาแล้ว อย่าพูดเรื่องการเข้าไปทำงานข้างในเลย จองอีพูดเหมือนไม่อยากเชื่อ เพราะที่โชซอน ภัตตาคารเลื่องชื่อมีอยู่สองร้าน

ที่เปียงยางมีหอเทียมฟ้า

ที่ฮันยางมีหอมันวอล

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

แล้วคนจรจัดสารรูปดูไม่ได้เช่นสองแม่ลูก จะมาจากภัตตาคารเลื่องชื่อนั้นได้อย่างไร!

แต่ชินดัลแรก็โค้งลงน้อยๆ ให้กับผู้สูงวัยกว่า

“ถึงตอนนี้สารรูปของข้าจะสภาพเหมือนสุนัขข้างถนน แต่เรื่องที่ข้าเคยทำงานอยู่หอเทียมฟ้าเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ ข้าเป็นลูกหลานของแม่ครัวที่ทำงานอยู่ในหอเทียมฟ้ามาสามชั่วคน ฝีมือการทำอาหารของเปียงยาง พยองอันและชายแดนของต้าชิงข้าเรียนรู้หมดสิ้นแล้ว”

“ราคาคุยกระมัง ถ้ามีฝีมือจริง งั้นลองทำอาหารให้ข้าชิมสิ”

จองอีพูดเหมือนไม่อยากเชื่อ แต่นางก็ยื่นกระบวยตักน้ำแกงให้ชินดัลแร หญิงสาวผู้สวมเสื้อเก่าและขาดดุจผ้าขี้ริ้วก้มลงน้อยๆ พลางเอ่ย

“ข้าขอล้างเนื้อล้างตัวสักครู่ ข้าจะทำคงนามุลกุกบัป (1) ให้ท่านทั้งสามลองชิม เจ้าค่ะ บยอลอา…เดินไหวไหมลูก ช่วยแม่หน่อยนะ”

ว่าแล้วชินดัลแรและลูกสาวก็พากันไปล้างเนื้อตัวให้สะอาด ก่อนลงมือทำกุกบัป นางไม่รู้ว่าที่ร้านนี้ใช้ส่วนผสมในน้ำแกงอะไร จึงให้ลูกสาวเป็นคนชิมน้ำแกงก่อน และชินดัลแรคิดจะทำคือน้ำแกงแบบเผ็ดร้อน เมื่อกินแล้วสามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นและขับเหงื่อออกมาได้ดีกว่า บยอลใช้ช้อนไม้ชิมน้ำแกง แล้วจึงเอ่ยกับมารดาว่า

“ในน้ำแกงมีกุ้งแห้ง ปลากะตักแห้ง สาหร่ายทาชิมาเจ้าค่ะ..ท่านแม่”

“แล้วลูกคิดว่าขาดอะไรไป” เสียงของมารดาถามอย่างแผ่วเบา

“ขาดหัวปลาโคดารี และหัวไชเท้าเจ้าค่ะ หัวไชเท้าจะทำให้รสชาติหวานหอมกลมกล่อมยิ่งขึ้น” บยอลบอกในขณะที่ชาคยูซองแอบกระซิบถามจองอีว่า ส่วนผสมในน้ำแกงใช่อย่างที่เด็กคนนี้บอกรึเปล่า

“เจ้าค่ะ ..ไม่ผิดแม้แต่ตัวเดียว นี่มันสูตรลับของบ้านข้าทำมาหลายรุ่นแล้ว ข้าไม่เคยบอกสูตรนี้กับใครเลย”

จองอีบอกด้วยท่าทางตกใจ เด็กคนนี้สามารถแยกรสชาติของอาหารได้ด้วยปลายลิ้น!

ชินดัลแรตักน้ำแกงนั้น หม้อดินเผาขนาดเล็กนางหั่นหัวไชเท้าและตัดปลาโคดารีต้มลงไปก่อน จะกรองเอาแต่น้ำไว้ ในขณะที่บยอลก็เด็ดเอาหางถั่วงอกออก แล้งจึงแช่น้ำเย็นจัดพักไว้ เมื่อน้ำแกงเดือด ชินดัลแรก็เอาถั่วงอก ผักดองหั่น พริกชานยางเพิ่มความความเผ็ดร้อน และแน่นอนเธอเอาปลาหมึกแห้งกับกุ้งหมักใส่ไปอีกด้วย จองอีมองตามอย่างงงๆ เพราะที่ผ่านมาร้านของนางจะไม่ได้ทำตามสูตรนี้แม้แต่นิดเดียว

บยอลหันมายิ้มกับแม่ นางชอบมองท่านแม่เวลาทำอาหาร คอยช่วยเป็นลูกมือ เพราะชอบชิมเป็นสำคัญ อีกทั้งเด็กหญิงมีประสาทรับรสที่เหนือกว่าผู้อื่น ไม่ว่าเธอจะกินอะไรเข้าไปนางจะสามารถแยกส่วนประกอบได้ทันที ความพิเศษข้อนี้ชินดัลแรรู้ดี จึงสอนให้นางแยกแยะรสชาติอาหาร และชิมเครื่องปรุงทุกอย่างจนลิ้นจดจำเครื่องปรุงทั้งหมดได้ คนที่มีลักษณะพิเศษเช่นนี้ มักเป็นที่ต้องการของร้านอาหารใหญ่ๆ หรือแม้แต่วังหลวงเองก็ต้องการเด็กแบบนี้เพื่อไปทำงานในห้องครัวหลวง

“ท่านแม่…ลืมนี่เจ้าค่ะ”

เด็กหญิงเอ่ยพลางชูไข่ไก่ขึ้นก่อนจะตอกมันลงไปในหม้อกุกบัป พอใกล้จะยกลงชินดัลแรจึงเอาต้นหอมโรยหน้าอีกที

“คงนามุลกุกบัปเจ้าค่ะ รสชาติที่เผ็ดร้อนของพริกชานยังโคชู รสชาติจะกลมกล่อมด้วยวัตถุดิบที่มาจากทะเล รสเปรี้ยวมาจากผักดอง รสจะจัดจ้านกว่าคงนามุลกุกบัปของฮันยาง”

“เจ้าว่าอะไรนะ!!”

“ลองชิมดูเถิดเจ้าค่ะ น้ำแกงของท่านมีข้อเสียคือขาดรสหวาน รสหวานเป็นรสชาติแรกที่ลิ้นคนเราคุ้นเคย เพราะน้ำนมมารดาจะมีรสชาตินั้น หัวไชเท้ามีคุณสมบัติทำให้อาหารรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น ถ้าใส่กับอาหารมาจากทะเลจะเพิ่มรสชาติให้น้ำแกงเจ้าค่ะ”

“เครื่องเคียงล่ะ…เจ้าทำไมต้องกินกับกักทูกิและผักดอง”

“เพราะรสชาติจากกลมกล่อม เมื่อได้มากินกับเครื่องที่มีรสเปรี้ยวจะทำให้เจริญอาหารเจ้าค่ะ”

ทั้งสามคนใช้ช้อนตักน้ำแกงขึ้นมาชิม นัยน์ตาของจองอีเบิกกว้าง เพราะรสชาติแตกต่างจากคงนามุลกุกบัปที่นางทำอย่างสิ้นเชิง ความเผ็ดร้อนของพริกทำตัดกับรสหวานเค็มพอเหมาะ และเมื่อลองกินกับผักดองก็จะเพิ่มความอยากอาหารมากขึ้น

“สตรีคนนี้มีดีกว่าที่คิดไว้จริงๆ”

“เจ้าสามารถทำอาหารได้กี่อย่าง ที่เจ้าบอกว่าเคยทำอาหารให้คณะราชทูตต้าชิง เจ้าเคยทำจริงหรือไม่”

“ข้าเรียนรู้การทำอาหารมาจากมารดาเจ้าค่ะ พื้นเพของเราเป็นชาวเปียงยาง อาหารทางเหนือกับแผ่นดินจีนที่ต้องข้ามฝั่งแม่น้ำอัมนกกัง รสชาติจะเหมือนกัน แต่จะไม่เหมือนกับฮันยาง น้ำแกงเราจะเน้นความกลมกล่อม กระดูกของสัตว์เราจะนำมาเคี่ยวเป็นน้ำแกง แม้แต่บะหมี่เย็นทางใต้จะใช้น้ำดองผัก แต่ทางเหนือเราจะใช้กระดูกวัวเคี่ยวทำน้ำแกง แทน ส่วนอาหารของจีนนั้นข้าทำได้ทุกอย่าง”

“แล้วข้าจะได้อะไร”

จองอีถามราวกับคิดหาส่วนได้ส่วนเสีย แต่หญิงสาวกลับคลี่รอยยิ้มน้อยๆ แล้วจึงโค้งกายลงให้ผู้สูงวัยกว่า

“สองมือของข้าจะทำให้ท่านมั่งคั่งได้ ขอแค่ท่านให้ข้าอยู่ในครัวเท่านั้น ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังแม้แต่นิดเดียว”

ชินดัลแรเอ่ยพลางก้มลงอีกครั้ง และตั้งแต่นั้นมาสองแม่ลูกผู้หนีภัยหนาวมาจากเปียงยาง ก็ได้อาศัยอยู่ที่ร้านอาหารของจองอีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

 

เชิงอรรถ :

(1) ซุปถั่วงอก

 

***

สั่งซื้อ Remember Wrinks

เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2UT2G40   

สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ คลิกที่นี่ >>>>>>>>>>> http://anowl.co/anowlsabai/remember-wrinks/



Don`t copy text!