수라간 สูตรลับตำรับชายา บทที่ 4 : กินแล้วลวนลามต้องโดนปราบ กินแล้วชักดาบต้องเจอตะหลิว

수라간 สูตรลับตำรับชายา บทที่ 4 : กินแล้วลวนลามต้องโดนปราบ กินแล้วชักดาบต้องเจอตะหลิว

โดย : นาคเหรา

Loading

수라간 สูตรลับตำรับชายา เรื่องราวอึนบยอล เด็กสาวที่เมื่อยังอ่อนเดียงสาเธอได้รับความเมตตาจากพระราชาคยองมินให้ลิ้มรสข้าวต้มถั่วแดงในวันที่อดอยาก เธอจึงตั้งใจว่า หากโตขึ้น จะเป็นแม่ครัวที่ปรุงอาหารด้วยหัวใจให้จงได้  “수라간 สูตรลับตำรับชายา” โดย นาคเหรา … นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อ อดใจรออีกนิด เนื่องจาก 수라간 สูตรลับตำรับชายา อยู่ในขั้นตอนการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่ง และสามารถติดตามข่าวได้ทางแฟนเพจของสำนักพิมพ์ @Groove publishing ค่ะ

 

……………………………………………………………….

-4-

교란되다!

 

ปีคยองมิน ปีที่สิบแปด

ร้านอาหารจองอี สาขาใหญ่ ตรอกแทวอน

ร่างผอมบอบบางในชุดผ้าฝ้ายสีเข้มเด็กสาว ผู้นี้คือเด็กที่เคยอดอยากเมื่อแปดปีก่อน ด้วยความเมตตากรุณาของพระมเหสีแบครยอนที่ฝากฝังให้สองแม่ลูกมาอยู่ที่ร้านขายข้าวกุกบัปของจองอี ซึ่งตั้งแต่ที่ชินดัลแรเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็ช่วยดูแลเรื่องรสชาติอาหาร ทำให้ร้านอาหารของจองอีขยายไปได้ถึงสามสาขาในฮันยาง

โดยเฉพาะสาขาใหญ่ที่ตรอกแทวอนจะมีลูกค้ามากกว่าที่อื่น ทั้งนี้ก็เพราะว่าที่ตรอกแห่งนี้เป็นย่านชุมชนที่คับคั่งเป็นย่านคหบดี มีร้านค้าของใช้มีร้านอาหารรสเลิศอย่างหอมันวอลที่มีอาหารเลิศรสที่บรรดาขุนนาง เชื้อพระวงศ์และเศรษฐีต่างพากันมากินเลี้ยงกันที่นี่เป็นประจำ หอพุนยังเป็นร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอางที่ใหญ่ที่สุดในโชซอน มีคนรับรู้ดีว่าเป็นบ้านเดิมของพระมเหสีแบครยอน วันดีคืนดีอาจจะมีขบวนเสด็จมาที่นี่ด้วย แต่นั่นเป็นสถานที่ที่จองอีสั่งห้ามไม่ให้บยอลและแม่ไปด้วยสาเหตุใดก็ไม่อาจรู้ได้

ร้านจองอีแรกเริ่มเดิมทีเป็นร้านขายข้าวกุกบัปที่ดูธรรมดาๆ หลังจากที่ชินดัลแรเข้ามาเป็นแม่ครัวใหญ่ที่นี่เสียงเล่าลือในรสอาหารก็ทำให้มีลูกค้าแวะเวียนมาเสมอ การที่นางเคยได้ทำงานเป็นผู้ช่วยแม่ครัวในหอเทียมฟ้าถือเป็นข้อได้เปรียบร้านอื่นๆ แต่ที่ถือเป็นความลับที่คนภายนอกไม่รู้ก็คือ การที่บยอลมีประสาทสัมผัสรับรสได้ดีกว่าคนทั่วไปทำให้สามารถแยกรสชาติอาหารได้ ถึงจะได้ลองชิมแค่ครั้งเดียวก็ตาม นั่นเป็นสิ่งให้จองอีหวงแหนเด็กสาวมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ก็ไม่ได้รักใคร่ใส่ใจนัก ที่บยอลอยู่ได้อย่างสงบสุขก็คือ การที่นางเป็นตัวทำกำไรของร้านนั่นเอง

และการจัดการร้านสาขาแทวอนนี้ บยอลก็เป็นผู้ดูแลควบคุมเอง ยกเว้นเรื่องเงินที่จองอีจะฝากให้คนที่ไว้ใจมาดูแลให้ นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติอาหารในครัวหรือเรื่องดูแลลูกค้าที่เข้ามาในร้าน จะเป็นงานที่เด็กสาววัยสิบหกผู้นี้ดูแลทั้งหมด คนในร้านจึงให้ความเคารพนางและมารดาเป็นอย่างมาก

“คุณหนูเจ้าคะ น้ำต้มกระดูกวัวรสชาติเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

สาวใช้ในครัวถือถ้วยเล็กๆไปให้เด็กสาวชิม ในขณะที่นางกำลังดูส่วนผสมของซีอิ๊วที่หมักไว้ เพื่อจะได้เอาไว้ดองปูไข่ที่พ่อค้าเมืองอึนจินจะเอามาให้ในอีกสองสามวันข้างหน้า บยอลรับเอาถ้วยน้ำเปล่ามาดื่มกลั้วคอและล้างลิ้นก่อนจะยกถ้วยน้ำต้มกระดูกวัวมาชิม พอลิ้นรับรสได้เพียงครู่ เด็กสาวจึงบอกสาวใช้ออกไปว่า

“น้ำต้มกระดูกวัวหม้อนี้ใสเกินไป หากจะเอาไปทำซอลนงทังจะไม่อร่อยเท่าไร เก็บไว้ทำซุนแดกุกแบบเผ็ดก็แล้วกัน ทีหลังเวลาต้มครั้งต่อไปต้องใช้เวลานานเกือบทั้งคืน ต้องคอยดูคอยช้อนเอาน้ำสีเขียวที่ออกมาจากกระดูกวัวออกให้หมดด้วย ไขวัวสีเขียวแบบนี้ ถ้าเจอลูกค้าที่ช่างสังเกต เขาจะหาครหาเอาได้ว่าแม่ครัวร้านเราไม่มีฝีมือ”

“แต่ข้าก็ดูแล้วนะเจ้าคะ ไม่คิดว่าเหลือคราบไขเกาะที่น้ำแกงอีกรึ” พาจูเอ่ยเหมือนเถียง แต่บยอลกลับหันมาแล้วขึงตาใส่อย่างดุๆ

“นี่แสดงว่าไม่ได้แช่กระดูกวัวทิ้งไว้ ทีหลังต้องแช่กระดูกทิ้งไว้หนึ่งคืน เวลาต้มน้ำแรกก็ต้องเททิ้ง พอมาต้มน้ำที่สองถึงต้มและเคี่ยวจนกว่าจะได้น้ำสีขาวข้น รอบนี้ถึงจะเอาไปทำซอลนงทังได้ ต้มกระดูกน้ำที่สามอาจจะได้น้ำที่ไม่ข้นนัก พวกนี้เอาไว้ทำแกงสาหร่ายที่ใส่เนื้อวัว หรือเอาไว้ทำแกงหัวไชเท้าที่ใส่เนื้อวัวได้ ถ้าหากเจ้าไม่ทำตามข้าบอก เราจะเสียน้ำต้มกระดูกรอบที่ดีที่สุดไป และที่จะเสียเพราะคราบเขียวของไขวัวที่จับอยู่ในน้ำต้มกระดูกนี่แหละ”

บยอลบ่นให้กับสาวใช้ ดวงตาคู่งามก็ทอดไปยังหม้อต้มน้ำแกงขนาดใหญ่ด้วยความเสียดาย ที่จริงอยู่ในครัวจะเอาน้ำต้มกระดูกหม้อนี้มาใช้ทำซอลนงทังก็ได้ แต่ก็กลัวว่ารสชาติของน้ำแกงที่เปลี่ยนไปจะทำให้อาหารหลักของวันนี้เสียรส จึงต้องจำใจเอาไปทำอย่างอื่นแทน

“ที่จริงก็เอาไปทำได้ลูก แต่น้ำต้มจะดูใสอย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ เอาน้ำต้มกระดูกหม้อนี้ไปไว้ทำอาหารอย่างอื่นก็แล้วกัน”

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ครัวใหญ่” คนที่ทำงานในครัวรับคำชินดัลแรพร้อมกัน

“ทีหลังข้าต้องเฝ้าหม้อเองแล้วล่ะเจ้าค่ะ”บยอลเอ่ยกับแม่อย่างอ่อนใจ ที่จริงในขั้นการปรุง เพราะท่านแม่เป็นคนฝึกสอนพ่อครัวใหญ่ทำให้พวกเขาสามารถปรุงอาหารที่มีรสชาติที่ดีได้ใกล้เคียงฝีมือของแม่ แต่ในขั้นจัดเตรียมเครื่องปรุงสาวใช้และลูกจ้างที่ฝึกมาใหม่ยังทำได้ไม่ดีนัก

พอตรวจดูส่วนผสมในครัวหมดทุกอย่าง บยอลก็ถอดผ้ากันเปื้อนส่งให้สาวใช้ ตัวนางเองก็เดินออกไปเพื่อต้อนรับแขกหน้าร้าน ซึ่งเป็นงานประจำที่นางทำทุกวัน เสียงลูกจ้างผู้ชายที่มีประมาณสิบคนเดินสวนกันไปมาเพื่อดูแลต้อนรับแขก เด็กสาวออกไปต้อนรับลูกค้าทุกคนด้วยรอยยิ้ม อีกทั้งการเดินดูก็ได้รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไรและขาดเหลืออะไร

“โต๊ะสิบสี่ คงนามุลกุกปับใส่ปลาหมึกแห้ง”

“โต๊ะเก้า ไก่ตุ๋นโสม!!”

“เอ๊ะ วันนี้ไม่มีไก่ตุ๋นโสมนี่ ก็ทางร้านของเราเปลี่ยนรายการอาหารทุกวันนี่เจ้าคะคุณหนู” พาจูเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย

เมื่อได้ยินเสียงบ่าวเอ่ยเช่นนั้น แต่บยอลกลับยิ้มน้อยๆ และไม่พยายามประสาทเสียไปกับพาจู เด็กสาวเดินออกไปหาบ่าวรับใช้ผู้ชายคนนั้น ก่อนจะเดินไปหาลูกค้าที่สั่งอาหารที่ร้านจองอีไม่ทำในวันนี้

“ไปบอกลูกค้าคนนั้น ร้านเราไม่มีไก่ตุ๋นโสม แถมไก่ตุ๋นโสมธรรมดาไม่ว่าแถมสั่งไก่ตุ๋นใส่เป๋าฮื้อด้วย ที่นี่ไม่ได้ติดกับทะเลนะ จะให้เราไปงมหอยเป๋าฮื้อสดๆได้ที่ไหน” พาจูตะโกนสุดเสียง

“เอาน่า อย่าอารมณ์เสียนักเลย ก็ต้องดูว่า คนสั่งเงินหนาขนาดไหน ข้าไม่เกี่ยงว่าต้องทำอะไร แต่ข้าต้องดูว่าเขาพร้อมจะจ่ายไหม”

“บ่าวว่าอย่าไปใส่ใจเลยเจ้าค่ะ ถ้านายหญิงจองอีรู้ละก็…”

สาวใช้ที่ชื่อพาจูทำท่ากังวล เพราะกลัวว่าบยอลจะโดนนายหญิงจองอีรู้และถูกตำหนิเอาได้ แต่ที่ผ่านมาคุณหนูอึนบยอลก็ไม่ถูกจับได้สักที เพราะนางมีฝีมือในการทำอาหารเกือบทุกประเภท แถมรายการอาหารในแต่ละวันเกิดจากการคิดและปรุงรสใหม่ๆ จนถูกอกถูกใจชาวฮันยางยิ่งนัก

ว่ากันว่าอาหารจากเหนือจรดใต้ ที่นี่..เป็นร้านเดียวที่สามารถทำได้ ถ้าหากมาที่ฮันยางแล้วไม่ได้มากินข้าวที่ร้านจองอีสาขาแทวอน ก็เหมือนมาไม่ถึงฮันยาง นี่คือเสียงเล่าลือของนักเดินทางและชาวเมืองที่ต่างพากันเล่าลือกัน

สำหรับบยอลนอกจากจะทำอาหารเก่งแล้ว รูปร่างหน้าตาภายนอก ก็งดงามดุจภาพวาดของช่างเขียนชิ้นเยี่ยมทำให้ร้านของสาขาตรอกแทวอนมีลูกค้าหนุ่มๆ มาแวะเวียนเป็นประจำ นอกจากอาหารปากเลิศรสแล้ว อาหารตาก็อาจจะทำให้หัวใจอิ่มเอมได้

ว่ากันว่า ดวงตาดุจดวงดาวสมนามว่าอึนบยอล

ผิวขาวราวหิมะแบบสาวโชซอนทางเหนือ

ไม่ว่าดวงดาวดวงนี้จะอยู่ที่หน้าร้านหรือในครัว ก็มักจะมีลูกค้าหนุ่มๆแวะเวียนมาถามไถ่เสมอ

เด็กสาวมองดูกระดาษใบเล็ก ที่เขียนรายการอาหารนอกรายการพลางนึกสนุก ก่อนจะถามสาวพาจูว่าใครเป็นคนสั่งไก่ตุ๋นโสมใส่เป๋าฮื้อ

“ใครมาสั่งไก่ตุ๋นโสมเอาวันนี้ รู้ดีนี่ของหายากต้องสั่งล่วงหน้า จะกินตอนนี้ไม่มีมีเป๋าฮื้อหรอกนะ ถ้าหอยในนาข้าวน่าจะมี”

“ก็ลูกชายใต้เท้าลี น่ะสิเจ้าคะ มาที่นี่แทนที่จะสั่งของที่มี แต่ดันมาสั่งของที่ไม่มี เด็กๆ ในร้านก็กลัวเขาจะจับไปขังคุก นี่ก็ไม่มีใครกล้าไปต้อนรับเลยเจ้าค่ะ”

“งั้นข้าไปเอง” บยอลบอกอย่างร่าเริง นางเดินไปพลางยิ้มกว้าง ไม่ว่าใครต่อใครที่เห็นรอยยิ้มนั่นก็ต้องยิ้มค้าง แม้นางจะเดินผ่านโต๊ะตนไปนานแล้วก็ตาม

“นายท่านเจ้าขา ข้าได้ยินว่าท่านจะรับไก่ตุ๋นโสมใส่เป๋าฮื้อใช่ไหมเจ้าคะ”

บยอลเอ่ยถามลูกค้าด้วยเสียงที่อ่อนหวาน นัยน์ตาคู่งามก็จับจ้องไปที่ชายหนุ่มในชุดผ้าไหมราคาแพง ลียุนซูยิ้มทันทีที่เห็นร่างของเด็กสาวผู้งดงาม เขามองหน้าบยอลนิ่ง พยายามให้เด็กคนนี้รับรู้ภายในใจ แต่น่าเสียดาย เด็กสาวแค่ยิ้มตอบไปตามหน้าที่เท่านั้น

“น้องบยอล ในที่สุดเจ้าก็ยอมมาหาข้าจนได้ เจ้ารู้ไหมว่าข้าต้องมาแวะเวียนที่ร้านนี้วันละกี่เวลากัน”

“เรื่องแวะมากี่ครั้งข้าไม่อาจรู้ได้…แต่ข้าต้องมาหาท่านอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นคนพิเศษที่มักจะไม่กินอะไรที่ชาวบ้านคนอื่นเขากินกัน แต่ระวังนะเจ้าคะ ของบางอย่างนอกฤดูกาล มันก็น่าจะไม่มี” บยอลพูดพลางแกล้งแตะหลังมือของชายหนุ่มเบาๆ ดวงตากลมโตทอดแววยั่วยวน ก่อนจะก้มลงกระซิบที่หูของเขา

“หากจะกินอาหารฝีมือข้า ราคาท่านสู้ไหวไหมเจ้าคะ ถ้าหากท่านไม่ระวังตัว ข้าสามารถดูดเงินท่านออกจากกระเป๋าท่านหมดแน่ ระวังตัวจะซีดไม่มีสีเลือดนะเจ้าคะ ข้าน่ะ…ถ้าเรื่องเงินนับเป็นญาติห่างๆกับปลิงเลยทีเดียว”

“แต่ข้ามีเงินจ่ายนะ เจ้าคงรู้ว่าบิดาของข้าเป็นใคร”

“แน่นอนเจ้าค่ะ ใครจะไม่รู้จักใต้เท้าลีอึนยองบ้าง ครอบครัวของท่านมั่งคั่งแค่ไหน คนทั่วฮันยางต่างก็ทราบดีอยู่แล้ว แต่ขอโทษเถิดเจ้าค่ะ เป๋าฮื้อที่ร้านเราหมด เราสั่งของจากหัวเมืองติดทะเลมาและคงไม่ทัน ท่านคงต้องสั่งอาหารรายการอื่นแล้วเจ้าค่ะ”

“อย่างที่เจ้ารู้ ข้าร่ำรวยขนาดนี้ ข้าจะกินอาหารธรรมดาๆก็ได้ หากเจ้ามานั่งกินกับข้า ข้ายอมทุ่มไม่อั้น ขอเพียงเจ้ามานั่งข้างๆ ข้ารินเหล้าให้บ้างก็พอ”

เขามองใบหน้างดงามอย่างสื่อความหมาย แต่บยอลกลับหัวเราะออกมาราวกับขำเต็มที

“แต่ค่าตัวของข้าแพงมากเจ้าค่ะ หากต้องปรุงอาหารให้แขกแล้วต้องมานั่งกับแขกด้วย ที่นี่ร้านอาหารนะเจ้าคะ ไม่ใช่สำนักคณิกาชางมีกวอน แล้วข้าก็ไม่ใช่กีเซงที่ต้องมารินเหล้าเพื่อเอาใจแขก ข้าจะรินเหล้าให้ใครก็ได้ ถ้าข้าพอใจเขา”บยอลพูดพลางมองเขาอย่างยิ้มๆ ลียุนซูยิ้มตอบนาง เขายกมือหวังจะแตะต้องใบหน้าขาวนวลลออนั้น แต่เด็กสาวกลับแกล้งหลบเสียก่อน

“แต่ข้ามีเงินมากพอจะซื้อตัวเจ้าไปเป็นอนุ อยู่กับข้า…เจ้าจะไม่ต้องมาลำบากทำงานอยู่หน้าร้านหน้าเตาเหม็นควันไฟอย่างนี้ บยอลอา…เชื่อข้าเถิดเป็นเมียน้อยข้า ไม่น่าอับอายแถมยังมีคนก้มหัวให้ ข้ารับรองว่าจะไม่ให้เจ้าลำบากใจเลย”

“แล้วท่านห้ามคุณนายใหญ่ไม่ให้มาระรานข้าได้ไหมล่ะเจ้าคะ เมียของท่านขึ้นชื่อว่าขี้หึงแถมตบตีคนเก่งเป็นที่หนึ่ง หากนางมาทำร้ายข้าล่ะ ท่านจะปกป้องข้าอย่างไร”

บยอลแกล้งตีหน้าเศร้าสลด ในขณะที่ลียุนซูกลับทำหน้าตาขึงขังขึ้น

“นางไม่กล้าจะทำอะไรข้าหรอก ลองมาทำอะไรเจ้าดูสิ ข้าจะเขียนหนังสือหย่าแล้วส่งนางไปขายซ่องเสีย”

พอได้ยินอย่างนั้น บยอลก็อยากปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังๆ นัก เมื่อคิดถึงภรรยาของลียุนซูที่เขาแต่งงานมาตั้งแต่เด็ก มาปีนี้ภรรยาผู้นั้นก็ดูสูงวัยเดินไปไหนมาไหนด้วยกัน ราวกับเป็นมารดาด้วยซ้ำไป นางไม่เพียงแก่กว่าลียุนซูแต่ เท่าที่ทราบดีว่า บิดาของโออ๊กยอมีตำแหน่งเป็นเสนาบดีกรมวัง หากจะหย่าขาดคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ และนั่นเป็นสิ่งเด็กสาวต้องการจะปั่นหัวเขาเล่น

ผู้ชายเจ้าชู้ที่เข้ามาที่นี่มากมาย และส่วนมากมาที่นี่เพื่อทำตัวใกล้ชิดนาง

 

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

เมื่อสองสามปีที่นางเริ่มแตกเนื้อสาว มีผู้ชายที่เข้ามาไม่อยากกินข้าว แต่ชอบมาหาข้ออ้างเพื่อให้นางมาคุยด้วย หากนางไม่มาเพื่อต้อนรับพวกเขา ป้าจองอีก็มักจะเตือนว่า

“บยอลอา..อย่าทำให้เสียลูกค้า เราจำเป็นต้องหาเงินนะ อาชีพแม่ค้าเลือกลูกค้าไม่ได้ ถ้าผู้ชายพวกนั้นมาเพื่อคุยกับเจ้า เจ้าก็ควรใช้วาจาออดอ้อนให้เขาซื้ออาหารร้านเราให้เยอะๆ บางทีโชคดีเจ้าอาจจะได้สามีร่ำรวยก็ได้นะ”

“นี่ท่านป้า…คิดจะขายข้าเป็นเครื่องเคียงกุกบัปหรือเจ้าคะ”

พอพูดเช่นนี้ป้าจองอีก็มักจะเงียบไป แต่แม่ของนางไม่ค่อยชอบใจนัก ที่บยอลต้องไปคุยกับแขกในลักษณะเช่นนี้ นางก็ได้แต่บอกแม่ว่า

ข้าจะระวังตัวเจ้าค่ะ ผู้ชายเจ้าชู้พวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

บยอลตอบมารดาพลางยิ้มราวกับจะปลอบใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นางมักจะมีวิธีการจัดการคนพวกนี้ที่เจ็บแสบและไม่ซ้ำแบบใครเสมอ ตามแต่ว่าลูกค้าคนนั้นจะมาในรูปแบบใด เด็กสาวเผยรอยยิ้มน้อยๆ ส่งไปให้ลูกค้าที่ไม่หวังมากินข้าวก่อนจะเอ่ย

“ท่านมากินอาหารก็ต้องสั่งอาหารสิเจ้าคะ ท่านกำลังจะทำให้ข้าโดนท่านป้าตำหนินะเจ้าคะ…นายท่าน บยอลเอ่ยแกล้งตีหน้าเศร้า แต่ลียุนซูก็เอาถุงใส่เงินหนักๆ มาวางไว้บนโต๊ะแทน

“แล้วเจ้าคิดว่าเงินทั้งหมดในถุงนี่ สามารถซื้ออาหารได้กี่อย่าง ข้ายกให้เจ้าหมดเลย รวมทั้งค่าตัวเจ้าด้วย” บยอลกำมือแน่น แม้นางจะชอบจับเงินมากเพียงใด แต่ก็ไม่เคยตีราคาค่าของตัวเองเป็นเงินสักครั้ง ใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มแบบเสแสร้ง ก่อนจะพูดออกไปว่า

“ท่านตีราคาค่าตัวข้าต่ำไปแล้วเจ้าค่ะ แล้วเงินในถุงนี้ซื้ออาหารประจำวันได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น…อย่างเดียวเจ้าค่ะ ปกติข้าจะไม่มาเจรจาพาทีกับแขกเช่นนี้ นอกจากเวลาคิดเงิน ถ้าจะให้ข้ามาคุยกับท่าน มันทำให้ข้าเสียเวลาในการทำงานท่านต้องจ่ายเงินข้าด้วย”

“นี่เจ้าล้อเล่นรึ แค่พูดคุยเฉยๆ ก็คิดค่าเสียเวลาด้วยรึ!”

“เจ้าค่ะ ข้าจำเป็นต้องคิด มันเป็นงานของข้านี่เจ้าคะ จะใช้ปากหรือมือทำงาน ข้าก็สมควรได้รับค่าแรงมิใช่รึเจ้าคะ …นายท่าน” รอยยิ้มแสนหวานเผยออก เด็กสาวดึงเงินในถุงแล้วแล้วจึงหันหน้าไปทางสาวใช้ที่อยู่ไม่ห่างกันนัก

“พาจู เจ้าเก็บเงินถุงนี้ แล้วไปยกเกี๊ยวไส้ผัก มาให้นายท่านคนนี้ทีสิ”

“อะไรนะ นี่พวกเจ้าล้อข้าเล่นรึ!”

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าพูดจริง เพราะท่านจงใจมาก่อกวนร้านของเรา ท่านก็รู้ดีนี่เจ้าคะ อาหารบางอย่างต้องสั่งล่วงหน้าก่อนหนึ่งเดือน แต่นายท่านเล่นมาสั่งแบบนี้เกือบทุกวัน สองสามวันก่อนท่านคิดว่าข้าจะจำไม่ได้รึว่าท่านได้สั่งอะไรไปบ้าง”

“แต่เจ้าขายอาหารเกินราคา เจ้าบอกว่าเงินถุงนี้เป็นค่าเจรจาพาทีของเจ้า ไม่คิดว่ามันไม่เกินไปหน่อยรึ” ลียุนซูตะโกนเสียงดังลั่น จนทุกคนที่อยู่ในร้านหันมามองเป็นจุดเดียวกัน รอยยิ้มยกจุดมุมปากเผยออกแตกต่างจากทุกครั้งที่เผยออก

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ทุกอย่างต้องมีการลงทุนทั้งนั้น รวมทั้งน้ำเสียงของข้าด้วย” บยอลพูดท่าทางไม่ใส่ใจนัก ดวงตางดงามเผยแววเจ้าเล่ห์ขึ้น ในขณะที่ใบหน้าของลียุนซูเข้มขึ้นเพราะโกรธเคือง มือข้างหนึ่งของเขาชูขึ้นชี้หน้านางอย่างโกรธเคือง

“เจ้าคิดจะลองดีกับข้าใช่ไหม นังกวางป่า!!”

“ไม่ได้จะลองดีกับใคร แต่ที่ต้องทำเช่นนี้ เพราะท่านมาที่นี่เกือบทุกวัน มาสั่งอาหารที่ไม่มีทำให้พวกเราทุกคนในร้านลำบากใจ ที่จริงท่านไม่ได้มากินอาหารหรอกเจ้าค่ะ ท่านมาเพื่อหาโอกาสพบข้าต่างหาก แต่ขอบอกท่านก่อนนะเจ้าคะ หากจะมาที่นี่ เรามีกุกบัปและมีอาหารให้ท่านกินตามรายการที่เขียนไว้ที่ป้ายหน้าร้าน แต่ถ้าจะมากินพกซุงงาในหน้าหนาว ท่านต้องไปหากินที่อื่นแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

บยอลกล่าวต่อไปอย่างเผ็ดร้อน ดวงตางดงามจ้องมองเขาตอบอย่างไม่ลดละ พาจูเห็นท่าไม่ดีจึงกวักมือเรียกบ่าวผู้ชายสองสามคนเข้ามาด้วย คราวนี้ลียุนซูถึงกับนั่งไม่อยู่ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วจึงก้าวเข้าไปหวังทำร้ายบยอล แต่บ่าวผู้ชายที่เร็วกว่ากรูเข้ามาเพื่อปกป้องนาง

“แต่เจ้ารับเงินไปแล้ว รู้ไหมว่าเงินในถุงนี้ซื้อกีเซงระดับดาวเด่นของร้านได้สองสามคน เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร ข้าชายตามองเจ้ามันก็ดีเท่าไหร่แล้ว!”

“ท่านให้เกียรติข้ามากไปแล้วเจ้าค่ะ แต่จงเบี่ยงสายตาอันสูงส่งของท่านกลับไปที่ชางมีกวอนทิศทางเดิม สถานที่ที่กีเซงพวกนั้นอยู่จะดีกว่า  อีกอย่างท่านไม่ควรตีราคาของคนเป็นเงินทอง เพราะมีเงินมากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อชีวิตของคนได้ หากท่านมาที่นี่ ก็ต้องมาเพื่อกินอาหารเหมือนคนอื่นเขาทำกัน ตัวข้าไม่อาจทำอาหารให้ท่านได้หรอกเจ้าค่ะ ข้าจะทำอาหารให้ใครกินก็ได้ ถ้าข้าพอใจ”

“นี่คือพิษสงของเจ้าสินะ นังกวางป่า”

ลียุนซูพูดเสียงสั่น เขาไม่คิดว่าจะโดนเด็กสาวตัวเล็กๆ หักหน้ากลางร้านอาหารที่มีผู้คนมากมายอย่างนี้ บยอลยิ้มน้อยๆ พลางก้มลงก่อนจะเงยหน้ามองสายตาที่กำลังเกรี้ยวโกรธอย่างท้าทาย เด็กสาวรู้ดีว่าในหมู่ลูกเศรษฐีและลูกขุนนางที่ไม่สมหวังเพราะโดนนางแกล้ง เรียกนางว่า “นังกวางป่า” เสมอ แต่ช่วยไม่ได้คนพวกนี้ หวังมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อกินอาหาร แต่มาเพื่อหวังลวนลามนางด้วยสายตาและคำพูดมากกว่า อีกอย่างลียุนซูคนนี้ก็มาทาบทามซื้อขายตัวนางอย่างซึ่งๆหน้า มีรึที่นางจะยอม

“ก็บอกแล้วว่าตัวของข้าแพง อีกอย่างการมาเจรจาขอข้าไปเป็นเมียน้อยที่นี่ ท่านไม่คิดว่ามันง่ายเกินไปหรือ เจ้าคะ”

“ข้าอยากบีบคอเจ้านัก!!”

“ส่งแขกและห้ามไม่ให้ผู้ชายคนนี้เข้ามาที่ร้านจองอีทุกสาขา!”

ในตอนนี้ลียุนซูโกรธมาก เขาไม่คิดว่าเด็กสาวผู้บอบบางคนนี้จะกล้ามาลบเหลี่ยมเขาผู้เป็นถึงลูกชายของเจ้าเมือง ไม่นานหลังจากนั้น เด็กในร้านก็ยกเกี๊ยวน้ำไส้ผักมาให้เขา ใบหน้าของลียุนซูก็ยิ่งดูโกรธและมีแววเคียดแค้นขึ้นไปอีกเท่าตัว เมื่อเห็นรอยยิ้มยั่วของบยอลที่ทอดมายังตน

“เจ้าอย่าบอกนะ ว่ามันดุถ้วยนี้ราคาห้าสิบหยาง”

“เจ้าค่ะ ราคานี้สำหรับท่านผู้เป็นแขกพิเศษของข้า คนทั่วไปอาจจะกินได้กินในอีกราคาหนึ่ง ในเมื่อเป็นแขกพิเศษต้องได้ราคาพิเศษเท่านั้น”

“เจ้า…นังกวางป่า อย่าอยู่เลย!”

ลียุนซูลุกขึ้นจากโต๊ะหมายจะเดินเข้าไปทำร้ายเด็กสาว แต่บยอลโยนถุงเงินให้พาจูถือ แล้วจึงหลบผู้ที่เข้ามาหานางด้วยหวังจะทำร้าย นางคว้ากระบอกใส่ตะเกียบ ก่อนจะเทตะเกียบทั้งหมดออก แล้วจึงเอากระบอกไม้ไผ่ทรงสูงนั้นเคาะหัวของชายหนุ่มอย่างแรงติดๆกันถึงสามที

“โอ๊ย…หัวของข้า!!”

“เอาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปจากร้านของเรา!”

บยอลสั่งบ่าวผู้ชายทั้งหมดก่อนจะมองตามร่างของคนสามสี่คน ที่กำลังยกร่างของลียุนซูให้ออกไปจากร้าน ด้วยสายตาเยียบเย็น

“นอกจากนั้นทางเรายังมีบริการพิเศษเจ้าค่ะ หากมาแล้วไม่สั่งอาหาร แต่มาลวนลามบ่าวผู้หญิง เราจะใช้กระบอกใส่ตะเกียบบริการท่าน และหากกินแล้วปรารถนาจะชักดาบ ทางร้านของเรามีให้ท่านเลือกเจ้าค่ะ ว่าจะเจอกระบวยตักน้ำแกงหรือเจอตะหลิวดี ว่างๆนายท่านลองมาใช้บริการของทางร้านเราให้ครบนะเจ้าคะ”



Don`t copy text!