수라간 สูตรลับตำรับชายา บทนำ : ชื่อของเจ้าคือ อึนบยอล

수라간 สูตรลับตำรับชายา บทนำ : ชื่อของเจ้าคือ อึนบยอล

โดย : นาคเหรา

Loading

수라간 สูตรลับตำรับชายา เรื่องราวอึนบยอล เด็กสาวที่เมื่อยังอ่อนเดียงสาเธอได้รับความเมตตาจากพระราชาคยองมินให้ลิ้มรสข้าวต้มถั่วแดงในวันที่อดอยาก เธอจึงตั้งใจว่า หากโตขึ้น จะเป็นแม่ครัวที่ปรุงอาหารด้วยหัวใจให้จงได้  “수라간 สูตรลับตำรับชายา” โดย นาคเหรา … นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอา และหากติดใจอยากอ่านต่อ อดใจรออีกนิด เนื่องจาก 수라간 สูตรลับตำรับชายา อยู่ในขั้นตอนการรวมเล่มกับสำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่ง และสามารถติดตามข่าวได้ทางแฟนเพจของสำนักพิมพ์ @Groove publishing ค่ะ

 

สมัครบัตร Citi Ready Credit

ทุกยอดการสมัครจะมีส่วนแบ่งกลับมาสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอาของพวกเรา 🙂

……………………………………………………………….

-บทนำ-

ชื่อของเจ้าคือ อึนบยอล

은별

 

“ รัชศกคยองมินที่ยี่สิบ ประกาศให้ทั่วหล้า..ข้าจะค้นหาสุดยอดแม่ครัวแห่งโชซอน”

 


ปีที่สิบ รัชศกคยองมินแห่งโชซอน

ณ เปียงยาง ดินแดนทางเหนือสุดของโชซอน

เดือนสิบสองของปีว่ากันว่าเป็นเดือนที่หนาวเหน็บนัก ผู้คนทางดินแดนแถบนี้ มักจะอพยพลงมาทางใต้ที่อบอุ่นกว่า ส่วนมากชนชั้นล่างที่ไม่มีสังกัดมูลนาย ก็จะพากันเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเดือนสิบ เพื่ออพยพย้ายถิ่นที่อยู่ แต่ครอบครัวเล็กๆ ของชายใบ้ผู้เป็นไพร่ไร้สังกัดคนนี้ กลับหอบลูกเมียเดินทางฝ่าหิมะสูง เพื่อหนีความโหดร้ายของสภาพอากาศในช่วงเดือนแห่งความหนาวเหน็บ เพราะความจำเป็นบีบบังคับ

หิมะหล่นพร่างพราวจากท้องฟ้า วันนี้นับเป็นวันที่อากาศไม่ได้หนาวน้อยลงกว่าเดิมเลย ร่างของคนสองคนที่เดินแยกออกมาจากขบวนอพยพมีท่าทางเหนื่อยอ่อน รองเท้าที่สานจากฟางก็ขาดนานแล้ว นั่นทำให้อึนยุนต้องเอาผ้ามาพันเท้าแทนถุงเท้าที่ขาดเป็นรู จนนิ้วเท้าโผล่ออกมาอวดสายตาผู้คนได้ เขาทำสัญญาณมือเรียกภรรยาที่เดินตามหลังอยู่ไม่ไกลนัก บอกว่าให้เดินตามมาเร็วๆ เพราะอีกหน่อยท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว ด้านผู้เป็นภรรยาก็พยักหน้าให้เป็นเชิงรับรู้ หญิงสาวร่างผอมบางเดินถือห่อผ้าเดินลุยหิมะตามสามีด้วยความยากลำบาก

“ท่านพี่”

นางร้องเรียกสามี แม้เขาจะไม่ได้ยินก็ตาม ก่อนดึงแขนเสื้อเขาไว้ให้เร็วที่สุด เพราะเขาอาจจะก้าวห่างออกไปไกลทุกทีก็เป็นได้ อึนยุนหันมายิ้มให้กับภรรยา เขาพยักหน้า ก่อนจะชี้ไปยังหนทางข้างหน้าที่มีแต่หิมะขาวโพลน ผู้เป็นภรรยาจึงส่งสัญญาณมือบอกให้เขาพักก่อน

“จะค่ำแล้วเจ้าค่ะ เราต้องหาที่พัก เดินทางไปทั้งๆ ที่ยังมืดลำบากเปล่าๆ”

ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเงยขึ้นไปมองท้องฟ้า ที่เริ่มมืดลงทุกขณะ ใบหน้าที่พ้นขอบหมวกหนังกระต่ายมีรอยแดงเพราะโดนหิมะกัด เขาก้มลงมองดูร่างของเด็กหญิงที่นอนขดในอ้อมกอดแล้วยิ้มกว้าง

‘อากาย่า ลูกรักของพ่อ’

เด็กน้อยผู้นี้เป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นเดียวที่ชายใบ้มีอยู่ นางเกิดในวันที่หิมะตกหนัก ผิวของนางงามละเอียดดุจหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ดวงตากลมโตมีชีวิตชีวา แล้วเมื่อยามแย้มยิ้มราวกับโลกที่มืดมนกลับส่องสว่างเพราะรอยยิ้มของนาง

อากาย่า…ลูกน้อยของพ่อ

เสียงในใจที่พร่ำเรียก แต่เด็กน้อยไม่มีวันได้ยิน

แต่ทว่า…พอคิดได้ดังนั้นดวงตาของชายใบ้ก็มีแววความเศร้าปิดแววความสุขจนมิด

‘ลูกสาวที่น่ารักของพ่อ เจ้าช่างโชคร้ายนัก ที่มาเกิดเป็นลูกสาวของชายใบ้อย่างพ่อ’

เขาได้แต่เอามือแตะแก้มอ่อนใสนั้นอย่างแสนรัก ก่อนจะมองหน้าภรรยาที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาคุยกันด้วยภาษามือ

‘ลำบากเจ้าแล้ว แต่ที่ฮันยางน่าจะดีกว่าที่นี่ ลูกบยอลจะได้โตมาอย่างมีความสุข’

‘บยอล…ท่านพี่เรียกของลูกเราว่าบยอลหรือเจ้าคะ’

ชินดัลแรทำภาษามือตอบกลับไปท่าทางแปลกใจ เพราะเด็กหญิงคนนี้ยังไม่มีชื่อ ตั้งแต่เกิดมาทั้งสองเรียกเด็กหญิงผู้นี้ว่า อากาย่า…อากาย่าที่แปลว่าลูกน้อยของพ่อและแม่ ยิ่งผู้เป็นพ่อไม่สามารถพูดได้เพราะความบกพร่องของร่างกาย ทำให้เขาใช้สัญลักษณ์เวลาเรียกลูกสาวคือนิ้วก้อยที่แปลตรงตัวว่า เจ้าตัวเล็ก

อึนยุนยิ้มกว้าง เขามองไปยังท้องท้องฟ้าที่ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมทั่วบริเวณอย่างเป็นสุข แล้วจึงหันมาทำสัญญาณมือตอบภรรยาว่า

‘ใช่…ลูกบยอล ชื่อของอากาย่าของเราแปลว่าดวงดาว ดวงดาวนำทางในคืนที่มืดมิด อย่างน้อยในค่ำคืนที่โหดร้าย มีดาวอยู่ก็ยังนำทางให้เราได้บ้าง’

‘บยอล…ข้าชอบชื่อนี้จริง อึนบยอลแปลว่าดวงดาวสีเงิน… ลูกสาวของเราชื่อว่าอึนบยอล’

ชายใบ้พยักหน้าพลางดึงมือภรรยามากุมไว้มั่น ดวงตาที่ทอดมาส่งผ่านความรักจนหมดสิ้น นางไม่เคยได้ยินเสียงจากเขา แม้แต่คำว่ารักสักครั้งก็ไม่เคยได้ยิน เพราะเขามีความบกพร่องทางร่างกาย แต่ที่ตกลงใจใช้ชีวิตร่วมก็เพราะหัวใจรักมั่นคงที่มีต่อกัน

อึนยุนเป็นคนหูหนวกเพราะพิษไข้มาตั้งแต่เด็ก การได้ยินเป็นปัญหาทำให้ไม่สามารถเปล่งเสียงพูดออกมาได้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้หนังสือ ความเมตตาของนายท่านที่เป็นบัณฑิต สั่งสอนให้เขารู้จักการเขียนเป็นตัวอักษรและความหมายจากภาพวาด แต่เมื่อนายท่านที่อุปการะสิ้นบุญลง ลูกชายของท่านหาได้เมตตาสงสารคนใบ้เช่นอึนยุนไม่ เพราะอึนยุนเป็นคนฉลาด สามารถคัดลอกเอกสารโดยไม่ผิดความหมายแม้ตัวเดียว ความฉลาดนี้ทำให้นายน้อยของบ้านไม่พอใจ เพราะคิดว่าชายใบ้ผู้เป็นทาสทำตัวทัดเทียมตน นายน้อยจึงขับไล่อึนยุนให้ออกจากเรือนไปอย่างไม่ไยดี

ชินดัลแรเป็นลูกสาวแม่ครัวของเรือนนายท่าน นอกจากมีฝีมือการทำอาหารเป็นเลิศแล้ว นางยังมีรูปร่างงดงามต้องตาต้องใจผู้เป็นนายมาก จนถึงขั้นที่นายน้อยของบ้านต้องการให้นางเป็นภรรยาไร้อันดับ แต่คุณนายน้อยมักจะหาเรื่องใช้งานหนักบ่อยๆ เมื่อถูกแกล้งมากเข้า ชินดัลแรก็ทนไม่ไหว จึงออกมาจากบ้านหลังนั้นทันทีที่แม่ตาย

และด้วยฝีมือการทำอาหารที่มี ทำให้ญาติคนหนึ่งที่ทำงานในหอเทียมฟ้าชักชวนให้ไปทำงานเป็นแม่ครัวที่นั่น

เมื่อชีวิตเป็นอิสระ อึนยุนก็ขอนางแต่งงาน ทั้งคู่ช่วยกันสร้างบ้านหลังเล็กที่เชิงเขาเป็นชุมชนเกษตร ตัวเขาก็ปลูกมันปลูกผักบ้าง บางวันมีงานที่ใต้เท้าในจวนท่านผู้ตรวจการ เขาก็ไปทำงานคัดลอกฎีกาแลกกับเงินค่าจ้าง ส่วนชินดัลแรช่วงที่ยังไม่มีลูก นางก็ไปรับจ้างทำอาหารที่หอเทียมฟ้า ร้านอาหารอันดับหนึ่งของเปียงยาง ชีวิตก็เหมือนจะไปได้ดี อึนยุนเองก็คิดว่า จะอยู่เปียงยางไปจนตาย ช่วงแรกๆที่อากาศไม่โหดร้ายนัก ชายใบ้และภรรยายังพอทำงานช่วยกันได้

แต่ทว่า…

 

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

เพราะปีนี้เป็นปีที่ทำการเพาะปลูกอะไรไม่ได้เลย น้ำในแม่น้ำแทดงจับตัวเป็นน้ำแข็ง จนม้าหรือลาสามารถเดินข้ามผ่านไปโดยที่น้ำแข็งไม่แตก อาหารที่ต้องเก็บไว้กินช่วงหน้าหนาวก็มีน้อย เพราะหน้าร้อนเกิดภัยแล้งทำให้ผลผลิตได้น้อยกว่าทุกๆปี แถมเมื่อเข้าฤดูหนาว หิมะได้ถล่มหมู่บ้านเชิงเขาที่อึนยุนอาศัยอยู่ ที่รอดตายก็มีแต่ที่หนีหนาวก็มาก ทำให้หมู่บ้านที่เคยสงบสุขเป็นหมู่บ้านร้างไร้ซึ่งผู้คน

อึนยุนเสียดายนัก เพราะบ้านเรือนที่อุตส่าห์สร้างมาเกือบห้าปีก็พังทลายลง จนไม่สามารถอยู่ต่อไปได้ เขาเห็นว่าหากอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไป คงลำบากแน่ เขาจึงพาภรรยาและลูกสาวอายุย่างห้าขวบ หนีหนาวลงไปสู่ดินแดนที่อบอุ่นที่ฮันยาง อันเป็นเมืองหลวงของโชซอน

แต่การเดินทางจากเหนือสุดลงฮันยางไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะช่วงหน้าหนาวคนไม่ป่วยตายหิวตายก็นับว่าสวรรค์เข้าข้างแล้ว อากาศที่หนาวเย็นทำให้การเดินทางลำบากขึ้น มิหนำซ้ำความหิวโหยก็ซ้ำเติมให้ทั้งครอบครัวลำบากมากขึ้นไปอีก เมื่อแรกที่เดินทางการหอบหิ้วเสบียงจำพวกมันเทศดิบ มันฝรั่งมาด้วย แต่การเดินทางนานเข้า อาหารหาลำบากและ ลดน้อยลงทำให้ต้องขุดรากไม้กินประทังชีวิต

แต่ลูกสาวของเขาล่ะ นางยังเด็กนัก นางจะทนได้รึ ที่ผ่านมา เพราะความไม่สมบูรณ์พร้อมในชีวิต ทำให้อึนบยอลผอมแห้งและตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกันนัก

“พ่อจ๋า..”

เด็กหญิงในอ้อมกอดขยับตัวขึ้นพลางมองหน้าบิดา ที่ตอนนี้ทั้งผมและคิ้วมีละอองหิมะติดอยู่เต็ม อึนยุนยกนิ้วก้อยขึ้นให้นาง เด็กหญิงยิ้มกว้างทั้งที่อ่อนแรง

“อากาย่า..ลูกน้อยของพ่อ”

“พ่อจ๋า”

เด็กหญิงตัวน้อยในอ้อมกอดเอ่ย พลางชูนิ้วก้อยให้บิดาเห็น ดวงตาที่เปี่ยมรักนั้น ทำให้ชายใบ้กระชับอ้อมกอดลูกสาวตัวเล็กในอก หวังให้อ้อมอกให้ความอบอุ่นจากอากาศหนาวได้บ้าง ชินดัลแรเอามือแตะมือน้อยที่พ้นแขนเสื้อมาพลางเอ่ย

“ท่านพ่อตั้งชื่อให้ลูกแล้วนะ ต่อไปพวกเราจะไม่เรียกลูกว่าอากาย่าอีกแล้ว ..”

“ชื่ออะไรหรือเจ้าคะ..” เด็กหญิงเอ่ยถามแม่พลางขมวดคิ้วท่าทางสงสัย

“บยอลจ้ะ…ถ้าบวกกับชื่อสกุล อึนบยอลแปลว่าดวงดาวสีเงินที่สว่างสดใส”

เด็กหญิงยิ้มให้บิดาอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อภาษามือบอกกับบิดาว่า

‘ข้านึกว่า…ตัวเองจะตายไป โดยที่ไม่มีชื่อเสียแล้ว’

‘อย่าพูดถึงความตาย เราต้องรอดเหมือนดวงดาวในคืนที่มืดมิด’

‘แต่ถ้าข้าตาย ท่านพ่อกับท่านแม่กินเนื้อข้าก็ได้นะคะ ข้าไม่โกรธพวกท่านหรอก ถึงข้าตายไป…ข้าก็จะกลับมาเกิดกับพวกท่านอยู่ดี’

ชินดัลแรถึงกับน้ำตาไหล เมื่อแปลภาษามือลูกออก ในขณะที่อึนยุนก็ส่งภาษามือตอบกลับออกไปว่า

พ่อไม่ยอมให้ลูกตาย พ่อจะพาลูกไปกินข้าวต้มร้อนๆ ที่ฮันยาง ลูกชอบข้าวต้มถั่วแดงใช่ไหม พ่อจะซื้อให้เจ้ากินชามใหญ่ๆ เลย ลูกอยากกินกี่ชามล่ะ”

ชายใบ้ยิ้ม ทั้งๆ ที่หัวใจปวดร้าวสงสารลูกจับใจ เด็กหญิงส่ายหน้าน้อยๆ พลางส่งภาษามือตอบ

‘ถ้ามีข้าวต้มตรงหน้า ท่านพ่อกับท่านแม่แบ่งกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้ากินคำสองคำก็อิ่มแล้ว แต่ถ้าข้าอยู่…ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ต้องอยู่ต่อไป เรามีอะไรก็ต้องแบ่งกันกิน ข้าไม่ยอมอิ่มท้องคนเดียวแน่ๆ’

‘ใช่…อยู่ก็ต้องอยู่ด้วยกัน ตาย…ก็ต้องตายด้วยกัน เราสามคนจะไม่ทอดทิ้งกัน’

บิดาทำสัญญามือตอบกลับมา ทั้งสามกอดกันแน่นท่ามกลางหิมะที่หล่นลงมาเป็นสาย ในความอดอยากหิวโหยไม่ได้ทำให้ความรักที่มีน้อยลงไปเลย อึนยุนมองใบหน้าซีดเซียวของเมียและลูกก่อนจะยิ้มให้

‘ข้าจะทำให้ให้เจ้ากับบยอลมีความสุข ข้าเชื่อว่าสวรรค์คงไม่ใจร้ายกับเรานักหรอก’

‘ข้าเชื่อใจท่านเจ้าค่ะ …ท่านพี่’

ทั้งสามกอดกันแน่นอีกครั้ง ความอบอุ่นจากร่างกายที่ไม่สมบูรณ์กลับทำให้หัวใจอบอุ่นเมื่อได้กกกอดกัน แม้สายลมจะพัดเอาละอองหิมะระลอกแล้วระลอกเล่ามาด้วย ก็ไม่สามารถที่ให้หัวใจของคนทั้งสามหนาวเหน็บไปได้ เสียงท้องร้องโครกครากที่บ่งบอกความหิวโหยทำให้ ชินดัลแรเอามันเทศดิบหัวหนึ่งที่เก็บไว้ยื่นส่งให้สามี เขารับมันมากัดก่อนจะส่งต่อให้ลูกสาว แต่เด็กหญิงได้แต่กัดมันแล้วอมไว้ในปาก เพราะกลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ได้กิน นางจึงยื่นมันเทศที่เหลือเป็นเสบียงส่งให้พ่อกับแม่กินด้วย

แต่ความหิวโหย ก็เป็นแรงผลักดันให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต้องออกมาหาอาหารเหมือนกัน!

ชินดัลแรได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเดินใกล้เข้ามา กลิ่นสาบสางสัตว์ป่าลอยเข้ามาในจมูก ไม่เพียงแต่เท่านั้นเสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำหิมะใกล้เข้ามา ทำให้นางต้องเหลียวมองไปรอบๆ ด้วยความกลัว ในความมืดนั้นกลับไม่มีความเงียบเป็นเพื่อนร่วมทางที่คุ้นเคยดังเช่นเคย เสียงลมหายใจของสัตว์ป่าที่หิวกระหายดังใกล้เข้ามาแล้วทุกขณะ จนนางต้องกระตุกแขนเสื้อสามี นัยน์ตาเบิกโพลง

‘ท่านพี่ ข้าได้ยินเสียง…’

‘ได้ยินอะไร’

‘ไม่แน่ใจเจ้าค่ะ…แต่เสียงดังเข้ามาใกล้แล้ว!’

ทันใดนั้นเสียงคำรามของเหล่าหมาป่าที่หิวโหยก็ดังขึ้น ชินดัลแรกำแขนเสื้อของสามีไว้แน่น มือข้างหนึ่งก็กำห่อผ้าที่หอบมาจากเปียงยางไม่กี่ชุด เด็กหญิงที่เพิ่งมีชื่อว่าอึนบยอลเบิกตากว้าง เมื่อเห็นฝูงหมาป่าที่หิวโหยเดินย่างเท้าเข้ามาใกล้หลายสิบตัว!

ดวงตากลมโตของเด็กน้อยไหวสั่น เมื่อมองเห็นว่าบิดามีแววกังวล เด็กหญิงรีบผละตัวออกจากอ้อมกอดพลางส่งภาษามือให้บิดารับรู้

‘ท่านพ่อกับท่านแม่หนีไปทิ้งข้าไว้ แล้วหนีไปเถิดค่ะ’

‘ไม่ได้ เราต้องไปฮันยางด้วยกัน ลูกขี่หลังแม่ได้ แต่พ่อจะระวังข้างหลังให้เอง’

‘ไม่! ข้าไม่ยอมให้ท่านพ่ออยู่ข้างหลัง! มันอันตรายเจ้าค่ะ’

‘บยอล…เชื่อพ่อเราต้องรอด!!

เด็กหญิงกอดบิดาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะสูญเสียอ้อมกอดนี้ไปตลอดกาล อึนยุนอุ้มลูกให้ขี่หลังภรรยาก่อนจะเอาผ้าผืนใหญ่มัดร่างลูกสาวตัวเล็กไว้ หมวกหนังกระต่ายถูกถอดมาสวมให้ลูกก่อนจะหันมาจูบลาภรรยาเบาๆ เขายกมือส่งสัญญาณมือตอบกลับไปว่า

‘พาบยอลหนีไป’

‘ท่านพี่…’

‘หนีไป…’

‘ท่านพี่ต้องกลับมาหาข้ากับบยอลนะเจ้าคะ’

“ช้าไม่ได้แล้ว..ล่วงหน้าไปก่อน”

“สัญญามาก่อนเจ้าค่ะ…ว่าท่านต้องรอด”

“ข้าสัญญา…ไม่ใช่สิ..ข้าสาบาน!! ข้าจะตามหาพวกเจ้าให้เจอ รีบไปเถิด”

“ท่านพ่อ…ท่านพ่อ”

“อากาย่า…ไปลูก…มองไปข้างหน้า อย่าหันกลับมา”

อึนยุนเร่งเร้าภรรยาให้วิ่งไปหนี ส่วนเขาได้แต่ล่อพวกมันให้ไปทางอื่น

“ท่านพ่อ!!”

บยอลตะโกนสุดเสียง ในขณะที่แววตาของพ่อตอนจากลาช่างเศร้าสร้อยนัก

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เด็กหญิงได้เห็นพ่อของนาง….

 

***

สั่งซื้อ Remember Wrinks

เซรั่มบำรุงผิวที่เป็นมาสก์ได้ในหนึ่งเดียว

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

สั่งซื้อ 1 หลอดราคา 2,090 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2UT2G40   

สั่งซื้อเซ็ตประหยัดสุดคุ้ม 3 หลอดราคา 2,940 บาท คลิกที่นี่  >>>>> https://bit.ly/2QFzcY9

อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นี้ คลิกที่นี่ >>>>>>>>>>> http://anowl.co/anowlsabai/remember-wrinks/



Don`t copy text!