Coda หัวใจไม่ไร้เสียง

Coda หัวใจไม่ไร้เสียง

โดย : ปิยะพร  ศักดิ์เกษม

Loading

นั่งหน้าจอ คอลัมน์ที่ ปิยะพร  ศักดิ์เกษม เล่าถึงเรื่องราวที่ตรึงให้นั่งติดอยู่หน้าจอ ทั้งภาพยนตร์และภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เล่าแบบไม่มียั้ง!! เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวการรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้า นอกจากจะเขียนเล่าเรื่องแล้ว ยังเขียนเล่าความคิดความเห็นและความรู้สึกเมื่อได้ดู ดังนั้นผู้เขียนจะพาออกทะเลไปบ้างอย่างแน่นอน

ภาพยนตร์ ปี ๒๐๒๑

ผู้กำกับ Sian Heder

ผู้แสดงนำ Emilia Jones, Eugenio Derbez, Troy Kotsur

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการทำซ้ำมาจากภาพยนตร์ฝรั่งเศสเมื่อปี 2014 ชื่อ La Famille Bélier แต่ก็ทำใหม่ได้ดีจน CODA ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี และผู้แสดงเป็นพ่อในเรื่องได้รับผู้แสดงสมทบยอดเยี่ยมค่ะ

คำว่า CODA มาจาก Child of Deaf Adult… หมายถึงเด็กที่มีพ่อและแม่หูหนวก…รูบี้ รอสซี่ ในวัยสิบเจ็ดปีคือเด็กคนนั้น เด็กสาวมีพ่อ แม่ และ พี่ชายที่เป็นคนหูหนวก เธอคือคนที่เป็นเสมือนสะพาน เป็นสื่อกลาง เป็นล่ามให้ทั้งครอบครัวได้เชื่อมต่อกับโลกและผู้คนภายนอก ตลอดชีวิตนี้ทุกสิ่งที่เธอทำคือต้องทำร่วมกับพ่อ แม่ และพี่ ขณะที่พ่อ แม่และพี่ก็จำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยเธอ ชีวิตดูเหมือนลงตัว มันลงตัวและราบเรียบจนรูบี้เองก็เคยชิน พ่อแม่และพี่ชายก็ไม่เคยพยายามที่จะก้าวออกไปสู่สังคมด้วยตัวเอง… การมีรูบี้อยู่ทำให้พวกเขาไม่เคยคิดหาวิธีอื่นที่จะแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารของตน

ภารกิจของเด็กสาวคือการตื่นตั้งแต่ตีสาม ออกเรือประมงไปกับพ่อและพี่ชาย เป็นคนคอยฟังเสียงสื่อสารจากวิทยุขณะเดินเรือ เมื่อขึ้นบกก็ต้องเป็นคนต่อรองกับพวกพ่อค้าคนกลางที่สะพานปลาเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ก่อนจะรีบไปโรงเรียนด้วยกลิ่นคาวปลาติดเสื้อผ้า และเธอก็เพลียจนต้องแอบงีบหลับในห้องเรียนยามบ่ายทุกวัน ชีวิตของรูบี้ัคงมีเพียงแค่นั้น… เรียนจบชั้นมัธยมปลาย แล้วอยู่บ้าน อยู่กับครอบครัว ทำงานประมงร่วมกับพ่อและพี่ชาย เป็นหูและเป็นลิ้นแทนพวกเขาตลอดไป ถ้าวันหนึ่งเธอจะไม่ลงชื่อเข้าร่วมชมรมร้องเพลงประสานเสียงตามหนุ่มหล่อในชั้นเรียนที่เธอแอบมอง แล้วได้พบกับคุณครู ‘มิสเตอร์วี’ Bernardo Villalobos ครูสอนร้องเพลงประจำชมรม

มิสเตอร์วี…ครูผู้มองเห็นพรสวรรค์ของรูบี้

เด็กสาวรักการร้องเพลง เธอตะโกนร้องเพลงจนสุดเสียงตอนอยู่กลางทะเลทุกวัน ไม่ต้องเขินอาย ไม่ต้องกลัวเกรงกับคำวิจารณ์เพราะทั้งพ่อและพี่ชายไม่ได้ยินเสียงร้องเพลงของเธอ เมื่ออยู่ในชมรม ครูวีพบว่ารูบี้มีพรสวรรค์ มีเสียงที่พระเจ้าประทานมาให้ มีความเข้าใจในดนตรี มีหัวใจที่พร้อมจะเล่าเรื่องผ่านดนตรี เป็นความสามารถที่มีมากกว่าหนุ่มน้อยศิษย์เอกที่เขาวางตัวเอาไว้แต่แรกเสียอีก คุณครูจึงผลักดันให้ทั้งสองคนเข้าทดสอบความสามารถเพื่อขอทุนเข้าเรียนที่ Berklee College of Music ความเอาใจใส่ของครูวี กับการได้เริ่มร้องเพลง ได้ทำในสิ่งที่ตนเองรักและเพิ่งรู้ว่าทำได้ดี ทำให้รูบี้เริ่มคิดจะขอทุนเรียน ก้าวออกจากชีวิตเดิมๆ ไปสู่เป้าหมายใหม่

ห้วงเวลานั้นเองที่ธุรกิจเรือประมงของพ่อและพี่ชายเริ่มเกิดปัญหา ทั้งๆ ที่บกพร่องเรื่องการสื่อสารต้องให้รูบี้เป็นกระบอกเสียงให้ หากพวกเขากลับเสียงดังที่สุดในชุมชนชาวประมงเพื่อยืนหยัดต่อต้านพ่อค้าคนกลางและรวบรวมชาวประมงทุกคนเปิดการค้าขายด้วยตัวเอง ดังนั้นเมื่อรูบี้บอกกับทุกคนว่า เธอต้องการขอทุนไปเรียนร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรักและอยากทำที่สุดในชีวิต พ่อกับแม่จึงยืนยันว่า “เข้าใจ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” ส่วนหนึ่งของภาระแห่งการช่วยเหลือธุรกิจครอบครัวถูกวางลงมาบนบ่าของเด็กสาว

มีเพียงพี่ชายที่สนับสนุนเธอ ผลักดันให้น้องสาวเดินไปในเส้นทางที่เลือกแล้ว และพยายามดึงจนสุดแรงให้พ่อกับแม่ออกมาเผชิญหน้ากับชีวิตและสังคมด้วยตัวเอง หาวิธีแก้ปัญหาเรื่องการสื่อสารด้วยการหาจ้างลูกทีมสักคนที่จะช่วยพวกเขาได้แทนรูบี้ เขายืนยันกับพ่อและแม่ว่า ให้รูบี้ไปทำในสิ่งที่ตนเองรัก ให้น้องได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง เขาบอกว่า “ใครๆ ก็บอกว่ารูบี้ร้องเพลงเพราะ”… เป็นเรื่องน่าเสียดายที่สุดที่ พ่อ แม่ และพี่ ซึ่งเป็นคนที่รูบี้รักที่สุดไม่สามารถได้ยินเสียงร้องเพลงของเธอได้

ความอบอุ่นเรียบง่ายที่ทรงพลัง

ถึงจะไม่ได้ยินแต่ก็สามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจที่ไม่ไร้เสียง ในงานแสดงการขับร้องของชมรมประสานเสียง รูบี้ได้ขึ้นเวที ช่วงนี้ผู้แสดงเป็นพ่อแสดงดีมากสมกับที่ได้รับรางวัลออสการ์และหนังก็นำเสนออย่างชาญฉลาด… สีหน้าของพ่อตื่นเต้นกระตือรือร้น เขาจับตามองลูกสาวบนเวที ไม่ได้ยินเสียงเพลง แต่มองเห็นสีหน้าของคนที่อยู่ในหอประชุม และคอยปรบมือตามเมื่อคนอื่นๆ ปรบมือ ตอนนี้กล้องหมุนไป จากเสียงเพลง จากเสียงปรบมือกลายเป็นความเงียบยาวนาน เป็นการแสดงความรู้สึกของคนหูหนวกที่ทรงพลังที่สุด อันที่จริงเคยดูหนังที่มีตัวเอกเป็นผู้บกพร่องทางการได้ยินมาแล้วนะคะ เช่นเรื่อง Children of a Lesser God และ Sound of Metal ทั้งสองเรื่องบอกเล่าถึงความยากลำบาก ความโดดเดี่ยว ความแปลกแยกของคนหูหนวก แต่กลับรู้สึกว่าฉากสั้น ๆ ฉากนี้ใน CODA ฉากที่ไม่ได้เน้นไม่ได้เค้นเรื่องความยากลำบาก ความโดดเดี่ยว ความแปลกแยก กลับกระแทกใจรุนแรงกว่า

เมื่อกลับถึงบ้าน สองพ่อลูกนั่งอยู่ด้วยกันที่ท้ายรถกระบะมีท้องฟ้าพร่างดาวครอบขึงอยู่ด้านบน… พ่อขอให้ลูกร้องเพลงให้ฟังอีกครั้ง เขาฟังด้วยการแตะมือไปที่ลำคอของเธอเพื่อให้ได้รับรู้ถึงความสั่นสะเทือน นี่อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้รูบี้ร้องเพลงในการคัดเลือกเข้ารับทุนและเรียนต่อที่ Berklee College of Music ด้วยการทำภาษามือควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ทั้งครอบครัวที่ยกขบวนมาสนับสนุนเธออยู่บนอัฒจันทร์หอประชุมได้ ‘ฟัง’ เธอร้องเพลงไปพร้อม ๆ กัน

หลังการแสดง พ่อขอให้รูบี้ร้องเพลงอีกครั้ง

เพลงที่ทำให้รูบี้ได้รับทุนเข้าเรียนได้สำเร็จคือเพลง Both Sides Now ของ Joni Mitchell ค่ะ ผู้แสดงร้องและแสดงได้ไพเราะกินใจมาก

คืนแห่งความสำเร็จของหนังเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่

CODA คือหนังเล็กๆ ที่สร้างความอบอุ่นในหัวใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอันแสนดี มีจังหวะที่ลงตัว ทั้งซึ้ง สุข เศร้า หน่วง หนักและตลกขบขัน Emilia Jones ดาราชาวอังกฤษผู้แสดงเป็นรูบี้ รอสซี่ เล่นดีมากๆ สีหน้าดวงตา ไม่ต้องบีบต้องเค้นอะไรเลย Troy Kotsur ผู้แสดงเป็นคุณพ่อก็เช่นกัน ส่วน Eugenio Derbez ผู้แสดงเป็น ‘ครูวี’ ก็คือสีสันของเรื่อง

ดีใจที่สุดที่หนังเรื่องนี้ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ มันบอกว่าเรื่องเล็กๆ ก็ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ต้องรุนแรง ไม่ต้องเจาะลึก ไม่ต้องขมขื่น ไม่ต้องเจ็บปวด ไม่ต้องผิดแผกแตกต่าง แค่ความอบอุ่นอ่อนโยนและเรียบง่ายก็ทรงพลัง… ก็เป็นที่หนึ่งและสามารถตรึงให้เรานั่งอยู่หน้าจอได้

 

 

Don`t copy text!