อย่าตัดสินเนื้อหาจากปกหนังสือ : แฮกริด

อย่าตัดสินเนื้อหาจากปกหนังสือ : แฮกริด

โดย : นกอัญชันหางดำ

Loading

กลั่นเกลาเล่าเพลิน โดย นกอัญชันหางดำ คอลัมน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากโลกวรรณกรรมที่มีตัวละครมากมายโลดแล่นอยู่ในใจนักอ่าน และมีเรื่องราวให้กล่าวถึงได้เสมอ คอลัมน์นี้จึงขอชวนทุกท่านมาเพลิดเพลินกับการรีวิวตัวละคร ทั้งตัวเอก ตัวร้าย และตัวประกอบ ในมุมมองเชิงเปรียบเทียบกับโลกปัจจุบัน พร้อมสอดแทรกข้อชวนคิดไว้เบาๆ

ครั้งก่อนได้คุยถึงบาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์ คนที่เปรียบเหมือนสำนวนสุภาษิตที่ว่า “ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง” ดังนั้นถ้าจะพูดถึงคนที่เป็นขั้วตรงข้ามกับเคร้าช์คงไม่มีใครให้ภาพได้ชัดเจนมากกว่า รูเบอัส แฮกริด แล้วล่ะ แฮกริดผู้เปรียบเสมือนผลไม้ที่ “ข้างนอกขรุขระ ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง”

ในชีวิตจริงบางครั้งอาจจะได้พบกับคนที่รูปลักษณ์ภายนอกดูไม่ชวนให้อยู่ใกล้ แม้จะเป็นคนที่รับผิดชอบงานประจำได้แต่ก็ไม่ค่อยมีไหวพริบ ทำอะไรมักไม่ได้ดั่งใจ บางครั้งก็เผลอไผลทำเรื่องให้ตัวเองเดือดร้อน ดูเหมือนแค่ทำงานไปเรื่อย ๆ ไม่คิดก้าวหน้า ถึงเป็นคนที่ไม่เคยคิดร้ายกับคนอื่น แต่กลับไม่มีใครอยากสนิทด้วยมากนักเพราะกลัวตัวเองดูไม่ดีหรือเดือดร้อนไปด้วย

แฮกริดเป็นผู้ดูแลสัตว์และอาจารย์ประจำวิชาการดูแลสัตว์วิเศษ หากดูแค่เปลือกภายนอกหลายคนอาจไม่ไว้ใจให้เขาร่วมทีมทำงานสำคัญ เพราะเป็นคนบุ่มบ่าม ไม่ค่อยตระหนักถึงความเสี่ยง ถูกชักจูงง่าย จนตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ก็หลายหน ตั้งแต่เล่มหนึ่งที่เด็กอายุสิบเอ็ดปียังล่อถามเรื่องการป้องกันศิลาอาถรรพ์และวิธีจัดการกับปุกปุยมาได้ จนมาถึงเล่มหกแฮร์รี่ก็ยังทำให้แฮกริดเผลอพูดออกมาจนได้เกี่ยวกับเหตุการณ์คนถูกทำร้ายที่สเนปกับดัมเบิลดอร์ลอบคุยกัน (แม้แฮกริดจะมีพัฒนาการ ลองใช้มุกอื่นมาเบี่ยงเบนแฮร์รี่แล้วแต่ก็ยังเลี่ยงไม่สำเร็จอยู่ดี) ยิ่งถ้าเป็นตอนที่ได้เหล้าเข้าปากนะ ใครหลอกล่อขออะไรแฮกริดก็ตกหลุมเขาตลอด ขนาดคนไม่สนิทกันอย่างฮอเรซ ซลักฮอร์นยังได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ได้ทั้งพิษจากร่างของแมงมุมอาราก็อกและขนยูนิคอร์นราคาแพงกลับไปเต็มขวดเต็มตะกร้าเลย

อย่างไรก็ตามถ้ามองให้ลึกซึ้งถึงแก่นแท้ข้างในแล้วจะเห็นได้ว่าแฮกริดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าไม่น้อยกว่าใครในทีม เป็นคนที่พร้อมทำงานตามที่ได้รับมอบหมายโดยไม่อิดออดเกี่ยงงอน และมีความเชื่อมั่นในทีมเสมอ จะเกิดเหตุการณ์เข้าใจผิดหรือมีคนใส่ร้ายแฮร์รี่กี่ครั้งเขาก็ไม่เคยหวั่นไหวคล้อยตาม ไม่ว่าจะตอนปีสองที่คนเข้าใจผิดว่าแฮร์รี่เป็นต้นเหตุให้นักเรียน ผี และแมวถูกทำร้าย ตอนปีสี่ที่คนกล่าวหาว่าแฮร์รี่ใช้กลโกงสมัครเป็นตัวแทนโรงเรียน หรือตอนที่นักข่าวเดลี่พรอเฟ็ตตีพิมพ์เรื่องโกหกโจมตีมากมายเพื่อขายข่าวและลดความน่าเชื่อถือ แฮกริดก็ยังยืนหยัดอยู่ข้างแฮร์รี่เสมอ อันที่จริงถึงจะไม่ใช่ลูกทีมดีเด่น แต่ในระยะยาวคนแบบแฮกริดเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืนกว่าสำหรับองค์กร เพราะความเก่งนั้นฝึกฝนได้ แต่ความดีสร้างได้ยากกว่า ขอเพียงมีหัวหน้าทีมที่ดี รู้จักพัฒนาและใช้คนให้เหมาะกับงาน เขาก็จะสามารถทำประโยชน์ให้ทีมได้เช่นกัน

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือแฮกริดเป็นคนรักครอบครัว แม้น้องชายต่างพ่อจะเป็นยักษ์เขาก็ไม่ทอดทิ้ง พามาอยู่ด้วยกันเมื่อเห็นว่าลำบากตอนแม่ตาย คอยดูแลสั่งสอนหัดให้เข้าสังคม ซึ่งเขาก็ทำให้เห็นได้ว่ายักษ์ไม่ได้เลวร้ายทุกตน หากได้รับการปฏิบัติอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ระแวดระวังเพียงพอ และมีผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำก็สามารถหัดอยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกันได้ แฮกริดอาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตตามมาตรฐานของคนทั่วไป เรียนหนังสือไม่จบ พอมีโอกาสเป็นครูก็ไม่ได้สอนเก่งทั้งที่ตนเองมีความชำนาญมากเรื่องสัตว์วิเศษต่าง ๆ ชีวิตส่วนตัวก็ไม่ค่อยเป็นระเบียบ ขาดความรอบคอบ ชอบกินเหล้าแล้วทำเรื่องสุ่มเสี่ยง แต่ว่าถ้ามองในมุมของคนที่มีต้นทุนชีวิตติดลบ มีเชื้อสายจากเผ่าพันธุ์ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม แม่ทิ้งไปตั้งแต่เล็ก พ่อตายตอนยังเรียนไม่จบ ถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่ได้ทำจนถูกไล่ออกจากโรงเรียน ต้องชื่นชมเลยนะที่โตขึ้นมาแล้วไม่กลายเป็นพวกอันธพาลต่อต้านสังคมแล้วไล่ทำร้ายหรือฆ่าคนไปเสียก่อน

โชคดีที่แฮกริดยังมีดัมเบิลดอร์ที่เห็นใจและคอยช่วยเหลือ ให้โอกาสได้มีงานทำ การได้เป็นผู้ดูแลสัตว์นี้เหมาะที่สุดแล้วกับรูปร่างใหญ่โต เรี่ยวแรงมหาศาล และนิสัยใจคอของเขาที่เป็นคนมีเมตตากรุณาต่อสัตว์ทุกชนิดแม้กระทั่งสัตว์ดุร้าย และการที่เขาถูกหลอกง่ายนี่ล่ะที่ทำให้การทำงานกับสัตว์น่าจะสบายใจได้มากกว่าอยู่กับคน ส่วนเรื่องการสอนหนังสือนั้นเมื่อลองออกจากกรอบเดิมเขาก็ทำให้ดีขึ้นได้เมื่อคิดจะทำจริง อย่างเช่นตอนเล่มสี่ที่เขาสอนเรื่องยูนิคอร์น นักเรียนก็ชอบใจกันทั้งนั้น หรือตอนเล่มห้าก็ยังมีนักเรียนพูดว่าเขาสอนดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงแรก (กรอบของแฮกริดต่างจากคนทั่วไป การที่แฮกริดออกจากกรอบก็คือการทำตามปกติสามัญแบบที่ใคร ๆ เขาทำกัน)

แม้แฮกริดจะมีความหน้าโหดแต่ก็มีโหมดมุ้งมิ้งให้ได้เห็น อัลบั้มรูปพ่อแม่ของแฮร์รี่ที่เขาไปรวบรวมขอรูปมาจากเพื่อนร่วมชั้นเพื่อนำมาให้เป็นของขวัญกับแฮร์รี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความไม่หยาบกระด้าง เห็นอกเห็นใจและนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ดัมเบิลดอร์กับแฮร์รี่และเพื่อนสนิทที่เห็นคุณค่าของแฮกริดผู้มีจิตใจอ่อนโยนซ่อนภายใต้รูปลักษณ์ที่ตรงข้าม ตอนที่ถูกหนังสือพิมพ์เปิดเผยเรื่องเป็นลูกครึ่งยักษ์ ผู้ปกครองหลายคนที่รู้จักตัวตนจริงของแฮกริดก็ออกมาปกป้องและเข้าข้างเขาผ่านทางดัมเบิลดอร์ ที่สำคัญกว่านั้นแฮกริดไม่ใช่แค่แฟนคลับที่สักแต่ว่าอวยทีมอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขายังคอยเตือนสติด้วย อย่างเช่นในเล่มสามตอนที่แฮร์รี่กับรอนมีเรื่องขัดใจและไม่พูดกับเฮอร์ไมโอนี่ แฮกริดเป็นคนย้ำเตือนให้เด็ก ๆ นึกถึงคุณค่าความเป็นเพื่อนแท้มากกว่าสิ่งของหรือเรื่องหมางใจที่เกิดขึ้น

ถ้าเปรียบเทียบตามโคลงโลกนิติเคร้าช์เป็นผลมะเดื่อและแฮกริดเป็นลูกขนุน ดังนั้นสเนปก็คงเปรียบเหมือนผลทุเรียนซึ่งภายใต้หนามอันหนาและแหลมคมที่คอยทิ่มตำนั้น มีเนื้อเนียนสีเหลืองนวลหวานอร่อยรอให้ลิ้มรส (และเป็นผลไม้ที่หากใครจะชอบก็ชอบมาก แต่ถ้าใครเกลียดก็จะทนอยู่ด้วยไม่ได้เลย) ในชีวิตจริงบางทีคนเราอาจต้องได้เจอทั้งคนแบบสเนปที่ความช่วยเหลือเป็นของจริงแต่มาพร้อมกับคำพูดที่บั่นทอนจิตใจ และคนแบบเคร้าช์ที่ความช่วยเหลือเป็นของปลอมแต่มาพร้อมคำพูดดูดีฟังรื่นหู รวมถึงคนแบบแฮกริดที่จริงใจทั้งการกระทำและคำพูด แม้ดูภายนอกอาจจะเหมือนพึ่งพาไม่ไหวแต่กลับเป็นคนที่มั่นคงที่สุด เพราะเมื่อเห็นแฮกริดก็อุ่นใจได้เลยว่านี่คือเพื่อนตัวจริง ไม่ใช่ตัวปลอมที่มาแสดงละครตบตาเพื่อรอเวลาเผลอแล้วแทงข้างหลัง โดยไม่จำเป็นต้องมีคำถามป้องกันภัยตรวจจับการปลอมตัวด้วยซ้ำ ก็จะมีสักกี่คนที่น้ำยาสรรพรสใช้ไม่ได้ผล … ข้อดีหนึ่งของการมีสายเลือดยักษ์ก็คือไม่ว่าใครก็ปลอมตัวเป็นแฮกริดไม่ได้นี่ล่ะ

เราเลือกคนที่จะต้องพบเจอไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะให้คนประเภทไหนมาอยู่ในชีวิต ถ้าใครได้พบคนแบบแฮกริดในชีวิตจริง หากข้อเสียของเขาไม่ได้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา ก็ขอให้รักษามิตรภาพกันไว้ให้ยั่งยืน เพราะเขาจะไม่ใช่แค่ Colleague ที่เพียงร่วมงานกันแค่นั้น แต่ยังจะกลายเป็น Friend ที่คอยอยู่เคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคที่เข้ามา และร่วมทุกข์ร่วมสุขในทุกเหตุการณ์ของชีวิตเลย

 

Don`t copy text!