The Crown

นั่งหน้าจอ คอลัมน์ที่ ปิยะพร  ศักดิ์เกษม เล่าถึงเรื่องราวที่ตรึงให้นั่งติดอยู่หน้าจอ ทั้งภาพยนตร์และภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ เล่าแบบไม่มียั้ง!! เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่กลัวการรู้เนื้อเรื่องล่วงหน้า นอกจากจะเขียนเล่าเรื่องแล้ว ยังเขียนเล่าความคิดความเห็นและความรู้สึกเมื่อได้ดู ดังนั้นผู้เขียนจะพาออกทะเลไปบ้างอย่างแน่นอน

ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ ปี 2016-2023 (60 ตอนจบ)

ผู้สร้าง Peter Morgan

ผู้แสดงนำ Claire Foy, Matt Smith, Olivia Colman, Tobias Memzies, Imelda Staunton, Jonathan Pryce

นี่คือภาพยนตร์ชุดอิงประวัติศาสตร์ที่ชอบมากที่สุด เนื้อเรื่องแม้จะเดินตามชีวิตของตัวละครเอก…ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ตัวละครค่ะ แต่คือสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร…แม้เรื่องจะเดินตามชีวิตของพระองค์แต่ทุกตอนของภาพยนตร์ชุดจะมีเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของช่วงเวลานั้นเป็นแก่นของแต่ละตอนอีกที เช่น การเสด็จเยือนประเทศในเครือสหราชอาณาจักรแทนพระเจ้าจอร์จที่ 6พระราชบิดา เหตุการณ์หมอกและควันจากโรงงานอุตสาหกรรมลงจัดในลอนดอนจนคร่าชีวิตคนไปนับหมื่น เหตุการณ์เหมืองถ่านหินถล่มใส่บ้านเรือนประชาชนและโรงเรียนจนเด็กตายไป 116 คน ผู้ใหญ่อีกเกือบ 20 คน เป็นต้น

ภาพยนตร์ชุดนี้สร้างทั้งหมด 6 ซีซั่น ซีซั่นละ 10 ตอน เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ชุดเริ่มตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1947 เมื่อเจ้าหญิงเอลิซาเบธทรงอภิเษกสมรสกับเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ… ตลอดเวลาหกปี หกสิบตอน… The Crown ได้เล่าถึงความเปลี่ยนแปลงไปของครอบครัว สังคม เหตุการณ์สำคัญ ๆ ในประเทศและในโลก จนกระทั่งจบเรื่องลงในปีคริสตศักราช 2022 เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต

เนื่องจากเนื้อเรื่องดำเนินไปในเหตุการณ์จริงนานถึงเจ็ดสิบกว่าปี การใช้ผู้แสดงเพียงชุดเดียวจึงเป็นไปไม่ได้ ผู้สร้างใช้ผู้แสดงถึงสามชุดโดยเปลี่ยนดารานำแสดงทุกสองปี โดยสองปีแรกเป็นวัยหนุ่มสาว ผู้แสดงเป็นสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 คือแคลร์ ฟอย (Claire Foy) ซึ่งเรื่องฝีไม้ลายมือทางการแสดงของกลุ่มนักแสดงจากอังกฤษนั้นไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ส่วนตัวก่อนหน้านี้เคยดูเธอในเรื่อง The Girl in The Spider’s Web เป็นคนละคนกับที่เห็นในเรื่องนี้เลย ส่วนเจ้าชายฟิลิปก็คือ แมตต์ สมิธ (Matt Smith) ดารายอดนิยมอีกคนที่โด่งดังมาจากหนังชุดทางโทรทัศน์ของอังกฤษเรื่อง Doctor Who แต่เราคนไทยอาจคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากเรื่อง House of The Dragon มากกว่า

คู่ที่สองในซีซั่นที่สามและสี่คือโอลิเวีย โคลแมน (Olivia Colman) ซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัลออสการ์ดารานำหญิงจากภาพยนตร์เรื่อง The Favorite และยังมีอีกหลายรางวัลจากหลายสถาบัน จึงไม่ต้องถามถึงคุณภาพการแสดง แค่ไม่กี่วินาทีเธอก็ทำให้เราเชื่อและรับไม้ต่อจากแคลร์ ฟอย ได้แบบเนียนมาก  ส่วนเจ้าชายฟิลิป ก็คือโทไบอัส แมนซีส (Tobias Memzies) ผู้ซึ่งมีรางวัลทางด้านการแสดงเต็มตู้เช่นกัน

คู่ที่สุดท้ายในซีซั่นที่ห้าและหกคืออิเมลด้า สตานตัน (Imelda Staunton) กับโจนาธาน ไพรซ์ (Jonathan Pryce) ซึ่งคู่นี้เป็นคู่ที่ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยนานหน่อย เนื่องจากคนดูส่วนใหญ่จะติดภาพอีเมลด้าจากบทแม่มดตัวร้ายในภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter ส่วน โจนาธาน ไพรซ์ ก็งานชุกมาก เป็นทั้งนักร้องนักแสดง ส่วนตัวจำหน้าและเสียงเขาได้ขึ้นใจมากจากบทท่านประธานาธิบดีฮวน เปรอง ในภาพยนตร์เรื่อง Evita ที่แสดงคู่กับนักร้องอย่างมาดอนนาค่ะ อันที่จริงทั้งคู่แสดงดีมาก เพียงแต่เราคุ้นเคยกับภาพและวิดีโอข่าวของควีนกับดยุกในช่วงวัยนี้ จึงเห็นความไม่เหมือนอยู่บ้าง ต่างจากภาพของควีนในยุคแคลร์ ฟอย กับโอลิเวีย โคลแมน ที่เราเห็นไม่บ่อยเท่า ทำให้เชื่อง่ายและเร็วกว่า

นอกจากผู้สร้างผู้กำกับจะพิถีพิถันกับผู้แสดงนำแล้ว ดารารายรอบก็ละเอียดลออพิถึพิถันไม่แพ้กันไม่ต้องพูดถึงบรรดาสมาชิกในราชวงศ์ แค่นายกรัฐมนตรีมากมายหลายคนของอังกฤษแต่ละคนก็เหมือนจนน่าทึ่ง นายกรัฐมนตรีของอังกฤษต้องเข้าเฝ้าถวายรายงานและฟังพระราชดำรัสของสมเด็จพระราชินีนาถฯ ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้งค่ะ ตอนดูภาพยนตร์ชุดเรื่องนี้เปิดดูภาพของนายกรัฐมนตรีตัวจริงแต่ละคนประกอบไปด้วย เห็นแล้วอยากกราบฝ่ายคัดเลือกผู้แสดงและนักแสดงจริง ๆ …แต่ละคนเหมือนจนขนหัวลุก ตั้งแต่ John Lithgow ในบทท่านเซอร์วินสตัน เชอร์ชิลล์ (Sir Winston Churchill) ไปจนถึงยุคหลังมี Gillian Anderson อดีตนางเอกภาพยนตร์ชุด The X-Files มารับบทนายกฯ มาร์กาเรต แทตเชอร์ (Margaret Thatcher), Jonny Lee Miller ในบทนายกฯ จอห์น เมเจอร์ (John Major) หรือ Bertie Carvel ในบทนายกฯ โทนี แบลร์ (Tony Blair)

นักการเมืองหรือนายกรัฐมนตรีแต่ละคนฉลาด เก่งกาจ มีความเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ นักการเมืองที่เตรียมตัวมาแค่สิบปียี่สิบปีหรือจะสู้กับคนที่ ‘เกิดมาเพื่อเป็น’ ได้รับการเตรียมตัว ขัดเกลามาตั้งแต่เริ่มรู้ความได้ การปะทะกันทางบทบาทและความคิดระหว่างควีนกับบรรดานายกฯ เหล่านั้นจึงแหลมคมและทำให้คนดูสนุกมากค่ะ โดยเฉพาะช่วงยุคนายกฯ โทนี แบลร์ ผู้ก้าวเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนนิยมสูงลิ่ว เขาก้าวเข้ามาอย่างเสือและสุดท้ายการเมืองกับความนิยมก็พลิกผันจนต้องก้าวลงจากตำแหน่งอีกแบบ ผู้แสดงแสดงดีมากค่ะ จากท่าทางภาคภูมิเกือบผยองไปสู่ความจ๋องและจ๋อยราวหมาหงอยในที่สุด… สีหน้าแววตาภาษาร่างกายชัดเจนมาก

ตลอดหกซีซั่น หกสิบตอน บท องค์ประกอบศิลป์ จังหวะการเล่า ดนตรี เสื้อผ้า หน้าผม ฉาก เครื่องประกอบฉาก เสียง แสง สี มุมกล้อง สมบูรณ์แบบทุกตอนค่ะ เรื่องราวทรงพลัง งามสง่า เป็นหกสิบชั่วโมงที่คุ้มค่า สนุกเพลิดเพลิน ได้ความรู้และแง่คิดมากมาย ถ้าใครยังไม่เคยดูขอแนะนำนะคะ ถ้าดูแล้วและอยากลงให้ลึกยิ่งขึ้นไปอีกก็ขอแนะนำให้ดูสารคดี The Royal House of Windsor ประกอบด้วยค่ะ

ส่วนถ้าใครเป็นสายการอ่าน ก็ขอแนะนำหนังสือของอาจารย์ประทุมพร วัชรเสถียร ‘ดวงใจ’ ผู้ล่วงลับ เรื่อง ‘เบื้องหน้าเบื้องหลังบัลลังก์อังกฤษยุคใหม่’ นะคะ