เมื่อน้ำท่วมบ้านครั้งแรกในรอบร้อยปี

เมื่อน้ำท่วมบ้านครั้งแรกในรอบร้อยปี

โดย : ต้องแต้ม

Loading

ซะป๊ะเรื่องเล่าหมู่เฮาคนเมือง คอลัมน์โดย ต้องแต้ม ชาวเชียงใหม่ ผู้หลงใหลในเรื่องราวของล้านนา เกิดในครอบครัวที่สืบสานงานวัฒนธรรมพื้นเมืองที่มีมาแต่โบราณ แต่ไปเติบโตในเมืองกรุง พอกลับมาอยู่บ้านถึงได้รู้ว่า “มีเรื่องเล่าดีๆ ของบ้านเราที่อยากเล่าให้ฟัง”

ฉัน…ผู้เห็นน้องโพสต์รูปพระจันทร์ที่มีคล้ายรุ้งกินน้ำล้อมรอบ และมีอาจารย์ดาราศาสตร์ทัก รุ้งจันทรา และฉันผู้มักสงสัยในปรากฎการณ์แปลกๆ เสมอ ถึงกับถามหลังห้อง และไปเปิดหนังสือเพิ่มเติม จนเห็นเพื่อนๆ ที่เชียงรายโพสต์ภาพท้องฟ้าเป็นสีส้มทั่วไปหมด

เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้จากข้อมูลหนังสือตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับโบราณดาราศาสตร์ ได้มีพูดถึงปรากฎการณ์ธรรมชาติเช่นเดียวกันนี้ไว้ มันทำให้ฉันเฝ้าติดตามปรากฎการณ์ที่แปลกตาว่าจะเกิดขึ้นจริงไหม ใจก็ไม่อยากให้เกิดหรอก เพราะมันคือภัยพิบัติ อีกใจก็อยากติดตามว่า จริงไหม

จ.ศ.1187 (พ.ศ.2368-9) รุ้งล้อมจันทร์ เงาเมฆ สืบชะตาเมือง ฟ้าผ่าเจดีย์วัดโลกโมฬี

ในสกราช 1187 ตัว ปีดับเร้า บ้านเมืองหวั่นไหว บ่หมั้นบ่เที่ยงแก่เจ้านายไพร่ไทราษฎอร หาประหมาณบ่ได้ฯ … อยู่มาเถิง ณ วัน 5 เดือนเจียง แรม 3 ค่ำ ยามจักใกล้เที่ยงคืน เงือกรุ้งเกี้ยวพระจันทร์ 3 รอบ หันเหตุเมฆฉายในอากาส เถิงวัน 1 เดือนเจียง แรม 5 ค่ำ ก็ได้ปูชาเคราะห์เมือง สืบชาตาเมือง ปูกชาในที่ 28 แห่ง มีอินทขีลเป็นต้น ฟ้าผ่ามหาเจติยะวัดโละก ในวันเดือนเจียง แรม 7 ค่ำ วัน 3 นั้น ฯ

(ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ 2538:165)

เหตุการณ์

29 กันยายน 2368  เกิดเงือกรุ้งเกี้ยวพระจันทร์

2 ตุลาคม 2368 ทำพิธีสืบชะตาเมือง

4 ตุลาคม 2368 เกิดฟ้าผ่าเจดีย์วัดโลกโมฬี

ฉันก็เฝ้าดู หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าวพายุยางิจะเข้ามาทางภาคเหนือตอนบน ที่แม้จะลดระดับความเร็ว ความแรงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้วก็ตามเมื่อเข้ามายังประเทศไทย จังหวัดที่รับผลกระทบเต็มๆ ก็คือเชียงราย พะเยา ฉันก็คิดว่าลดระดับแล้วไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรง แต่ฝนที่ตกกระหน่ำทำให้ดินโคลนไหลจากเขาสู่เมือง โห…ทั้งเชี่ยวแรง และสายน้ำมีแต่โคลน เพียงไม่นานแม่สาย ก็ท่วมมิดสูงประมาณบ้านหนึ่งชั้น หรือบางแห่งท่วมหลังคากันเลยทีเดียว ติดตามข่าวดูน่ากลัวมาก เรียกว่าภัยมันน่ากลัวและรุนแรงกว่าทุกครั้ง

แม้ว่าจากการที่ตามข่าว น้ำที่ท่วมแม่สาย รวมไปถึงตัวเมืองเชียงรายมันไม่ได้ผ่านเวียงเชียงใหม่ มันจะไปทางพะเยาและมุ่งสู่ลำน้ำโขง ก็ค่อยเบาใจมานิดหนึ่ง แต่ก็คิดว่าภัยพิบัติปีนี้น่ากลัวจัง ผู้คนเดือดร้อนติดอยู่กันหลายวัน และบางที่ก็กว่าจะได้รับความช่วยเหลือ แต่จากที่คนเขาพูดกันว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หนักกว่าทุกครั้ง มันเริ่มทำให้ฉันกังวล และเริ่มเก็บของที่สำคัญสำหรับฉัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังสือที่สะสมใช้เป็นข้อมูล จึงได้ทยอยเก็บขึ้นไปไว้ยังชั้นสองของบ้าน และเมื่อเห็นน้ำท่วมรุนแรงที่แม่สาย ฉันก็บอกแม่กับอาปาถึงการเฝ้าระวัง ให้เก็บของสำคัญใส่กระเป๋าไว้เพื่อย้ายไปเก็บยังชั้นสอง อาปาไม่เชื่อบอกบ้านเราน้ำไม่เคยท่วม

ไอ้เจ้าพายุยางิมันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่จังหวัดเชียงราย แต่ฝนที่ตกอย่างหนักที่เชียงใหม่ แม้จะไม่หนักเท่าเชียงราย แต่ก็ยังถือว่าหนักพอควร น้ำแม่ปิงแม่น้ำสายหลักของเชียงใหม่เริ่มสูงขึ้น น้ำแม่ข่าที่มาจากดอยสุเทพก็สูงขึ้น สองแม่น้ำนี้อยู่ใกล้บ้าน แต่บ้านที่อยู่มาสองสามชั่วอายุคน น้ำไม่เคยท่วมถึงเลย มันทำให้ชาวบ้านแถวนี้ประมาท และรวมไปถึงอาปาของฉันด้วย น้ำท่วมที่แม่สายเชียงรายไม่ได้ส่งผลอะไรกับเชียงใหม่ เพราะน้ำสายนั้นจะไปทางพะเยา ไปสู่ลำน้ำโขง

ข่าวที่ทำให้เชียงใหม่ต้องเฝ้าระวังอย่างหนักในภาวะที่ระดับน้ำแม่ปิงก็สูงขึ้นๆ คือ ข่าวฝนตกหนักน้ำท่วมหนักที่แม่ริม เชียงดาว ทางเทศบาลนครเชียงใหม่ก็คอยเตือนเป็นระยะๆ ระดับน้ำสูงขึ้นประกาศเตือนจากเทศบาลว่าน้ำจะท่วมขยายวงกว้าง ฉันก็ย้ำไปกับที่บ้านที่ยังคงเฉย เพราะเชื่อมั่นว่าน้ำไม่ท่วมบ้าน บ้านอยู่สูง คนเฒ่าคนแก่ละแวกนี้คิดเหมือนกันหมด ไม่ว่าลูกหลานจะเตือนยังไงก็ไม่ฟัง

วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ที่คาดการณ์กันว่าน้ำจะเข้ามายังตัวเมืองเชียงใหม่ ยิ่งตกเย็นน้ำยิ่งขึ้นสูง ระดับแม่น้ำปิงที่มีคนไปดูเป็นระยะๆ บริเวณที่คนในเมืองเชียงใหม่เขาไปดูระดับน้ำปิง จะอยู่ที่เชิงสะพานนวรัฐ ไม่รู้ที่จังหวัดอื่นเป็นแบบไหน แต่ที่นี่มีรถเข็นมาขายของกิน ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นทอด และสารพัดขนม เครื่องดื่มต่างๆ จนมีสื่อนำไปลง

ฉันคอยดูระดับน้ำแม่ข่าเพราะใกล้บ้านที่สุดแค่ตึกกั้น น้ำสีแดงที่ปริ่มๆ คอสะพานแล้ว และเริ่มเช็กน้ำดื่ม น้ำใช้ เช็กเสบียงหากน้ำท่วม ที่บ้านเป็นร้านค้า และจังหวะดีที่สั่งน้ำดื่มก่อนหน้านั้นแล้วและเขาก็มาส่งเรียบร้อย ถุงดำเตรียมไว้เรียบร้อย ในกรณีฉุกเฉินพออยู่ได้สองสามวัน สำหรับบ้านที่อยู่กันสี่คนแต่เป็นผู้สูงวัยแปดสิบกว่าเสียสองคน

ตีหนึ่งของคืนวันที่ 3 ตุลาคม 2567 ประกาศ 7 โซนที่เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ระดับน้ำแม่ปิงที่สูงเกินมาตรฐาน 3.70 บ้านฉันอยู่ใกล้เคียงโซนที่ 7 ถ้าน้ำมากนี่มีโอกาสเสี่ยงน้ำท่วมได้ ประกาศเตือนจากชลประทานเชียงใหม่มีมาเป็นระยะๆ ให้โซนต่างๆ รีบขนของหนีน้ำขึ้นที่สูง บ้านฉันที่ผู้สูงวัยยังมั่นใจว่าจะไม่ท่วม แต่ฉันก็เตือนให้แม่เก็บเสื้อผ้า เก็บของสำคัญไว้

ตีหนึ่งออกมาดูน้ำหลังบ้าน โห…ขึ้นมาระดับเข่าได้ แต่ยังไม่ถึงบันไดด้านหลังบ้าน ทั้งน้าชายและฉันรีบย้ายทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถจักรยาน และของบางอย่างที่ย้ายได้ขึ้นมาด้านข้างบ้านที่มีพื้นที่สูงหน่อย ด้านหน้าบ้านยังไม่มา คิดว่าพรุ่งนี้ไม่รอดแน่ เลยรีบเข้านอนก่อนเตรียมพร้อมรับศึกใหญ่

ตื่นมาอีกทีตีสี่ได้ยินเสียงคนคุยกันหน้าบ้าน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดประตูระเบียงบนบ้านเพื่อสำรวจบริเวณถนนหน้าบ้าน อัยย่ะ…น้ำเริ่มปริ่มๆ ถนน พอเดินลงมา น้ำข้างบ้านที่เมื่อคืนยังมาไม่ถึงครึ่งทางตอนนี้ท่วมขึ้นมาเกือบถึงบันไดขึ้นบ้านฉัน เลยรีบเดินไปสำรวจพื้นที่ละแวกบ้าน เดินไปทางซ้าย ผ่านบ้านพี่แอ๊ดที่ตอนนี้น้ำท่วมเข้าบ้านแล้วเพราะบ้านเขาลงไปต่ำมีห้องใต้ดินที่ท่วมไม่ได้เอาอะไรออกมา แถมรถเขาบอกไม่ได้ย้ายขึ้นมา เพราะแฟนเขาบอกไม่ท่วม เขาตื่นเพราะรถช่วยเหลือของนักข่าวฐาปนี ตะโกนหน้าบ้าน และช่วยลากรถเขาขึ้นมาไม่ให้ท่วมถึงด้านหน้าตัวเครื่อง เดินไปอีกนิดทางเข้าบ้านพี่มาลี ลุงดม ยายเทพ น้ำท่วมถึงทางข้างบนทางเข้า ในซอยคงท่วมระดับเอวไปแล้ว เลยย้อนกลับเดินผ่านบ้านตัวเอง ผ่านซอยนิวเอเชียที่น้ำท่วมทั้งซอยแล้ว ลุงที่อยู่แถวนั้นแซวตื่นแล้วเหรอ คนอื่นเขาไม่นอนกันทั้งคืน 555

กลับมาบ้านประเมินสถานการณ์แล้ว คิดว่าไม่รอดแน่น้ำท่วมแน่นอน อาปาเริ่มเก็บของอาปาเองยกขึ้นโต๊ะ ฉันก็ปล่อยให้ท่านทำของท่านไป ฉันเริ่มยกพัดลมห้าตัว เครื่องกรองอากาศสองตัว ย้ายขึ้นบ้าน ให้น้องยกน้ำดื่มขึ้นบ้านให้หมด หนังสือของเราเอาขึ้นบ้านไปหลายวันแล้ว ช่วยขนเสื้อผ้า ฟ้าเริ่มสว่างแล้วฉันเอาป้ายไวนิลมาตั้งฉากติดไว้ที่ประตูหน้าบ้าน เพราะเป็นประตูบานเฟี้ยมเลยต้องใช้ป้ายไวนิลยาวหน่อย ใช้ถุงดำตักน้ำที่ท่วมถนนมามัดทับป้ายไวนิลอีกที หาของหนักๆ มาทับไว้ ก็กันได้ระดับหนึ่ง ในภาวะที่ถุงทรายหายาก และหาไม่ทันแล้ว ก็กันได้ระดับหนึ่งนะ แต่ที่น้ำเข้าบ้านเพราะน้ำมาจากท่อทางหลังบ้าน พอน้ำเข้าบ้านได้ ฉันก็หยุดการป้องกันทุกชนิด บอกให้อาปาเก็บเสื้อผ้าที่ต้องใช้ขึ้นบนบ้าน เพราะน้ำเริ่มมาเยอะขึ้นๆ ที่ป้องกันไว้เอาไม่อยู่แล้ว เพราะระดับน้ำสูงขึ้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือไม่มีน้ำประปา

และมีข่าวว่าคืนนี้ระดับน้ำจะสูงขึ้นอีก ฉันได้แต่ลุ้นว่าขออย่าขึ้นมาสูงเลย งานนี้สติสำคัญที่สุด ต้องคอยดูทั้งบ้านและผู้สูงอายุที่บ้านทั้งสองคนที่ดื้อมาก และร่างกายตัวเองที่ปวดระบมไปหมด เดินราวกับหุ่นยนต์ แต่พอต้องทำงานที่บ้านก็ทำได้อย่างคล่องแคล่วในภาวะจำเป็น

เช้าวันที่ 4 ตุลาคม มองไปทางไหนไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าบ้าน และหลังบ้านก็จะเต็มไปด้วยน้ำสีแดงๆ ด้านหน้าที่สูงหน่อยน้ำท่วมถึงบันไดขั้นแรก จะขึ้นลงต้องระวังและแน่นอน สว.จอมดื้อของฉันลงไปชั้นล่างเรียบร้อย ระดับน้ำในบ้านไม่สูงนักประมาณระดับท่วมข้อเท้า แต่ด้านนอกตัวบ้านไม่ต้องพูดถึงด้านหน้าถึงหน้าแข้ง แต่ด้านหลังบ้านน่าจะระดับเอวระดับอก ถนนเงียบกริบไม่มีรถวิ่งผ่านคึกคักเหมือนแต่ก่อน เขาปิดถนนแต่ก็ยังมีรถยนต์บางคันที่ขับผ่านคล้ายจะเยี่ยมชมน้ำท่วม ชาวบ้านก็จะบ่นว่าเพราะมันทำให้น้ำกระเพื่อมเข้าไปในตัวบ้านอีก

ทำใจ…ฉันบอกตัวเอง และบอก สว.จอมดื้อของฉัน สีหน้าท่านเครียด แต่ไม่พูดอะไรแต่ส่งผลด้าน จิตใจมากพอสมควร แล้วข่าวดีก็มีมาว่าน้ำเริ่มลดระดับลง และปัญหาใหญ่ที่หนักและใช้เวลามากกว่าน้ำท่วมบ้านก็คือ การจัดการทุกอย่างหลังจากน้ำลดแล้ว

น้ำท่วมเชียงใหม่ครั้งใหญ่และเป็นครั้งที่หนักมาก เพิ่งจะได้มีเวลามานั่งดูข่าว หลายพื้นที่ท่วมสูงท่วมบ้านมิดต้องใช้เรือ กู้ภัยที่เสร็จภารกิจจากเชียงรายกลับภูมิลำเนา ต้องกลับมาช่วยชาวเชียงใหม่ ช่วยส่งข้าวส่งน้ำไม่ได้ขาด โคลนที่มีทั่วทุกพื้นที่ แต่ละบ้านต้องช่วยเหลือตัวเองล้างโคลนให้ได้ก่อน ในภาวะที่ไม่มีน้ำใช้ ก็จะใช้น้ำที่ท่วมถนนนั่นแหละค่ะ ตักมาราดโคลนรีดออกมาก่อนเบื้องต้น ขยะกองโตที่รอมาเก็บ ทุกบ้านเสียหายกันหนัก แม้จะผ่านมาแล้วหนึ่งเดือนแต่ก็ยังเคลียร์บ้านกันไม่เสร็จ

บทเรียนครั้งนี้ราคาแพง และน้ำท่วมครั้งนี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สติสำคัญที่สุดค่ะ อุทกภัยครั้งใหญ่นี้หวังว่าหลายคนคงจะถอดบทเรียนครั้งนี้ไว้เตรียมการณ์ในภายหน้า จะมีสัญญานเตือนภัยจากท้องฟ้าหรือไม่ หรือไม่ว่าป่าไม้ที่แทบไม่เหลือให้เป็นป่าคอยรับน้ำให้แล้ว ปีหน้าและปีต่อๆ ไปต้องเตรียมรับมือให้ดีๆ และอย่างน้อยบรรดาผู้สูงวัยทั้งหลาย คงไม่ประมาทกับคำว่า “ที่นี่ไม่เคยน้ำท่วม” อีกต่อไป

 

Don`t copy text!