เสน่ห์ตั๋วเมือง

เสน่ห์ตั๋วเมือง

โดย : ต้องแต้ม

Loading

“อ่านเอาเล่าเรื่อง” คอลัมน์ที่รวมบทความจากผู้เข้าอบรมในโครงการ อ่านเอาเล่าเรื่อง ที่จัดโดยเว็บไซต์อ่านเอา โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้นำเรื่องราวที่ประทับใจของตัวเองมาถ่ายทอดในรูปแบบเรื่องเล่า และสานฝันสำหรับทุกคนที่อยากเริ่มต้นสู่เส้นทางการเป็นนักเขียน

ฉันเกิดและใช้ชีวิตในวัยเด็กที่เชียงใหม่ ในครอบครัวที่มีคุณตามีใจรักด้านศิลป์ และวัฒนธรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะสายมู แม้คุณตาจะไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก แต่สิ่งที่ฉันเห็นเสมอมา เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรักในสิ่งที่ทำ

ตอนที่คุณตาเคยบวชเรียนอยู่ที่วัดปันต๋าเกิ๋น หรือวัดชัยศรีภูมิในปัจจุบัน มีความสนใจในกถา หรือคาถาอาคมต่างๆ คนที่สนใจด้านนี้ ก็มักจะเรียนจากท่านอาจารย์ จากตำราต่างๆ ที่มีมา คนยุคโบราณจะนิยมจาร หรือเขียนบันทึกลงบนปั๊บสาที่ทำจากกระดาษพับสลับไปมา หรือบนใบลาน (พืชชนิดหนึ่ง ส่วนใบเรียวยาวและมีพื้นที่พอให้จารบันทึก และเป็นพืชที่หาได้ง่าย)  ส่วนใหญ่ภาษาเหล่านั้น จารเป็นอักษรตั๋วเมือง หรือที่เรียกว่า อักษรธรรมล้านนา

ตัวเมือง หรืออักษรธรรมล้านนาเป็นภาษาเขียนที่คนทางภาคเหนือโบราณใช้ในการสื่อสาร จารบนใบลาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวทางศาสนาพุทธ หลักธรรมคำสอน ตำราตัวยา วิธีปรุงยา โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ วรรณกรรม ยุคปัจจุบันก็ยังมีนิยมจารบนใบลานบ้าง แต่เหลือไม่มากนัก เพราะการดูแลรักษาใบลานค่อนข้างลำบาก แต่ก็ยังเป็นที่นิยมที่จะเขียนลงบนกระดาษในรูปแบบปั๊บสา

ตัวเมือง จะเขียนใต้เส้นบรรทัด ซึ่งต่างจากตัวอักษรภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน เพราะ “ตัวเมือง” นั้นจะมีพยัญชนะหรือสระซ้อนกันได้ทั้งข้างบนและข้างล่างได้อีกทั้งบนและล่างตัวหลักอีกสองบรรทัดซึ่งสามารถอ่านออกมาได้ ที่เขียนแบบนั้นเพราะเมื่อเขียนบนกระดาษพับสาหรือใบลานนั้น พื้นที่บรรทัดมีจำกัด บางตัวจึงมีการเขียนซ้อนกันขึ้นไปหรือลงมาได้อีก เขาเรียกว่า “ตัวข่ม ตัวซ้อน” ที่ว้าวยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเขียนบาลีเป็นตัวเมือง มีอ่านโยคเอียงไปขวาด้วย เขาเรียก “บาลีสังโยค” ค่ะ จะว่ายากก็ยาก แต่เมื่อเรียนแล้วก็สนุกดีนะคะ

หลายๆ คนบอกตัวเมือง เมื่อเขียนออกมาแล้วสวยดี แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ฉันสนใจ อยากเรียนตัวเมือง แม้ฉันจะเป็นคนเชียงใหม่ที่มีคุณตารักในศิลปะมาก แต่ฉันไปเติบโตยังเมืองกรุง สิ่งที่บ่งบอกว่าฉันเป็นคนเหนือ คือ ฉันอู้กำเมืองได้ เพราะฉันไปเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ นั้น ก็เป็นสาวจี๋วัย 15 ขวบแล้ว ดังนั้นตอนที่ฉันกลับมาอยู่บ้านและสิ่งที่ทำให้ฉันสนใจในเสน่ห์ตัวเมือง คือ ที่บ้านมีปั๊บสาตัวเมืองเก่าๆ เปิดดูไม่รู้ข้างในเขียนอะไร ฉันอยากรู้ว่าคืออะไร และฉันเคยคิดจะนำไปให้ผู้รู้ได้อ่าน ได้ดูว่า ฉบับนี้คืออะไร เกี่ยวกับอะไร

แต่ก็มีเรื่องประหลาดๆ เกิดขึ้น คือ ฉันหาปั๊บสาฉบับนี้ไม่เจอ ทั้งที่ฉันคิดว่าอยู่ในตู้นี้แหละไม่ได้ย้ายไปไหน แต่หาไม่เจอ เลยปล่อยไปก่อน ไม่ได้ไปยุ่งหรือตั้งใจจะให้คนอื่นอ่าน ก็เหมือนมีอะไรดลใจเกิดความคิด อยากอ่านเอง อย่างน้อยให้พอรู้ว่าคืออะไร และจังหวะเหมาะกับที่โรงเรียนสอนตัวเมืองที่วัดพระสิงห์เปิดสอนฟรี แค่คุณมีสมุดดินสอ คุณก็ไปเรียนได้ จังหวะช่วงนั้นไม่ยุ่งมากเลยทดลองไปเรียนและก็ติดใจ เรียนเรื่อยมาจนปัจจุบันนี้ก็ยังเรียนอยู่

ฉันยังไม่เก่ง แค่พออ่านออกเขียนได้ แต่ตัวเมืองฉันว่า “ยาก” แต่ก็ไม่ท้อที่จะเรียน เรียนแบบค่อยเป็นค่อยไป ตอนเรียนชั้นกลางมีการบ้านทุกครั้ง แต่ละครั้งให้เขียนไม่ต่ำกว่าสิบหน้ามาส่ง ทำให้เราได้ฝึกอ่านฝึกเขียนมากขึ้น

เมื่อฉันเรียนถึงระดับชั้นพิเศษ ป้อครูได้สอนวิธีคำนวณในการทำปักขตืนล้านนา หรือทำปฏิทินล้านนาขึ้นมา ถึงกับท้อในตอนแรก เพราะฉันไม่เก่งคำนวณ แม้จะเป็นแค่บวกลบคูณหาร แต่เมื่อเขียนเป็นตัวเมือง แถมเลขก็หลักเยอะเป็นแสน ไหนจะต้องจำตัวเลขเป็นตัวเลขโหรา ไหนจะต้องจำความหมายวิธีคิด แต่ไม่เป็นไร ใช้จดและคอยทบทวนเปิดดูก็แล้วกัน เป็นอะไรที่สนุกดีนะคะ

ที่เล่าไว้ว่าปั๊บสาของคุณตาหายไปหาไม่เจอ จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ควรหาอีกรอบ แต่รอบนี้ฉันอธิษฐานบอกไปว่า ฉันจะอ่านเอง ไม่ให้ใครอ่านให้ และ…และ…ฉันก็หาในตู้ที่ฉันหาในรอบแรกไม่เจอนั่นแหละค่ะ หนนี้หาใหม่อีกรอบ คราวนี้ให้ทายว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉันเปิดตู้ค่อยหยิบหนังสือออกมาวางข้างนอกเหมือนครั้งก่อน แต่ครั้งนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีมุมด้านในตู้หนังสือที่ต้องล้วงเข้าไป และมือของฉันก็สัมผัสห่อผ้า หนังสือที่ฉันห่อผ้าไว้ ฉันตาโต

“เฮ้ย…อยู่นี่เอง หาเจอแล้ว” ฉันขนลุกซู่ว์ แต่ก็บอกตัวเอง บังเอิญ…บังเอิญแน่ๆ

ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าปั๊บสาฉบับนั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรบ้าง ตั้งใจไว้เมื่อเรียนรู้ตัวเมืองระดับหนึ่งจะเริ่มคัดลอกออกมาศึกษา

ฉันใช้เวลาเรียนตัวเมืองตั้งแต่ก่อนโควิด จนผ่านโควิดมาได้ ก็ยังไม่เก่ง แต่ก็คิดว่า ถึงเวลาแล้วล่ะ ที่ฉันจะหยิบปั๊บสาของตาฉบับนั้นมาคัดลอก เรียนรู้สมบัติที่ตาส่งต่อมาให้ฉัน

มนต์เสน่ห์ของตัวอักษรที่เรียงกันเป็นชั้นๆ จากน้ำหมึกที่ไหลผ่านปลายปากกา กลั่นเรียงออกมาเป็น “ตัวเมือง”

         

Don`t copy text!