ตอนที่ 10
โดย : สำสา
เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ
อันดับแรกมันต้องเป็นไวไวไม่ใช่มาม่า
อันดับสองมันต้องเป็นรสต้มยำเท่านั้นเพื่อน
ที่เหลือมึงก็มีเพียงแค่หม้อต้มน้ำเดือดๆ หรือมึงจะใช้กระทะไฟฟ้าก็ได้
อ่อ กูลืมไปว่ามึงต้องมีไข่ไก่ซักฟองด้วยเว้ย..
มึงต้มน้ำไปก่อน ระหว่างนั้นก็ตอกไข่ใส่ถ้วยที่มึงจะใช้
เอาเครื่องไวไวทั้งหมดผสมเข้าไปแล้วตีไข่ให้เข้ากัน ทิ้งเอาไว้
พอน้ำเดือดมึงก็เทน้ำลงไปในไข่ซักครึ่งถ้วย
แล้วน้ำที่เหลือมึงก็ต้มเส้นต่อจนเส้นนุ่มได้ที่
ปิดไฟแล้วเอาเฉพาะเส้นทั้งหมดใส่ลงไปในถ้วย ถ้ามึงอยากจะเติมน้ำอีกหน่อยก็ได้นะ
ทุกครั้งที่ต้มมาม่าไข่ข้นสูตรนี้ ผมจะต้องนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่สอนวิธีการต้มมาม่าสูตรอร่อยให้ผมเมื่อเป็นเอ็กซ์เทิร์นหรือนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายเมื่อตอนที่เราออกไปอยู่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งด้วยกัน
หลังเหตุระทึกเมื่อตอนกลางวันและผมนั่งแท็กซี่กลับมายังหอพักซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของผมในระหว่างทำงานวิจัย คงเรียกได้ว่าผมไม่ได้กลับมามือเปล่า ในมือผมมีจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งที่ผมสนใจและเชื่อว่ามันจะไขคำตอบหลายหลายอย่างให้กับผมหรือจริงๆ แล้วให้กับบุญเสก
ตั้งใจว่าหลังจากจัดการมาม่าไข่ข้นชามนี้เรียบร้อยแล้วผมจะมานั่งวิเคราะห์เนื้อความในจดหมายฉบับที่ว่าอย่างจริงจัง
กินมาม่าใกล้หมดชามผมสะดุ้ง นึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่ได้เปิดอ่านจดหมายอีกฉบับของน้อยหน่าเลย!
ในวันปฐมนิเทศของโรงพยาบาลจังหวัดทำให้เธอเพิ่งรู้ว่านอกจากเธอซึ่งเป็นทันตแพทย์แล้วยังมีคนอื่นๆ ที่มีทั้งแพทย์ เภสัชกร พยาบาลและนักวิทยาศาสตร์ ในกลุ่มรวม 12 คน แม้จะมีทันตแพทย์ใหม่เพียงคนเดียวแต่โชคดีที่เธอไม่ได้เป็นทันตแพทย์คนแรกของโรงพยาบาล ก่อนหน้าที่เธอจะเข้ามามีรุ่นพี่อยู่แล้วสองคน การเริ่มต้นทำงานในสถานที่ใหม่แห่งนี้ของเธอจึงไม่ได้เป็นเรื่องลำบากใจแต่อย่างใด
ชีวิตของหนุ่มสาวที่เพิ่งจบและมาทำงานรับราชการได้ปีแรกในโรงพยาบาล ชาวบ้านต่างเรียกคนเหล่านี้รวมๆ ว่า ‘หมอ’ กันทั้งนั้น หากดูมีอาวุโสหน่อยชาวบ้านก็จะเรียกว่าหมอใหญ่ ส่วนที่เหลือก็ถูกเรียกว่าหมอเฉยๆ ไม่มีใครเรียกว่าหมอเล็กเลยสักคน
สังคมข้าราชการโรงพยาบาลในต่างจังหวัดเป็นสังคมเล็กๆ ที่ส่วนใหญ่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน เอื้อเฟื้อต่อกัน สนุกสนานกันโดยเฉพาะคนรุ่นหนุ่มสาวอย่างพวกหมอพยาบาลที่เพิ่งจบมาทำงานในปีแรก
พวกพี่ๆ อาวุโสทั้งหลายถ้าไม่ไปเปิดคลินิกในตอนเย็นก็มีภาระหน้าที่ต้องกลับไปหา ครอบครัวบางคนก็พักอยู่ที่บ้านพักแพทย์ บางคนก็มีบ้านพักอยู่ในตัวเมือง แต่สำหรับหนุ่มสาวกลุ่มนี้มักอาศัยอยู่ในแฟลตหลังโรงพยาบาล ยามที่ไม่มีภารกิจใดๆ ในตอนเย็นแหล่งรวมตัวสำคัญก็เป็นสนามวอลเลย์บอลที่อยู่ใกล้กับแฟลตนี่เอง
ทันตแพทย์หญิงจบใหม่ตัวเล็ก แขนขาเล็กคนนี้ก็ชอบออกมาเล่นวอลเลย์บอลกับพวกเพื่อนๆ และพี่ๆ อยู่เสมอ เธอไม่เคยเล่นกีฬาอะไรแต่เธอก็สนุกทุกครั้งที่ได้ออกมาเล่นวอลเลย์บอลกับทุกคนเหมือนกับในวันนี้
“น้อยหน่า น้อยหน่า มีโทรศัพท์ที่แฟลตจ้ะ”
ทันตแพทย์หญิงหันขวับในตอนที่เธอยืนอยู่ตรงเส้นขอบสนามด้านหลังเตรียมตัวที่จะเสิร์ฟวอลเลย์บอล เธอยิ้มดีใจที่มีจังหวะช่วยชีวิต ทำให้เธอไม่ต้องเสิร์ฟเพราะรู้ดีว่าเธอจะเสิร์ฟมันไม่ผ่าน แต่ใจจริงแล้วเธอดีใจเพราะรู้ว่า โทรศัพท์ที่แฟลตหอพักซึ่งรอสายอยู่นั้นย่อมเป็นสายมาจากแฟนหนุ่มของเธอที่โทร.มาจากอีกจังหวัดหนึ่ง แฟนหนุ่มของเธอมักจะทำอะไรอย่างมีระบบและมีการจัดการที่ดีเสมอ เขาจะโทร.มาตรงเวลาในทุกเย็น บอกกับใครที่รับสายว่าขอสายน้อยหน่า แล้วเขาก็จะวางหูไป เขาคำนวณเวลาที่น้อยหน่าจะเดินลงมารับสายเขาอีกครั้งไม่เกิน 5 นาที เขาก็จะโทร.มาอีกครั้งและนั่นก็เท่ากับว่าน้อยหน่าจะเป็นผู้รับสายโทรศัพท์พอดี
น้อยหน่าเป็นเด็กต่างจังหวัด เป็นเด็กดีเรียนเก่งที่เชื่อฟังพ่อแม่ เธอมีพี่น้องเป็นผู้หญิงด้วยกันสองคน เธอไม่เคยไปใช้ชีวิตที่ไหนไกลจากบ้านเกิด นอกจากช่วงเวลาหกปีที่เธอเรียนทันตแพทย์อยู่ในมหาวิทยาลัย เมื่อเรียนจบแล้วเธอก็ยังโชคดีที่สามารถเลือกที่จะมาทำงานอยู่ในโรงพยาบาลจังหวัดบ้านเกิดตัวเองได้ นั่นทำให้เธอมีโอกาสกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ ไปมาหาสู่กับครอบครัวได้ทุกสัปดาห์ จะมีในบางสัปดาห์ที่แฟนหนุ่มมาหาเธอ ก็จะเป็นสัปดาห์ที่เธอไม่กลับไปเยี่ยมบ้าน
“ฮัลโหล น้อยหน่าพูด”
ปลายสายก็เป็นแฟนหนุ่มคือหมอบุญเสกนั่นเอง
ภาพที่เห็นหากใครมองมาจะเห็นสาวน้อยตัวเล็กน่ารักยิ้มหวานกับปลายสายทางโทรศัพท์หน้าแดงแก้มแดงเป็นพักๆ ในระหว่างการพูดคุยเกือบ 10 นาที มีการตอบปลายสายด้วยคำพูดไม่เกินสองสามพยางค์ ก่อนวางสายเธอยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“รู้แล้ว รู้แล้ว เดี๋ยวจะคุยกับแม่ดู”
ห้องทำฟันเป็นห้องรวมขนาดใหญ่มีหน้าต่างโปร่งโล่งทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เตียงทำฟันมีด้วยกันสี่เตียงมีฉากกั้นเตี้ยๆ ทำง่ายๆ ทำให้ทุกคนทั้งหมอ ผู้ช่วย และผู้ป่วยยังจะมองเห็นกันและพูดคุยกันได้ทั้งหมด
วันนี้มีหมอฟันออกตรวจอยู่สองคน หมอฟันสาวรุ่นพี่ถามหมอสาวรุ่นน้องทันทีเมื่อรู้ว่าฝ่ายชายขอรุ่นน้องเธอแต่งงานทางโทรศัพท์
“แล้วเธอสองคนจะจัดงานที่ไหน จัดที่บ้านนี่แหละพวกพี่จะได้ไป”
“เห็นพี่บุญบอกว่าจะจัดที่พัทลุงนะพี่”
หมอหนุ่มกับทันตแพทย์สาว ช่างเป็นคู่แต่งงานในฝันจริงๆ ทั้งคู่รีบแต่งงานกันหลังจากเรียนจบมาได้เพียงแค่หนึ่งเดือน เพื่อนฝูงต่างนินทากันว่าไม่ใช่ทั้งคู่อยากแต่งหรอก แต่คงเป็นบุญเสก ซึ่งคงห่วงแฟนสาวผู้น่ารักทำงานอยู่ท่ามกลางหนุ่มๆในโรงพยาบาลจังหวัดขนาดใหญ่ ขณะที่ตัวเองเป็นแพทย์ชนบทอยู่ในโรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ
งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่บ้านเกิดของหมอหนุ่ม เป็นงานเล็กๆ มีการยกน้ำชาแบบจีนในช่วงเช้าและมีงานเลี้ยงโต๊ะจีนในตอนเที่ยงเหมือนกับหลายบ้านหลายครอบครัวที่ทำกันในอำเภอเล็กๆแห่งนี้ มีเพื่อนทันตแพทย์ร่วมรุ่นสองสามคน เพื่อนๆ พี่ๆ จากที่ทำงาน และ ผอ.ฝ่ายแพทย์มาเป็นเจ้าภาพฝ่ายเจ้าสาว
ในขณะที่ฝั่งเจ้าบ่าวนั้นมีแต่ แม่ พี่ชาย และญาติที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียง ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งทราบข่าวจากบุญเสกในระยะเวลากระชั้นมากไม่มีใครสามารถมาร่วมงานได้เลยเพราะแต่ละคนเพิ่งไปทำงานกันได้เดือนสองเดือน บางคนก็อยู่ห่างไกลออกไปมาก ที่เพื่อนๆเจ้าสาวนินทากันก็คือฝั่งเจ้าบ่าวไม่มีแขกจากโรงพยาบาลที่เขาทำงานมาร่วมเลย