ตอนที่ 13
โดย : สำสา
เรื่องหลังโรงพยาบาล เรื่องสั้นโดย สำสา คุณหมอผู้ชื่นชอบการสื่อสารเเละถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิตเเละธรรมชาติออกมาเป็นงานศิลปะ และครั้งแรกของเขากับงานเขียนในรูปแบบเรื่องสั้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านกัน เรื่องราวของ ‘หมอบุญเสก’ เพื่อนที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับและการตายที่อาจมีเงื่อนงำ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผิวขาว ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงแบบนักวิ่งสีขาวเข้าชุดกัน ซึ่งในตอนนี้เปียกโชกไปด้วยเหงื่อที่ได้จากการวิ่งจ็อกกิงออกกำลังกายมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
ชายหนุ่มคลั่งไคล้การวิ่งออกกำลังกาย เสื้อผ้ารองเท้าอุปกรณ์ในการวิ่งของเขาเทียบเท่ากับนักกีฬาระดับมืออาชีพ รองเท้าวิ่งคู่สีม่วงยี่ห้อ Asics ที่สวมใส่อยู่ในขณะนี้มีราคาตั้งหลายพัน และหาซื้อไม่ได้ในประเทศไทย
ทุกเย็นเขาจะเริ่มวิ่งออกจากที่ทำงานทักทายคนนั้นคนนี้ด้วยรอยยิ้มที่แอบซ่อนเขี้ยวงามบนใบหน้า และจมูกรูปเรียวยาวได้ทรง ตาเล็กๆ สองข้างยังแอบซ่อนประกายของความขี้เล่นสนุกสนาน รวมๆ กันทั้งหมดทำให้เขาเป็นผู้ชายที่ดูมีเสน่ห์มากคนหนึ่ง
จุดหมายของเขาคือการวิ่งอยู่บนไหล่ทางถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่สนามเด็กเล่นใกล้ที่ว่าการอำเภอ วนเวียนอยู่ตรงนั้นสองสามรอบแล้วก็มุ่งหน้ากลับไปในทิศทางเดิมกลับสู่ที่ทำงานอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เขาจะชะลอการวิ่งลงเป็นการเดินกลับสู่ถนนลูกรังสายแคบๆ ที่มุ่งสู่บ้านพักสองชั้นหลังเล็กสีขาวที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่มาเกือบสองปี
แม้เป็นช่วงต้นฤดูร้อน แต่อากาศในยามเย็นก็ไม่ได้ร้อนนักเพราะมีลมพัดโชยมาบ้าง ลมพัดเอากลิ่นป่ายางผลัดใบที่อยู่ด้านหลังบ้านมาแตะจมูก เเต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเลวร้ายเหมือนกับกลิ่นน้ำยางในช่วงเวลาปกติ ต้นยางช่วงผลัดใบจะมีสีส้มสีเหลืองเเลดูไปคล้ายฤดูใบไม้ร่วงในเมืองนอกอยู่เหมือนกัน
…ลมเย็นพัดมาอีกระลอกหนึ่ง คราวนี้กลับทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมา…
“ไปวิ่งมาเหรอคะหมอ”
เสียงทักทายที่เขาไม่คุ้นเคยพูดเป็นภาษากลางรัวๆ ติดสำเนียงแบบใต้เล็กน้อย
“หนูเห็นหมอวิ่งทุกวันน่าสนุกจัง อยากวิ่งด้วยมั่ง” คราวนี้เธอพูดอย่างสนิทสนมไม่มีหางเสียง
หมอหนุ่มมองยิ้มให้สาววัยรุ่นผิวเข้มนัยน์ตาสวย เธอคือพนักงานผู้ช่วยของโรงพยาบาลที่เขาเพิ่งจะปฐมนิเทศน์ให้พร้อมกับพนักงานคนอื่นๆไปเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้เธอไม่ได้แต่งชุดพนักงานสีเหลืองแต่เธอสวมชุดลำลองเป็นเสื้อยืดและกางเกงสามส่วน หมอหนุ่มสังเกตว่าเธอเป็นสาวรุ่นที่มีรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่ง ตาโตจมูกโต ริมฝีปากหนาๆ กับฟันขาวซี่ใหญ่ๆ ของเธอกลับกลายเป็นว่าเมื่อรวมกันแล้ว ทำให้เธอเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาเท่ทีเดียว
“แล้วทำไมวันนี้ถึงแต่งชุดแบบนี้ล่ะครับ”
“กลับบ้านไปแล้วแต่ขี่มอไซค์มาหาเพื่อน เห็นหมอวิ่งกลับบ้านมาหวันเย็นเเบบนี้มาสองสามวันแล้ว”
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้หมอหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวเป็นคนกล้าพูด กล้าแสดงออกเกินวัย ครั้งต่อมาที่ยืนยันว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ ก็คือวันรุ่งขึ้นนั่นเอง ที่เธอแต่งตัวในชุดออกกำลังกายโชว์ให้เห็นหุ่นสูงโปร่ง ขายาวเรียว เตรียมพร้อมที่จะออกไปวิ่งกับหมอหนุ่มซึ่งยังไม่เคยได้เอ่ยปากชวนเลย
ถึงแม้หมอหนุ่มจะรู้สึกอึดอัดอยู่บ้างในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา และยิ่งเธอเป็นสาวสวยและมีสถานะโสด การไปไหนมาไหนด้วยกันจึงเป็นที่จับตาและสนใจของคนในโรงพยาบาลและในตัวอำเภอที่รู้จักพวกเขาทั้งสอง พลังของฮอร์โมนที่อัดแน่นอยู่ในตัวชายหนุ่มและหญิงสาวมันทรงพลังเกินกว่าความเขินอาย หรือจริยธรรมผู้บริหารใดๆ จะมาทัดทาน ไม่ต้องนับรวมถึงความรู้สึกผิดลึกๆ ในใจของหมอหนุ่มที่มีต่อแฟนสาวซึ่งเป็นหมอใช้ทุนอยู่ในโรงพยาบาลใหญ่ในภาคกลาง
เป็นเช้าวันเสาร์ที่รถมอเตอร์ไซค์ซูซูกิ 80 ซีซี. สีแดงของหญิงสาวมาจอดค้างคืนตั้งแต่เย็นวันศุกร์ ตรงหน้าบ้านพักผู้อำนวยการหลังสีขาวหลังนั้น มันเป็นแบบนี้มาหลายสัปดาห์
“หมอไม่ไปได้ไหม หนูไม่อยากให้ไป”
“ไม่ไปได้ไง จองตั๋วรถไฟเอาไว้แล้ว ยังไงเย็นนี้ก็ต้องไป”
“หมอไปหาเค้า กลับมาจะลืมหนูหรือเปล่า”
“บ้าเหรอ จะลืมได้ไง”
“พ่อบอกให้พาหมอไปเที่ยวบ้าน”
“ได้ บอกพ่อ กลับมาแล้วจะไปนะ”
เขาตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไรจริงจัง
เป็นอีกเช้าวันเสาร์หนึ่ง หน้าบ้านมีรถมอเตอร์ไซค์ซูซูกิสีแดงจอดอยู่ เลยออกมาเป็นรถกระบะอีซูซุสีขาว ในรถมีชายซึ่งน่าจะเป็นคนขับรถติดเครื่องนั่งรออยู่ ภายในบ้านมีเสียงโต้เถียงกันระหว่างชายสองคนสองวัย แทรกด้วยเสียงสะอื้นของหญิงสาวสลับกับเสียงเธอที่คอยห้ามปรามผู้เป็นพ่อให้สงบสติอารมณ์
“ถ้าหมอไม่รับผิดชอบลูกผม ผมก็ไม่รับผิดชอบความปลอดภัยของหมอ”
ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมใหญ่ตวาดเสียงดังใส่หน้าผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนุ่ม ซึ่งตอนนี้นั่งกุมศีรษะไม่มีเสียงโต้ตอบอีกต่อไปเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายนั้น
ยิง ผอ.รพ.อาการปางตาย
พาดหัวข่าวรองหนังสือพิมพ์ชื่อดังที่ผมจำได้ และรู้ว่ามันคือข่าวของหมอที่เป็นผู้อำนวยการอยู่ในโรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดทางใต้แห่งหนึ่ง
แต่หลังจากวางหูโทรศัพท์กับพี่หมอเอกชัยซึ่งผมเพิ่งได้เบอร์โทรศัพท์มาจากทางบ้านของพี่เขาที่อยู่ในตัวเมืองชุมพร เมื่อพี่เขาเปิดใจเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ผมฟัง ผมถึงปะติดปะต่ออะไรต่างๆ ได้ …โรงพยาบาลชุมชนที่พี่เขาเคยอยู่และเคยเกิดเหตุก็คือโรงพยาบาลเดียวกันกับที่เพื่อนผมบุญเสกเคยอยู่และเกิดเหตุนั่นเอง
แล้วผมก็มั่นใจแล้วว่าหญิงสาวชุดเหลืองนัยน์ตาคม ที่แสดงอาการดุตวาดใส่ผมเมื่อวันที่ผมไปสอบถามเกี่ยวกับบุญเสกที่โรงพยาบาลนั้นก็คือหญิงสาวคนเดียวกับในเรื่องราวของพี่หมอเอกชัย