ชีวิตที่ไม่ยังไม่ถึงตอนจบ #2
โดย : เด็กหญิงเจ้าสำราญ
When We Met โดย เด็กหญิงเจ้าสำราญ คอลัมน์ที่บอกเล่าเรื่องราวหลากรส ของผู้คนอันหลากหลาย ที่เราได้มีโอกาสพบปะเจอะเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นความเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ หรืออาจขมบ้างเป็นบางเวลา ที่พร้อมแบ่งปันให้ผู้อ่านได้จดจำนึกถึงและสุขสำราญไปด้วยกัน
หลายคนฝันอยากร่ำรวย อยากมีตำแหน่งหน้าที่งานการที่ดี มีบ้านหลังใหญ่ มีครอบครัวอบอุ่น และอีกสารพัดความฝันตามแต่บริบทของชีวิตที่คิดอยากจะให้เป็น แต่สำหรับน้ำมนต์เธอเองไม่กล้าแม้แต่จะฝันเพราะรู้ว่าด้วยสภาพชีวิตของตัวเองนั้น ต่อให้ฝันมันก็ไม่เห็นหนทางที่จะไปถึง
ตั้งแต่พ่อตายเพราะพิษสุราเรื้อรังตอน 7 ขวบ เธอถูกส่งไปอยู่กับย่าอยู่หลายปี จนแม่มีแฟนใหม่ก็ไปรับเธอกลับมาอยู่ด้วย โดยให้เธอลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาเลี้ยงน้องที่กำลังเกิด แม่กับพ่อเลี้ยงติดการพนันจนเธอต้องมาช่วยแม่ทำงานหาเงินใช้หนี้นอกระบบให้แม่ พอพ่อเลี้ยงตายเพราะหัวใจวาย ชีวิตเธอกับแม่ก็ดีขึ้นมาชั่วระยะเวลานึง แล้วแม่ก็มีแฟนใหม่อีกคน แฟนใหม่ของแม่เอาดีทุกอย่างที่เป็นอบายมุข ยกเว้นทำงาน เวลาชีวิตของน้ำมนต์จึงหมดไปกับการทำงานหาเงินช่วยแม่ใช้หนี้ ส่วนน้องๆ ที่เป็นลูกรักของแม่ที่เกิดจากพ่อเลี้ยงคนแรก ไม่เคยแม้แต่คิดที่จะมาช่วยแม่ทำงาน พอเธอบ่นน้อง แม่ก็บ่นเธอ เธอเคยเห็นน้องนั่งเล่นเกมเป็นวันๆ ชนิดที่ไม่ยอมลุกไปกินข้าวกินปลา จนแม่ต้องเอาข้าวกล่องไปวางไว้ข้างๆ ตัว แต่ถึงกระนั้นน้องก็ไม่คิดเปิดกล่องกิน จนแม่ต้องเดินกลับไปเปิดฝากล่องให้ เธอเลยได้แต่ส่ายหน้ายอมแพ้กับความรักที่แม่มีให้น้อง
และก็นับว่าเป็นโชคดีที่พอแม่แก่ตัวลงพ่อเลี้ยงคนล่าสุด ก็ทิ้งแม่ไปหาเมียใหม่ที่เด็กกว่า แม่ตามไปด่าพร้อมคำสาปแช่งพ่อเลี้ยงอยู่ได้ไม่ถึงเดือน ก็กลับมาใช้ชีวิตออกไปขายของปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ชวนเธอคิดทำโน่นทำนี่เพื่อหารายได้เพิ่ม เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายในบ้าน และหนี้ที่ยังมีอยู่แล้ว น้องก็ยังต้องใช้เงินในการเรียนหนังสือ เธอชอบที่แม่เป็นคนไม่เสียเวลาให้ความเศร้า แล้วมูฟออนจากทุกอย่างได้ไว และยิ่งชอบมากเป็นพิเศษกับแม่ในเวอร์ชั่นที่ไม่มีใครแบบนี้ เพราะแม่จะเอาเวลาไปทุ่มให้กับการทำมาหากิน มากกว่าจะเอาเวลาไปตามพ่อเลี้ยงที่วันๆ คิดแต่จะชวนแม่เข้าบ่อน และข้อดีอีกอย่างหนึ่งของแม่คือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต แม่จะไม่เคยปล่อยให้ลูกต้องอด แม่มีแผงขายอาหารตามสั่งเล็กๆ ในชุมชนละแวกบ้าน ทุกเช้าเธอจะตื่นไปจ่ายตลาด กลับมาเตรียมของให้แม่ ขี่มอเตอร์ไซค์ส่งน้องไปโรงเรียน แล้วไปเป็นลูกมือช่วยแม่ที่ร้าน มีวันที่ขายดีและขายไม่ดีเป็นเรื่องปกติ
วันหนึ่งลูกค้าของแม่ชวนให้แม่ไปเปิดร้านขายอาหารที่โต๊ะสนุกเกอร์ แม่ไม่อยากทิ้งร้านเดิม แต่บอกให้เธอลองแยกไปขายเอง จะได้มีเงินหลายๆทาง นั่นเป็นครั้งแรกในวัยเกือบ 30 ที่น้ำมนต์รู้สึกกระตือรืนร้นที่ได้มีงานเป็นชิ้นเป็นอันของตัวเอง และที่นั่นน้ำมนต์ก็ได้เจอกับนนท์ นนท์เป็นมนุษย์ออฟฟิตธรรมดาๆ ที่แก่กว่าน้ำมนต์เกือบ 15 ปี เขาตามเพื่อนมาเล่นสนุกเกอร์ด้วยความสนุก แต่สิ่งที่เขารู้สึกว่ามันสนุกกว่าสนุกเกอร์ ก็คือการได้คุยกับน้ำมนต์ เขาชอบในความขยันทำงานของน้ำมนต์ ไม่ว่าเขาจะแวะมาโต๊ะสนุกเกอร์วันไหน ร้านของเธอก็ไม่เคยมีวันหยุด เขาจะเห็นเธอง่วนอยู่กับการทำอาหารให้ลูกค้าเสมอๆ ตลอด 2 ปีของการเข้าออกโต๊ะสนุกเกอร์ น้ำมนต์เองก็ได้เห็นความจริงใจของนนท์ที่ไม่เคยรังเกียจชีวิตของเธอ เธอจึงไม่ลังเลเมื่อเขาขอแต่งงาน งานแต่งของเธอเป็นงานที่เรียบง่ายมากที่สุดงานหนึ่ง แค่จูงมือพากันไปบอกให้แม่และญาติๆ รับรู้ว่าจะอยู่ด้วยกัน แล้วก็ไปทำบุญกัน 2 คน แม่เองก็ไม่ได้ให้พรอะไรมากมายแค่บอกให้อยู่กันดีๆ ช่วยกันขยันทำมาหากิน
น้ำมนต์ย้ายไปเช่าบ้านอยู่กับนนท์ ในละแวกซอยใกล้ๆ กับบ้านแม่ เวลาว่างเธอก็แวะไปดูแม่ เอาเงินให้แม่กับน้องไว้ใช้บ้าง ชีวิตน้ำมนต์ปกติสุขอยู่หลายปีจนกระทั่งเธอตั้งท้อง หลังลูกเกิดได้ไม่นานร้านสนุกเกอร์ก็ปิด แม่บอกให้เธอลับมาช่วยขายอาหาร อย่างน้อยก็จะได้มีเงินใช้ แต่เธอรู้ดีว่าลำพังแค่รายได้จากร้านที่แม่ทำ ก็แทบไม่พอใช้จ่าย เพราะแม่มีน้องให้ต้องดูแลอีก 2 คน เธอปรึกษากับนนท์และตัดสินใจไปสมัครเป็นลูกจ้างร้านตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อจะได้มีเงินเก็บไว้เลี้ยงลูก เธอทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม บางครั้งก็ทำงานล่วงเวลาต่ออีกถึงตี 1- ตี 2 เช้าก็เอาลูกไปฝากให้แม่ช่วยเลี้ยง เย็นก็ให้นนท์ไปรับกลับ
พอลูกอายุได้ 2 ขวบ แม่ก็เส้นเลือดในสมองแตก น้องชายที่แม่เคยตั้งความหวังว่าจะต้องเรียนหนังสือสูงๆ ก็เลิกเรียนบอกว่าจะหางานทำ น้องสาวก็ยังเรียนไม่จบ เธอเลยต้องกลับมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้แม่และน้อง เงินที่ตั้งใจว่าจะเก็บไว้ให้ลูกบางส่วนถูกนำมาใช้ดูแลแม่ ทุกวันที่แม่ป่วยติดเตียงแม่ก็จะถามหาและเป็นห่วงน้องๆ ว่าวันนี้กินอยู่อะไรยังไง พร่ำฝากฝังเธอให้ช่วยดูแลน้องให้ดีเหมือนที่สั่งเธอมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ
ระยะเวลาปีกว่าที่ได้เฝ้าดูแลแม่ จนถึงวันที่แม่จากไป เธอให้เวลากับความเสียใจไม่นาน เพราะที่ผ่านมาเธอรู้สึกว่าเธอได้ใช้เวลาดูแลแม่ในทุกวันอย่างเต็มที่และดีที่สุดเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำให้ได้แล้ว สิ่งที่ทำให้ความทรงจำทั้งดีและร้ายระหว่างเธอกับแม่กลายเป็นความทรงจำที่สวยงาม ก็คือคำพูดสุดท้าย ที่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินแม่บอกขอบคุณเธอที่ไม่ทิ้งแม่และน้อง รวมทั้งอวยพรให้เธอเลี้ยงลูกให้ดี… และคำสั้นๆ ของแม่ไม่กี่คำนั้น มันก็ทำให้ตอนนี้เธอกล้าที่จะเริ่มฝันถึงชีวิตครอบครัวที่จะต้องทำให้มันดีกว่าที่เธอเจอ
เธอรู้ว่านี่ยังไม่ใช่ตอนจบของชีวิต จากนี้ไปคงจะมีเรื่องทุกข์และเรื่องสุขคงผ่านมาให้ได้เจออีก…อีก 5 ปี 10 ปี หรือ 20 ปีข้างหน้า วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีที่สุด ที่เธอจะได้ย้อนคิดถึงมันด้วยความสุขที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่
- READ ชีวิตที่ไม่ยังไม่ถึงตอนจบ #1
- READ ชีวิตที่ไม่ยังไม่ถึงตอนจบ #2
- READ แก่แล้วไปไหน?
- READ เป็นบอสมันเหนื่อย
- READ อาชีพเล็กๆ ที่เรียกว่า...ยาม
- READ เราคือมิตร...ที่ไม่ใช่มิจ (ฉาชีพ)
- READ วันดีดี
- READ สวนสนุก
- READ ฉันอยู่ได้เมื่อไม่มีเธอ
- READ วันที่ดอกไม้บาน
- READ ความทรงจำที่หายไป
- READ ก้อนเมฆ
- READ แม็กกี้
- READ กล่องสุ่ม
- READ คำสัญญา
- READ หนังสือของพ่อ