พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 18.2 : ปรับแผนเดินทาง

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 18.2 : ปรับแผนเดินทาง

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

“มังกร…” ลิ่วลมพึมพำ ดวงตาจ้องมองสัญลักษณ์มังกรในผืนผ้า มันถูกปักขึ้นด้วยความประณีต มีรายละเอียดแม้กระทั่งดวงตาสีแดงจัด

“ดรุก” คราวนี้เชวังเป็นคนเล่าให้ทุกคนฟังด้วยตัวเอง เขาชี้มือไปที่ลวดลายมังกรบนผืนผ้านั้น “มังกรหมายถึงความสง่างาม ความเอื้ออาทร ความสงบและความสำเร็จ มังกรมีพลังแห่งสายฟ้า และยังเป็นเทพที่ปกป้องคุ้มครองประเทศของเราอีกด้วย”

“ถ้าสรุปได้แล้ว รีบไปกันเถอะครับ ขืนรอช้าไม่รู้ว่าพวกคนร้ายชุดที่สองจะตามมาถึงเมื่อไหร่” เยชิทอดสายตามองลิ่วลมกำลังเก็บพยับฟ้าโพยมดินลงในกระบอกทรงกลม ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้องที่สถานีป่าไม้แห่งที่สองเป็นภาษาภูฏาน ฝากรถและกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่เอาไว้ พร้อมกับสั่งให้คนที่เป็นหัวหน้าเดินทางเข้าทิมพูเพื่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้กับกรมต้นสังกัด

“ให้ผมช่วยไหมครับอาจารย์” ลิ่วลมหันไปทางอัญญาวีร์ที่นั่งลงเลือกของออกจากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพื่อใส่ลงไปในเป้สะพายหลังที่คินซาเตรียมไว้ให้ทุกคน

“ไม่ต้องหรอก เธอไปจัดการเป้ของตัวเองดีกว่า” อัญญาวีร์พยักหน้าให้ลูกศิษย์

ถึงตรงนี้ไม่มีใครช่วยใครได้อีกแล้ว ทุกคนต้องแบกสัมภาระต่างๆ ด้วยตัวเอง คณะเดินทางที่เหลือต้องเลือกของใช้และเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋า แล้วใส่ลงในเป้ใบใหญ่ ส่วนลูกหาบทั้งสามมีหน้าที่ช่วยกันแบกเต็นท์ อาหารแห้ง น้ำดื่ม และข้าวของที่จำเป็น

“ยากจัง” นารีญาพึมพำ

“อะไรยาก” ลิ่วลมปิดกระเป๋าเดินทางแล้วหันไปถาม เขาเลือกของใส่เป้เสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เลือกยากน่ะสิ เอาชิ้นนี้ไป เสียดายชิ้นที่ทิ้งเอาไว้” นารีญาทำปากยื่น กระเป๋าเดินทางของเธอใบใหญ่กว่าใครๆ “ฉันอุตส่าห์เตรียมเสื้อผ้ามาตั้งเยอะ กะจะถ่ายรูปแล้วเอาไปใช้โพสต์ได้อีกสักหลายๆ วัน สุดท้ายเหลือเป้ใบนิดเดียว”

“อยากเอาไปหมดนั่นเลยก็ได้นะ” ลิ่วลมพยักพเยิด “แต่ต้องแบกเอง”

“ฉันรู้หรอก” นารีญาถอนใจเบาๆ “แค่บ่นไปยังงั้นเอง…ว่าแต่…”

หลานสาวอาจารย์อัญญาวีร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์

“เป้คุณมีที่ว่างมั่งไหม ฉันฝากของไปหน่อยได้เปล่า”

“โนเวย์” ลิ่วลมรีบปฏิเสธ “ไม่มีทาง แค่นี้ก็หนักจะแย่แล้ว”

“นิดเดียวเอง…นะ นะ” นารีญาแกล้งว่า

“เถียงกันอีกแล้วสองคนนี้ ของของใคร คนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ อย่าไปวุ่นวายกับคนอื่น” อัญญาวีร์ดุหลาน เธอจัดของเสร็จเรียบร้อยและกำลังยกเป้ขึ้นทดสอบน้ำหนัก

“ไหวไหมอัญ” เชวังอยู่ใกล้ๆ เขาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ไหว” อัญญาวีร์ตอบสั้นๆ “ฉันรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย”

“ถ้าทุกคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ไปกันเถอะครับ” เยชิร้องบอก “จากนี้เราจะต้องเดินเท้าไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมง”

เยชิร่ำลาลูกน้องเก่าของเขา แล้วเดินนำทุกคนไปตามทางเดินแคบๆ ที่สองข้างเต็มไปด้วยมอสสีเขียว และเฟิร์นหน้าตาแปลกๆ

คนไทยทั้งสามและคินซาเดินตามเยชิไปติดๆ มีเชวังและลูกหาบสามคนเดินปิดท้าย ก่อนออกเดินทางเยชิกับเชวังแจกปืนพกกระบอกกะทัดรัดให้กับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่อัญญาวีร์และนารีญา

“เอาไว้ป้องกันตัวครับ” เชวังบอก เมื่อเห็นสีหน้าไม่ชอบใจของอัญญาวีร์ “เรายังไม่รู้ว่าหนทางขางหน้าจะเจออะไรบ้าง”

“คุณยิงเป็นหรือเปล่า” ลิ่วลมหันไปกระซิบถามหลานสาวอาจารย์อัญญาวีร์

“เกิดมาไม่เคยยิงปืนเลย” นารีญาส่ายหน้า ยกปืนในมือขึ้นมองไปมา ท่าทางของหญิงสาวดูสนุกมากกว่าจะกังวล “แต่ถึงเวลา ถ้าต้องยิง…ก็น่าจะยิงได้”

เมื่อเดินต่อไป ทางเดินเริ่มสูงชันขึ้น เยชิชี้ให้ดูเนินเขาตรงหน้า ลิ่วลมแลเห็นสถูปสี่สถูปก่อเรียงกัน นั่นคือปากถ้ำที่พวกเขาจะต้องเข้าไปผจญภัย

ยิ่งสูงอากาศก็ยิ่งหนาวและพื้นดินก็ชื้นชุ่มมากขึ้นทุกขณะ ทำให้ทุกคนต้องเดินด้วยความระมัดระวัง รองเท้าผ้าใบสีขาวของนารีญาบัดนี้กลายเป็นสีน้ำตาล มองไม่เห็นเค้าของสีเดิม

เยชิพาเลี้ยวลัดไปใต้ร่มเงาของไม้สนด้วยความชำนาญ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็พาทุกคนมาถึงที่ปากถ้ำ และลิ่วลมก็เบิกตากว้างจ้องมองสถูป ‘สี่เทพผู้พิทักษ์’ ด้วยความทึ่งแกมศรัทธา

ใครจะเชื่อว่าท่ามกลางป่าดอยลึกเร้นเช่นนี้ จะมีผู้คนก่อสถูปขึ้นมาถึงสี่องค์ สถูกแต่ละองค์ทำด้วยไม้ถือปูน สลักลวดลายสัตว์เทพทั้งสี่ แม้จะเก่าคร่ำคร่า ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน หากลิ่วลมยังเห็นร่องรอยของการลงสีสันเอาไว้อย่างงดงาม โดยเฉพาะสถูปที่เป็นมังกร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาสถูปทั้งหมด และรูปสลักมังกรกางปีกทะยานบินนั้นดูราวกับมีชีวิต

“นั่งพักกันหน่อยนะครับ”

เยชิสั่งให้ลูกน้องของเขาแจกน้ำดื่มให้ทุกคน

“ทุกคนจะได้รับน้ำคนละหนึ่งขวด…จิบแต่น้อยนะครับ อย่าดื่มมากเกินไป…เราจะต้องเก็บน้ำเอาไว้ใช้ข้างหน้าด้วย”

นารีญารับขวดน้ำมาใส่เป้เอาไว้ ยังไม่ยกดื่ม หญิงสาวหันไปทางเชวัง ทำท่าอยากขอถ่ายรูป และนายแพทย์วัยกลางคนก็พยักหน้าอนุญาต

หลานสาวของอัญญาวีร์ยกกล้องมือถือขึ้นมาเก็บภาพอย่างรวดเร็ว นารีญารู้ว่าอะไรควรไม่ควร เธอจึงไม่ได้เซลฟีตัวเอง หรือขอให้ลิ่วลมถ่ายภาพให้เหมือนทุกครั้ง แต่แล้วจังหวะที่เธอยกกล้องขึ้นเตรียมถ่ายภาพยอดสถูปทั้งสี่นั่นเอง ที่นารีญาสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง

เธอร้องเอ๊ะเสียงดัง พร้อมกับชี้มือไปที่ยอดสนอย่างรวดเร็ว…

 



Don`t copy text!