พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.2  :  Orchid Hunter

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 9.2 : Orchid Hunter

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

ตอนที่เยชิและคินซามาถึงโรงแรม ตำรวจสอบปากคำลิ่วลม อัญญาวีร์และนารีญาเสร็จพอดี  

ร้อยตำรวจเอกจิกมี ซิงห์หา และร้อยตำรวจโทดอร์จี นัมเกลอธิบายเรื่องราวให้ไกด์ทั้งสองฟัง พร้อมกับเชิญทั้งเยชิและคินซาไปสอบปากคำด้วยเช่นกัน 

ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง นายตำรวจทั้งสองก็ลากลับไป เยชิเดินย้อนกลับมาหาแขกชาวไทยของเขา คินซาถอนใจยาว ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วอธิบายว่า 

“ไม่ต้องตกใจนะคะ ผู้กองจิกมีไม่ได้คิดว่าพวกคุณเป็นคนร้ายหรอก แต่เขาอยากได้ข้อมูลให้มากที่สุด เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ พวกเราอยู่กันอย่างสงบสุขมานาน ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน อีกอย่าง คุณเคซังเป็นบุคคลมีชื่อเสียง การที่เขาได้รับอันตรายแบบนี้เป็นเรื่องไม่ปกติอย่างมาก” 

“ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าสงสัยมาก” ลิ่วลมเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งคิดไปพักใหญ่ “วิหารฟ้าคะนองก็เพิ่งโดนคนร้ายบุกไปขโมยของ ต่อมาก็พิพิธภัณฑ์เคซัง ลุนดรัป…” 

“อุทุมพร” นารีญาดีดนิ้ว “ดอกไม้ทิพย์” 

“ใช่” ลิ่วลมมั่นใจ “สถานที่สองแห่งไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันเลย มีเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมโยงวิหารฟ้าคะนองและพิพิธภัณฑ์ลุนดรัปเข้าด้วยกัน…เบาะแสของดอกอุทุมพร…” 

“มีคนตามหาดอกอุทุมพรอย่างนั้นหรือ” เยชิหันไปสบตากับคินซา 

“ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเอง” ลิ่วลมเม้มริมฝีปาก 

“แต่มีความเป็นไปได้อยู่นะคะ” คินซาว่า “สองสามสัปดาห์มานี้ คุณลุงของฉันที่มีอาชีพหาของป่าขายเล่าว่า มีคนแปลกหน้ามาเที่ยวถามถึงดอกอุทุมพรในตลาด ไม่เคยมีใครถามถึงดอกอุทุมพรอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน” 

Orchid Hunter” อัญญาวีร์ว่า “นักล่ากล้วยไม้” 

“ผมเคยได้ยินว่ามีอาชีพนี้ในยุควิคตอเรียน”  

ลิ่วลมชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ อาชีพนักล่ากล้วยไม้ หรือ Orchid Hunter เป็นอาชีพยอดนิยมในสมัยวิคตอเรียน 

นักผจญภัยหลายคน ออกเดินทางไปทั่วโลก ตระเวนไปตั้งแต่ชวา ฟิลิปปินส์ อินโดจีน สยาม ธิเบต จนจรดป่าแอมะซอน เพื่อเสาะหาพันธุ์ไม้แปลกๆ โดยเฉพาะกล้วยไม้ เพื่อส่งกลับมายังอังกฤษ มีมหาเศรษฐีหลายรายพร้อมจะจ่ายเงินจำนวนมากมายมหาศาลแลกกับกล้วยไม้เหล่านั้น 

“เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่อีกหรือครับ” 

เขาไม่นึกว่าในโลกปัจุบัน ยังจะมีใครต้องยากลำบาก ออกเดินป่า ล่องไพร ดำน้ำ ปีนเขา เพื่อตามหาพืชพรรณไม้หรือสัตว์หายากเฉกเช่นในอดีตอีกแล้ว ในเมื่อเทคโนโลยีต่างๆ พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น โดรน ภาพถ่ายดาวเทียม การค้นหาพิกัดด้วยแผนที่กูเกิ้ล และอีกมากมาย ทุกตารางนิ้วของโลกใบนี้เหมือนจะอยู่ภายในลัดนิ้วมือ ผู้คนไม่จำเป็นต้องอุทิศตัวเองเพื่อลัดเลาะเสาะหาเหมือนแต่ก่อน แค่ลงทุนกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดเท่านั้น 

“มีสิ” อัญญาวีร์พยักหน้า “ตราบใดที่มนุษย์ยังมีกิเลส ความอยากได้อยากมี การค้นหาพันธุ์ไม้หายากเพื่อครอบครองก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ปัจจุบันมีความก้าวหน้ามากขึ้น และเต็มไปด้วยอันตรายมากว่าแต่ก่อน” 

“หมายความว่าอย่างไรครับ” ไม่เพียงแต่ลิ่วลมจะสงสัย เยชิและคินซาเองก็อยากรู้ 

“ครูได้ยินมาว่า มีบริษัทตามล่าพืชและสัตว์หายากอยู่ แต่บริษัทพวกนั้นดำเนินการในทางลับ ทำกิจการอื่นบังหน้า”  

ครั้งหนึ่งเชวัง ทินเลย์เคยเล่าให้เธอฟังถึงบริษัทดังกล่าว ทว่าในตอนนั้นเขาไม่ได้เล่าจริงจังนัก มาถึงตอนนี้อัญญาวีร์อดนึกไปถึงเรื่องที่อดีตคนรักเล่าให้ฟังมิได้ 

“ใครจะรู้…พวกนั้นอาจกำลังตามหาดอกอุทุมพรอยู่ก็ได้” 

“ถ้าดอกนั้นมีจริง” นารีญาทำตาโต “พวกนั้นไปพบเข้าจริงๆ แล้วเอาไปขาย…โอ้โห รวยไม่รู้เรื่องเลยนะคะน้าอัญร์” 

“คุณครับ” เยชิเอ่ยด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด “ผมคิดว่า…เรื่องนี้ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ สิ่งที่คุณลิ่วลมสงสัย และสิ่งที่คินซาได้ยินมาจากพวกหาของป่า…น่าจะมีคนพยายามสืบหาดอกอุทุมพรอยู่จริงๆ” 

“ถ้าใช่” ลิ่วลมนิ่งนึก “แสดงว่าพวกเขาต้องมีหลักฐานอื่นในมือ ที่ทำให้มั่นใจได้มากพอว่า…มีดอกอุทุมพรอยู่ที่ภูฏานจริงๆ ถึงได้ลงทุนมาติดตามหา…พวกเขาต้องการพิกัดของดอกไม้นั่นเหมือนกับเรา” 

“โอ…” จู่ๆ นารีญาก็ร้องเสียงสั่น “น้าอัญคะ…ลิ่วลม” 

“มีอะไร” อัญญาวีร์นิ่วหน้า ขณะที่ลิ่วลมหันมาทางหญิงสาว 

“ฉันว่าคุณเคซังรู้เรื่องนี้” นารีญาใจเต้นตึ้กตั้ก “นายรีบไปเอากระบอกที่คุณเคซังให้มา…ที่เขาบอกว่าเก็บสำเนาผ้าพยับฟ้าโพยมดินน่ะ ไปเอามาให้พวกเราดูเดี๋ยวนี้เลย” 

“เอามาทำไม” ลิ่วลมย้อนถาม ครั้นพอเห็นสายตาคู่นั้นของหญิงสาว เขาก็นึกออกเช่นกัน 

ชายหนุ่มใจเต้นแรง เขาบอกให้ทุกคนรอประเดี๋ยว จากนั้นก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องพัก หยิบเอากระบอกโลหะที่เคซังส่งมอบให้ แล้วกลับลงมาหาทุกคน  

เคซังบอกเขาว่า…ในนั้นคือสำเนาของลายผ้าพยับฟ้าโพยมดิน  

ลิ่วลมเหลียวซ้ายแลขวา จนแน่ใจแล้วว่าในล็อบบี้ไม่มีใครนอกจากพวกเขา จึงได้เปิดฝากระบอกโลหะสีเงินเก่าคร่ำคร่า…แง้มออกเพื่อดูสิ่งของที่อยู่ภายใน 

แม้ไม่ได้เปิดฝาออกจนหมด หากทว่าแสงเรืองรองสีเขียวอมฟ้าของผ้าโบราณ ก็ส่องประกายพยับเรืองออกมาให้เห็น 

ลิ่วลมตัวเย็นวาบ อัญญาวีร์ นารีญา คินซาและเยชิก็พลอยนั่งตัวแข็งไปด้วยเช่นกัน 

ในกระบอกที่เคซังกำชับให้เปิดเมื่อเดินทางไปถึงซัมเซนั้น…ไม่ใช่สำเนาของพยับฟ้าโพยมดินอย่างที่เขาบอก 

แต่มันคือพยับฟ้าโพยมดินผืนจริง ! 

“คุณเคซังรู้ เขารู้มาตลอดว่ามีคนต้องการผ้าผืนนี้ เพื่อใช้มันเป็นแผนที่นำทางไปหาดอกอุทุมพร” นารีญายังพึมพำประโยคเดิม “สัญญาข้อที่สามเขาจึงย้ำนักย้ำหนา ให้เรารักษาพยับฟ้าโพยมดินไว้ด้วยชีวิต หากเกิดเหตุสุดวิสัย มีใครต้องการจะชิงเอาพยับฟ้าโพยมดินไป…ให้ทำลายผ้าทิ้งทันที…” 

“ทุกคนคะ” คินซาเอ่ยขึ้นเป็นคำแรก หลังจากหายตกตะลึง “ฉันคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมาก พวกเราทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย พวกเราควรรีบออกเดินทางไปซัมเซให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ รีบไป…ก่อนที่พวกคนร้ายจะไหวตัวทัน…” 



Don`t copy text!