บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 1 : เจ้าสัวม่าย
โดย : ตฤณภัทร
บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี นวนิยายออนไลน์สนุกๆ โดย ตฤณภัทร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องราวของฮวง ลูกหลานชาวจีนที่กลายมาเป็นปลัดจีนผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นของพี่น้องชาวจีนในสยาม แต่แล้วเขาก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่มาพร้อมเรื่องรักลึกซึ้งที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์สำคัญของสยาม
ช่วงนี้ผู้คนในเรือนของพระฤทธิรงค์รณยุทธ์ขุนนางนอกราชการที่ผันตัวมาเป็นพ่อค้ามักพบเห็นฮวง เจ้าสัวหนุ่มซึ่งเป็นที่จับตาของคนในพระนครมาเป็นแขกบ่อยครั้ง จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้ทั้งมิตรภาพระหว่างกัน ทั้งกิจการค้าที่ต้องข้องเกี่ยวทำให้ฮวงเป็นที่คุ้นตาของคนที่นี่ ทว่าตั้งแต่ที่เมียของเขาเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วน ท่านเจ้าสัวก็มาเยือนที่เรือนแห่งนี้แทบจะทุกวัน
“เรือนตนเองไม่มีจะอยู่หรืออย่างไร” เจ้าของเรือนอดีตขุนนางหนุ่มใหญ่ถาม เสียงติดจะรำคาญสหายสนิทของเมียไม่น้อย
ทว่าเขาก็พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าชายหนุ่มที่กำลังอ่านหนังสือตรงหน้า กำลังต้องการทราบข่าวหนึ่งซึ่งวานให้เข้าช่วยเป็นธุระ ทว่ามันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียทุกวัน ดีที่เขาไม่ค้างที่เรือนพักแขกด้วย
“คุณพี่ก็” ภรรยาเลือดผสมของฤทธิ์เอ่ยอย่างทราบสาเหตุที่แท้จริง “พ่อลมของพวกเรานี้กำลังจะถูกจับคู่น่ะสิเจ้าคะ”
เรื่องที่เขากับซิ่วลั้งผู้เป็นภรรยาซึ่งอยู่กินกันมาหลายปีไม่มีทายาทด้วยกัน เดิมทีนางเหมียวกิมผู้เป็นมารดานั้นก็รู้สึกร้อนใจมากแล้ว หลายปีที่ผ่านมานางอยากจะให้ฮวงรับอนุภรรยาเพิ่ม พยายามเกลี้ยกล่อมหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ตอบสนอง ส่วนหญิงสาวที่ใครทั้งเมืองต่างคิดว่าเป็นอนุภรรยาของเขาอย่างแชซิ่ว ก็ไม่มีทีท่าจะให้กำเนิดทายาทออกมา เมื่อสิ้นซิ่วลั้ง นางเหมียวกิมจึงมีความเดือดร้อนใจเป็นทวีคูณ
ดังนั้นนางจึงเริ่มกดดันให้ฮวงแต่งงานใหม่ แม้ว่าไม่จำเป็นต้องรีบร้อนเพราะครอบครัวเพิ่งผ่านพิธีไว้ทุกข์ไป แต่นางเหมียวกิมก็ต้องการให้ฮวงเริ่มมองหาหญิงที่จะมาเป็นนายหญิงคนใหม่ในอาณาจักรของบุตรชายของตน เริ่มสร้างความสนิทสนมกันไว้ เมื่อพ้นช่วงไว้ทุกข์ไปก็แต่งงานได้แบบไม่น่าเกลียด
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ฮวงไม่สามารถอยู่ติดเรือนของตนอย่างเป็นสุขนั้นเริ่มต้นขึ้นในเช้าวันหนึ่ง
‘อาม๊า นี่มันกระไรกัน’ เขากระซิบถามผู้เป็นมารดา เมื่ออยู่ดีๆ นางเหมียวกิมก็จัดแจงให้หยงมาคอยดูแลปรนนิบัติเขาอย่างใกล้ชิดซึ่งผิดปกติเป็นอย่างมาก
ฮวงเป็นชายที่รักความเป็นส่วนตัว เขาติดนิสัยตั้งแต่เด็กที่ถูกเลี้ยงให้เติบโตมาในครอบครัวชาวสยามฐานะธรรมดา ทำให้เขาชอบจัดการธุระต่างๆ เองโดยไม่ต้องผ่านคนรับใช้ ฮวงจึงไม่มีสาวใช้ประจำตัว คนที่ถือว่าอยู่ใกล้กับเขาที่สุดนั้นก็คือตีหุย ผู้คุ้มกันที่มีห้องนอนอยู่ใกล้กัน แต่หากไม่มีเหตุอันใด หรือฮวงไม่ได้สั่งการให้เข้าจัดการเรื่องราวใดๆ คนในเรือนก็แทบจะไม่เห็นเขา
แม้ยามที่ภรรยายังอยู่ทั้งสองก็แยกห้องนอนกัน จนมารดามักเอ่ยเสมอว่านี่เป็นสาเหตุที่เด็กไม่ยอมมาเกิดเป็นลูกของเขาเสียที
‘น้ำล้างหน้าเจ้าค่ะนายท่าน’ หยงวางอ่างล้างหน้าทองเหลืองที่บรรจุน้ำลอยดอกไม้ลงบนโต๊ะ ท่าทางของหล่อนนั้นประดักประเดิด ด้วยไม่ใช่หน้าที่ที่คุ้นชิน
ยามที่ฮวงยังอยู่ในความดูแลของครอบครัวชาวสยาม นางเหมียวกิมที่อยากใกล้ชิดบุตรชายจึงเคยแฝงตัวทำงานเป็นคนดูแลศาลเจ้าที่อยู่ใกล้กับเรือนของบิดามารดาบุญธรรมของฮวง เพื่อแอบดูความเป็นอยู่ของบุตรชาย ภายหลังเมื่อทางการสยามอนุญาตให้ฮวงกลับคืนสู่ตระกูลแม่ลูกจึงได้กลับมาอยู่ด้วยกัน
ครั้งนั้นนางเหมียวกิมสนิทกับเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อนางยี้ เพราะนางมีชีวิตที่คล้ายคลึงกันคือเป็นแม่ม่าย นางยี้ต้องเลี้ยงดูลูกมาคนเดียว นางเหมียวกิมจึงมักเกื้อกูลสองแม่ลูกเสมอ ฮวงเองก็คุ้นเคยกับหยงพอสมควร สมัยตอนยังเป็นเด็กหญิง หยงที่มักจะแต่งตัวมอมแมมมักคอยตามเขาต้อยๆ และขอให้อุ้มและเล่นด้วยอยู่เสมอ
เมื่อนางยี้มารดาของหยงตกล่องปล่องชิ้นกับกุลีคนหนึ่งและมีครอบครัวใหม่ นางเหมียวกิมจึงขอตัวหยงมาอยู่ด้วยกัน ดูแลให้ความเอ็นดูราวกับเป็นลูกสาวคนหนึ่ง ด้วยความที่นางมีเพียงบุตรชาย การที่มีหยงเข้ามาคอยดูแลนั้นก็ถือว่าเป็นส่วนเติมเต็มของครอบครัวได้เป็นอย่างดี ฮวงเองที่เต็มไปด้วยภารกิจการงานมากมายก็เห็นว่าการที่มารดาของตนมีคนดูแลนั้นก็เป็นเรื่องที่สมควร
…แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาดูแลเขาด้วยนี่นา
ฮวงมองหญิงสาวที่ยืนตัวลีบอยู่ตรงหน้า แม้ว่าหยงจะมีความคุ้นเคยกับเขาราวกับเป็นน้องสาว แต่เธอก็ไม่เคยตีตนเสมอ ให้ความเคารพทั้งมารดาของเขาและเขาเป็นอย่างดีมาตลอด เห็นทีว่าเรื่องจับคู่ครานี้คงไม่พ้นหยงถูกมารดาของเขาบังคับกะเกณฑ์อย่างแน่นอน
‘เพ้ย ป่านนี้แล้วยังจะมาเรียกขานว่านายท่านได้อย่างไร อี๊บอกลื้อหลายหนแล้วให้เรียกเฮียฮวง’ นางเหมียวกิมดุหญิงสาว ‘เอ้า ช่วยอาเฮียล้างหน้าล้างตาเสียให้เรียบร้อย’
‘อาเฮีย’ หล่อนเรียกเสียงเบาพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของนางเหมียวกิม
ฮวงที่เริ่มสงสารจึงต้องยอมให้หยงดูแลแต่โดยดี ชายหนุ่มคิดพลางเอ่ยกับมารดา
‘อาม๊า อั๊วอยากกินโจ๊กที่ลื้อทำ ได้หรือไม่’
‘ฮ่อฮ่อ ได้สิ’ นางเหมียวกิมที่อยากให้หนุ่มสาวทั้งสองได้ใกล้ชิดกันเป็นทุนเดิม รับคำและรีบไปที่ครัวโดยทิ้งให้ฮวงและหยงอยู่สองต่อสองภายใต้ความเงียบที่น่าอึดอัด
…เมียลื้อก็ซี้แล้ว ลูกหลานก็ยังไม่มี อั๊วเลยคิดว่าลื๊อควรมีคนดูแลได้แล้ว
นางเหมียวกิมคิดกับตนเอง นางคิดมานานหากลูกชายมีเมียใหม่ครานี้นางก็อยากมีส่วนช่วยในการตัดสินใจ ตนจะได้มีลูกสะใภ้ที่ว่านอนสอนง่ายกับเขาบ้าง
อย่างตอนซิ่วลั้ง เพราะหญิงสาวผู้นั้นสนับสนุนบุตรชายนางได้อย่างดี นางจึงไม่ได้คัดค้าน แต่ลึกๆ นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะพอใจนัก เพราะซิ่วลั้งไม่ใช่กุลสตรีเรียบร้อย หญิงสาวเป็นคนโผงผาง ไม่ชอบประจบเอาใจใคร แม้แต่แม่ผัว เธอก็เพียงให้ความเคารพ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามความต้องการของนางเหมียวกิม ยึดความต้องการของตนเป็นหลัก ส่วนลูกชายของเธอเองก็มีส่วนให้ท้ายเมีย ไม่ได้อบรมสั่งสอนให้อยู่ในโอวาทอย่างที่ควรจะเป็น
ส่วนอีกคน หญิงสาวที่ใครหลายคนเล่าลือว่าเป็นอนุภรรยาของฮวง แชซิ่วผู้นั้นเรียบร้อยอ่อนหวานดี หล่อนดูแลเอาใจใส่นางจนได้รับความเอ็นดู เสียแต่ว่านางเคยเป็นนางคณิกา แม้ว่าเดี๋ยวนี้จะขายเพียงการร้องรำ แต่หญิงเช่นนี้นางรู้สึกไม่สนิทใจหากว่าเธอจะได้ขึ้นมาเป็นเมียเอกของบุตรชาย ที่บัดนี้เพียบพร้อมทั้งทรัพย์สมบัติ บริวาร และความมีหน้ามีตา
นางคิดว่านางเลือกไม่ผิด แม้ว่าหยงนั้นจะเป็นเด็กสาวที่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ดีพร้อม แต่หยงนั้นหัวอ่อน ว่าง่าย และมีลักษณะที่ดีที่น่าจะมีลูกง่าย หญิงเช่นนี้จึงเหมาะที่จะมาดูแลบุตรชายของนางในฐานะเมียที่ออกหน้าออกตา รวมถึงการจะได้ฝากผีฝากไข้ให้หยงดูแลในบั้นปลาย
ด้วยความที่บุตรชายของนางถูกพรากไปตั้งแต่แบเบาะ นางจึงไม่ได้เลี้ยงดูอุ้มชูเขามาแต่เล็กแต่น้อย ยามที่ฮวงกลับคืนสู่ครอบครัวเขามีความกตัญญูอ่อนน้อมก็จริง แต่ก็มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ยากที่ผู้ใดจะมาบังคับได้ ดังนั้นเหมียวกิมจึงทำได้เพียงการตะล่อมเขาให้ยินยอมพร้อมใจ อย่างเมื่อหลายปีก่อนฮวงยืนยันหนักแน่นว่าจะหาคู่ครองเอง ไม่สนใจจะจับคู่กับผู้ใดที่นางแนะนำ แถมยังออกปากว่าพอใจรักใคร่กับหญิงชาวสยาม จนนางรู้สึกท้อแท้ แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายเขาก็เลือกสะใภ้คนจีนมาให้นางได้สมใจ น่าเสียดายที่ทั้งคู่ไม่มีทายาท แถมซิ่วลั้งก็มาด่วนจากไป ในฐานะแม่ เหมียวกิมจึงถือเป็นหน้าที่ของตนที่จะหาคนที่เหมาะสมมาเพื่อสืบตระกูลต่อไป ไม่เช่นนั้นนางคงไม่อาจมองหน้าบรรพชนได้
บุตรชายของนางเองก็ยังหนุ่มแน่น นางเหมียวกิมคิดว่าตนเองนั้นมีแต่จะแก่ลงไปทุกวัน อยากมีหลานสักหลายคนไว้ชื่นใจ อย่างไรเสีย นางก็เชื่อในภาษิตที่ว่าน้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน เหมียวกิมมั่นใจว่าหากบุตรชายได้ใกล้ชิดกับหยง อย่างไรทั้งคู่ก็คงหนีกันไม่พ้น
‘ถูกบังคับมาละสิ’ ฮวงถามสาวน้อย น้ำเสียงมีแววเอ็นดู เพราะอย่างไรเสียก็เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
‘หยงเต็มใจทำเจ้าค่ะ’ สาวน้อยใบหน้าแดงก่ำ คงเพราะรู้สึกประดักประเดิดถึงเหตุผลที่ต้องมาดูแลเขานั่นแหละ
‘ลื้อเป็นเด็กดี’ เขาเอ่ยในสิ่งที่เห็นมาตลอด ‘แต่ลื้อรู้ใช่ไหม ว่ามันเป็นไปไม่ได้’
หยงก้มหน้านิ่ง ‘รู้เจ้าค่ะ อั๊วเป็นคนต่ำต้อย ย่อมไม่คู่ควร’
เมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าต่ำด้วยท่าทีสะเทือนใจ ฮวงที่เห็นว่าตนนั้นอาจจะพูดตรงเกินไป จึงค่อยๆ เปลี่ยนคำพูดเสียใหม่
‘อั๊วมิได้รังเกียจรังงอน เพียงแต่ซิ่วลั้งเพิ่งตาย’ ฮวงว่า เขาเลือกจะไม่พูดต่อว่าถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางมองสาวน้อยตรงหน้านั้นเป็นอื่นไปมากกว่าน้องสาว
‘เฮียไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อั๊วมิได้หวังสูงถึงเพียงนั้น’ หยงเอ่ย พร้อมทั้งส่งยิ้มบางๆ อย่างเจียมตัวให้เขา ‘ขอเพียงให้เฮียเมตตาให้ที่อยู่อาศัย อั๊วจะถือว่าตนเป็นข้ารับใช้เฮียคนหนึ่ง จะไม่ทำให้เฮียต้องลำบากใจเจ้าค่ะ’
ฮวงโล่งใจที่คนตรงหน้านั้นเข้าใจอะไรแต่โดยง่าย เขาสัญญากับตนเองว่าหากมีโอกาส จะต้องมองหาคู่ครองที่ดี ตอบแทนน้ำใจอันใสบริสุทธิ์ของผู้ที่ตนเองเอ็นดูราวกับน้องสาว
“อาหยงก็เป็นคนหัวอ่อนจริงๆ นั่นละ” โนรีว่าเมื่อนึกถึงวงหน้าขาวของสาวน้อยผู้นั้น ประการสำคัญการเกิดเป็นหญิง ทั้งยังอยู่ในสถานะผู้พึ่งใบบุญคนอื่นก็ย่อมทำให้ไม่สามารถเลือกทำตามใจ ก็นับว่าน่าเห็นใจอยู่เหมือนกัน
“อาม๊าก็หมั่นสร้างโอกาส” ฮวงบ่น หลายครั้งเขาก็ยอมพูดจา พาหยงไปจ่ายตลาดตามที่มารดาต้องการเพื่อตัดรำคาญ โชคดีที่หยงไม่มีทีท่าอยากสนิทสนมให้เขาต้องอึดอัด แต่เพราะการที่ชายหญิงใกล้ชิดกัน หากฝ่ายชายไม่คิดรับผิดชอบแล้ว ก็มีแต่ฝ่ายหญิงที่จะเป็นฝ่ายเสียหาย ฮวงจึงตัดสินใจอยู่ที่เรือนให้น้อย อ้างการงานรัดตัวเข้าไว้ หวังให้มารดายอมแพ้ไปเอง เช่นนี้จึงจะดีสำหรับทั้งเขาและหยง
“ว่าแต่ ไม่สนใจหยงจริงๆ หรือ” โนรีถามสหาย
“ที่ผ่านมา เพราะหน้าที่ทำให้ข้าต้องอยู่กับคนที่เหมาะสม” ฮวงมองถ้วยชาในมือ พลางเอ่ยเล่า “ข้าเคยตัดสินใจทำในสิ่งที่ควร คิดว่าแต่งกับซิ่วลั้งไปก็คงรักกันเหมือนอย่างคู่อื่นๆ”
แต่นอกจากไม่รักกันแล้ว คู่ของเขาและซิ่วลั้งนั้นยังต่างจากคู่อื่นมากนัก
แม้ว่าฮวงไม่เคยบอกเล่าแต่โนรีที่พอเดาจากการเห็นด้วยตามาหลายปีมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ ดูเหมือนสหายของเธอนั้นจะไม่มีดวงความรักเอาเสียเลย
“อีกนิดเดียวก็เข้าวัดบวชได้แล้ว” โนรีเอ่ยกับสหาย
“คงไม่ถึงกับอย่างนั้นดอก” ฮวงหัวเราะ เขายังคำนึงถึงสิ่งที่ควรทำ เพียงแต่ครั้งต่อไปที่เขาจะอยู่เคียงข้างใครสักคน คนคนนั้นต้องเป็นคนที่เขาอยากอยู่ด้วยจริงๆ สักที
…อย่างน้อยก็ขอให้ลบลืมภาพร่างของใครคนหนึ่งออกจากใจให้ได้เสียก่อน เพราะเขาไม่อยากจะรู้สึกผิดกับหญิงสาวที่จะมาเป็นภรรยา
“ผ่านมาเจ็ดปี” จู่ๆ ฮวงก็เอ่ยขึ้น “ที่คิดว่าจะลืมก็ไม่อาจลืม เอ็งคิดว่าอย่างไรล่ะ”
“ยังคิดถึงเขาอยู่หรือ” โนรีเบิกตาโต อันที่จริงเธอก็สงสัยอยู่หลายครั้ง ว่าฮวงนั้นตัดใจจากวาดได้จริงหรือไม่ เพราะแม้ทั้งคู่จะรู้จักกันในเวลาไม่นาน แต่โนรีก็รู้สึกถึงสายใยบางอย่างที่ค่อยๆ ถักทอขึ้น ทว่าเมื่อเห็นทั้งสองฝ่ายต่างใช้ชีวิตต่อมาได้อย่างราบรื่น หลายปีผ่านไป ความสงสัยจึงค่อยจางหาย โนรีค่อยๆ ยอมรับว่าคนทั้งสองอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันจริงๆ
‘อย่าดึงดันเลยโนรี ยามนี้ทั้งคู่ไม่มีวาสนาต่อกัน’ โนรีจำได้ว่ายายแถมผู้มีความรู้ในด้านโหราศาสตร์เคยทำนายดวงของคนทั้งสองเอาไว้
‘แต่ทั้งคู่สมกัน แลรักกันด้วยนะยาย’
‘โชคชะตานั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนนะโนรี’ แม่สื่อวัยชราเอ่ย ‘เรามิอาจกำหนดชะตา แม่สื่ออย่างเรานั้นทำได้เพียงสร้างโอกาสเท่านั้น’
“ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากฝืนใจตนเองด้วยการที่เอาใครมาอยู่ด้วย ใครเล่าจะโชคดีอย่างสหายของข้า” เขาหมายถึงความรักอย่างสุขสมหวังของโนรีกับคุณพระเนื้อคู่ของหล่อน
โนรีถอนหายใจ เธอเข้าใจธรรมชาติของสหาย ฮวงเป็นคนที่อยู่ด้วยตัวเองได้ เขามีนิสัยรักสันโดษมากนัก เพราะหน้าที่ทำให้ต้องปรับตัวให้พูดคุยเจรจากับผู้คนหลากหลาย แต่ในเรื่องของการใช้ชีวิตนั้นก็ยากที่ใครจะข้ามกำแพงมาหาเขาได้
ยิ่งคิดแล้วโนรีก็พบความเหมือนกันของวาดและฮวงอยู่หนึ่งประการ
…ทั้งสองเลือกทำเพื่อคนอื่น
…แม้นั่นจะเป็นการกรีดเฉือนหัวใจตนเองก็ตาม
วาดและฮวงพบกันครั้งแรกเมื่อราวเจ็ดปีก่อน
หลังจากที่ได้ลูกพี่ลูกน้องสาวอย่างโนรีที่พลัดพรากกันคืนสู่ครอบครัว วาดจำบรรยากาศแช่มชื่นในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ข่าวดียังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะโนรียังได้แต่งงานกับคุณพระฤทธิรงค์รณยุทธ์ สองตระกูลที่สนิทกันมาช้านานจึงได้กลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน
และเธอก็ได้พบกับเขา ลมหรือฮวง ชื่อภาษาแต้จิ๋วของเขาที่บ่งบอกถึงชาติกำเนิด
…สายลมที่พัดผ่านโพ้นทะเลไกล
เขาเป็นสหายสนิทกับโนรี เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่ยังเล็ก ภายหลังการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน เมื่อฤทธิ์ลาออกจากราชการมาเป็นพ่อค้า ฮวงจึงเข้านอกออกในเรือนของฤทธิ์บ่อยๆ ในฐานะคู่ค้า ส่วนทางวาดก็มักจะมาช่วยโนรีเลี้ยงดูลูกชายหญิง มีช่วงหนึ่งที่โนรีและฤทธิ์ต้องออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตก วาดจึงรับอาสาเป็นผู้อนุบาลพ่อขจรที่ยังเป็นทารกร่วมกับนางแถมยายบุญธรรมที่เลี้ยงดูโนรีมา
ตอนนั้นเองที่เธอและฮวงได้พูดคุยกันมากขึ้น
“นี่ พ่อขจร เรียกเตี่ยสิ เตี่ย” ฮวงในวัยหนุ่มกว่าปัจจุบันเอ่ยอย่างอารมณ์ดี โบกปลาตะเพียนสานไปมาเพื่อเล่นกับหลาน
“คำนั้น มิใช่แปลว่าพ่อหรือจ้ะ” วาดที่กำลังเตรียมอาหารอ่อนสำหรับเด็กถามอย่างฉงน
“ก็ช่วยมิได้ พ่อแม่ไม่ดูเอง จะแกล้งเสียให้เข็ด” หนุ่มจีนหัวเราะ
วาดเคยได้ยินข่าวลือว่าฮวงนั้นเคยหลงรักโนรี ไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่ อีกทั้งเธอเองก็ไม่อาจทำใจกล้าไปถามให้กระจ่าง อีกประการทั้งคู่มักถูกล้อมรอบด้วยผู้ใหญ่หรือบ่าวไพร่ การพูดจาที่สนิทสนมเกินไปย่อมไม่ควรเกิดขึ้น แต่การที่เห็นชายหนุ่มเลี้ยงดูลูกของโนรีเช่นนี้วาดก็เห็นถึงเจตนาดี และยังซึมซับมุมที่อ่อนโยน จนมักจะมีชายผู้นี้เค้ามาอยู่ในห้วงคำนึงบ่อยๆ
‘โนรี แม่วาดยังไม่มีคู่หมายใช่หรือไม่’
ฮวงจำได้ว่าตนเองเคยถามสหายสาวในวันที่รู้จักกับวาดครั้งแรก เขาถูกดวงตาที่มีแววหวานคู่นั้นตรึงเอาไว้ตั้งแต่แรกเจอ
เขามั่นใจว่าในยามที่เขาหลงรักโนรี นั่นคือความรัก
เป็นความรักที่เกิดจากความผูกพันนับสิบปี เพราะความรู้สึกเชื่อมโยงในความผิดแปลกจากผู้อื่นซึ่งทั้งคู่นั้นมีเหมือนกัน สหายของเขาเป็นหญิงลูกครึ่งฝรั่งและสยาม ส่วนเขาเป็นลูกคนจีนที่ถูกเลี้ยงดูโดยคนสยาม เพราะอยู่ด้วยกันนานถึงเพียงนั้น และอยู่ในช่วงชีวิตของกันและกันมาตลอด เขาจึงไม่คาดฝันว่าเวลาไม่กี่เดือนหัวใจของโนรีจะถูกช่วงชิงไป
แน่นอนว่าเขาเสียดายที่ตนไม่เผยความในใจ เพราะยามนั้นสถานการณ์ภายในตระกูลยังไม่คลี่คลาย ฮวงจึงต้องพักทุกเรื่องเพื่อจัดการเรื่องราวมากมาย ทว่าเมื่อเห็นสหายที่เติบโตมาด้วยกันมีความสุขกับครอบครัวที่อบอุ่น ชายหนุ่มเองก็รู้สึกยินดีมาจากใจจริง ถึงแม้จะเหม็นขี้หน้าคุณพระโคแก่ แต่เขาต้องยอมรับว่าบุรุษผู้นี้เป็นคนที่เหมาะสมกับโนรีนัก
แต่กับวาดแล้วความรู้สึกนั้นแตกต่างกันออกไป เขาถูกตรึงสายตาจนยากที่จะละออก ก้อนเนื้อในช่องอกเต้นโครมครามเพียงแค่วาดช้อนตามองในระยะเวลาเสี้ยววินาที
…และนั่นเป็นสาเหตุที่เขามักแวะเวียนมาเป็นพี่เลี้ยงจำเป็นให้เจ้าขจรลูกชายคนโตของสหาย
“คุณวาดเองก็เป็นแม่ทูนหัวได้นะขอรับ” ฮวงบอก “เจ้าขจร เรียกสิ ม้า ม้า”
ใบหน้าหวานซึ้งฉีดสีแดงเรื่อ มองชายหนุ่มที่อารมณ์ดีเสียจนปรากฏลักยิ้มที่แก้ม อันที่จริงวาจาของเขาไม่นับว่าเป็นมารยาทที่ดี แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
…วาดไม่นึกรังเกียจเลย
เธอเคยนึกสงสัย จะเป็นอย่างไรหากทั้งสองได้เดินเคียงข้างกัน วาดเคยฟังบิดากล่าวชมเชยฮวงในฐานะชายหนุ่มอนาคตไกล แม้ว่าชาติกำเนิดของเขาจะข้องเกี่ยวกับกลุ่มตั้วเหี่ยที่พัวพันการกบฏในแผ่นดินที่สาม แต่หลายปีมานี้สมาคมของเขาก็พิสูจน์ตนเองว่าไม่ได้เป็นภัยกับสยามทั้งยังทำกิจอันเป็นคุณมากมาย
ฮวงเป็นชายหนุ่มที่มีพร้อมซึ่งทรัพย์สินและบริวาร อีกทั้งหน้าตาก็หล่อเหลาคมคาย แต่ที่มากกว่านั้นคืออุปนิสัยที่อ่อนโยนของเขา
ฮวงมองภาพหญิงสาวที่ขวยอายเงียบๆ อย่างรื่นรมย์ในใจ เขาตั้งใจกับตนเองว่าจะต้องนำดวงแก้วใสกระจ่างดวงนี้มาโอบอุ้มดูแล ไม่ว่าต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเท่าใด
…แต่วาสนาของทั้งคู่นั้นไม่สมดังใจปอง
เมื่อค่ำวันหนึ่งบิดาเรียกตัวเธอเข้าพบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และเรื่องราวที่มอบหมายนั้นเปลี่ยนชะตาระหว่างทั้งสองไปตลอดกาล
‘วาดรู้ใช่ไหมลูก ว่าพระองค์ชายทรงมีบุญคุณกับพ่อ’ บิดาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แสดงถึงภาระที่วาดไม่อาจหลีกเลี่ยง
มารดาของเธอที่นั่งอยู่เคียงข้างที่ทำสีหน้าราวกับจะร้องไห้
พระองค์เจ้าเอกมงคลเป็นพระนัดดาของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแผ่นดินที่สาม มีความสนิทสนมกับบิดาของวาดมานาน นอกจากนั้นพระองค์ยังเคยช่วยชีวิตบิดาของเธอเอาไว้ ซ้ำยังกรุณากับครอบครัวของเธออีกหลายประการ พระองค์ท่านนับเป็นผู้ที่ทุกคนในครอบครัวให้ความเคารพนับถืออย่างสูง
‘ทราบเจ้าค่ะ’ เธอเองก็ตั้งใจจะช่วยบิดาทดแทนคุณ และสุดท้ายก็ได้สมดังใจ เพียงแต่วิธีการทดแทนนั้นเป็นเรื่องที่เธอคาดไม่ถึง
‘พระองค์ท่านทรงขอลูกไปเป็นหม่อมของท่าน วาดเข้าใจใช่ไหมลูก’ คำนั้นดุจคมมีดที่สะบั้นวาสนาที่กำลังเริ่มถักทอ เพราะถูกเลี้ยงดูมาให้คำนึงถึงการทดแทนบุญคุณ วาดจึงไม่อาจปฏิเสธคำขอนั้นได้
‘น้องวาด ที่วังนั้นมีเรื่องมิสู้ดี’ โนรีเอ่ยเมื่อทราบการตัดสินใจของลูกพี่ลูกน้อง การแต่งเข้าวังเป็นหม่อมนั้นไม่เท่าไร เพียงแต่ข่าวการมรณกรรมของหม่อมคนก่อนนั้นยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ‘อีกอย่าง น้องมิใช่ผูกสมัครกับ…’ คำพูดนั้นต้องหยุดลงเมื่อวาดยกมือบางขึ้นปรามพี่สาว
สำหรับชีวิตของลูกผู้หญิงอย่างเธอการปฏิบัติตามครรลองเป็นเรื่องราวที่ต้องทำ ความรักความสุขส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องรองเมื่อเทียบกับหน้าที่ที่มีต่อวงศ์ตระกูล
หนึ่งเดือนหลังจากที่วาดถูกรับตัวเข้าวังตรอกศรีจันทร์ ฮวงก็จัดงานวิวาห์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่โจษจันกันทั้งย่านสำเพ็ง เพราะซิ่วลั้งผู้เป็นเจ้าสาวนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของหัวหน้ากลุ่มจีนภูเก็ตที่มีชื่อเสียง เป็นการผนวกสองตระกูลใหญ่ซึ่งเป็นที่น่าจับตามอง
วาดรู้สึกราวกับว่าตนเองไม่มีหัวใจอีกต่อไป การดำรงอยู่ของตนก็เพื่อหน้าที่ ฉากหน้าของการเป็นหม่อมของพระองค์เจ้าเอกมงคลนั้นแม้จะดูงดงาม ทว่าวาดรับตำแหน่งนี้มาพร้อมหน้าที่สำคัญที่ต้องทำ
ยามรับรู้ข่าวงานวิวาห์ของฮวง แม้ดวงใจร้าวราน แต่วาดก็ยินดีที่ฮวงจะมีความสุข
เวลาผ่านนานหลายปี จนความทรงจำที่ทั้งสองเคยใกล้ชิดนั้นเป็นดังฝันที่เจือจาง
แต่คนทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าต่างยังเก็บความฝันนั้นเป็นเครื่องชโลมจิตใจ ในซอกเร้นลับที่ไม่มีผู้ใดเห็น
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 4 : ไพร่กระฎุมพี
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 3 : หม่อมหญิงม่าย
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 2 : คดีอื้อฉาว
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 1 : เจ้าสัวม่าย
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี บทนำ : หวนบรรจบ