บุษบาพยาบาท บทที่  2 : ผู้ใหญ่บุญคำ

บุษบาพยาบาท บทที่ 2 : ผู้ใหญ่บุญคำ

โดย : ทอม สิริ

Loading

บุษบาพยาบาท โดย ทอม สิริ เรื่องราวปริศนาที่อยู่ๆ ผู้คนในหมู่บ้านรอบๆ โฮมสเตย์ที่หทัยชนิต อดีตพยาบาลเข้ามาช่วยดูแลทยอยเสียชีวิตลงเรื่อยๆ เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องบังเอิญหรือแผนฆาตกรรมของใครกัน สารวัตรกันตภณ ผู้มาเยือนในฐานะแขกของโฮมสเตย์จะช่วยหาคำตอบได้หรือไม่  นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

**************************

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เขาให้หมวดจั๊กจอดรถตรงสุดทางที่เป็นหญ้าล้มเพราะคนเดินผ่านบ่อย ตรงนั้นมีรถกระบะของตำรวจจอดอยู่คันหนึ่ง รถของหมออธิปแล่นมาจอดใกล้ๆ นายตำรวจเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นหทัยชนิตกับเพื่อนสาวของเธอลงจากรถมาด้วย

“พวกคุณมาทำไม” เขาถาม

“ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงปืนมันดังใกล้บ้านฉันนะ สารวัตร” เธอตอบฉาดฉาน ไม่หลบสายตาด้วยนะ

“ห้ามเข้าไปในบริเวณที่เกิดเหตุเด็ดขาด”

“นักข่าวเข้าได้ใช่ไหม” เธอย้อนถาม

สารวัตรกันตภณหันไปมองหน้าศรัณย์เป็นเชิงบอกว่ายัยคนนี้แสบเอาเรื่องเชียวละ แต่เขาไม่ต่อปากต่อคำกับเธอ เดี๋ยวจ่าตำรวจก็จะจัดการกันเธอออกไปเอง

โดยรอบบริเวณไม่มีทางเดินเพราะเป็นป่าละเมาะ มีหญ้าและวัชพืชขึ้นสูง จากการสอบถามเส้นทางผ่านโทรศัพท์ พวกเขาต้องเดินฝ่าดงหญ้า ลึกเข้าไปทางตะวันตกอีกประมาณห้าสิบเมตร เขาเห็นรอยแหวกหญ้าเป็นทางที่คนก่อนหน้าเดินบุกเข้าไป จึงเดินไปตามทางนั้น

ที่สุดทางเดินมีกระท่อมไม้ไผ่ผุเก่าหลังเล็กอยู่หลังหนึ่ง ดูจากสภาพหลังคาทะลุ คงไม่มีคนใช้มานาน ด้านหน้ากระท่อมสารวัตรกันตภณมองเห็นกลุ่มชาวบ้านชนเผ่าทั้งชายหญิงประมาณสิบคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง มีตำรวจอยู่ที่นั่นแล้วสองนาย เมื่อพวกเขาเห็นสารวัตรกันตภณเดินมา จึงร้องบอกชาวบ้านที่ยืนมุงอยู่ให้หลบ คนพวกนั้นจึงขยับยืนห่างออกไป แต่ก็ยังส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันได้ยินแว่วมา

“สารวัตรครับ” จ่าตำรวจทำความเคารพ “มีสองศพครับ ตรงนี้นายซง เป็นหมอผีของหมู่บ้าน แล้วมีอีกศพอยู่ในกระท่อม ชื่อนายลี่ เป็นหัวหน้าเผ่าครับ”

นายตำรวจก้มลงพิจารณาศพตรงหน้า คนที่เป็นหมอผีของเผ่ารูปร่างท้วมมีพุง ผมเถิกบางเห็นหนังหัวแต่ก็ไว้ผมยาวรวบหลวมๆ ไว้ด้านหลังด้วยยางรัดของ เสื้อผ้าที่สวมใส่เป็นกางเกงและเสื้อม่อฮ่อมเก่าโทรมแต่อยู่ในสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยของเลือด อาวุธ หรือการฉีกขาด

แต่ที่น่าขนลุกก็ตรงดวงตาของศพเหลือกถลน ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก เหมือนก่อนจะหมดลมได้รับความเจ็บปวดสาหัส มือข้างซ้ายเหยียดเกร็งออกไปข้างตัวกำกระจุกต้นหญ้าไว้แน่น ส่วนนิ้วมือข้างขวาหงิกงออยู่ในท่าตะปบไปที่ทรวงอกด้านซ้าย ตรงตำแหน่งของ…หัวใจ

“เราถ่ายรูปที่เกิดเหตุพร้อมสภาพศพทั้งสองศพ และตรวจดูโดยรอบบริเวณแล้วครับ ไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย ตอนนี้รอหมอมาตรวจ ผมโทรแจ้งไปแล้ว แต่ทางโรงพยาบาลบอกว่ายังไม่มีหมอว่างเลย ต้องรอครับ” จ่าตำรวจรายงาน

“นี่คือหมออธิป เขาจะช่วยจัดการให้เอง” สารวัตรหันไปทางนายแพทย์

“เดี๋ยวผมดูให้” หมออธิปก้าวออกมาข้างหน้า แล้วเริ่มงานของเขา

จากหางตาสารวัตรกันตภณเห็นหทัยชนิตกับเพื่อนของเธอยืนรวมอยู่ในกลุ่มไทยมุงไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ พวกเธอคงเห็นละว่ามีศพนอนอยู่ตรงนี้ ผู้หญิงสองคนนี้แปลกชะมัด ใจแข็งขนาดยืนดูศพได้หน้าตาเฉย หรือเพราะเธอทั้งคู่เป็นพยาบาล เห็นคนตายจนชินเสียละมัง

ส่วนศรัณย์ เพื่อนของเขากำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น นักข่าวกดชัตเตอร์กล้องรัวๆ เก็บภาพข่าวที่ยังไม่มีสำนักข่าวไหนได้ไป หูก็เก็บข้อมูลจากบทสนทนาของตำรวจ และศรัณย์เก๋าพอที่จะไม่ทำตัวเกะกะหรือซุ่มซ่ามทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุ

“พอดีหมออธิปจากโรงพยาบาลอยู่กับผมเมื่อตอนที่หมวดจั๊กไปตาม โทรบอกโรงพยาบาลได้เลยว่าคุณหมออธิปจะดูแลเคสนี้เอง จ่าเอารถกระบะมาใช่ไหม ดีเลย เสร็จเรื่องแล้วจะได้ขนศพไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาล” เขาสั่งการจ่าตำรวจแล้วหันไปพูดกับหมวดจั๊ก

“ไปดูในกระท่อมกัน”

ภายในกระท่อม นายตำรวจเห็นภาพสยองของศพไม่ต่างจากศพด้านนอก ตัวหัวหน้าเผ่าเรียกได้ว่าอยู่ในวัยชรา ผมของเขาเส้นหยาบแข็งชี้เด่ หงอกขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ใบหน้าเหี่ยวย่นนั้นทำให้ดวงตาเหลือกถลนดูน่าขนลุกกว่าศพด้านนอกหลายเท่า สิ่งที่เหมือนกันคือใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวดและอาการเกร็งของร่างกาย กับมือขวาที่เกาะกุมอกซ้ายตรงตำแหน่งหัวใจ นายตำรวจย่นหัวคิ้วพลางคิดว่า…สองคนนี้ไปโดนอะไรมา

“ดูๆ ที่ตาของหัวหน้าสิ ตาเหลือกกกก…” เสียงหญิงชราดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มาจากประตูกระท่อม ทำให้กันตภณหันขวับไปมอง

“ตาเหลือกถลน ไม่ตายดีอย่างนี้ ต้องเป็นอิทธิฤทธิ์ผีเจ้า ผีเจ้าโกรธมาก ต้องมีใครทำผิดผีอย่างแรง ถึงได้มาเอาคนสำคัญของเผ่าไปถึงสองศพ”

หญิงชราวัยเจ็ดสิบ ร่างผอม ผมยาวหงอกขาวแซมดำ ใส่ชุดชนเผ่าเก่ามอ ยืนอยู่ด้านหน้าชาวบ้านอีกหลายคนตรงประตูกระท่อม กำลังชี้นิ้วมายังศพที่นอนอยู่บนแคร่ มีเสียงร้องไห้ดังมาจากผู้หญิงชนเผ่าตัวเตี้ยที่ยืนอยู่ข้างนาง และในบรรดาไทยมุงที่ยืนออกันอยู่ที่ประตูกระท่อม สารวัตรกันตภณก็เห็นหทัยชนิตกับเพื่อนของเธอยืนแอบอยู่ด้วย

“จ่า ทำไมปล่อยคนเข้ามาในนี้” เขาตะโกนออกไป หงุดหงิดที่จ่าไม่กันคนออกจากที่เกิดเหตุ แต่ก็เข้าใจว่าตำรวจมีมากันแค่สองสามคน อาจจะกันไม่ทันถ้าจะแอบเข้ามาตอนที่ไม่มีตำรวจเฝ้าอยู่หน้ากระท่อม

“ขอโทษครับสารวัตร นี่นางเซิง คนเก่าคนแก่ของหมู่บ้าน แล้วนี่นางเว เมียหัวหน้าเผ่า นางเพิ่งจะรู้ว่าผัวตาย เลยเพิ่งมาครับ”

“ขอทางหน่อยครับ” เสียงหมออธิปดังขัดจังหวะขึ้นมา จากนั้นร่างสูงโปร่งของเขาก็เบียดคนเข้ามาในกระท่อม “สารวัตรครับ ศพด้านนอก ผมตรวจดูเบื้องต้นแล้ว คิดว่าน่าจะหัวใจล้มเหลว แต่เราต้องผ่าศพชันสูตรดูอีกทีถึงจะลงรายงานโดยละเอียดได้” หมอพูดพลางย่อตัวลงมองศพที่อยู่บนแคร่ไม้ไผ่ “ศพนี้ผมว่าคงเสียชีวิตจากสาเหตุเดียวกัน”

“พวกเขาโดนผีเจ้าลงโทษแหงเลย ตายไม่ดี ตกใจตาย ตาเหลือกอย่างนี้ โอ กลัวแล้วเจ้าผีเจ้า…” นางเซิงหันไปพูดกับเมียคนตายที่กำลังร้องไห้เกาะกุมมือสั่นเทาของตัวเองไว้กลางอก ใบหน้าซีดเผือด

“แกหัวใจล้มเหลวน่ะยาย เดี๋ยวผ่าดูก็รู้”

“ไม่! ไม่ผ่า อย่าทำกับเขาอย่างนั้น” นางเวร้องไห้ไปส่ายหัวไปเหมือนใจจะขาด

“อ้าว ญาติไม่อนุญาตให้ผ่าชันสูตร” หมออธิปหันมาพูดกับสารวัตรกันตภณเหมือนจะขอความเห็น

“ใช่ ไม่ผ่า เราจะทำพิธีศพเลย ผ่าเดี๋ยวไม่เหมือนคนเดิม” นางเซิงร้องสนับสนุน

“อ้าว! แล้วเอาไงล่ะวะ” ศรัณย์พูดขึ้น เขาแทรกตัวเข้ามาถ่ายรูปที่เกิดเหตุตอนไหนก็ไม่มีใครทันสังเกต

“ญาติไม่ติดใจสงสัยอะไรในการตายของพวกเขาหรือ แล้วศพหมอผีข้างนอกนั่นล่ะ มีญาติมาไหม” สารวัตรกันตภณตะโกนถามให้ดังไปถึงด้านนอกกระท่อม

“หมอผีไม่มีญาติ ตัวคนเดียว ฉันนี่เป็นเหมือนญาติ และฉันไม่อยากให้ผ่าศพ” นางเซิงยืนยัน

“เอ๋า…” นักข่าวเกาหัวแกรก

“ต้องมีคนทำผิดผีแรงมาก ผีเจ้าท่านถึงโกรธ พรากวิญญาณหัวหน้าเผ่าและหมอผีไปพร้อมกันทีเดียวสองคน ต่อไปเผ่าไม่มีหัวหน้า ไม่มีหมอผี จะต้องตกต่ำ เจอแต่เรื่องเลวร้าย” ยายเซิงพูดออกมาลอยๆ ตายังคงจ้องนิ่งอยู่ที่ศพสยองบนแคร่ไม้ไผ่

คำพูดนี้คงทำให้ชาวเผ่าตื่นกลัวไปทั่ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์พึมพำดังขึ้นเรื่อยๆ

“เอาไง สารวัตร” หมออธิปหันมาถาม

“ไม่ผ่าก็ได้ ถ้าญาติไม่อนุญาต แต่ขอเอาไปพลิกศพได้ไหม แบบว่าตรวจภายนอก ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ อะไรอย่างนี้น่ะ” เขาต่อรอง

“ไม่ผ่า” นางเซิงและนางเวแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

“ไม่ผ่าก็ไม่ผ่า แต่ตำรวจต้องตรวจศพให้ละเอียดเข้าใจไหม ตรวจแต่ภายนอก เสร็จแล้วถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ จะรีบเอาศพมาส่งคืนเพื่อให้ญาติทำพิธี ไม่เกินสองสามวันหรอก ใช่ไหมหมอ” นายตำรวจหันมาขอแรงสนับสนุนจากคนเป็นหมออีกเสียง

“ใช่ครับ ผมจะรีบทำให้ อาจจะเสร็จในวันพรุ่งนี้ด้วยซ้ำ”

นางเซิงและนางเวเงียบไป คงกำลังคิดตัดสินใจ ตอนนั้นเองจ่าตำรวจเบียดกลุ่มคนตรงประตูเข้ามา

“สารวัตรครับ” เขาเรียกแล้วถอนหายใจเฮือก

“อะไรจ่า”

“ได้รับแจ้งว่าพบศพผู้ใหญ่บุญคำนอนตายที่กระท่อมปลายนา ให้ไปตรวจดูโดยด่วน ครับผม”

“เอ๋า…” นักข่าวหูผึ่งหันมามองหน้านายตำรวจ

“หมอ ผมสอบปากคำคนแถวนี้อีกสักพักก็ต้องไปดูทางโน้นแล้ว หมอตรวจศพนี้เสร็จให้จ่าเอาขึ้นรถกระบะไปตรวจพลิกศพที่โรงพยาบาลได้เลยนะ ทางศพผู้ใหญ่บุญคำโน่นเดี๋ยวผมหารถเอง ว่าแต่หมอจะช่วยตรวจศพผู้ใหญ่บุญคำอีกสักเคสได้ไหม ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว” เขาเลิกคิ้วรอคำตอบ

“ได้ ทิ้งเจ้าหน้าที่ไว้ช่วยผมทางนี้สักคนหนึ่ง เสร็จแล้วเดี๋ยวตามไป ผมยังพอช่วยได้ เพราะมาใหม่ ยังไม่มีงานยุ่งมากนัก”

แวบหนึ่งนายตำรวจเห็นหมออธิปเหลือบตาไปมองหทัยชนิต เขาคงห่วงว่าเธอกับเพื่อนจะกลับเฮือนธารหรือตามไปด้วย เพราะพวกเธอมารถคันเดียวกับเขา

“คุณสองคน ไม่ต้องตามไปด้วยนะ ให้หมอพากลับไปส่งบ้านเลย คนตายน่ะไม่มีอะไรน่าดูหรอก” เขาตัดสินใจให้เสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาจากกระท่อม เพื่อสอบปากคำชาวบ้านคนที่พบศพทั้งสอง คงต้องรีบหน่อยเพราะผู้ใหญ่บุญคำรอเขาอยู่

 

สภาพศพผู้ใหญ่บุญคำดูเหมือนจะตายมาได้สองสามวันแล้ว ทั้งมดและแมลงรุมไต่ตอมกัดกิน ร่างขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็นจนนายตำรวจต้องยกแขนขึ้นมาปิดปากปิดจมูกในคราวแรก ซึ่งกลิ่นนี้เองที่ทำให้มีคนมาพบศพ คนที่พบเป็นชายชาวบ้านแถวนั้นซึ่งเดินออกนอกเส้นทางมาเพื่อหาที่ถ่ายทุกข์

เขาเล่าว่าภาพที่เห็นน่ากลัวมาก ศพขึ้นอืดสีเขียวช้ำๆ นอนตาเหลือกจ้องมาที่เขา ทำเอาขี้หดตดหายเป็นปลิดทิ้ง สารวัตรกันตภณสำรวจสภาพศพด้วยความสนใจ ศพนี้นอกจากจะนอนตาเหลือกถลนแล้ว ยังยกมือขวากุมหัวใจที่อกซ้ายเหมือนสองศพแรก กระเป๋าเงินมีเงิน และเครื่องประดับมีค่าก็ยังอยู่

นายตำรวจคิดว่าน่าแปลกที่สภาพศพค่อนข้างเหมือนกันกับสองศพแรกที่ได้รับแจ้ง หรือเพราะตายด้วยสาเหตุเดียวกัน คือหัวใจล้มเหลว มีอาการเจ็บหน้าอก ทุกรายจึงตายในท่าเดียวกัน คือยกมือขึ้นเกาะกุมบริเวณตำแหน่งของหัวใจ ใบหน้าบิดเบี้ยว ตาเหลือกถลนด้วยความเจ็บปวด

“ผู้ใหญ่แกเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วค่ะ เดือนที่แล้วแกไปงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อน ดื่มหนักมาก เตือนก็ไม่ฟัง พอกลับมาบ้านก็บ่นว่าตื้อๆ ฉันก็ถามว่าไปให้หมอเขาดูหน่อยไหม แกก็ผัดไปเรื่อย บอกไม่เป็นไรหรอก แต่ก็ยังดื่มก่อนอาหาร แกดื้อมากค่ะ”

เสียงแหบปร่าของผู้หญิงฟังแปลกหูสำหรับสารวัตรกันตภณ เขาคิดว่ามันเซ็กซี่ดี เข้ากับใบหน้าและรูปร่างของคุณเอื้อยใจ ภรรยาคนล่าสุดวัยสามสิบต้นๆ ของผู้ใหญ่บุญคำ ตอนที่เขาไปถึง เธออยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว และขณะทำการสอบปากคำนี้เขาก็กำลังนั่งอยู่ในรถของเธอ

“ทำไมแกถึงมาที่กระท่อมปลายนานี่ครับ ผมว่าที่นี่มันค่อนข้างเปลี่ยว” เขาตั้งคำถาม

“ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ฉันอยู่กรุงเทพเกือบทั้งอาทิตย์ เพิ่งบินกลับมาเมื่อเช้านี่เอง พอสายๆ ก็มีคนมาบอกว่าพบผู้ใหญ่เสียชีวิตแล้ว”

“คุณไปทำอะไรที่กรุงเทพครับ”

“ฉันมีร้านขายผ้าไหมค่ะ ก็ไปเรื่องงาน”

“ปกติผู้ใหญ่ชอบมาที่กระท่อมหลังนี้บ่อยไหมครับ”

“แกก็ไปทั่วละค่ะ” เธอถอนหายใจ “สารวัตรคะ บอกตามตรงว่าวิถีชีวิตของฉันกับผู้ใหญ่น่ะ มันไม่ค่อยเข้ากันสักเท่าไร เราจะเจอกันก็ตอนหลังพระอาทิตย์ตก ค่ำมืดแล้วนั่นละ คุณคงเข้าใจนะ” เธอทำตาแบบว่าหน้าที่ของเธอต่อผู้ใหญ่ก็จะมีแค่เรื่องอย่างว่าเท่านั้น “ส่วนกลางวันแกจะไปไหน ไปกับใคร ฉันไม่ค่อยรู้หรอก เราต่างคนต่างไป แกก็มีสังคมมีความสุขของแก ฉันก็มีธุรกิจรัดตัวอยู่”

“คุณบอกว่าแกเป็นโรคหัวใจอยู่แล้ว คงมีประวัติที่โรงพยาบาล…”

“มีค่ะ ที่บ้านนี่ก็มีใบเสร็จ มียาที่กินประจำ ถ้าสารวัตรต้องการดูฉันจะหยิบมาให้”

“ดูคุณไม่ค่อยเศร้านะครับ” เขาเสียมารยาท เขารู้ แต่ต้องการจะดูปฏิกิริยา

“สารวัตร เอากันตรงๆ นะ ฉันแต่งงานกับคนแก่คราวลุงคราวพ่อ แถมยังมีประวัติเป็นโรคหัวใจ ฉันรู้สิคะว่าแกคงไม่อยู่กับฉันนาน ผู้ใหญ่เองก็รู้ว่าฉันแต่งกับแกเพราะอะไร แต่แกไม่สนใจ ตราบใดที่ฉันยังทำหน้าที่เมียได้ไม่ขาดตกบกพร่อง และฉันจะบอกสารวัตรว่า แกบอกฉันว่าทำพินัยกรรมไว้แล้ว ยกทุกอย่างให้ฉันหมด เอกสารอยู่ที่ทนายของแกค่ะ ถ้าสารวัตรคิดว่าฉันฆ่าเอามรดก ก็หาหลักฐานมาเล่นฉันได้เลย” เสียงแหบเสน่ห์พูดยาวติดต่อกันอย่างเปิดเผย

“ผมคงต้องขอนำศพผู้ใหญ่ไปชันสูตรนะครับ”

“ไม่ได้ค่ะ”

“ทำไมครับ”

“ผู้ใหญ่แกไม่อยากให้ผ่าศพ แกเคยสั่งฉันไว้นานแล้ว กำชับนักกำชับหนา นี่เป็นสิ่งที่ฉันจะทำให้ได้ในตอนนี้ คือทำตามความต้องการของแก”

“แกมีเหตุผลอะไรครับ”

“ผู้ใหญ่เป็นผู้ชายที่พิถีพิถัน รักสวยรักงาม แกไม่ยอมให้ร่างกายถูกผ่าถูกหั่นเด็ดขาดแม้จะหมดลมหายใจไปแล้วก็เถอะ แกบอกว่ารับไม่ได้ค่ะ” สาวใหญ่พูดช้าและชัด สีหน้าจริงจัง

นายตำรวจอึ้งไปกับเหตุผลที่ได้ยิน แต่ถ้าญาติไม่ยินยอมหรือเป็นความจำนงของผู้ตายเขาจะทำอะไรได้ อีกอย่าง หมออธิปก็ได้มาตรวจดูศพไปแล้วในเบื้องต้น ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร และหมอก็บอกว่าน่าจะเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว

“ถ้าอย่างนั้นขอใช้วิธีพลิกศพ คือตรวจภายนอก ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะนะครับ คงไม่ขัดกับความจำนงของผู้ตาย เพราะไม่ได้ผ่า”

ภรรยาสุดเซ็กซี่ของผู้ใหญ่บุญคำนิ่งอึ้งไป

“หรือคุณเอื้อยใจมีอะไรขัดข้องครับ” เขาจ้องตาเธอ

“เอ่อ…ไม่มีอะไรค่ะ คงใช้เวลาไม่นานใช่ไหม”

“ครับ หมออธิปบอกว่าจะเร่งตรวจให้ไม่เกินสองวันก็คืนร่างมาให้ญาติประกอบพิธีได้…ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ” นายตำรวจเว้นจังหวะเล็กน้อยก่อนจะพูดประโยคหลัง เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าคุณเอื้อยใจกะพริบตาถี่ๆ สองครั้ง

“งั้น ก็ตามที่สารวัตรว่าค่ะ”

เธอต้องกำลังคิด หรือลังเลอะไรอยู่แน่ แต่อะไรและทำไมล่ะ วันนี้เขามีข้อมูลไม่พอที่จะจับประเด็นสอบปากคำ บางทีเขาควรจะกลับมาใหม่เมื่อมีอะไรมากกว่านี้ นายตำรวจเอ่ยลาและสั่งการให้จ่าตำรวจจัดการเรื่องเคลื่อนย้ายศพไปยังโรงพยาบาล ในขณะที่เขาโทรศัพท์บอกกับหมออธิปที่ล่วงหน้าไปก่อนให้รับช่วงต่อ

ในรถตำรวจที่หมวดจั๊กขับมาส่งเขาและศรัณย์กลับที่พัก ขณะที่กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อยู่อย่างเงียบๆ หมวดจั๊กก็พูดสิ่งที่ตัวเองคิดโพล่งขึ้นมา

“ผู้ใหญ่บุญคำตาย หมอผีกับหัวหน้าเผ่าก็ตาย ที่ สภ.อ. สารวัตรกันต์ก็จะลาออกอีกคน ไม่มีผู้นำก็ระส่ำระสายกันไปหมด เหมือนอย่างที่ยายเซิงแกว่าจริงๆ นะครับ”

“ใครบอกหมวดว่าผมจะลาออก” เขาถาม สายตามองกระจกส่องหลังตรงที่บังแดด นักข่าวเพื่อนซี้ที่นั่งเบาะหลังกำลังสบตากับเขา มันยักไหล่และอมยิ้ม

“แหม ใครๆ เขาก็พูดกันครับ ว่าแต่สารวัตรจะลาออกจริงๆ เหรอ ผมงี้ใจหายเลย” หมวดจั๊กทำตาปริบๆ

“ไม่ต้องร้อง ไอ้นี่จะดราม่าลูกเดียวเลย” เขาหันไปมองลูกน้อง “ผมมันพวกหัวแข็ง อยู่ในระบบไม่ได้ก็ออกไปทำอย่างอื่นเสียดีกว่า จะได้ไม่ขัดหูขัดตา” เขาพูดเพียงเท่านี้

ไม่มีใครพูดอะไรอีกจนกระทั่งถึงเฮือนธาร โฮมสเตย์



Don`t copy text!