ชมา 5 ชีวิต บทที่ 4 : ลมเปลี่ยนทิศ

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 4 : ลมเปลี่ยนทิศ

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

– 1 –

ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ฟ้าใสเข้ามา บรรยากาศในโอโตซังฟาร์มสเตย์สดใสขึ้น อย่างน้อยก็ในบ้านหลังที่ 10 ที่ผมได้อาศัยนอนนี่แหละ

ในความเห็นส่วนของผมนั้น ฟ้าใสเป็นผู้หญิงละมุนละไม ผมชอบเดินไปใกล้เธอ เธอยกผมขึ้นมาอุ้มบ้าง แต่ส่วนใหญ่เธอจะพูดหวานๆ และลูบขนของผมด้วยความเบามือ

ตัวผู้ที่ไหน สายพันธุ์อะไรก็ชอบความนุ่มนวลทั้งนั้นแหละ ดังนั้นผมจึงคิดว่าไอ้โหดเป้ก็คงจะไม่ต่างกัน

ส่วนฟ้าใส ผมเคยได้ยินเธอวิดีโอคอลคุยกับหลิน เรื่องที่เธอตกกระไดพลอยโจนต้องเข้าไปเรียนรู้งานทั้งหมดในโอโตซังฟาร์มสเตย์ หลินพูดอย่างรู้ทันว่า ตกกระไดพลอยโจนหรือเต็มใจกระโจนกันแน่

ฟ้าใสไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ก็คนที่จำเมนูอาหารของเป้เมื่อแปดปีก่อนได้ จะพูดอะไรได้ล่ะ ฟ้าใสจึงใช้วิธีข้ามๆ ไปพูดถึงเรื่องอื่น แต่หลินก็เป็นประเภทกัดไม่ปล่อย หล่อนถามถึงเป้อีกหลายคำ จนฟ้าใสต้องสรุปย่อๆ ให้ฟังว่า เป้ดูมีความสุขสุดๆ กับการใช้ชีวิตที่นี่ เขาดูไม่เหมือนชายติสต์แตกสมัยเรียนปริญญาตรี ตอนนี้เขาดูเหมือนโตเจ้าของฟาร์มมากขึ้นทุกวัน เมื่อหลินถามว่าการดูเหมือนโตมันเป็นอย่างไรหรือ ฟ้าใสก็อธิบายด้วยคำเพียงสามคำว่า ง่ายๆ อดทน และใจดี

“ใจดีนี่นะ” หลินร้อง ผมเองที่ฟังอยู่ก็แทบร้อง ผู้ชายอย่างเป้เอาที่ไหนมาใจดี

“ฉันหมายถึงคุณโต ตอนนี้เป้ก็ซึมซับและดูคล้ายๆ แบบนั้น กับเด็กๆ ลูกคนงาน เป้ก็ใจดีนะ”

“แล้วกับเธอล่ะ”

“ก็…” ฟ้าใสพยายามสรรหาคำอธิบาย “…ไม่เลวร้ายอะไร เป้ตั้งใจสอนงานฉันเต็มที่เลย ก็นับว่าใจดีได้อยู่นะ”

“มารยา”

“อะไร”

“มารยาสาไถย” หลินเติมให้จนครบ เมื่อเห็นฟ้าใสไม่เข้าใจเธอเลยพูดต่อ “ก็แกนะ ชอบขุดดินมาตั้งแต่เมื่อไรกัน”

“ตอนนี้ชอบก็แล้วกัน” ฟ้าใสเถียง

พอฟ้าใสเอาจริงหลินก็เริ่มอ่อนลง

“แหมๆๆ แซวแค่นี้มีโกรธ ก็แค่สงสัย ว่านายเป้สุดหล่อเลิกติสต์แตกจริงๆ หรือเปล่า ส่วนแกน่ะชอบไร่ชอบสวนจริงๆ หรือเปล่า ก็เท่านั้น”

ฟ้าใสนิ่งไป เธอทำท่านึกนานแล้วตัดสินใจเล่าเลยไปถึงเรื่องราวริมบึงเมื่อสามวันก่อน

หลังจากการให้อาหารไก่ ซึ่งเป็นช่วงเวลายาวนานพอสมควรเพราะคนให้จะต้องสับหยวกกล้วยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วเอาอาหารไก่ที่ผสมขึ้นมาจากรำ ปลายข้าว ข้าวโพด คลุกเคล้าลงไปให้ไก่กิน ช่วงเวลานี้กินเวลาราวสี่สิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมง และเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง

เมื่อให้อาหารไก่เสร็จแล้ว เป้ที่เอาแต่อธิบายเรื่องไก่ไม่หยุดหย่อนก็ปิดประตูเล้าแล้วออกเดินไปรอบบึงน้ำ ฟ้าใสเดินตาม เมื่อเป้ทรุดตัวนั่งลงบนกอหญ้า ฟ้าใสก็นั่งลงข้างๆ

ห้าโมงเย็นแดดอ่อนแรงและลมหนาวก็เริ่มกรีดผิว ผมตามเข้าไปนั่งซุกตักเป้ แสงสุดท้ายของวันลับหายอย่างรวดเร็ว แต่ทิ้งสีส้มชมพูเอาไว้บนเกล็ดเมฆ ผมว่ามันดูน่ากลัวแต่ฟ้าใสพูดออกมาว่า ‘สวยจัง’

‘ดวงอาทิตย์ตกทุกวัน แต่ก่อนจะมาที่นี่ ฉันไม่เคยได้นั่งมองมันอย่างนี้เลย’ เป้พูดขึ้น

‘เราเองก็เหมือนกัน…ทำไมนะ’

‘เหมือนเวลามันเดินไม่เท่ากันเลยนะ ที่นี่กับที่ที่พวกเราจากมา’ เป้พูด ฟ้าใสเอียงหน้ามอง ราวกับไม่เชื่อว่าคำพูดแนวปรัชญาแบบนั้นจะออกมาจากผู้ชายร่างยักษ์อย่างเป้

ทั้งคู่นั่งมองท้องฟ้าสีส้มโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันพักใหญ่ จนในที่สุดฟ้าใสก็ถามเป้ว่า ตอนนี้เขาพบสิ่งที่ตัวเองตามหาหรือยัง เป้สบตาฟ้าใส ยิ้มผ่อนคลายแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นแล้วบอกว่าเจอแล้ว ซึ่งเมื่อเล่าถึงตรงนี้หลินก็กรี๊ดแตก จนฟ้าใสต้องรีบปราม

“แกจะกรี๊ดทำไม เป้มันหมายถึงชีวิตที่นี่ ไม่ได้หมายถึงฉัน”

“ก็แกเล่าว่าเขามองหน้าแก”

“คนคุยกันไม่มองหน้าจะให้มองอะไร”

“แก แก…” เสียงหลินตื่นเต้นเกินกว่าเหตุ “ไม่แน่นะแก ฉันอยากเห็นแววตาตอนที่เป้พูดคำนี้จัง ว้ายๆๆ ฟินอ่ะ”

ฟ้าใสหน้าแดง ถึงตอนนั้นผมจะนั่งอยู่ด้วย แต่ผมก็ช่วยยืนยันกับหลินไม่ได้ว่าเป้พูดอย่างตัวผู้ที่โตเต็มวัยป้อสาว หรือพูดไปตามสิ่งที่เขานึก แต่ที่ยืนยันได้แน่ๆ คือเป้และฟ้าใสในตอนที่พูดนั้นพวกเขากำลัง อิ่มความสุข

และโอโตซังฟาร์มสเตย์ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เสมอๆ

ผมเคยเจอแขกคนหนึ่งกลับมาพร้อมครอบครัวอีกรอบ พวกเขามาคุยฟุ้งให้โตและโอฟังว่า ตอนนี้พวกเขาทำสวนผักคนเมือง ปลูกผักกินเองในกระถาง ในบ้านพวกเขาไม่มีขยะเปียกแล้ว เพราะพวกเขาเอามันไปทำปุ๋ย เขาขอบคุณโตที่ทำให้พวกเขาได้ใช้เวลาร่วมกันและทำให้มองเห็นไส้เดือนเป็นสัตว์โลกที่น่ารัก พวกเขาบอกอีกว่าไม่เคยคิดเลยว่าแค่แยกขยะ และได้กินของที่ปลูกเองมันจะมีความสุขขนาดนี้

โอโตซังฟาร์มสเตย์เป็นแบบนี้แหละ มักจะมีคนหมุนเวียนเข้ามา และหลายคนก็กลับเข้ามาเป็นรอบที่สอง เพื่อที่จะอวดสิ่งที่เขาได้จากที่นี่และกลับไปทำ

 

– 2 –

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอีกอย่างของคนในโอโตซังฟาร์มสเตย์ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากฟ้าใส ก็คือในส่วนของโอและแฟนต้า

สำหรับโอนั้น ฟ้าใสทำให้โอมีเพื่อนคุยเรื่องจุ๋งจิ๋งแบบผู้หญิงๆ ก่อนหน้านี้โอแวดล้อมไปด้วยผู้ชายตัวโตๆ ผู้หญิงในฟาร์มก็มีแต่คนงานที่มีความสนใจคนละแบบ การมีฟ้าใสวนเวียนช่วยงานในครัวและเรียกโอว่าพี่ แทนที่จะเรียกอาเหมือนที่เป้และแฟนต้าเรียก ช่องว่างของผู้หญิงทั้งสองจึงค่อยๆ เข้ามาชิดกันจนแนบสนิท

และที่พลิกหลังตีนเป็นอุ้งตีนแมวนั้นก็คือฟ้าใสและแฟนต้า พลิกชนิดที่ต้นกล้ายังต้องเกาหัว แต่เด็กหนุ่มซึ่งมีพัดลมเป็นเป้าหมายของชีวิตก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมา เขาได้แต่บอกกับเป้ว่า

“พี่ฟ้าใสเล่นของแน่ๆ ถึงทำให้คนอย่างแฟนต้าหลงรักได้”

ตอนนี้แฟนต้าและฟ้าใสคุยกันกะหนุงกะหนิง ทั้งเรื่องเสื้อผ้า เครื่องสำอาง รวมเลยไปถึงเรื่องผิวพรรณและความเป็นผู้หญิงที่ทั้งคู่ใช้คำว่า ‘ระดับฮอร์โมนเอสโตเจน’ ซึ่งในตอนนั้นยังอยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของผม

“เช้าเย็นครั้งละเม็ด” แฟนต้ายกแผงยาชนิดหนึ่งขึ้นชู

“ยาคุมยี่ห้อนี้น่ะเหรอ พี่ก็เคยลองนะ” ฟ้าใสว่า “กินแล้วสิวหายเกลี้ยงเลย แต่บางคนกินแล้วมึนหัว”

“ต้าก็แพ้ กินแล้วมึนเหมือนกัน ช่วงใกล้สอบเลยต้องงดๆ ไปบ้าง”

“แพ้แล้วกินได้เหรอ” ฟ้าใสตกใจ

“ก็แค่มึนหัว ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่พี่ เพื่อนต้าก็เป็นกันทั้งนั้นแหละ ถ้ากินเช้ากินเย็น แต่มันได้ผลเร็วดี ผิวนะเนียนเลย รูขุมขนก็ไม่กว้าง อย่างกับว่าโครงสร้างร่างกายมันจะเปลี่ยนไปด้วย”

“มันจะเปลี่ยนโครงสร้างร่างกายได้ด้วยเลยเหรอ”

“กระดูกแข็งแบบนั้นคงเปลี่ยนไม่ได้จริงๆ ก็อุปาทานนั่นแหละ แต่มันให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ นะ” แฟนต้าสรุป และยืนยันว่าเขาจะยังคงกินมันต่อไป

“แล้วแฟนต้าคิดว่าตัวเองอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแค่ไหน” ฟ้าใสถาม คราวนี้เธอไม่ได้ถามผ่านๆ แต่อยากรู้จริงๆ

“ไม่รู้เหมือนกันเจ้ ก็ศึกษาอยู่แต่มันต้องใช้เงินเยอะมาก…” แฟนต้าลากเสียง “อีกอย่างไม่รู้ว่าอาโตกับอาโอจะยอมหรือเปล่า”

“ก็ต้องยอมสิ ชีวิตของแฟนต้า แฟนต้าก็ต้องมีสิทธิ์เลือก ถ้าแฟนต้ามั่นใจว่าอยากจะไปให้สุดจริงๆ พี่จะช่วยเอง”

“จริงเหรอเจ้” แฟนต้าจับมือฟ้าใสเขย่าด้วยความดีใจ “พี่ฟ้าใสน่ารักที่สุดเลย” เขาพูดแล้วเอาแก้มไถบนหลังมือฟ้าใสเหมือนแมว

“อือ…แต่แฟนต้าต้องผ่านการประเมินตามขั้นตอนที่ถูกต้อง เพราะถ้าตัดสินใจไปแล้ว เราจะไม่สามารถย้อนกลับมาได้อีก”

“โห…อย่างหนูนี่จะต้องประเมินอีกหรือพี่ ของอย่างนี้มันเป็นมาตั้งแต่เกิดไหมอะ ที่มีลูก มีเมีย ต้าเจอแต่พวกแอ๊บทั้งนั้นแหละ”

“ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้ชาย แต่หมายถึงอย่างอื่น อย่างเกย์…ไม่เคยเห็นข่าวที่มิสนางงามได้มงกุฏ เวลาผ่านไปจากแต่งหญิงกลับมาแต่งบอยหรือไง ไม่ได้มีคนเดียวด้วยนะ ดังนั้นแฟนต้าจะต้องผ่านการประเมินอย่างถูกต้องเสียก่อน”

“ก็ได้…แต่ตอนนี้ขอกินยาคุมไปพลางๆ ก่อนนะ”

“แต่ถ้าแพ้มากต้องหยุดนะ”

“ไม่มีวันเสียหรอก อีแฟนต้าสู้สุดใจค่าเจ้”

แฟนต้าตะโกนปลุกใจตัวเอง เสียงของเขาทำเป็ดในเล้าร้อง ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ ขึ้นด้วยความตกใจ ทั้งคู่หัวเราะขำให้กัน ก่อนแฟนต้าจะแยกตัวจากฟ้าใสออกไปอย่างร่าเริง

แดดบ่ายส่องจ้ากระทบผิวน้ำ แต่ผมกลับรู้สึกถึงเงามืดเข้าครอบงำ ผมแหงนคอและแล้วก็เห็นร่างของเป้ยืนคร่อมหัวผมอยู่

เขาจ้องมองฟ้าใส ผมเสียวสันหลังวาบ จินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนาทีข้างหน้า ในขณะที่ฟ้าใสดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงสัญญาณอันตรายนี้เลย

 



Don`t copy text!