ชื่นกลิ่นกุสุมา บทที่ 3 : ทางเดินของท่านแม่
โดย : อวิ๋นหลง
ชื่นกลิ่นกุสุมา เรื่องราวของโม่เหลียนฮวา หญิงสาวที่โชคชะตาก็ทำให้เธอกลายมาเป็นพระชายาของบุตรชายปาเสียนอ๋อง ตำแหน่งที่มาพร้อมความยุ่งเหยิงในชีวิต แต่นางก็แสนจะเต็มใจ นิยายจีนของ อวิ๋นหลง นักเขียนสาวผู้มีผลงานมาแล้วมากมายหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้คือนิยายจีนเรื่องแรกของเธอ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์
****************************
– 3 –
เฉินหลวนจับตัวข้าไว้ พวกบ่าวก็กรูมาหาและจับตัวข้าไว้ ข้าพยายามดิ้นเท่าก็ถีบบ่าวคนไหนก็ตามที่เอื้อมมาแตะตัวข้า แต่ข้าก็สู้แรงของปีศาจหมูเช่นมันไม่ได้ การต่อสู้ของข้าเหมือนแมวในดงหมาบ้า ก่อนที่เหตุการณมันจะแย่ไปกว่าเดิมนั้น เสียงฝีเท้าของคนหลายคนก็วิ่งตรงมาที่ประตูหลังของเรือนทันที
“มีเรื่องอะไรกันน่ะ!”
เสียงของท่านพ่อดังขึ้น ท่ามกลางเสียงอื้ออึงสับสนของผู้คนในบริเวณนั้น บ่าวสามคนของเฉินหลวนปล่อยมือออกจากตัวข้าพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ดวงตาของท่านพ่อเย็นเยียบกว่าเวลาปกติ ข้าไม่อาจสบตากับท่านได้นาน เพราะมีความผิดติดตัวเป็นทุนเดิมบวกกับสภาพตอนนี้ไม่ต้องบอกว่าท่านคงโกรธข้ามากเพียงใด
“ท่านลุง โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย บุตรสาวของท่านทำร้ายข้า” เฉินหลวนพูด ทั้งๆที่มือยังกำคอเสื้อข้าไว้ สุดจะทนข้าตะโกนด่าออกไปเหมือนกัน
“ช่างกล่าววาจาฉ้อฉลนัก ไอ้ปีศาจหมูพันปี เจ้านี่มีลิ้นหมาวาจาจิ้งจอกแบบนี้ ต่อให้เป็นผีอยู่ปรโลกข้าก็จดจำเจ้าได้ เฉินหลวน!”
“โม่เหลียนฮวา อย่าเสียมารยาท!”
คำของท่านพ่อแฝงไปด้วยการตำหนิ ข้ายอมรับว่าข้าไม่เข้าใจนัก ตอนนี้ข้าถูกทำร้ายถ้าเป็นท่านแม่หรือท่านตามาเห็นข้าในตอนนี้มีหวังบ่าวผู้ชายทั้งเรือนได้มาถล่มไอ้หมูตอนนี่เละแน่ แต่สภาพข้าตอนนี้ไม่ได้ใกล้เคียงสตรีผู้เรียบร้อยดังที่แม่สื่อชื่อดังกล่าวอ้าง ท่านพ่อคงไม่ชอบใจนัก เฉินหลวนยอมปล่อยมือออกจากหลังคอเสื้อของข้าทันที เขาฉีกยิ้มเหมือนคนบ้าพลางเอ่ย
“ที่จริงข้าออกตามหาคนที่แต่งเรื่องชายาหลังม่าน แต่ก็แปลกนะ เพราะคนขายลงทุนไปตั้งร้านที่เพิงหมาแหงน ใครผ่านไปมา ก็เล่าลือไปว่าคุณหนูแห่งหอจันทร์เสี้ยวอับจนหนทางถึงขนาดไปขายหนังสือเล่มล่ะหกอีแปะ หรือว่ากิจการของพวกท่านมีปัญหารึขอรับ ท่านอาโม่”
“บ้านของเจ้านั่นแหละที่กำลังจะล่มจม เพราะมีลูกชายไร้สามารถอย่างเจ้า!”
“เจ้า!”
“เหลียนฮวา เข้าบ้าน!”
ท่านพ่อเอ่ยพลางปรายหางตามายังข้าแค่นิดเดียว คำนั้นของท่านทำให้ข้ามิอาจขัดขืนได้ แต่แววตาของข้าก็มิอาจกลบเกลื่อนแววคับแค้นที่มีได้เช่นกัน การหันหลังเข้าบ้านของข้ามีเสียงหัวเราะไล่หลังจากคนทั่วไปและหนึ่งในนั้นคือพี่ชายต่างมารดา เพราะไม่อยากอยู่ใกล้ให้อับอายข้าจึงต้องเดินหนีเร็วๆ สาบานได้ในเวลานี้ข้ายอมแลกกับอะไรก็ได้ในโลกแลกกับการได้เอาขี้ม้ายัดปากเฉินหลวน
“ใช่แล้ว ขี้ม้าแต่คนอย่างเฉินหลวนเอาขี้ม้ายัดปากคงจะดีไป”
ข้าคิดอะไรออกจึงมองหากองขี้ของลาที่เอาไว้ขนของทันที ท่านพ่อทำท่าจะเดินเข้าไปในบ้าน ข้าก็เดินนะแต่ข้าเดินไปหยิบขี้ลากองที่อยู่ใกล้ที่สุดมาและเดินเข้าหาเฉินหลวนที่กำลังอ้าปากหัวเราะสุดเสียง ข้าเอาขี้ของลายัดปากของมัน คราวนี้เป็นข้าที่หัวเราะแทน
“โม่เหลียนฮวา แหวะ ขี้ม้า”
“ใช่ ข้าโม่เหลียนฮวา หัวเราะต่อไปสิ หัวเราะอีก ปากอย่างเจ้าอย่ากินข้าวเลย จะเอาขี้ม้าฟาดปากเจ้าข้ายังสงสารขี้ม้าเลย เอาขี้ลาขนฟืนน่ะเหมาะกับเจ้าแล้ว”
ข้าพูดออกมาพลางเดินเข้าไปในบ้าน โดยที่เฉินหลวพูดก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ท่านพ่อหันมามอง แต่ข้าก็มองท่านตอบอย่างไม่เกรงกลัวเหมือนกัน ท่านพ่อปล่อยให้เฉินหลวนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีข้าได้เช่นใดกัน ข้าทำผิดอะไรท่านพ่อถึงไม่ปกป้องข้าเหมือนพี่ใหญ่ที่วันๆเอาแต่ทำตัวสำมะเลเทเมา ขนาดจะสอบเข้าทำงานท่านพ่อยอมเอาเงินเก็บทั้งชีวิตไปให้สินบนใต้เท้ากองภาษี หรือที่ท่านพ่อไม่รักข้า เพราะข้าแต่งงานออกเรือนไม่ได้ หรือเพราะข้าเป็นผู้หญิงที่ไม่สมใจท่าน ข้าได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจไว้และไม่ยอมแสดงออกให้ใครเห็น
“ล้างมือให้สะอาด แล้วไปรอพ่อที่ห้องหนังสือ”
ข้าไม่ตอบได้แต่เดินไปในบ้านเรียกบ่าวให้ตักน้ำมาให้ข้าล้างมือก่อนจะเดินไปในบ้านตามที่ท่านพ่อสั่ง
“คุณหนูเจ้าคะ ทำไมสภาพเป็นอย่างนี้ หนังสือขายหมดรึยัง” พี่อี้เหลียนเดินตรงมาหาข้า ท่าทางนางจะไม่รู้ว่าข้าทำอะไรก่อนจะเข้ามา
“โม่เหลียนฮวา ห้ามเข้าไปในห้องนะ พ่อมีเรื่องจะพูดกับเจ้า”
“นายท่านเจ้าคะ นี่มันเรื่องอะไรเจ้าคะ”
พี่อี้เหลียนเอ่ยท่าทางร้อนใจ สภาพของข้าตอนนี้มันไม่เหมือนตอนที่ข้าไป ปกติชุดแพรพรรณแบบนี้ข้าก็ไม่ใส่อยู่แล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุตรสาวของคหบดี แต่แต่งตัวมอซอเหมือนคนจรจัดย่อมเป็นที่ครหา
“ให้บ่าวอาบน้ำให้คุณหนูก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ นายท่านอยากกินอะไรอุ่นๆ ไหมเจ้าคะ”
“ออกไป! ข้ามีเรื่องคุยกับลูกของข้า เจ้าเองก็เช่นกันรู้เห็นเป็นใจกับเหลียนฮวาด้วยใช่ไหมเรื่องที่นางออกไปเร่ขายหนังสือในตลาดน่ะ”
“นายท่านเจ้าคะ คุณหนูเขียนหนังสือขายไม่กี่เล่มเท่านั้น บ่าวก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเสียหายอะไร ดีเสียอีกคนเขาจะได้เล่าลือว่าคุณหนูเป็นคนรอบรู้เชิงอักษร” พี่อี้เหลียนพูดไปตามประสาซื่อแต่ท่านพ่อยิ้มยกมุมปากเพียงนิดเดียว ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
“หึ รอบรู้แต่ผิดจารีต คนมือหนาเท้าเติบแบบนี้ อยากจะมีใครอยากรับเป็นภรรยา มันเป็นเพราะเจ้าตามใจนาง ข้าบอกให้รัดเท้าให้เท่ากุสุมาทองคำ แต่เด็กคนนี้เถียงข้าว่ามันผิดธรรมชาติ บอกให้เรียนเย็บปักแต่กลับไปเรียนตำราพิชัยยุทธ์ บอกให้รักษาศักดิ์ศรีกลับไปเร่ขายหนังสือ นี่เหรอลูกของข้า…ความภูมิใจหามีไม่”
ถ้อยคำของท่านพ่อไม่สามารถทำให้ข้าอดทนต่อไปได้ ตอนแรกคิดว่าจะหลับหูหลับตาฟังไปให้มันจบๆไป แต่พอเอาเข้าจริงๆข้าทนมันไม่ได้จึงพูดออกไปว่า
“ข้าไม่ได้ผิดที่เป็นแบบนี้นี่เจ้าคะ ผู้หญิงไม่รัดเท้าจะเดินเร็วๆหรือวิ่งก็ได้ ไม่ใช่ทางเดินธรรมดาเท่านั้นที่ข้าอยากเดิน ทางที่ลาดสู่ฝันข้าก็เดินไปได้ด้วยสองเท้านี่แหละ ข้าอยากเป็นกวีมันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ข้าใช้สมองทำงาน หาได้ขายเรือนร่างหาเลี้ยงชีพเหมือนสตรีคณิกา ท่านควรจะภูมิใจต่างหาก”
“ลูกหลานสกุลโม่ไม่มีใครทำตัวแบบนี้”
“ท่านพ่อพูดผิดแล้วเจ้าค่ะ ความประพฤติของข้าตัดเรื่องการเขียนหนังสือขายแล้วนับว่าดีกว่าพี่ใหญ่มาก ข้าช่วยท่านแม่ค้าขายเอาเงินมาเลี้ยงบ่าวไพร่ เลี้ยงพี่ใหญ่กับแม่รอง ข้าไม่เคยทำตัวให้เสื่อมเสีย แต่ท่านนั่นแหละที่ไม่เคยปกป้องข้าเลย ขนาดเห็นว่าคนอื่นทำร้ายข้า ท่านยังไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่คิดจะช่วยข้าเลย”
เพี้ยะ!!
ท่านพ่อมองหน้าข้าอย่างเหลืออด จากสีหน้าแววตาของท่านทำให้ข้ารู้ว่าท่านผิดหวังมากเพียงใด แต่ทำยังไงได้ล่ะ ตลอดเวลาข้าต้องถูกตีกรอบในแบบที่ท่านพ่ออยากให้เป็น การดูตัวแต่งงานเพื่อสร้างฐานอำนาจบ่อยครั้งนัก ที่ท่านไม่คิดถึงใจข้า มาวันนี้ต่อหน้าคนมากมาย ท่านพ่อยังไม่คิดจะกางแขนปกป้องข้าเลยด้วยซ้ำ
แต่ทันใดนั้น…
“ท่านพี่ ท่านทำอะไร!” ร่างของท่านแม่ปรากฏขึ้นพร้อมบ่าวคนสนิท ไม่ต้องบอกท่านคงตกใจมากพอๆกับข้าในเวลานี้ ข้ารู้สึกชาไปครึ่งซีกที่เจ็บกว่าหน้าก็คือหัวใจ มือบอบบางของท่านแม่มาจับมือข้าไว้แน่น ในขณะเดียวกันท่านก็จ้องมองท่านพ่อท่าทางเอาเรื่อง
“ท่านตีลูกข้าทำไม นางทำอะไรผิด!”
“นางทำให้ข้าเสียหน้า หลังจากวันนี้ไป ห้ามเหลียนฮวาออกจากบ้าน ใครขัดคำสั่งข้าให้ออกไปอยู่ที่อื่นได้”ท่านพ่อพูดเสียงดังลั่นจนข้าตกใจ แต่ท่านแม่กลับเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ ดวงตาของท่านเยือกเย็นแต่กลับรู้สึกว่าท่านแม่ปวดร้าวใจอย่างที่สุด
“งั้นท่านคงต้องไล่ข้าออกไปด้วย เพราะว่าเรื่องที่นางเขียนหนังสือขาย ข้ารู้เห็นมาตลอด”
“ฮูหยิน เจ้ากำลังหักหน้าข้ารึ!”
ท่านพ่อพูดเสียงดังลั่น แต่ท่านแม่ยังคงมีสีหน้าเมินเฉย พี่อี้เหลียนถอยห่างออกไปจากห้อง และในห้องตอนนี้เหลือเพียงข้าท่านพ่อและท่านแม่ สถานการณ์ที่เงียบแต่กลับตึงเครียดยากเกินจะคาดเดา
“ข้าจะไม่ห้ามลูก ถ้านางอยากจะทำอะไร ข้าจะให้นางทำเพราะความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ลูกของข้าไม่ได้ไปทำเรื่องเลวร้าย ท่านไม่มีสิทธิ์มาตีลูกของข้า”
“เจ้าบ้าไปแล้ว! เห็นข้าเป็นอะไร คิดว่าการที่เหลียนฮวายังไม่ได้ออกเรือน ข้าจะสบายใจได้รึ แล้วนี่เจ้ายังมาให้ท้ายนางอีก เจ้ายังอยากเป็นฮูหยินของข้าอยู่อีกไหม”
“ข้าจะยกบ้านที่ตรอกชิงไห่ให้ ขออย่างเดียวท่านอย่าได้มายุ่งกับเราแม่ลูกอีก”
“ซื่อซิน เจ้ากล้ารึ!”
ท่านพ่อเอ่ยท่าทางโกรธจัด แต่สำหรับข้าคนที่เจ็บปวดกลับเป็นท่านแม่มากกว่า ร่างบอบบางของท่านขยับเข้ามาใกล้ๆท่านพ่อพลางเอ่ย
“ตลอดเวลาสิบห้าปี ข้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ดีแล้ว ความใจดีของข้ายังเจือจุนไปถึงภรรยาคณิกาที่ท่านเลี้ยงดูไว้ เมื่อนางมีลูกชายให้ท่าน ข้าก็รู้ดีว่าท่านฝากความหวังของตระกูลไว้ที่ใด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะมาใช้ความหวังนั้นกดขี่ให้เหลียนฮวาต่ำลง!”
“ท่านแม่เจ้าขา”เสียงของข้าสั่นเครือ ในขณะที่ท่านพ่อก็พูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้อีกเช่นกัน
“แล้วข้าไม่รักเหลียนฮวาตรงไหน เจ้าน่ะบ้าไปแล้ว ตามใจลูกจนไม่ดูว่าประเพณีเขาไปถึงไหน ผู้หญิงไม่รัดเท้าหาสามียากแล้วยังมีคนมาบอกว่าเป็นลูกของข้าที่ไปเร่ขายหนังสืออีก เจ้าเคยมองความเป็นจริงข้อนี้หรือไม่ ว่ามันน่าอับอายเพียงใด”
“ข้ามองความจริงมาตลอด และคิดเสมอว่าลูกมีเหตุผลพอที่จะทำแบบนั้น ตลอดหลายปี ข้าคิดว่าท่านกับภรรยาอีกคนก็สุขสบายจากผลกำไรที่หอจันทร์เสี้ยวมามากพอ อีกอย่างข้าก็เขียนใบหย่ามาไว้นานแล้ว เหตุผลเดียวที่ทำให้ข้าจะทำอย่างนั้นก็คือท่านไม่ปกป้องลูกเราต่อหน้าคนอื่น”
ท่านแม่กล่าวคำนั้นออกมาชัดเจนนัก ความร้าวรานใจที่ท่านได้รับตลอดหลายปีทำให้ข้าเข้าใจมาตลอด ท่านทนทุกอย่างเพราะอย่างให้ข้าขึ้นชื่อว่าเป็นลูกขุนนาง เพราะการเป็นแม่ค้าในต้าซ่งต่อให้ร่ำรวยเช่นใดก็ได้รับการดูหมิ่น แต่ท่านแม่ก็ใช้มันเพื่อมาดูแลทุกคนในครอบครัว แถมยังเจือจุนไปยังครอบครัวท่านพ่อด้วย
กระดาษใบหนึ่งถูกดึงออกมาจากอกเสื้อของท่าน ใบหย่าที่รอการลงชื่อจากท่านพ่อถูกยื่นพร้อมกับการหันหลังจากลา ณ วันนี้ตำแหน่งภรรยาของเจ้าภาษีนายอากรผู้ที่คนทั่วไปนับหน้าถือตาคงไม่มีอีกแล้ว ท่านพ่อเอ่ยคำทัดทานแต่มันก็ไม่เป็นผลเพราะคำตอบเดียวที่ท่านแม่ตอบออกไปก็คือ
“หอจันทร์เสี้ยวและลูกคือสิทธิ์ขาดของข้า ต่อไปนี้เหลียนฮวาถือเป็นในสกุลจางของข้า สิบห้าปีข้าไม่ต้องการสิ่งใดจากท่าน หน้าที่ภรรยาขุนนางข้าไม่ต้องการ!”