บีเกิลสื่อรัก บทที่ 4 : ชอบคุณหมอ

บีเกิลสื่อรัก บทที่ 4 : ชอบคุณหมอ

โดย : ดาริยา

Loading

บีเกิลสื่อรัก นวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ โดย ดาริยา จบลงแล้ว ผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกให้เพื่อนนักอ่านชาวอ่านเอาได้ทดลองอ่าน หากอยากอ่านฉบับเต็มครบทุกตอน ซื้อ บีเกิลสื่อรัก ฉบับ E-Book ได้ที่ >> https://bit.ly/3akx3IU

**************************

– 4 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป แผ่นดินก็ยังไม่มีโอกาสได้พบหวานใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว อันที่จริงหมู่บ้านที่เขาอยู่ก็ไม่ได้ใหญ่โตหรูหราจนลูกบ้านไม่ค่อยได้พบเจอหน้ากัน ขนาดของบ้านทุกหลังออกจะกะทัดรัด แถมยังมีสวนสาธารณะอยู่กลางหมู่บ้านซึ่งแผ่นดินพาเจ้าแจ็คไปเดินเล่นทุกเย็น แต่กลับไม่เคยพบคุณหมอสาวเลยสักครั้ง หรือเขาจะไม่มีวาสนาต่อเธอกันนะ

หลังตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาไปด้วย จูงเจ้าแจ็ควิ่งรอบสนามไปด้วย สายตาของชายหนุ่มก็ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวร่างสูงที่สวมกางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดขาว ผมยาวสีออกน้ำตาลถูกรวบสูงขึ้นไปไว้แทบกลางกระหม่อม เมื่อได้เห็นดวงตากลมหวานซึ้งอันเป็นเอกลักษณ์เข้าเท่านั้น แผ่นดินก็แน่ใจว่าใช่แล้ว โชคชะตาได้พาให้เขามาพบสัตวแพทย์สาวอีกครั้งจนได้ และเขาก็ยังคงใจเต้นแรงเหมือนเดิมขณะเร่งฝีเท้าเข้าไปหาหวานใจ

“ดีใจจังเลยครับ ได้เจอคุณหมออีกจนได้”

“คุณดิน! แจ็ค!”

ท่าทางคุณหมอสาวตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้เห็นเขาเดินจูงเจ้าแจ็คอยู่ในสวนสาธารณะของหมู่บ้าน เธอเองก็เป็นฝ่ายตรงรี่เข้ามาหาเหมือนกัน แต่แล้วหัวใจชายหนุ่มที่พองโตก็แฟบลงนิดหน่อยเมื่อหวานใจนั่งลงข้างเจ้าแจ็คแล้วลูบหัวลูบตัวมันด้วยความเอ็นดูราวกับคิดถึงมันมากกว่าเขา ฝ่ายเจ้าแจ็คก็ทำตาแป๋วแล้วกระดี๊กระด๊าเข้าคลุกวงในกับคุณหมอราวกับมันก็คิดถึงเธอนักหนาเช่นกัน

“เป็นไงบ้างจ๊ะแจ็คคนเก่ง ดูแข็งแรงเต็มร้อยแล้วนี่ เก่งมากๆ จ้ะ”

แผ่นดินเริ่มแน่ใจว่าเหตุที่คุณหมอพุ่งตรงมาหานั้น เป็นเพราะเจ้าแจ็คล้วนๆ เขาไม่มีส่วนเลยสักนิด แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะยอมแพ้หมา เขานั่งลงข้างหวานใจเสนอหน้าคุยด้วยแบบไม่รู้จักคำว่าอาย

“ผมพาลุงแจ็คมาออกกำลังทุกวันครับ”

“ดีมากเลยค่ะ ลุงแจ็คจะได้สุขภาพดี” ได้ยินเธอเรียกเจ้าหมาน้อยว่า ‘ลุงแจ็ค’ ตามเขา แผ่นดินก็ใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง แอบเข้าข้างตัวเองว่าคุณหมอสาวให้ความสนิทสนมกับเขาขึ้นมาอีกระดับ…ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันใช่มั้ย

“แล้วคุณหมอล่ะครับ มาทุกวันหรือเปล่า”

“ไม่ทุกวันหรอกค่ะ แต่ตั้งใจไว้ว่าจะพยายามมาออกกำลังบ้าง ถ้าไม่ติดอยู่เวรที่โรงพยาบาล” เธอบอกเสียงราบเรียบ อาการ ‘ไว้ตัว’ แบบนี้เธอทำกับผู้ชายทุกคนหรือเปล่านะ หรือทำเฉพาะกับเขาเท่านั้น เครื่องหมายคำถามอันเบ้อเริ่มผุดขึ้นมาในหัวแผ่นดิน

“งั้นเราวิ่งไปด้วยกันดีมั้ยครับ”

“ดีค่ะ แต่มีข้อแม้อย่างนึง”

“ข้อแม้?” แผ่นดินใจหายวาบ…จะวิ่งกับคุณหมอต้องมีข้อแม้ด้วยหรือนี่

“ใช่ค่ะ คุณดินต้องเลิกเรียกฉันว่าคุณหมอ เปลี่ยนมาเรียกว่าหวานได้มั้ยคะ ฉันอยากรู้สึกสบายๆ ไม่ต้องเป็น ‘หมอ’ ตลอดเวลา”

“ได้ครับคุณหวาน”

“แล้วฉันควรเรียกคุณว่า ‘ผู้กอง’ หรือเปล่าคะ เห็นพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ที่โรงพยาบาลบอกว่าคุณมียศเป็นร้อยตำรวจเอก”

“โอ๊ย! ไม่ต้องเลยครับ ผมก็ไม่ได้อยากเป็น ‘ผู้กอง’ ตลอดเวลาเหมือนกัน เราคุยกันแบบสบายๆ ก็ดีนะครับ”

“ตกลงค่ะ อืม แล้วบ้านคุณดินอยู่ซอยไหนคะเนี่ย ทำไมเราไม่ค่อยเจอกันเลย”

“ซอยห้าครับ ของคุณหวานล่ะอยู่ซอยไหน”

“ซอยสองค่ะ อันที่จริงเป็นบ้านเช่าน่ะ เจ้าของบ้านให้ฉันเช่าในราคาถูกสุดๆ เลย เขาเป็นรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ที่ฉันทำงานอยู่ เขาอยากให้ฉันไปช่วยงานที่นั่น ก็เลยพยายามหาที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่สุดให้”

“ดีจังนะครับ”

ในใจแผ่นดินไม่ได้คิดอย่างที่พูดหรอก เขาเริ่มระแวง ถ้ารุ่นพี่คนนั้นเป็นผู้ชายละก็ เขาจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวเพิ่มขึ้นมาอีกคน นอกเหนือจากคนแรกคือเศรษฐีขี่ซุปเปอร์คาร์จอมกร่างเจ้าของหมาเชาเชาที่ดูก็รู้ว่าราคาน่าจะแพงเอาการ ว่ากันเป็นหลักแสนแน่นอน แบบนี้ทางรักของเขาเห็นทีจะโรยด้วยขวากหนามผสมตะปูอันแหลมคมมากกว่ากลีบกุหลาบเป็นแน่

แต่ทำไงได้ คนมันชอบไปแล้ว ชอบมากเสียด้วย เกิดมาแผ่นดินไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยหวานน่ารักเท่านี้ เหนืออื่นใดคือความอ่อนโยนรักสัตว์ของเธอที่ทำให้เขาใจละลาย ยอมรับเลยว่าเขาฝันเห็นคุณหมอหวานใจบ่อยมาก บ่อยจนน่าตกใจและเริ่มเข้าใจตัวเองในที่สุดว่าแบบนี้แหละคือ ‘พรหมลิขิตบันดาลชักพา’ ของจริง เขาจึงต้องเดินตามทางไปเรื่อยๆ โดยจะใช้ความพยายามสุดใจ เป็นตายยังไงก็ต้องลองจีบดู ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างมุ่งมั่นขณะวิ่งเหยาะๆ เคียงข้างไปกับหวานใจ โดยมีเจ้าแจ็ควิ่งนำหน้า ดูท่าทางตื่นเต้นมีความสุขไม่แพ้เจ้าของทีเดียวเมื่อมีคุณหมอสาวมาออกกำลังด้วย

แผ่นดินชวนคุยเรื่องทั่วไปประเภทดินฟ้าอากาศ คุณหมอสาวยอมคุยด้วยก็จริงแต่เหมือนเธอพยายามสงบปากสงบคำ ส่วนมากเธอจะก้มไปคุยกับเจ้าแจ็คมากกว่าคุยกับเขาด้วยซ้ำ ผู้กองหนุ่มใจแป้วแต่ก็ยังไม่ถอดใจง่ายๆ ยังคงเฟ้นหาเรื่องมาคุยจนได้ แต่เขาต้องยั้งใจยังไม่บอกเรื่องที่ธนทรัพย์มีส่วนในการค้ายารายใหญ่ นอกจากเพราะเกรงว่าจะเป็นการละลาบละล้วงและอาจดูเป็นการปรักปรำแล้ว ยังเพราะปฏิบัติการยังไม่สิ้นสุดกำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการ เขาไม่ควรนำไปพูดหรือเปิดเผยให้เสียรูปคดี เผลอๆ คนร้ายจะไหวตัวเสียก่อน

แม้จะไม่มีเรื่องส่วนตัวใดๆ ของทั้งคู่ถูกเอ่ยถึง แต่แผ่นดินก็เข้าข้างตัวเองว่าเขาได้ขยับเข้าไปใกล้หัวใจสาวในฝันอีกขั้นหนึ่งแล้ว…หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น

 

เมื่อกลับจากสวนสาธารณะมาถึงบ้าน หวานใจก็พบว่านางวิภาผู้เป็นแม่กำลังง่วนกับการทำขนมในครัว พอเธอจะเข้าไปช่วยแม่ก็ไล่ให้ไปอาบน้ำอาบท่าแล้วค่อยลงมากินข้าวเย็นด้วยกัน เธอจึงขึ้นบันไดไปอย่างว่าง่าย

เมื่ออยู่ตามลำพังในห้องพัก หญิงสาวที่กำลังสับสนก็ถามตัวเองว่าเธอเป็นอะไรไป

ที่สวนสาธารณะเมื่อครู่นั้น ความจริงแวบแรกที่เห็นผู้กองหนุ่ม เธอแทบอยากวิ่งหนี แต่เท้าเจ้ากรรมกลับพาเดินเข้าไปหา น่าจะเป็นเพราะเจ้าสี่ขาตัวน้อยที่เธอเคยรักษานั่นแหละ นอกจากใจชอบสุนัขพันธุ์บีเกิลเป็นพิเศษแล้วเธอยังไม่ได้เจอเจ้าแจ็คมานานจนคิดถึงและอยากไปทักทาย แต่กลับทำให้ทุกอย่างยิ่งหนักขึ้น กลายเป็นว่าสองคนกับหนึ่งสุนัขวิ่งออกกำลังด้วยกันเสียอย่างนั้น

จากที่ตั้งใจไว้ตลอดมาว่าจะไม่พาตัวเข้าไปใกล้พวกตำรวจเป็นอันขาด บัดนี้หญิงสาวรู้สึกว่ามีผู้กองหนุ่มคนหนึ่งลักลอบคืบคลานเข้ามาใกล้หัวใจ มันใกล้จนน่ากลัว เพราะเธอเองแพ้ต่ออากัปกิริยานุ่มนวลที่เขาทำต่อเจ้าตัวน้อยสี่ขาของเขา แพ้ต่อแววตาเปิดเผยจริงใจที่แสดงออกชัดเจนว่าเขาสนใจเธอเพียงใด และไม่ได้คิดไปเองแน่…แววตาเช่นนั้นแผ่นดินมอบให้เธอตั้งแต่วันแรกที่พบกัน หวานใจจำได้ดี

‘ลุงแจ็คท้องเสียครับคุณหมอ’

วันนั้นแผ่นดินพาสุนัขบีเกิลของเขามาหาหมอด้วยชุดทำงานสีกรมท่าซึ่งหวานใจไม่คุ้นตา เขาค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อมก่อนพาเจ้าแจ็คไปวางลงบนเตียงตรวจตามที่เธอบอก

‘ขอหมอดูหน่อยนะแจ็ค เป็นไงบ้าง’ หวานใจลูบหลังบีเกิลแสนรู้ จากประสบการณ์บอกเธอว่าสุนัขตัวนี้ได้รับการฝึกมาอย่างดี นิ่งจนน่าประหลาดใจ

เมื่อมองเลยจากมือใหญ่ของชายหนุ่มที่ช่วยประคองเจ้าแจ็คไล่ขึ้นไปถึงต้นแขน หญิงสาวก็พบว่าบนเสื้อมีอาร์ม (1) ติดไว้ และบนอาร์มมีตัวหนังสือสีเหลืองเด่นชัดสะดุดตาที่สุดปักไว้ว่า POLICE K-9

ตำรวจ!

อีกแล้วหรือนี่ ในชีวิตนี้เธอจะหลีกหนีคนอาชีพตำรวจไม่พ้นหรือไร หวานใจยังจำความรู้สึกตกใจในวินาทีนั้นได้ดี คงเป็นเพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีตำรวจที่สวมเครื่องแบบสีกรมท่า นั่นทำให้เธอถึงกับผงะเลยทีเดียว

อาจจะดูว่าเธอมีอคติกับตำรวจอยู่สักหน่อย ก็ต้องยอมรับละ ภาพสารวัตรหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวของเพื่อนในโรงแรมม่านรูดกับกิ๊กของเขาติดตากระทบใจจนบอกไม่ถูก ไม่เพียงเท่านั้น ที่ผ่านมาหวานใจได้พบเจอผู้หญิงรอบตัวที่เจ็บปวดเพราะความเจ้าชู้ของตำรวจมานักต่อนักจนเข็ดขยาด จึงตั้งมั่นในใจไว้ว่าต้องออกห่างจากคนอาชีพนี้ไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

และหลังจากแน่ใจว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับตำรวจ สัตวแพทย์สาวก็ก้มหน้าก้มตาตรวจเจ้าตัวน้อยสี่ขาอย่างขะมักเขม้น โดยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของอีกเลย กระนั้นแผ่นดินก็ยังชวนคุย

‘ตั้งแต่แก่ตัวมานี่ลุงแจ็คของผมป่วยบ่อยขึ้นมาก แต่ก็นั่นแหละนะครับ มันถึงวัยปลดประจำการก็แปลว่าร่างกายถดถอยแล้วละ ต้องทำใจ’

‘แจ็คเป็นสุนัขตำรวจเหรอคะ’ หวานใจเผลอตัวคุยตอบโต้ ยอมรับว่าเธอสนใจเรื่องราวของสุนัขตำรวจมากๆ แม้จะศึกษาทางอินเทอร์เน็ตมาบ้าง แต่ก็ยังอยากรู้ลึกถึงชีวิตสุนัขเหล่านั้น

‘ใช่ครับคุณหมอ ตอนยังทำงานอยู่มันแคล่วคล่องจมูกดี ค้นเจอยาเสพติดหลายหน เก่งพอตัวเลยละครับ พอมันปลดประจำการผมก็อดไม่ได้ เลยประมูลมาเลี้ยงต่อที่บ้าน คนมันรักกันแล้วจะทิ้งกันได้ไง จริงมั้ยครับคุณหมอ’

แววตาคมกล้ามุ่งมั่นทว่าแสนอ่อนโยนของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวใจเต้นแรง ได้แต่ตอบออกไปเบาๆ

‘จริงค่ะ คุณใจบุญมาก’

จากนั้นเธอก็รีบตรวจให้เสร็จ นายตำรวจหนุ่มกับบีเกิลของเขาจะได้ออกไปจากห้องตรวจเสียที ไม่รู้เพราะอะไรเขาจึงทำให้หัวใจเธอปั่นป่วนไปหมดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ไม่ได้นะ! เธอต้องไม่พ่ายแพ้ต่อความเป็นธรรมชาติและเสน่ห์บางอย่างของเขา ต้องตั้งมั่นในความคิดเดิมๆ อย่างไรเสียเธอก็ควรไกลห่างพวกตำรวจไว้ก่อน ต้องไม่ลืมความอันตรายของสารวัตรหนุ่มใหญ่ที่ทำกับนิอรเพื่อนเธอและยังมีกรณีคล้ายกันอื่นๆ อีกมากมาย

เธอต้องพึงระวัง ห้ามเผลอใจเด็ดขาด ถ้าหวานใจคนนี้จะต้องชอบใครสักคนแล้วละก็ ขอเถอะขอภาวนาว่า…

อย่าเป็นตำรวจ!

“มึงว่ากูบ้าไปรึเปล่าวะ ที่เสือกไปแอบชอบคุณหมอเข้าอะ”

แผ่นดินโพล่งออกมาขณะนั่งกินข้าวกับเพื่อนรักในร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ธันวาได้ยินประโยคนั้นเข้าถึงกับตะโกนลั่น

“ไอ้เวรดิน! จะมีแฟนทั้งที มึงเล่น ‘คุณหมอ’ เลยเหรอวะ แล้วมึงไปเจอคุณหมอตอนไหน ทั้งที่ร่างกายออกจะแข็งแรง”

“สัตวแพทย์โว้ย เป็นเพราะลุงแจ็คมันชักจะแก่ไม่ค่อยแข็งแรงนั่นแหละ กูถึงได้มีโอกาสไปเจอคุณหมอเข้า เธอทำงานในโรงพยาบาลสัตว์แถวบ้านกู สวยน่ารักมากเลยว่ะ”

แววหวานในดวงตาคนพูดทำเอาทนายหนุ่มประหลาดใจไม่น้อย

“เล่นของสูงนะมึง มันจะไม่ลำบากไปหน่อยเหรอ แค่ผู้หญิงธรรมดามึงยังไม่เคยจีบเลย พอคิดจะมีแฟน ดันเริ่มซะยากเชียว มึงจะเอาอะไรไปคุยกับเขาวะ ความรู้ทางสายวิทย์พวกเราก็ไม่ถนัด ยิ่งเรื่องทางการแพทย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง บอกเลยนะไอ้ดิน งานนี้มึงลำบากแน่”

“ไอ้เหี้ยธันว์! แทนที่มึงจะช่วยให้กำลังใจเพื่อนหน่อย นี่เอาแต่ถล่มกูซะยับ คู่แข่งกูยิ่งเยอะอยู่ด้วย”

“อ้าว! มีคู่แข่งอีกต่างหาก ซวยละมึง”

“รู้งี้กูไม่นัดกินข้าวกับมึงหรอก นึกว่าจะช่วยคิดช่วยให้กำลังใจ นี่ดันมาทำให้กูเสียเซลฟ์ไปอีก ไอ้ควาย!”

เพราะความสนิทสนมขั้นสุด ทำให้สองเพื่อนซี้ออกจะพูดจาโผงผางกันเต็มที่ รวมทั้งคำสบถที่มักมีออกมาเป็นระยะ แต่ทั้งแผ่นดินและธันวาก็รู้ดีว่าในใจของทั้งคู่หวังดีต่อกันเพียงใด ในที่สุดทนายหนุ่มใช้เวลาไตร่ตรองครู่หนึ่งจึงยกมือตบบ่าเพื่อน

“เอาเป็นว่ากูเข้าใจมึงนะไอ้ดิน บางทีความรักมันก็ห้ามกันไม่ได้หรอก นึกจะรักมันก็รักหัวปักหัวปำซะงั้น”

“นี่กำลังจะปูเรื่องเข้าตัวเองละสิไอ้ธันว์ เมื่อไหร่มึงจะพาน้องแอร์คนสวยมาแนะนำให้เพื่อนรู้จักบ้าง เก็บเงียบเลยนะมึงง่ะ”

“กูก็อยากพาไปแนะนำป่าวประกาศอวดแฟนให้เพื่อนๆ รู้อยู่นะ แต่ผู้หญิงเขาไม่เอาด้วยไง ย้ำแต่ว่าอยากคบแบบพี่ชายน้องสาว นี่กูก็เป็นพี่เธอมาตั้งแต่เธออยู่มัธยมต้นจนป่านนี้ ยังไม่นานพออีกเหรอวะ อยากเปลี่ยนจากพี่เป็นแฟนไม่ได้รึไง เธอไม่เข้าใจกูเลยว่ะ”

“นี่สรุปวันนี้เรานัดกันมาปรับทุกข์เรื่องหัวใจซะงั้น ข้าวปลาลดความอร่อยไปเยอะ ต่างคนต่างทางรักไม่สดใส” แผ่นดินเอ่ยอย่างปลงๆ ในใจคิดถึงท่าทางที่คุณหมอหวานจงใจแสดงความห่างเหินกับเขา แล้วยังเศรษฐีขี้โอ่ที่มาติดพันเธอ ไหนจะเจ้าของโรงพยาบาลสัตว์ที่เธอทำงานอยู่อีก เขาไปสืบมาแล้วว่าเป็นผู้ชายแถมเป็นสัตวแพทย์เสียด้วย

“มันก็ต้องมีที่ระบายแหละเนอะไอ้ดิน เรามาช่วยกันแก้ปัญหาดีกว่า เริ่มจากมึงก่อน” ธันวาทำเสียงเป็นงานเป็นการราวกับกำลังเปิดประชุม

“กูก็ไม่มีอะไรมากนะ เพราะยังไม่ได้เริ่มจริงจัง แต่แค่นี้ก็เห็นศัตรูรอบด้านไปหมด เพราะคุณหมอน่ารัก เป็นธรรมดาที่จะมีหนุ่มมารุมตอมเยอะ มันหนักตรงที่ทุกคนล้วนแต่รวยๆ ทั้งนั้นเลย บอกตามตรงกูแอบกลัว แต่ก็ปลุกใจตัวเองตลอดว่าไอ้เรื่องฐานะกูอาจจะสู้ใครเขาไม่ได้ แต่หัวใจนี่เกินร้อยโว้ย” แผ่นดินประกาศกร้าว

“มึงก็ต้องเอาหัวใจมึงนั่นแหละ เข้าแลก ไม่มีทางอื่นหรอก ว่าแต่คุณหมอไม่มีทีท่ารังเกียจมึงเลยใช่มั้ย เอาตามตรงนะ ถึงมึงเป็นผู้กอง แต่ไม่รู้ว่าในสายตาผู้หญิงจะเท่พอรึเปล่าเมื่อเทียบกับตำรวจสายงานอื่น เพราะไอ้ชุดเวสต์ (2)  ที่มึงใช้ตอนปฏิบัติงานน่ะ กูพูดแบบไม่กลัวมึงโกรธนะ ความเท่อาจจะด้อยไปหน่อยถ้าเทียบกับตำรวจแถวสน.” ตบหัวเพื่อนเสร็จธันวาก็ตามด้วยการลูบหลัง “แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเป็นผู้หญิงรักสัตว์ ยังไงเขาก็ต้องว่าตำรวจที่ทำงานกับสุนัขตำรวจย่อมน่ารักกว่าอยู่ดี”

“กูค่อนข้างมั่นใจนะ ว่าคุณหมอไม่สนใจเรื่องไร้สาระหรอก บางวันที่กูพาหมาไปหาหมอกูก็ใส่ชุดเวสต์นี่แหละแถมถอดหมวกโชว์หัวเกรียนๆ อีกต่างหาก แต่สายตาที่คุณหมอมองกูก็ดูชื่นชมนะ อันนี้ไม่ได้คิดไปเอง” แผ่นดินพูดความจริง แม้หวานใจจะพยายามสร้างระยะห่าง แต่ดวงตาเธอนั้นช่างตรงกันข้าม บางแวบก็แอบฉายแววชื่นชมออกมาเห็นๆ

“เออๆ หล่ออย่างมึง ใส่ชุดไหนตัดผมยังไงก็หล่อแหละ”

“นี่มึงชมกูเหรอไอ้ธันว์ เดี๋ยวหิมะตกหรอก”

“ก็คงต้องบอกมึงตามตรงละนะเพื่อให้มึงสบายใจขึ้น ว่าหน้าตาแล้วก็หุ่นล่ำของมึงคงเตะตาสาวบ้างแหละวะ ขนาดพวกเก้งกวางยังเคยตามจีบมึงมาแล้ว นับประสาอะไรกับผู้หญิง มึงต้องมั่นใจในตัวเอง เหนืออื่นใด มึงเป็นคนดีนะไอ้ดิน อันนี้มันสำคัญที่สุด กูขอพูดเผื่อไว้ก่อนเลยว่าถ้ามึงเกิดผิดหวังจากคุณหมอคนนี้มึงก็อย่ากลัว ในที่สุดมึงต้องหาเมียได้ กูมั่นใจ”

“เออ ฟังแล้วรู้สึกดีเว้ย กูจะฮึดสู้ ขอลุยเต็มตัวดูสักตั้ง เก่งเหมือนกันนะมึง ปลุกใจกูได้ ทีนี้มาเรื่องมึงบ้างดีกว่าไอ้ธันว์ สาวรุ่นน้องที่ว่าเนี่ย คนไหนวะ กูเคยเจอมั้ย”

“ไม่น่าเคยนะ กูยังไม่เคยพามาให้มึงรู้จักนี่หว่า เธออยู่มัธยมโรงเรียนเดียวกับกู กูเจอครั้งแรกตอนกลับไปร่วมงานศิษย์เก่า เห็นปุ๊บชอบปั๊บเลยว่ะ แต่ตอนนั้นน่ะมึงอยู่อีกโรงเรียน ไม่น่าจะเคยเจอกันนะ ว่าแต่คุณหมอมึงชื่ออะไร กูจะได้รู้ไว้” ธันวาวกกลับไปเรื่องของเพื่อนอีกครั้ง

“ชื่อ หวานใจ”

“โห! ชื่อโคตรน่ารัก”

“แล้วแอร์มึงล่ะ ชื่ออะไร”

“ชื่อ พิมพ์ชนก”

“เฮ้ย! คุ้นๆ นะ” แผ่นดินนึกย้อนไปถึงแอร์โฮสเตสสาวที่มากับชายใจหญิง เพิ่งเข้ามาทักเขาเมื่อไม่นานมานี้ที่สุวรรณภูมิ แต่คนชื่อพิมพ์ชนกออกจะเยอะแยะ คงไม่แจ็กพอตขนาดนั้น

“คุ้นยังไง”

“คงไม่ใช่หรอก พอดีกูพาหมาไปตรวจยาเสพติดที่สุวรรณภูมิบ่อย เจอแอร์เยอะ อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เอาไว้มึงพาน้องมารู้จักกันไว้หน่อยสิ ถือโอกาสนัดเธอกินข้าวไง”

“อืม เข้าท่านะ พิมเป็นคนคุยเก่ง น่าจะสนุกถ้าได้คุยกัน”

“เรื่องรุ่นน้องไม่ยอมเปลี่ยนสถานะเนี่ยความจริงไม่น่ายากนะไอ้ธันว์ ถ้ามึงใช้ความพยายามหน่อย มึงเองก็ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ นิสัยก็ดี”

“สรุปวันนี้นอกจากมาปลอบใจกันแล้วยังมาอวยกันเองอีก กูว่าอิ่มแล้วเราแยกย้ายกันกลับดีกว่า เอาเป็นว่า ต่างคนต่างลองใช้ความพยายามดู ได้ผลยังไงคราวหน้าที่นัดเจอกันค่อยรายงาน”

“นัดกินข้าวคราวหน้ามึงพารุ่นน้องมาด้วยนะ เดี๋ยวกูช่วยลุ้น”

“อืม จะลองชวนดูว่ะ”

สองหนุ่มแยกย้ายจากกันไป ในใจของแผ่นดินปลอดโปร่งขึ้น อย่างน้อยแค่ได้เปิดใจบอกใครสักคนว่าเขาชอบคุณหมอหวานใจมันก็เป็นเรื่องพิเศษแล้ว มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่แค่ความฝัน เขากำลังจะเดินหน้าพร้อมทำให้มันเป็นความจริงในเร็ววัน

 

เชิงอรรถ : 

(1) อาร์ม เป็นสัญลักษณ์ติดที่ต้นแขนเสื้อทั้งสองข้าง ใช้ด้ายสีเลือดหมูเป็นสีพื้นมีเครื่องหมายอุณาโลมอยู่ตรงกลาง โดยของตำรวจประจำกองกำกับการสุนัขตำรวจจะปักตัวหนังสือสีเหลืองไว้ด้านบนเด่นชัดว่า POLICE K-9

(2) ชุดเวสต์ เป็นชุดที่นายตำรวจของกองกำกับการสุนัขตำรวจสวมเมื่อออกปฏิบัติการ ตัดเย็บจากผ้าสีกรมท่าแขนยาวรัดตีนตุ๊กแกที่ข้อมือ  ส่วนชายกางเกงก็มีตีนตุ๊กแกเพื่อรัดข้อเท้าเช่นกันโดยรัดทับบนรองเท้าคอมแบท ชุดเวสต์นี้ชายเสื้อจะอยู่นอกกางเกง

 



Don`t copy text!