บีเกิลสื่อรัก บทที่ 5 : กุหลาบชมพู

บีเกิลสื่อรัก บทที่ 5 : กุหลาบชมพู

โดย : ดาริยา

บีเกิลสื่อรัก นวนิยายแนวโรแมนติกคอมเมดี้ โดย ดาริยา จบลงแล้ว ผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกให้เพื่อนนักอ่านชาวอ่านเอาได้ทดลองอ่าน หากอยากอ่านฉบับเต็มครบทุกตอน ซื้อ บีเกิลสื่อรัก ฉบับ E-Book ได้ที่ >> https://bit.ly/3akx3IU

**************************

– 5 –

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบ้านทำให้นางวิภากุลีกุจอออกไปรับหน้าลูกสาว เป็นเรื่องปกติที่นางจะเตรียมน้ำเย็นๆ ไว้รอท่าพร้อมด้วยขนมไทยที่ชอบทำซึ่งวันนี้เป็นลูกชุบหลากสี ปั้นเสมือนผลไม้หลากหลายชนิด

“หวานมาแล้วค่ะแม่” หวานใจส่งเสียงมาก่อนตัว จนเมื่อเห็นร่างท้วมของแม่มายืนรอหน้าประตูบ้านจึงตรงเข้าไปกอดและหอมแก้มเช่นที่เคยทำมาทุกวัน

“เหนื่อยมั้ยวันนี้” คนเป็นแม่ยื่นแก้วน้ำเย็นให้

“เหนื่อยหน่อยค่ะแม่ เคสเยอะมาก แต่ก็โอเคค่ะ”

นางวิภารู้ดีว่าลูกสาวจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องทุกข์ใจให้ฟังถ้าไม่เหลืออดจริงๆ ดังนั้นทางเดียวคือคอยใส่ใจดูแล ถามไถ่และมอบความรักความอบอุ่นให้ลูกอย่างเต็มที่

เมื่อนั่งบนโซฟาเล็กในห้องรับแขกแล้ว หวานใจก็จิ้มลูกชุบขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย

“ความจริงแม่ไม่ต้องบริการหวานขนาดนี้ก็ได้ หวานเดินไปหาน้ำหาขนมกินเองได้ค่ะ แค่แม่ทำงานบ้าน ทำขนมให้กินทุกวันนี่ก็เหนื่อยแล้วนะคะ”

“หนูก็รู้ว่าแม่ชอบทำขนม เป็นความสุขอย่างหนึ่งจ้ะ ขืนให้แม่นั่งๆ นอนๆ แม่คงกลายเป็นตุ่มเดินได้ แค่ตอนนี้ก็ตุ้ยนุ้ยพอแล้วนะ อีกอย่างแม่คงเบื่อแย่ ไม่ชอบอยู่เฉยๆ น่ะ”

หวานใจเข้าใจแม่ดี นางวิภาต้องปรับตัวเยอะมาก จากตอนที่อยู่น่านนางเปิดร้านขายข้าวซอยจนโด่งดัง ต้องเตรียมของขายปริมาณมากๆ ซึ่งนางไม่ยอมชี้นิ้วสั่งเด็กทำอย่างเดียวแต่ชอบลงมือและช่วยๆ กันไป โดยเฉพาะขั้นตอนการปรุง อย่างไรเสียนางก็ต้องทำเอง ดังนั้นวันๆ หนึ่งจึงหมดไปกับการทำงาน พอถึงวัยเกษียณ หวานใจเรียนจบและขอร้องให้นางวิภาย้ายมากรุงเทพฯ คนเป็นลูกจึงเข้าใจดีว่าแม่ต้องปรับตัวอย่างหนัก แม้จะเลิกค้าขาย แต่แม่คงไม่อยากหยุดนิ่ง

“ลูกชุบอร่อยมั้ยหวาน” ท่าทางของแม่วันนี้แปลกๆ ดูเอาอกเอาใจเกินปกติคล้ายเด็กที่เตรียมปะเหลาะผู้ใหญ่จะขอของเล่น

“อร่อยมากค่ะ แม่ปั้นซะน่ารักเชียว เหมือนผลไม้สุดๆ” ดวงตาของคนพูดจ้องไปยังลูกชุบในจาน สีสันสดใสและผิวที่เคลือบวุ้นจนมันวาวยิ่งทำให้ขนมดูน่ารับประทานขึ้นมาก

นางวิภากระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยปาก

“หวาน…คือ…แม่อยากทำขนมไทยเอาไปวางขายที่ร้านข้าวหน้าเป็ดหน้าปากซอยน่ะ ได้มั้ยลูก วันก่อนแม่ทำขนมเปียกปูนแล้วแบ่งให้เฮียฮ้อเจ้าของร้าน พอเฮียชิมเข้าไปเท่านั้น แกบอกเลยว่าถ้าแม่ว่างก็ให้ทำมาวางขาย เฮียแกจะใช้วิธีซื้อขาดจากแม่ไปเลย แล้วแกไปจัดการขายเอง แม่ไม่ต้องยุ่งยากไปคอยเช็กยอดว่าเหลือเท่าไหร่ในแต่ละวัน แกบอกว่ามั่นใจว่าขายได้ แต่ให้ค่อยๆ เริ่มจากทำน้อยๆ ก่อน ถ้าผลตอบรับดีก็ค่อยเพิ่มยอดไปเรื่อยๆ”

“แม่จะไม่เหนื่อยเกินไปเหรอคะ”

“แม่สัญญาจะไม่ทำเกินกำลัง แม่รู้ว่าหนูอยากให้แม่สบาย แต่หลังจากลองอยู่ว่างๆ แล้วแม่ไม่ชอบเลย ขอค้าขายนิดๆ หน่อยๆ เถอะนะ” นางวิภายิ้มหวานรอฟังคำตอบ

“ความจริงทุกวันนี้แม่ทำงานบ้าน ทำกับข้าวหวานว่าก็เหนื่อยแล้วนะคะ”

“ไม่เลย อยู่น่านแม่เหนื่อยกว่านี้ร้อยเท่า หวานต้องเห็นใจนะ แม่ยังไม่ถึงวัยนั่งๆ นอนๆ หรอก มันเบื่อมาก ขอร้องละหวาน ให้แม่ทำขนมขายนะลูก”

น้ำเสียงพร้อมแววตาอ้อนวอนแบบนี้ลูกสาวคนไหนจะกล้าขัดใจ หวานใจส่งยิ้มให้นางวิภาแล้วบอก

“ตามใจแม่ค่ะ หวานแค่กลัวแม่เหนื่อยเกิน”

“รับรองว่าไม่ทำเกินกำลังจ้ะ งั้นตกลงตามนี้นะหวาน พรุ่งนี้แม่จะได้ไปคุยกับเฮียฮ้อว่าแม่จะทำขนมไปส่งเขา”

“ค่ะแม่”

หวานใจไม่กล้าขัดใจแม่อยู่แล้ว ที่ผ่านมานางวิภาลำบากเพื่อเธอมาตลอด พ่อของหวานใจเสียไปตั้งแต่เธอยังอยู่ในท้อง พอคลอดออกมาแม่จึงต้องเลี้ยงดูลูกเพียงลำพัง น่าเห็นใจเป็นที่สุด นึกถึงพ่อ หวานใจจึงคิดว่าน่าจะลองเสี่ยง ตอนที่แม่กำลังอารมณ์ดีนี่แหละ

“แม่คะ”

“มีอะไรลูก”

“หวานยังอยากรู้เหมือนเดิมนะคะแม่ หวานโตขนาดนี้แล้ว แม่จะบอกชื่อพ่อให้หวานรู้ได้หรือยัง”

นี่คือสิ่งเดียวที่ค้างคาในใจของหญิงสาว หวานใจสงสัยมาตลอดว่าทำไมในสูติบัตร ช่องชื่อบิดานั้นถูกเว้นว่างไว้ เธอไม่เคยรู้ชื่อพ่อของตัวเอง ที่ผ่านมานางวิภาบอกเพียงว่าพ่อตายจากไปก่อนที่หวานใจจะลืมตาดูโลก

“แม่เคยบอกหวานหลายครั้งแล้วนะ ว่าไม่ต้องไปสนใจว่าพ่อคือใคร รู้แค่ว่าหนูมีแม่ที่รักหนู ทุ่มเทให้ทุกอย่าง แม่พาหนูมาจนถึงจุดที่หนูเรียนจบออกมาเป็นสัตวแพทย์ได้แม่ก็พอใจแล้ว หนูล่ะพอใจหรือเปล่ากับชีวิตที่มีแม่คนเดียว ถ้าหนูมีความสุขแล้วละก็ แม่ขอร้อง อย่าพูดถึงพ่ออีกเลยนะลูก มันเป็นอย่างเดียวที่แม่จะขอจ้ะ”

หวานใจเสียใจจนบอกไม่ถูกที่ทำลายบรรยากาศดีๆ ที่แม่เพิ่งตื่นเต้นกับการจะได้ทำขนมไทยขาย บัดนี้น้ำเสียงของท่านมีแต่ความเศร้า ดวงตาโศกสลดของแม่ที่มีน้ำใสๆ คลออยู่ทำให้หญิงสาวตั้งมั่นกับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ถามถึงพ่อ …ครั้งสุดท้ายจริงๆ

“แม่ขา หวานขอโทษนะคะ ต่อไปจะไม่ซักไซ้อีกแล้วค่ะ หวานสัญญา”

หญิงสาวโผเข้ากอดผู้เป็นมารดา น้ำตาหลั่งรินขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นไหว

“หวานเชื่อแม่แล้วค่ะ ต้องทำใจให้ได้ว่าหวานเป็นคนไม่มีพ่อ…ไม่เคยมี”

เขามาทำอะไรที่นี่

แผ่นดินเฝ้าแต่ถามตัวเองขณะก้าวเท้าไปตามทางเดินมุ่งตรงสู่ห้องตรวจซึ่งเป็นห้องทำงานของสัตวแพทย์หญิงหวานใจ จะไม่แปลกเลยถ้าเขาจูงเจ้าแจ็คมาหาหมอเช่นทุกคราว แต่นี่กลับไม่มีมันมาด้วย เหนือกว่านั้นคือในมือเขายังมีกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อเล็กน่ารักอยู่ด้วย!

หลังจากไปเปิดกูเกิลค้นหาความหมายของดอกกุหลาบมาสามวัน ผู้กองหนุ่มก็ได้ความมาว่า

กุหลาบแดง…สื่อถึงความรักอันร้อนแรงและเร่าร้อน บอกความนัยว่า ‘ฉันรักเธอ’ อันนี้มากไป เขาเพิ่งเริ่ม ดังนั้น ตัดทิ้ง

กุหลาบขาว…เป็นสัญลักษณ์ของ ‘รักแท้’ นิยมใช้ในงานแต่งงาน ซึ่งเขาก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น

กุหลาบเหลือง…สื่อถึงมิตรภาพและความห่วงใย มักมอบให้เพื่อนสนิท อันนี้ตัดทิ้งด่วน เขาอยากเป็นมากกว่า ‘เพื่อน’

กุหลาบสีอื่นๆ อ่านยังไงก็ดูจะยังไม่ตรงเป๊ะเท่ากับ…

แถ่น แทน แท้น!

กุหลาบชมพู…สื่อถึงความรักสุดแสนโรแมนติก หวานซึ้ง เป็นตัวแทนของความรักอันอ่อนหวานที่กำลังจะเบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ ให้ความรู้สึกที่ดูสุภาพ นุ่มนวลใช้แทนความรู้สึกชื่นชม เห็นอกเห็นใจ หรือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

ต้องนี่เลย ความหมายโดนใจมาก ต้องชมพูเท่านั้น มันใช่จริงๆ

แผ่นดินจึงตัดสินใจเลือกกุหลาบสีชมพูอ่อนหวาน ถึงแม้จะดูเป็นดอกไม้ที่พบเจอบ่อยๆ แต่เขาก็ขอเริ่มด้วยกุหลาบพื้นฐานนี่แหละ เอาไว้วันหลังค่อยพัฒนาตัวเองไปหาดอกอื่นๆ เป็นขั้นต่อไป ขอให้ขั้นแรกผ่านเสียก่อนเถอะ

ระหว่างเดินมุ่งสู่จุดหมายชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนตัวเองเป็นพัลวัน…

เขาทำถูกแล้วที่มาหาหวานใจวันนี้ แม้จะไม่ใช่เหตุผลเรื่องเอากุหลาบมาให้แต่เรื่องไอ้ธนทรัพย์นั้นก็สำคัญไม่น้อย เขาได้ข้อมูลจากที่ประชุมมาว่ามันคือพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ แล้วเขาจะปล่อยให้มันมาวนเวียนจีบคุณหมออยู่ได้อย่างไร ถ้าเธอเกิดไปตกหลุมรักมันเข้าจะอันตรายมาก ตกนรกไปทั้งชีวิต แผ่นดินยอมไม่ได้เป็นอันขาด แม้ตอนนี้จะยังบอกเธอตรงๆ เรื่องพ่อค้ายานั่นไม่ได้เพราะกลัวมีผลกับการเตรียมจับกุม แต่เขาก็สมควรกันท่าจนสุดความสามารถไว้ก่อน ถ้าคุณหมอชอบเขา ไอ้ธนทรัพย์นั่นก็ตกกระป๋องไปโดยปริยาย

เหนืออื่นใด แผ่นดินชอบหวานใจ ต้องยอมรับว่าเลยเถิดไปถึงขั้น ‘ชอบมาก’ แล้ว โดยไม่เคยแสดงออกให้มันโจ่งแจ้งแดงแจ๋เสียที งานนี้ต้องเริ่มแล้ว ต้องทำให้สำเร็จด้วย

เท้าที่ก้าวไปอย่างมั่นคงพาผู้กองหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนไปถึงหน้าห้องตรวจของคุณหมอหวานใจ เขาตรงไปยังหน้าเคาน์เตอร์ พนักงานสาวซึ่งเริ่มรู้จักคุ้นหน้ากันพอสมควรเอ่ยทักขึ้นมาทันที

“อ้าว! คุณผู้กอง วันนี้มานอกเครื่องแบบ หนูเกือบจำไม่ได้แน่ะ นึกว่าดาราที่ไหนซะอีก”

ทักกันขนาดนี้แผ่นดินชักเริ่มเขินจึงรีบเปลี่ยนเรื่องด่วน บอกตามตรงว่าเขาไม่ค่อยชอบให้ใครชมเรื่องรูปร่างหน้าตา เพราะมันคือเปลือกนอกที่เป็นความดีงามของพ่อกับแม่ซึ่งผสมจนทำให้เขาออกมาหน้าตาแบบนี้ ถ้าจะชอบหรือพอใจเขา ก็ขอให้เป็นเรื่องนิสัยจะดีกว่า

“ผมมาหาคุณหมอหวานใจครับ พอจะให้เข้าไปพบสักครู่ได้มั้ยครับ” พูดไปชายหนุ่มก็หันไปมองรอบกาย ดีใจที่เห็นว่าเช้าๆ อย่างนี้พวกสัตว์ป่วยกับเจ้าของยังมาไม่ถึง

“คุณหมอเพิ่งมาตะกี้นี้เอง เดี๋ยวขอหนูถามก่อนนะคะว่าสะดวกให้เข้าไปพบมั้ย”

“ครับ ขอบคุณครับ”

แผ่นดินยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ครู่หนึ่งพนักงานสาวก็ออกมาบอก

“คือ…คุณหมอบอกว่าวันนี้ไม่สะดวกค่ะ อีกสักพักคุณหมอจะเริ่มงานแล้ว วันนี้มีน้องหมานัดไว้แต่เช้าค่ะ”

ผู้กองหนุ่มที่ในมือมีช่อดอกไม้ใจหายวาบ รู้สึกเหมือนโดนถีบตกหน้าผา…หวานใจปฏิเสธที่จะพบเขา เป็นเรื่องน่าตกใจจนบอกไม่ถูก ชายหนุ่มถึงกับคอตก กำลังจะก้าวเท้าจากไปก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นขึ้น

“ใครจะเข้าพบคุณหมอตัดหน้าผมไม่ได้เด็ดขาด ผมนัดคุณหมอหวานไว้ล่วงหน้าก็ต้องได้คิวแรก นี่ก็ใกล้ถึงเวลานัดแล้วด้วย ผมมีธุระต้องไปทำต่อ คุณต้องให้ผมเข้าก่อนนะ”

แม้จะออกคำสั่งกับพนักงานสาว แต่สายตาเหยียดๆ ของเศรษฐีขี้คุยเจ้าเดิมจดจ้องมายังช่อดอกกุหลาบในมือผู้กอง มันทำให้แผ่นดินเกิดนึกฮึดขึ้นมา จึงหันไปสบตาพนักงานหน้าเคาน์เตอร์แล้วบอก

“ผมจะลองไปนั่งรอสักพัก เผื่อคุณหมอเปลี่ยนใจให้เข้าพบ”

พนักงานสาวพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปบอกอีกคนที่อุ้มสุนัขพันธุ์เชาเชายืนจ่อหน้าประตูห้องตรวจ

“คุณธนทรัพย์กับน้องผิงผิงเรียนเชิญเข้าก่อนเลยค่ะ”

แผ่นดินไปนั่งรออยู่ที่เก้าอี้ติดเสาอย่างงงๆ พร้อมระงับความหงุดหงิดผิดหวังของตัวเองไปด้วย ท่าทางจะฤกษ์ไม่ดีเสียแล้ว ไอ้เศรษฐีขี้อวดนั่นก็ดันมาวันนี้อีก แล้วที่สำคัญ หวานใจไม่อยากพบเขาถึงขนาดไม่อนุญาตให้เข้าไป เหมือนทุกอย่างประจวบเหมาะให้แผ่นดินไม่มีโอกาสมอบช่อดอกไม้แทนใจ

แต่เขาจะยอมแพ้ง่ายๆ หรือ ถ้าคิดในแง่ดี คุณหมออาจปฏิเสธเพราะรู้ว่าวันนี้จะมีเคสเยอะก็ได้ เธอคงไม่ได้รังเกียจเขาหรอก

อีกครู่เดียวความเป็นจริงก็ตอกย้ำเมื่อมีคนพาน้องหมาน้องแมวป่วยทยอยมาพบคุณหมออย่างไม่ขาดสาย ในที่สุดแผ่นดินก็แพ้ความรู้สึกเกรงใจ เขาตรงไปหาพนักงานหน้าเคาน์เตอร์

“ตอนแรกผมคิดว่าจะนั่งรอให้ว่างแล้วค่อยขออนุญาตเข้าไปอีกที แต่ดูแล้วคนรอเยอะมาก เอาเป็นว่าฝากบอกคุณหมอหวานว่าผมจะมาหาใหม่อีกทีตอนพักเที่ยงนะครับ”

“อุ๊ย! เอาอย่างงั้นเหรอคะ สงสารคุณผู้กองจัง” คนพูดมองช่อกุหลาบในมือชายหนุ่ม สีหน้าเห็นใจ

“ขอบคุณนะครับ ผมไม่ถอดใจหรอก อย่างที่บอกนะ เดี๋ยวผมมาใหม่ตอนเที่ยง”

แผ่นดินย้ำแล้วถือช่อดอกไม้เดินคอตกจากไป เขินไม่น้อยที่คิดการณ์ใหญ่หอบช่อดอกไม้มาให้คุณหมอสาวถึงที่ทำงาน มันเป็นเรื่องพิเศษที่เขาไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำ แต่เมื่อมาประกอบกับความต้องการกันคุณหมอออกจากธนทรัพย์ เขาก็ตัดใจว่าอย่างไรก็ต้องมีวันนี้ การเปิดใจไปตรงๆ ตามนิสัยน่าจะดีที่สุด นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับแผ่นดิน เขาต้องทำให้ได้  เขาจะกลับมาอีกทีตอนเที่ยง เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันพนักงานหน้าเคาน์เตอร์

ใช่! งานนี้แผ่นดินเอาจริง หลังจากใช้เวลาคิดหาวิธีที่ดีในการเผยใจเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มๆ เขาจำบทสนทนาระหว่างตนกับนางผ่องศรีผู้เป็นมารดาในวันนั้นได้ดี

‘แม่ว่าผู้หญิงทุกคนชอบดอกไม้มั้ย’ ชายหนุ่มโล่งอกที่หลุดประโยคนั้นออกไปจากปากได้เสียที หลังจดๆ จ้องๆ หาจังหวะพูดกับแม่อยู่นาน

‘ถามอะไรแปลกๆ นะเรา ก็ต้องชอบสิ ดินรู้มั้ยว่าที่แม่ยอมร่วมชีวิตกับพ่อศักดิ์ก็เพราะดอกไม้นี่เลย คิดดูนะ นายตำรวจหนุ่มที่ตอนนั้นเนื้อหอมสุดๆ ลงทุนไปซื้อดอกไม้ทั้งที่ขี้อายมาก แล้วยังเอามายื่นให้แม่ถึงห้องพักครูพร้อมคุกเข่าบอกรัก ยังไงแม่ก็ไม่รอดหรอก มอบหัวใจให้เขาแทบจะทันที’

‘จริงเหรอครับเนี่ย ดอกไม้มีผลกับผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอ’

‘จริงสิ แม่คิดว่าเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีนะ เอาเป็นว่าส่วนใหญ่ต้องชอบแหละน่า แล้วดินถามทำไม อย่าบอกนะว่า…’

สีหน้ารู้ทันสุดฤทธิ์ของแม่ ทำเอาแผ่นดินหัวเราะออกมาเบาๆ เพื่อแก้เขิน

‘ก็นั่นแหละแม่ จะเอาไปให้หมอหวาน ต้องรีบละ’

‘อะไรทำให้เกิดรีบขึ้นมาล่ะ แม่เห็นกล้าๆ กลัวๆ มาตลอด’

แล้วเขาก็เล่าเรื่องบังหน้าที่ว่าจะพยายามช่วยดึงหวานใจออกมาจากเศรษฐีหนุ่มใหญ่นิสัยกร่าง แม่ฟังแล้วถึงกับหัวเราะเอ็นดู

‘เหตุผลหนักแน่นดีเนอะ แต่ความจริงแม่อยากให้เหตุผลใหญ่คือหัวใจของลูกนะดิน การสร้างสัมพันธ์กับสาวคนไหนสักคน แม่ว่าต้องจริงใจจริงจัง อย่าทำเป็นเล่นไปเรื่อยเปื่อย’

‘แม่ว่าผมเป็นคนอย่างงั้นเหรอ ถึงแม้เพื่อนรอบตัวผมส่วนใหญ่จะเป็น แต่ผมไม่ใช่นะครับ’

‘จ้า แม่รู้จักลูกแม่ดี เอาเป็นว่าถ้ารักคุณหมอก็ลุยเลย แม่เชียร์’

‘ขอบคุณครับแม่ ให้พรหน่อย’

ใครจะนึกไม่ถึงเลยว่าผู้กองหนุ่มที่บางครั้งก็มึงมาพาโวย แถมเอาจริงเอาจังกับงานแบบสุดๆ จะมีโมเมนต์นี้ เขาเข้าไปยืนตรงหน้านางผ่องศรี ยกมือประณมก้มหัวรอรับมือเรียวที่แตะลงบนกระหม่อม

‘ขอให้ดินทำสำเร็จนะลูก เปิดประตูแล้วก้าวเข้าไปในหัวใจคุณหมอให้ได้ ลูกเป็นคนดี คุณหมอต้องเห็นสิ่งนี้ แม่มั่นใจ’

และแผ่นดินจะไม่ทำลายความมั่นใจของแม่เป็นอันขาด

 

หัวใจของแผ่นดินราวกับถูกขว้างลงพื้น เมื่อตอนเที่ยงเขาย้อนกลับมาหาหวานใจที่ห้องตรวจแล้วนั่งรอเงียบๆ ตรงมุมหลังเสาพร้อมช่อกุหลาบสีชมพู อีกพักใหญ่สัตวแพทย์สาวก็เดินออกมา…พร้อมชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาว!

ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันออกจากห้องตรวจ รอยยิ้มบนใบหน้าของหวานใจดูหวานกว่าปกติจนแผ่นดินใจแป้ว และยิ่งแป้วหนักเมื่อคุณหมอสองคนเดินผ่านบริเวณที่เขานั่งหลบๆ อยู่ แล้วช่างบังเอิญมาหยุดยืนคุยกันไม่ไกลจนได้ยินคำสนทนาอย่างชัดเจน

“หวานคงเหนื่อยแย่เลย เคสเยอะมาก พี่สงสารจัง”

ไม่พูดเปล่า มือของสัตวแพทย์เมธาสิทธิ์ลูบลงบนศีรษะหวานใจ แต่ยังดีว่าดูเหมือนฝ่ายหญิงจะเบี่ยงตัวหลบนิดหน่อย

“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะพี่เมธ หวานสบายมาก”

“พี่เป็นห่วงหวานนะ แล้วเป็นไง บ้านพี่ที่หวานพักอยู่ โอเคมั้ย บอกว่าให้พักฟรีๆ ก็ไม่เอา”

“ได้ไงล่ะคะ ถ้าไม่ยอมให้เช่าหวานก็ไม่ยอมพักเด็ดขาด” หญิงสาวหัวเราะเสียงใส “บ้านสภาพดีมาก หวานกับแม่อยู่ได้อย่างสบาย แม่ฝากขอบคุณพี่เมธด้วยนะคะที่กรุณาให้เช่าราคาถูกสุดๆ”

“พี่ยินดีจ้ะ หวานอยากได้อะไรขอให้บอกพี่นะ”

“คงไม่รบกวนหรอกค่ะพี่เมธ”

“ไปกินข้าวกันเถอะ วันนี้ว่าจะพาไปลองอาหารอิตาเลียน ดีมั้ย”

“แต่หวานว่า กินอะไรง่ายๆ ดีมั้ยคะ”

“ไม่ดีแน่ พี่ขอร้องละ บ่ายนี้ไม่รับเคสนี่นา เริ่มประชุมตั้งบ่ายสอง เราไปกินของอร่อยๆ ด้วยกันดีกว่า พี่ไม่ยอมให้ปฏิเสธพี่ทุกครั้งนะ เป็นเด็กเป็นเล็ก”

“ก็ได้ค่ะ”

สองหนุ่มสาวในชุดเสื้อกาวน์เดินจากไป ทิ้งให้ผู้กองหนุ่มที่นั่งเงียบๆ อยู่หลังเสาใจหาย แทบหมดแรงที่จะลุกยืน

“อุ๊ย! คุณผู้กอง หนูขอโทษค่ะ ลืมบอกคุณหมอหวานว่าผู้กองจะมาพบอีกทีตอนเที่ยง วันนี้วุ่นมากเลย” เสียงพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ที่กำลังจะออกไปกินข้าวเที่ยงบอกเขา เธอเบิกตาโพลงแสดงว่าตกใจที่ลืมจริงๆ

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับก่อน”

“เอ่อ…คุณผู้กองคะ กุหลาบนั่นฝากไว้ได้นะคะ หนูจะดูแลให้อย่างดี พรุ่งนี้เช้าจะเอาให้คุณหมอแต่เช้าเลยค่ะ พอดีบ่ายนี้มีประชุม คุณหมอหวานไม่ลงตรวจค่ะ”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ขอบคุณมาก อ้อ! แล้วก็…ไม่ต้องบอกคุณหมอว่าผมมาตอนเที่ยงอีกรอบนะครับ”

พนักงานสาวกำลังจะอ้าปากถามว่า ‘ทำไมเหรอคะ’ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ผู้กองหนุ่มเดินจากไป

…มือที่ถือกุหลาบชมพูช่อเล็กตกลงข้างกาย

 



Don`t copy text!