เด็กชายชาวดง บทที่ 1 : เหตุร้ายในคืนแรม
โดย : มาลา คำจันทร์
“เด็กชายชาวดง” นวนิยายเรื่องล่าสุด จากปลายปากกาของ มาลา คำจันทร์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ที่อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์จบลงแล้วนะคะ แต่ผู้อ่านใจดี ขอฝากไว้ให้ผู้อ่านได้กัน 5 บท ซึ่งหากอยากซื้อแบบรวมเล่มเก็บไว้อ่าน “เด็กชายชาวดง” จะตีพิมพ์โดย GROOVE PUBLISHING สามารถโปรดติดตามกำหนดวางจำหน่ายอีกครั้ง ที่ Facebook Fanpage : GROOVE PUBLISHING
****************************
– 1 –
คืนนั้นแรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ปีเมิงเล้า ศาสนาพระพุทธเจ้าล่วงเข้า ๒๕๐๐ ปี
เดือนมืด ดาวสุกส่องข่องไข ไกลใกล้ใต้เหนือมีแต่ความมืดดำห่อล้อม บ้านใหม่เวียงแมยังไม่มีไฟฟ้า ไม่มีตะเกียงเจ้าพายุ ไม่มีดวงแดงแสงใหญ่ใดๆ นอกจากตะวันและเดือน มืดค่ำลง ชาวบ้านป่าดงกินแลงแล้วก็เตรียมตัวพักผ่อนนอนคืน จะตื่นตัวตื่นเต้นก็แต่หมู่บ่าวกับสาวถึงคราวมีคู่ ม่ายเมียงเอียงชู้ มักสู้ชอบกัน ในหมู่เด็กๆ อย่างแสงเมืองแสงแก้วสองพี่น้อง ค่ำมืดเดือนดำอย่างนี้ยากนักที่จะเล็ดลอดสายตาพ่อแม่ไปเตร่นอกเรือน แต่คืนนี้พิเศษออกไป พ่อพาแสงแก้วไปส่องแมงนูน แสงเมืองอยู่ที่ชานหลังกับตา ตาเป็นคนตาบอด บอดสนิททั้งสองเบื้องมาสิบกว่าปีแล้ว แต่ตาก็ทำงานได้เกือบเท่าคนตาดีทั่วไป ตากับยายมีลูกหลาย แม่เป็นลูกสาวคนเดียว จึงต้องอยู่เป็นลูกสืบเรือน
“ลูกสืบเรือนคืออะหยังหือ ตา”
“ลูกสืบเรือนก็คือลูกที่จะขึ้นมาสืบเรือนแทนพ่อแม่ ดูแลพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่า พ่อแม่ตายก็จะได้สืบเรือนแทน บ่ต้องปลูกแปลงแต่งสร้างขึ้นใหม่เสียเงินเสียทอง”
“อย่างข้า จะเป็นลูกสืบเรือนได้ไหม”
“บ่ได้”
“เป็นใดบ่ได้”
“เพราะเอ็งเป็นผู้ชาย”
“เป็นใดผู้ชายเป็นลูกสืบเรือนบ่ได้”
“เพราะผู้ชายบ่แม่นผู้ญิง”
“วะ”
ดาวส่องแสงใส ดกดวงช่วงโชติดูดั่งเกล็ดแก้วบนผ้าผืนดำ บ้านใหม่เวียงแม ยังคงสงบเงียบ เสียงฮอกหรือเกราะผูกคอควายดังมาจากคอควาย มีเสียงดุด่าฮื่ยๆ ดังมา แสดงว่าอ้ายคำอ้ายยังอยู่ในคอกควาย อ้ายเป็นพี่ชายคนโต หมู่เฮาสี่พี่น้องพร้อมใจเรียกว่า”ไอ่อ้าย” เหมือนที่หมู่เฮาอีกสามคนพร้อมใจกันเรียกพี่คำเอ้ยว่า”อี่เอ้ย” เอ้ยแปลว่าพี่สาว เป็นคำเก่าคำเดิม พ่อกับแม่เรียกมาก่อน เราก็เลยเรียกตาม ต่อมาในยุคหลัง เมื่อมีการสำรวจสำมะโนครัวประชากร ไอ่อ้ายเลยได้ชื่อว่าคำอ้าย อี่เอ้ยเลยได้ชื่อว่าคำเอ้ย
ตาเอามืออังเหนือก้อนเส้า ตารู้ได้ด้วยมือมากกว่าด้วยตา แล้วตาก็เอากล้องเป่าไฟมาเป่าไล่เถ้าให้ปลิวออกไปก่อน แสงเมืองเอาไม้หีบหรือคีมคีบถ่านแบบพื้นบ้านพื้นเมืองเข้าเขี่ยตะล่อมก้อนถ่านติดไฟให้รวมกัน ตาหยิบขุยไผ่ขยุ้มหนึ่งใส่ไฟแล้วใช้หลานชายเอาหม้อต้มน้ำยาไปเติมน้ำ
“ข้าถามแท้ๆ เทอะตา เป็นใดผู้ชายเราเป็นลูกสืบเรือนบ่ได้”
ไฟในกระบะกลางชานเรือนลุกแรงดีแล้ว แสงเมืองเอาหม้อต้มยาขึ้นวางบนก้อนเส้า ตาเอาแก่นไม้ฝางสองสามซีกใส่ในหม้อแล้วปิดฝา หม้อยังเป็นหม้อดิน ฝายังเป็นฝาดิน มีงวงหรือพวยแบบหม้อกา มีที่จับเป็นวงโค้งบนหม้อเหมือนหม้อกาเช่นกัน
“ผู้ชายเป็นลูกสืบเรือนบ่ได้ เพราะผู้ชายต้องไปเป็นเขยเรือนอื่น แต่ผู้ญิงอยู่กับเรือน ได้ผัวมาเข้าเรือนจึงเป็นลูกสืบเรือน”
“อย่างยาย เป็นลูกสืบเรือนหรือไม่”
“บ่ ยายเอ็งบ่ได้อยู่ใภ้ใฝ่เฝ้าจนพ่อแม่ตายจึงไม่ได้สืบเรือน ตาชวนยายเอ็งออกเรือนมาเสียก่อน บ่ออกก็บ่สมควรเพราะน้องของยายเอ็งสมควรจะมีผัวแล้ว หากตากับยายเอ็งยังคาเรือนอยู่ มันจะกลายเป็นเขยซ้อนเขย ถึงเวลาอันควร เขยใหญ่ควรแตกเรือนออกมา อันนี้เป็นจารีตฮีตฮอยบ้านใหม่เวียงแมหมู่เฮาเรา”
“ถ้าอย่างนั้น…” เด็กชายชาวดงพยายามครวญใคร่ไต่ตาม “ลูกสืบเรือนก็คือลูกญิงคนหล้า”
“มันก็บ่เสมอไป” ตาเอามือควานหามีด หลานชายกลัวมีดบาดมือตา แต่ตาก็หยิบจับได้โดยปลอดภัย “หากลูกญิงคนหล้าไปเป็นใภ้เรือนอื่นก็เป็นลูกสืบเรือนบ่ได้”
“ไปเป็นใภ้เรือนอื่น คืออะหยังหือตา”
“ไปเป็นใภ้เรือนอื่นก็คือไปเป็นลูกสะใภ้ คือออกจากเรือนพ่อแม่ไปเข้าเรือนผัว เป็นลูกสะใภ้ของพ่อผัวแม่ผัว ผู้ใดอยากได้สะใภ้เข้ามารับใช้ใฝ่เฝ้าในเรือนตัวต้องมีเงินทองของหมั้นไปสู่ขอ เรียกว่าค่าข้าวม่ามน้ำนม”
“ข้าบ่เข้าใจ ค่าข้าวม่ามน้ำนมคืออะหยัง”
ตาหัวเราะหึๆ เอื้อมมือมาโยกหัวหลานชายเหมาะเหม็งเหมือนคนตาดีโดยทั่วไป ตามีมืออันวิเศษ ตาใช้มือแทนตา ไม่รู้ว่ากว่าที่ตาจะใช้มือแทนดวงตาได้วิเศษขนาดนี้ ตาผ่านความทุกข์ยากทรมานมาแค่ไหน สิบกว่าปีผ่านมาที่ตาตกอยู่ในโลกมืด ตาขมขื่นบ้างไหม ทุกข์ท้อทรมานแค่ไหนไม่มีใครรู้
นอกจากตาเอง
“ข้าวม่ามก็คือข้าวที่แม่เคี้ยวย้ำในปากจนแหลกดีแล้วคายใส่ถ้วยน้อยเพื่อป้อนใส่ปากลูก น้ำนมก็คือเลือดในอกที่แม่กลั่นเป็นนมให้ลูกคาบเพื่อดูดกิน บ่มีข้าวม่ามน้ำนมจากแม่ ลูกอ่อนลูกแอทั้งหลายตายมากกว่ารอดเอ็งเอ๋ย”ตาอธิบายยืดยาว หันหน้ามาทางหลานเหมือนคนตาดีทั่วไป “ด้วยเหตุนี้ ผู้ใดอยากได้ลูกสะใภ้เข้าเรือนต้องเสียค่าข้าวม่ามน้ำนม อันนี้เป็นจารีตฮีตฮอยบ้านเฮาสืบต่อกันมาแต่เมื่อยังอยู่บ้านเดิมก่อนโน้น ผู้จะเอาลูกสะใภ้เข้าเรือนได้มักเป็นผู้มั่งคั่งมั่นคง โดยทั่วไปคนบ้านเราเอาเขยเข้าเรือนมากกว่า ได้เขยเข้ามาก็ได้บ่าไหล่แรงมันแทนเงินทองของหมาย ตาเองเป็นเขยเข้าเรือน พ่อเอ็งก็เป็นเขยเข้าเรือน ไอ่อ้ายพี่เอ็งถึงเวลาก็ต้องไปเป็นเขยเรือนอื่น เอาแรงแทนทุน บ่ต้องเสียค่าข้าวม่ามน้ำนม”
“ข้าเอง…”
“หือ…อายุได้เก้าขวบสิบขวบ ใคร่มีเมียแล้วหรือ”
ตาหยอก แต่เด็กชายกลับรู้สึกอายๆ แกมประดักประเดิดขัดเขิน หันหน้าไปทางอื่นเสีย
คืนนี้เดือนมืด ดวงดาวยังพราวฟ้าเวลาหัวค่ำ มองไม่เห็นดาวหมูกองหรือดาวพระศุกร์เพราะดอยสูงทางด้านตะวันตกบังไว้ แหงนหน้าขึ้นสูง มองที่กลางฟ้า กิตติกา…ดาววีไก่น้อยเลือนรางจางแสง มองสู่ตำแหน่งดาวตรงๆ จะมองไม่เห็น แต่เบนตาเฉียงเล็กน้อยมองเห็นถี่ชัด ดาวกลุ่มนี้คนไทยภาคกลางเรียกว่าดาวลูกไก่ มีตำนานนิทานนิยายเศร้าๆ อยู่ในดาวกลุ่มนี้ ไม่อยากคิดถึงเลย
ละตาจากฟ้ามามองดิน ยังพอมีแสงไฟอยู่บ้างจากเรือนนั้นเรือนนี้ เหย้าเรือนตั้งอยู่ห่างๆ ไม่ประชิดติดกัน ไฟลานมีอยู่แทบทุกครัวเรือน ก่อทิ้งไว้ อาศัยแสงสว่าง อาศัยควันไฟเอาไว้ไล่ยุง หากเป็นหน้าหนาวไฟลานจะมีประโยชน์มากต่อหมา มันไม่มีผ้าห่มอย่างคน มันจะนอนขดนอนอยู่ใกล้ไฟลาน หมากับคนต่างพึ่งพิงกัน คนอาศัยหมา หมาอาศัยคน คนให้ข้าวหมา หมาก็รับใช้ใฝ่เฝ้าคอยเห่าคอยหอน หมาเห็นขโมยหรือสิ่งแปลกปลอมไม่น่าไว้ใจมันจะเห่า หมาเห็นผีมันจะหอน หมาหอนเพราะเห็นผีจะหอนเสียงเยือกเสียงเย็นชวนขนลุก แตกต่างจากเสียงหอนยามพระตีระฆังทำวัตรเย็น
“ตากลัวผีไหม”
ไม่ทันที่ตาจะตอบ ทันใดนั้น เสียงกะหลกรัวเร็วก็ดังก้องหมู่บ้าน
กะหลกเป็นเครื่องตีแจ้งสัญญาณ ทำจากไม้เนื้อแน่นเจาะกลวงหรือกระบอกไม้ไผ่แก่ๆ มักแขวนอยู่ที่เรือนปู่แก่ ใช้ตีแจ้งเหตุดีหรือร้ายแก่ลูกบ้าน เสียงตีรัวเร็วเรียกเร่งอย่างนี้บอกเหตุร้ายมากกว่าดี พ่อพาแสงแก้วผลุนผลันคืนเรือน ไอ่อ้ายก็ละควายเร่งคืนเรือนเช่นกัน
“ไอ่อ้าย เอ็งไปกับพ่อ” พ่อแทงสายตาดุดันใส่ลูกชายคนรอง “ส่วนคนอื่นๆ ห้ามลงจากเรือนเด็ดขาด”
พ่อปราดไปคว้าปืนกับย่ามจากข้างฝาในเรือน ไอ่อ้ายเองเข้าไปเอาดาบใส่หัวไหล่ เสียงกะหลกหรือเกราะยังรัวถี่ๆ มองจากชานเรือน เห็นไต้ไฟเคลื่อนไหววูบวาบไปสู่เรือนปู่แก่ ปู่แก่คือผู้เป็นแก่ ผู้เป็นใหญ่ในหมู่บ้าน บางทีก็เรียกว่าแก่บ้าน ยุคหลังต่อมานิยมเรียกว่าพ่อหลวง
นานมากแล้วไม่ได้ยินเสียงกะหลกดังเดือดในยามค่ำคืน เกิดอะไรขึ้นหนอ ขโมยลักควาย เสือเข้าบ้าน หรือลูกเล็กเด็กอ่อนหายจากเรือน พ่อแม่หาไม่พบ