โหงลำโขง บทที่ 1 : วิชาดาบอาทมาฏ (2)

โหงลำโขง บทที่ 1 : วิชาดาบอาทมาฏ (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล เรื่องราวของจำปาและจำปีฝาแฝดที่งดงาม อ่อนหวาน เป็นที่รักใคร่ของทุกคนแต่สิ่งที่เห็นจะใช่ความจริงหรือเปล่า มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสายน้ำโขง มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เธอคนนั้นคือใครกันแน่ นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

คืนสุดท้ายของการฝึก

ท่ามกลางป่าเขาที่มีเพียงคบเพลิงให้ความสว่างไสวอยู่โดยรอบ คูนกำลังก้มลงกราบชายหนุ่มร่างบึกบึนหัวเกรียนด้วยความซาบซึ้งใจ โดยชายผู้นี้ไม่ได้สวมเสื้อ นุ่งเพียงโจงกระเบนยาวคลุมหัวเข่า และมีผ้ามัดเอว มือทั้งสองของเขาถือดาบคู่ไว้อย่างมั่นคง

“จงรีบหยิบดาบมึงขึ้นมา”

“ขอรับอาจารย์”

คูนหยิบดาบคู่ของตัวเองลุกขึ้นด้วยท่วงท่าที่สง่างามและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน ด้วยร่างกายกำยำล่ำสันจากการผ่านการฝึกฝนให้เคลื่อนไหวมาตั้งแต่จำความได้ ทำให้เขาดูเป็นชายหนุ่มที่พร้อมออกสู้รบกับศัตรูได้ทุกเมื่อ

“เขาฟันไม่รับ เขารับไม่ฟัน จะฟันต่อเมื่อเขาไม่รับ จะรับต่อเมื่อหลบหลีกไม่ทัน” เสียงของผู้เป็นอาจารย์ดังขึ้น “นี่เป็นหัวใจการใช้ดาบของกองอาทมาฏ มึงจงหัดจำให้ขึ้นใจ”

“ขอรับอาจารย์ ศิษย์สิขอจำไปจนวันตาย”

“ดี…แต่มีสิ่งหนึ่งที่กูอยากให้มึงสานต่อ” ผู้เป็นอาจารย์เดินวนรอบตัวของคูนอย่างพินิจพิเคราะห์ “หากมีเรื่องให้หนีต้องหนี หากหนีไม่ได้ให้สู้ สู้ได้อย่าให้เจ็บ เจ็บได้อย่าให้ตาย”

“บักคูนมันคงเฮ็ดบ่ได้ดอกท่านพญานครอินทร์” แม่เฒ่าต้วนพูดแทรกขึ้นหลังจากได้ยินคำสอนที่ไปสะกิดใจ “แม้แต่ตัวท่านเองยังต้องตายมาเป็นผี คำว่าเจ็บได้อย่าให้ตายนั้น บ่มีอยู่จริงหรอกเจ้าข้า”

“แม่เฒ่าเองก็พูดถูก” พญานครอินทร์หันไปมองแม่เฒ่าต้วนด้วยความเข้าใจความหมายที่แม่เฒ่าต้องการจะสื่อออกมา ก่อนตัดพ้อออกมาด้วยความเสียใจ “คนเราล้วนต้องตายกันนั้น การตายแล้วไม่มีวันได้ไปเกิดสักที มันมีอยู่จริง”

พญานครอินทร์เคยเป็นขุนนางรับใช้สมเด็จพระนเรศวร ดำรงตำแหน่งเจ้ากรมดาบสองมือกลาง สังกัดกรมอาสามอญ มีศักดินา 1,600 ไร่ มาก่อน แต่ตอนนี้ท่านเป็นผีโหงที่ยังต้องชดใช้กรรมไปพร้อมกับเหล่าบรรดาลูกน้องอีก 10 นาย ที่ยังไม่สามารถไปเกิดยังภพภูมิอื่นได้

การได้ดวงวิญญาณทหารกองนี้มาสอนวิชาดาบอาทมาฏให้กับคูนเป็นระยะเวลา 6 ปีกว่านั้น แม่เฒ่าต้วนได้ใช้ฌานขั้นสูงในการค้นหาและเจรจา โดยได้ยื่นข้อเสนอให้กับทหารกองนี้ว่าตนนั้นสามารถช่วยให้ทหารเหล่านี้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมและจะได้ไปผุดไปเกิดยังภพภูมิหน้าเสียที ส่วนกรรมที่รั้งให้ทหารกองนี้ยังอยู่ตรงนี้นั้น ยังคงเป็นปริศนาที่แม่เฒ่าล่วงรู้ได้แต่เพียงผู้เดียว

“บ่นานหรอกเจ้าข้า” สายตาของแม่เฒ่าต้วนกวาดมองไปยังลูกน้องของพญานครอินทร์ทั้ง 10 นายที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างด้วยความสงสาร “ท่านและบรรดาลูกน้องคงได้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้ในบ่ช้า”

“ข้ามั่นใจว่าท่านจะช่วยข้าและลูกน้องของข้าได้ ข้าขอขอบใจแม่เฒ่ามาก”

“ข้าน้อยต่างหากที่ต้องขอบใจท่านทั้งหลาย ที่อุตส่าห์ช่วยพร่ำสอนวิชาอาทมาฏแก่หลานชายข้า”

“มิเป็นไรหรอก พวกข้ายินดีนัก” พญานครอินทร์ชูดาบขึ้นชี้ไปทางคูน “บักคูน กูพร่ำสอนวิชาให้มึงจนหมดสิ้นแล้ว ก่อนจากลากัน มึงจงจับดาบให้มั่น แล้วมาฟาดฟันกับพวกกูในท่าหนุมานเหินหาว”

“ได้ขอรับอาจารย์” คูนตอบกลับออกมาด้วยน้ำเสียงก้องกังวานก่อนตั้งดาบขึ้น

โดยท่าหนุมานเหินหาวนี้ถือเป็นท่าที่อันตรายที่สุด และเป็นท่าไม้ตายสุดท้ายที่ใช้ฟันเพียงครั้งเดียวก็ทำให้ผู้นั้นเสียชีวิตได้เลยทันที

หลังจากนั้นพญานครอินทร์และบรรดาลูกน้องต่างพร้อมใจกันรุมล้อมคูนเพียงคนเดียว เพราะนี่เป็นการฝึกปรือวิชาอาทมาฏครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากนั้นดวงวิญญาณของทหารกองนี้ก็จะค่อยๆ เลือนรางจางหายไปในยามที่แสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า

จุดเด่นของวิชาดาบอาทมาฏนั้นอยู่ที่ความรวดเร็วและรุนแรง สามารถใช้ต่อสู้ได้เพียงคนเดียวต่อคนจำนวนมาก มีท่ารุกเป็นท่าเดียวกับท่ารับ เมื่อคู่ต่อสู้ฟันมาจะรับและฟันกลับทันที ไม่มีอะไรตายตัว มีแม่ไม้ 3 ท่า คือ คลุมไตรภพ ตลบสิงขร ย้อนฟองสมุทร และมีท่าไม้รำ 12 ท่า อันได้แก่ เสือลากหาง พระรามแผลงศร เชิญเทียนตัดเทียน ฟันเงื้อสีดา มอญส่องกล้อง ช้างประสานงา-กาล้วงไส้ ยักษ์ หงส์ปีกหัก สอดสร้อยมาลา ฟันเรียงหมอน ลับหอกกลับดาบ และพญาครุฑยุดนาค ความรุนแรงของวิชาดาบอาทมาฏยังไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ ยังมีวิชาชั้นสูง คือเคล็ดวิชาตัดข้อตัดเอ็น 27 ท่า และกระบวนท่าหนุมานเชิญธง 48 ท่า



Don`t copy text!