โหงลำโขง บทที่ 2 : เจ้าคือใคร (2)

โหงลำโขง บทที่ 2 : เจ้าคือใคร (2)

โดย : ทศพล

Loading

โหงลำโขง โดย ทศพล เรื่องราวของจำปาและจำปีฝาแฝดที่งดงาม อ่อนหวาน เป็นที่รักใคร่ของทุกคนแต่สิ่งที่เห็นจะใช่ความจริงหรือเปล่า มีเพียงคนใกล้ชิดเท่านั้นที่จะสัมผัสและรับรู้ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในสายน้ำโขง มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต เธอคนนั้นคือใครกันแน่ นวนิยายคุณภาพที่อ่านเอานำมาให้คุณอ่านใน anowl.co

ในขณะที่จำปาค่อยๆ ก้าวเท้าย่างลงจากศาลากลางที่ถูกยกสูงขึ้นจากพื้นดินแค่เพียงหัวเข่านั้น จำปีก็แอบฟ้องแม่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

“แม่…น้องจำปากำลังสิหนีไปเล่นแล้วจ้ะ” จำปีแอบกระซิบผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ

แม่จำปูนหันหน้าขึ้นไปทางศาลากลาง ทั้งที่ดวงตาของเธอมองไม่เห็นว่าจำปายืนตรงไหน แต่ก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าตรงนั้นเป็นจุดฉีกใบตอง “จำปา…กำลังสิไปไหน”

เสียงของแม่ทำให้จำปาถึงกับต้องยืนนิ่งชั่วครู่ก่อนตอบออกไปว่า “ข่อยสิไปนอก (1) จ้ะแม่”

“ขี้ตั๋ว” จำปีพูดสวนขึ้นพร้อมทำท่าท้าวสะเอว ทั้งที่ในมือยังคงถือไม้พายยืนอยู่ข้างเตาไฟ

จำปาจ้องเขม็งไปยังพี่สาวตัวดีที่ชอบแส่ไม่เข้าเรื่อง “อีหลีเด้อแม่ ตั้งแต่เช้าแล้ว ข่อยยังบ่ทันได้ขี้เลยจ้ะ”

“อุ๊ย! จำปา” แม่จำปูนอุทานชื่อลูกสาวออกมาด้วยความตกใจ “แม่หญิงเฮาบ่พูดคำว่าขี้ออกมาตรงๆ หรอกเด้อลูก”

คำพูดของแม่จำปูน ทำเอาเหล่าบรรดาคุณยายและแม่หญิงคนอื่นที่อยู่บริเวณโดยรอบ พากันหัวเราะชอบใจถึงความไม่ประสีประสาของเด็กน้อย แต่เสียงหัวเราะของผู้คนกลับทำจำปาแอบหัวเสียขึ้นมาเล็กน้อย เพราะรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก

“งั้นกะรีบไปรีบมา อีกประเดี๋ยวคงได้ตัดขนมเกาโคบห่อใบตอง”

“จ้ะแม่”

จำปาขานตอบออกไปก่อนรีบเดินดุ่มๆ ออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด

เธอเชื่อว่าการเสียหน้าในครั้งนี้ ล้วนแล้วมีจุดเริ่มต้นมาจากจำปี เพราะถ้าหากพี่สาวไม่ฟ้องแม่เสียก่อน เธอคงได้เดินออกจากศาลากลางนี้ไปด้วยความรู้สึกที่ดี

ที่ดวงตาของแม่จำปูนมองไม่เห็นลูกสาวนั้น เป็นเพราะเธอตาบอดสนิท ตั้งแต่เมื่อครั้งที่อุ้มท้องฝาแฝดคู่นี้สายตาของเธอก็เริ่มพร่ามัว พอหลังจากคลอดลูกออกมา ดวงตาก็บอดสนิทมาจนถึงปัจจุบันนี้ แม้การใช้ชีวิตจะลำบากมากกว่าคนอื่น แต่ก็ยังโชคดีที่คนในชนเผ่ายังคอยยื่นมือช่วยเลี้ยงดูบุตรสาวทั้งสองของเธอกันอย่างอบอุ่น

แล้วใครบอกว่าจำปาจะไปเข้าห้องส้วมตามที่บอกไว้กับแม่ เธอวิ่งเลี้ยวไปอีกทางเพื่อไปพบเด็กชายคนหนึ่งที่ใต้ต้นมะขามใหญ่ ซึ่งได้นัดกันเอาไว้แล้วล่วงหน้า

เด็กคนที่นัดไว้เป็นเด็กผู้ชายวัย 11 ขวบ หัวเกรียน รูปร่างผอมสูงตามช่วงวัย ไม่สวมเสื้อและนุ่งผ้าเตี่ยว ตอนนี้เขากำลังนั่งยองๆ ด้วยสีหน้าฉายแววหงุดหงิดและรอคอยว่าเมื่อไหร่จำปาจะมาถึงสักที

“ต๋อง” จำปารีบตะโกนขึ้นเพื่อให้เด็กชายคนนั้นทราบว่าตนมาถึงแล้ว “รอนานบ่”

“โถ่เอื้อย ยังกล้ามาถามว่านานบ่” ต๋องยังคงนั่งยองๆ เพราะเขาไม่มีแรงลุกยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง “รีบมาช่วยดึงแขนข่อยลุกแหน่ นั่งรอตั้งนานจนขาตะคริวกินแล้วเด้อเอื้อย”

“เออๆ” จำปารีบไปดึงแขนของต๋องให้ยืนขึ้น “หายยัง”

ต๋องพยายามประคับประคองตัวเองให้ตัวเองยืนตรง “กะดีขึ้นหลายแล้ว”

“เอื้อยขอโทษ เทื่อหน้าสิมาให้เร็วกว่านี้เด้อ”

“อีหลีเด้อ”

“อีหลี…รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวเขาซ้อมเสร็จกันก่อน”

หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้พากันวิ่งไปยังจุดหมายที่ตกลงกันไว้ แม้ว่าต๋องจะมีอายุน้อยกว่าจำปา แต่ทั้งสองคนกลับเป็นเพื่อนสนิทที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แถมยังมีนิสัยเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีกด้วย

ต๋องนั้นเป็นบุตรชายของแม่จำเนียน เขายังมีพี่สาวแท้ๆ เพียงคนเดียวชื่อ ‘ติ้ว’ ที่มักจะทะเลาะกันเป็นประจำ ส่วนพ่อของเขานั้นได้เสียชีวิตลงไปแล้ว ทำให้ครอบครัวได้ขาดเสาหลักไป แต่ครอบครัวของเขาค่อนข้างมีฐานะจากอาชีพตีดาบเพื่อส่งออกขาย จึงยังพอที่จะประคับประคองคนที่เหลือให้มีชีวิตต่อไปได้ แม่ของเขานั้นมีลูกน้องเข้ามาทำงานด้วยจำนวนมาก จนบริเวณเฮือนแถบนั้นล้วนเต็มไปด้วยกลุ่มคนตีดาบ ชาวบ้านจึงพากันเรียกขานคนแถบนี้ว่า ‘คุ้มตีดาบ’

 

เชิงอรรถ :

(1) ไปนอก หมายถึง ห้องสุขา



Don`t copy text!