จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 4 : ความมุ่งหวังของคิมดงกอน

จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 4 : ความมุ่งหวังของคิมดงกอน

โดย : นาคเหรา

จากฮันกังถึงเจ้าพระยา นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอา โดย นาคเหรา เมื่อชะตากรรมพาให้ฮันแจกังมาสู่อยุธยา ดินแดนอันสงบร่มเย็นที่ปกครองโดยพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อบททดสอบใหม่เปิดฉากขึ้นทันทีที่พม่าบุกกรุง ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร อ่านออนไลน์ได้ใน anowl.co

**************************

 

สนับสนุนอ่านเอาด้วยการสั่งซื้อหนังสือ “ในสวนอักษร” คลิกที่นี่

เสียงจักจั่นบนต้นพลับร้องระงม ไม่มีสายลมใดๆ พัดมาในวันที่ร้อนที่สุด แจคังท่องสรรพคุณยาดังแว่วๆ ห้องของเขาอยู่เรือนนอกติดกับเรือนพี่ชายและห้องหนังสือใหญ่ ส่วนคนอื่นต่างก็อยู่ในห้องของตนเอง ปกติเวลานี้ทุกวันแจคังต้องเข้าห้องไปหาปู่เพื่ออบรมหัวข้อจริยธรรม แต่วันนี้มีคนไข้จากแดนไกลสองสามคนมาถึงล่าช้า ทำให้ท่านต้องเลื่อนเวลาการรักษามาจนถึงหัวค่ำของวัน แถมยังสั่งให้ชายยากไร้ที่พามารดามารักษาไปพักที่เรือนพยาบาลได้ แม้ไม่มีเงินค่ารักษามากพอก็ตาม

“พรุ่งนี้สายๆ ข้าจะมาตรวจอาการแม่ของเจ้าซ้ำและจะเขียนใบสั่งยาให้ด้วย ต่อไปหากเจ็บป่วยจะได้หายากินได้ ยาที่ข้าจะเขียนให้เป็นยาสมุนไพรพื้นบ้าน เวลาเจ้าขึ้นไปล่าสัตว์หรือเก็บผักก็ดูลักษณะมันให้ดี หากไม่แน่ใจว่าใช่ให้ลองเก็บไปถามคนที่โรงต้มยาก่อนก็ได้ มีสูตรยาบำรุงที่ปรุงง่ายๆ ด้วยนะ ว่าแต่ว่าอ่านหนังสือออกใช่ไหม”

“ข้าอ่านออกบ้างขอรับ ขอบคุณขอรับท่านหมอ ข้าเป็นคนยากไร้มีเงินติดตัวไม่มากนัก แต่ข้าก็ขอมอบเงินถุงนี้ให้ท่าน ขอได้โปรดรับไว้ด้วยเถิด”

ฮันแฮซูมองชายผู้นั้นด้วยความเวทนา นี่คงเป็นเงินทั้งหมดที่มีกระมัง ดวงตาอาทรของผู้เป็นหมอทอดส่งไปให้ทั้งเขาและมารดา มือก็แตะที่ไหล่ของชายคนนั้น มองท่าทางอิดโรยมารดาที่ป่วยของเขา ก่อนจะยิ้มน้อยๆ

“เจ้าชื่ออะไรรึ”

“อูแทขอรับ ท่านหมอ”

“เอาละ อูแท ฟังคำของข้านะ ค่ารักษาของข้าคือขอให้เจ้าดูแลแม่ดีๆ เอาเงินถุงนี้ไปซื้อของบำรุงแล้วกินยาตามที่ข้าบอก เจ้าทำได้ไหม”

“ท่านหมอ” ชายยากไร้รู้สึกตีบตันในลำคอ เขาเอ่ยอะไรไม่ออกอีก เมื่อมือของหมอเลื่อนแตะที่มือของเขาพลางยิ้มกว้าง

“พักที่นี่สักสองสามวัน เดินเท้าแบกแม่มาจากแคซอง (1) ไกลมากนะ เจ้าเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี เท่านี้แม่ของเจ้าก็จะมีชีวิตยืนยาวแล้ว”

“ท่านเป็นหมอที่มีใจเมตตาโดยแท้ ก่อนข้าจะเดินทางมาที่ฮันยาง ข้าเจอหมอหลายคน เขาปฏิเสธที่จะรับเงินถุงนี้เพราะมันน้อยเกินไป แต่เมื่อมาที่คังชินวอนตามที่ชาวบ้านบอก ข้ากลับได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นคนเช่นเดียวกัน”

เสียงนั้นสั่นเครือ น้ำตาที่ไหลบอกถึงความคับแค้นใจได้ดีนัก ฮันแฮซูรู้ความจริงในข้อนี้ดี ชาวบ้านยากไร้มาที่นี่มากมายส่วนหนึ่งเพราะเขารับค่ารักษาน้อยกว่าโรงหมอที่อื่น ตามหัวเมืองใหญ่ๆ มักมีหน่วยแพทย์ชุมชนที่ทางราชการได้จัดตั้งขึ้น แต่จำนวนหมอก็น้อยนัก คนต้มยาที่นั่นไม่มีรายได้มากพอ จึงขูดรีดชาวบ้านอีกต่อหนึ่ง บางรายทนความเจ็บปวดไม่ไหวตายไปตั้งแต่ยังไม่ถึงมือหมอด้วยซ้ำ

“ค่าของความเป็นคนไม่มีอะไรประเมินราคาได้หรอกนะ ชีวิตของเจ้ามีค่ามากมายนัก แต่สิ่งที่จะเทียบค่าของมนุษย์คือความดีและความชั่ว เจ้าจะเป็นคนสูงค่าได้เพราะความดีที่เจ้าทำ จำเอาไว้นะ” ฮันแฮซูเอ่ย ก่อนจะบอกให้คนดูแลผู้ป่วยพาชายคนนั้นกับมารดาไปพักที่เรือนผู้ป่วย และบอกให้คนครัวยกข้าวต้มโอกุกบัป (2) ให้เขาด้วย แจคังที่นั่งอยู่ข้างๆ จึงเอ่ยกับปู่ว่า

“สักวันข้าจะเป็นหมอเหมือนท่านปู่ หมอที่ดีต้องไม่เลือกคนไข้ หมอที่ดีต้องมีใจเมตตา ข้าจะเป็นอย่างนั้นขอรับ”

“แต่มีอีกอย่างที่เจ้าต้องเรียนรู้” ผู้เป็นปู่ยิ้ม

“อะไรรึขอรับ” เด็กชายเอ่ยถามอย่างสงสัย

“หมอที่ดีต้องเห็นทุกชีวิตมีค่า ต่อไปอย่าเอาไก่มาฝังเข็มเล่น อย่าเอาสัตว์มาผ่าท้องดูถ้ามันยังไม่ตาย มือของหมอรักษาชีวิตคนให้รอด มิใช่มือที่จะทำลายชีวิตใคร ต่อไปเจ้าต้องเรียนรู้อีกมาก จงถนอมมือสองข้างของเจ้าเพื่อรักษาชีวิตคนอีกร้อยพันชีวิตเถิดนะ จำไว้หลานรักของปู่”

เสียงของปู่ยังดังก้องและทำให้หัวใจของเด็กชายรู้สึกอิ่มเอม ในวันนี้เขาตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มาก เพื่อสักวันจะได้ใช้มือทั้งสองข้าง และหัวใจหนึ่งดวงที่เขามีรักษาชีวิตคนอีกร้อยพันเหมือนอย่างที่ปู่บอก

 

ค่ำคืนวันนั้น

“คุณชายน้อย จะนอนรึยังขอรับ” เสียงของยอนดังขึ้นนอกห้อง

“ยัง…อีกสักชั่วยาม ข้าถึงจะเข้านอน”

“แต่บ่าวง่วงแล้วนะขอรับ พรุ่งนี้ก็ต้องตื่นแต่เช้า บ่าวว่าคุณชายน้อยพักผ่อนเถิดขอรับ ดึกมากแล้วเรือนนายท่านกับเรือนกลางก็ดับไฟหมดแล้ว”

“อีกหัวข้อเดียวเท่านั้น ทนไม่ไหวก็นอนนอกห้องนั่นแหละ”

แจคังบอกอย่างนั้นแต่สายตาของเขากลับเห็นเงาดำๆ เคลื่อนไหวในความมืด นั่นมันอะไรกัน ใครมาทำอะไรในบ้านยามวิกาลเช่นนี้ ข่าวจากกองแพ่งที่เจ้าหน้าที่มาตีเกราะบอกให้ระวังว่าช่วงนี้มีโจรต่างถิ่นมาลักลอบขโมยของ หรือวันนี้โจรพวกนั้นคิดจะมาขโมยอะไรจากบ้านเขา แจคังรีบดับไฟทันที ยอนดีใจมากที่นายน้อยจะนอนเสียที เขาทำทีจะเข้าไปจุดกำยานหอมให้กับนาย แต่มือของเด็กชายกลับจับที่มือของบ่าวไว้มั่น

“ยอน ถือขวานแล้วตามข้ามา”

“คุณชายน้อย ท่านจะเอาขวานไปทำอะไร”

“เรียกพี่ชุนมาด้วย ข้าว่ามันมาคนเดียว”

“คุณชาย หมายถึงอะไร”

“ก็โจรน่ะสิ!”

“โจรโง่อะไรมาเลือกเข้าบ้านหมอ ที่มีแต่ตำรายากับหม้อต้มยาแตกๆ” ยอนแย้งนายน้อยอย่างไม่เห็นด้วย แจคังชักจะเหลืออดที่บ่าวคนนี้ไม่คิดจะเชื่อฟังเขา ทั้งๆ ที่สถานการณ์ไม่ได้เอื้อให้มาเถียงกัน เด็กชายถลึงตาใส่บ่าวพลางพูดเสียงลอดไรฟัน

“เงียบ…ไปเรียกพี่ชุนมา แล้วก็ทำตามคำสั่งข้าเท่านั้น”

“แต่มันอันตรายนะขอรับ บ่าวว่าเราไปปลุกนายท่านดีกว่า”

“พอทุกคนตื่น มันก็ได้หนีไปพอดี” เด็กชายพูดพลางเดินเข้าไปหยิบดาบไม้มาถือไว้มั่น เขาและบ่าวคนสนิทย่องออกจากเรือนด้วยเสียงที่เบาที่สุด เด็กชายพร้อมบ่าวทั้งสองคนเดินย่องไปที่เรือนเก็บตำราซึ่งท่านปู่สร้างไว้เพื่อเก็บหนังสือทางการแพทย์ไว้ เสียงกุกกักดังขึ้นแว่วๆ เด็กชายบอกให้บ่าวคนหนึ่งไปดักที่ทางลงด้านหลังส่วนเขากับยอนก็เปิดประตูเข้าไปในห้องตำราทันที

“หยุดนะ โจรชั่ว!”

เงาในความมืดหยุดเคลื่อนไหวพอดีกับที่บ่าวที่ชื่อชุนตะโกนเสียงดังมาจากอีกฝั่ง เพื่อปลุกคนในเรือนให้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นในบ้าน พริบตานั้นไฟก็ถูกจุดต่อๆ กันจนบริเวณบ้านทั้งหมดสว่างไสวด้วยแสงไฟจากคบเพลิงและตะเกียง เสียงของคนที่อยู่ภายนอกหอตำรานั้นดังอื้ออึง แม้แจคังจะไม่เห็นสีหน้าของผู้บุกรุก แต่เขาก็จับอาการลุกลี้ลุกลนของเงาในความมืดนั้นได้ เด็กชายแผดเสียงถามออกไปทันที

“บอกมาเดี๋ยวนี้ เจ้าต้องการอะไร!” แจคังพูด คนในเงามืดนั้นขยับตัวไปมาเล็กน้อย แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นเสี้ยวหน้าของคนที่ลอบเข้ามาให้ห้องตำรา เด็กชายเบิกตากว้างเมื่อเห็นหน้าเขาชัดเจนขึ้น

“เจ้าคนในห้องต้มยานี่!”

“ใช่แล้วขอรับ ดงกอน ลูกของคนหาบน้ำ นี่เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม” ยอนเอ่ย

ดงกอนได้ยินแล้วเกลียดคำนั้นนัก พ่อของเขามาอยู่ที่นี่เป็นคนงานหาบน้ำ โดนคนห้องยาดูถูกว่าโง่เขลา ไม่ได้เลื่อนเป็นคนงานเก็บยาเสียที ท่านมีใจอยากเรียนรู้เรื่องสมุนไพรแต่สวรรค์กลับไม่เปิดทางให้ โชคดีที่เขาเอาความคับแค้นมาเป็นแรงผลักดัน จึงเข้ามาหาบน้ำเดินตามรอยเท้าพ่อ หมั่นฝึกฝนและจดจำสมุนไพรต่างๆ จากไม่รู้หนังสือก็อ่านออกเขียนได้ และหวังให้คนบ้านนี้เชื่อใจจนยอมถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้

แต่ไม่เลย…เขารอเวลาไม่ได้ บางทีอาจจะได้เป็นหมอเมื่อตอนอายุมากแล้ว ถึงตอนนั้นฮันแจคังอาจจะเป็นหมอหลวงอันดับหนึ่งของโชซอนแล้วก็เป็นได้…ซึ่งเขาไม่ต้องการเช่นนั้น…

เสียงฝีเท้าหลายคนเข้ามาในห้อง แสงไฟจากโคมสว่างจ้า ตอนนี้หนทางที่จะหลบหนีได้กลับมีน้อยนัก แจคังก้าวเข้าไปในห้อง จังหวะนั้นเด็กหนุ่มก็อาศัยความเร็วแย่งดาบไม้จากมือของแจคังแล้วจับตัวของเขาเอาไว้ ยอนตะโกนเสียงหลงเพราะเกรงว่านายน้อยจะได้รับอันตราย แจคังดิ้นสุดแรงก่อนจะกัดแขนของดงกอนเต็มแรง เมื่อทนความเจ็บปวดไม่ไหวเขาจึงเหวี่ยงร่างของแจคังไปชนชั้นหนังสือจนล้มครืนทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

เสียงหมอใหญ่นายของเรือนดังขึ้น ตอนนี้บ่าวผู้ชายรวมทั้งคนงานหาบน้ำหาสมุนไพรก็เข้ามาในหอตำราด้วย ดงกอนมองนายท่านผู้เฒ่า แต่เขาก็ไม่ได้สำนึกเพราะคิดว่าตั้งแต่พ่อตนเองได้เข้ามารับใช้บ้านสกุลฮัน ค่าจ้างที่เป็นข้าวสารเงินทองนั่นช่างน้อยจนไม่พอยาไส้เอาเสียเลย ถ้าเขาได้เป็นหมอ คงจะสามารถหาความก้าวหน้าได้มากว่านี้ อย่างน้อยหากได้ไปรักษาพวกขุนนางหรือเศรษฐีคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้แน่ๆ เด็กหนุ่มได้แต่สัญญากับตัวเองว่าสักวันหนึ่งคนทั่วทั้งโชซอนจะต้องมองเขาเป็นหมออันดับหนึ่ง มิใช่ลูกคนงานหาบน้ำบ้านหมอฮันเท่านั้น!

ความคิดของเด็กหนุ่มล่องลอยแต่ไม่ได้สำนึกผิด ต่างจากพ่อที่หน้าถอดสีเมื่อเห็นว่าลูกชายได้กลายเป็นขโมย

“ดงกอนนา!” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยความตกใจ

“เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม” ฮันแฮซูถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดงกอนเองก็ตอบออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านเหมือนกัน

“ข้ามาทวงค่าจ้างตลอดเวลาหลายปีที่พ่อของข้าควรจะได้รับ”

“เจ้าต้องการเงินทองรึ”

“ไม่…ข้าต้องตำราฝังเข็มสกุลฮัน ส่งมันมาให้ข้าสิ!”

 เด็กหนุ่มคนนั้นตอบน้ำเสียงมั่นคงนัก

 

เชิงอรรถ :

(1) แคซอง หรือชองโด อยู่ในเขตเกาหลีเหนือในปัจจุบัน

(2) ข้าวหุงด้วยธัญพืชห้าอย่าง

 



Don`t copy text!