ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ บทที่ 3 : ครอบครัวใหญ่

ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ บทที่ 3 : ครอบครัวใหญ่

โดย : กฤษณา อโศกสิน

ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ บทสรุปของความรักที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ของสมุทรไทและบนฟ้าจากปลายปากกาของกฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ได้จบลงแล้ว คุณผู้อ่านสามารถสั่งซื้อได้จาก 2 ช่องทางคือ ทางเว็บไซต์ของ GROOVE > http://groovepublishing.lnwshop.com และ  ทางกล่องข้อความ GROOVE > m.me/read.groove.publishing

***************************

– 3 –

ครั้นแล้ว บ่ายวันนี้ปู่ก็เลยส่งรถมารับเขา ภายในรถจึงมีทั้งปรายและบนฟ้าติดมา เนื่องด้วยเมื่อคืน เครื่องบินถึงสนามบินสุวรรณภูมิใกล้ 3 ทุ่ม ทุกคนอ่อนเพลียเหนื่อยล้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงวัยผู้ต้องเดินทางไกลไปในดินแดนที่เวลาแตกต่างจากไทยราว 5-6 ชั่วโมง มิหนำซ้ำยังต้องแวะเปลี่ยนเครื่องบนทางผ่านคือดูไบ แม้จะได้พักผ่อนกลางห้องโถงอันโปร่งสว่าง ได้รับประทานอาหารเบาๆและเครื่องดื่มบ้าง แต่เมื่อคืนที่ตื่นๆหลับๆก็ทำให้อ่อนล้าพอใช้

หากหลานของทั้งสองบอกกล่าว

‘ไม่เป็นไรนะปู่นะคะ ถึงพักไม่พอ แต่ได้ออกจากเครื่องแล้วนั่งวีลแชร์ดูผู้คนเดินสวนก็พอแล้ว เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้วค่ะ อาบน้ำแล้วนอนเลยนะปู่ขา ย่าก็เหมือนกัน’

‘แล้วไม่ต้องรีบตื่นนะฮะ ปล่อยให้ไทมันนอนเต็มตา บ่ายๆผมถึงจะไปรับให้มันเอาพระรูปมาติดให้…รับรอง…เพื่อนคนนี้ไม่เคยรู้จักคำว่า เบี้ยว’

แท้จริงแล้ว สมุทรไทตื่นไม่สาย ตื่นแล้วกินอาหารเช้าเหมือนเคย ครั้นแล้วจึงนำของฝากไปให้บิดาและน้าสุนทรีที่บ้านใหญ่หลังกลาง ตัวเขามีบ้านหลังเล็กขนาบซ้าย น้องชายต่างมารดาคนโตขนาบขวา เต็มเนื้อที่พอดี

บิดาไปทำงาน เหลือเพียงแม่เลี้ยงผู้เป็นแม่บ้านอย่างเดียว ร่างท้วมผิวสองสี หน้าตาอารมณ์ดีทักถาม

“เป็นไงมั่งไท สนุกไหมจ๊ะ ไปครูซ ปู่ย่าปรายเรื่องเยอะไหม”

“ไม่เลยฮะน้า” เขานั่งลงพร้อมของในถุง “ใจดีมากทั้งคู่ ก็เลยไม่รู้สึกอึดอัด เรือก็ใหญ่มาก สะดวกสบาย ถึงยังไงก็ดีที่ไม่ต้องขนย้ายของน่ะครับ…แต่…”

เขาทิ้งท้ายไว้นิดๆ

“แต่ยังไง” แม่เลี้ยงหัวเราะ พลางดึงของฝากออกมา เลยต้องอุทานเบาๆ “อือ…สวยดีจังเลยกระเป๋าผ้าปักนี่”

“ฝีมือชาวบ้านฟิเรนเซ่น่ะฮะ…สวยตามแบบฉบับของเขา…”

“ผ้าพันคอก็สวยจัง ไทเลือกของให้ผู้หญิงเก่งดี” อีกฝ่ายชมเชย

“เห็นน้าชอบของโอทอปไงฮะ”

“แล้วไม่ดีหรือ อุดหนุนชาวบ้านที่เขามีฝีมือแต่รายได้น้อย ราคาก็ดีใช้ได้” สุนทรีวัยสี่สิบห้าว่า

สมุทรไทชอบนิสัยแม่เลี้ยงมาแต่แรก หากก็มิใช่เพราะพ่อแนะนำ

‘น้าสุนเขาเป็นพวก ‘บ้านๆ’ ก็จริง แต่เป็นบ้านๆที่ไม่เน่า’

อาจเป็นเพราะเธอมีไมตรีกับเขามาตั้งแต่ย่างเข้าบ้านก็เป็นได้ ทั้งๆมีญาติข้างแม่หลายคนค่อนว่า

‘ระวังนาตาไท เมียใหม่พ่ออย่าให้เหมือนในจอก็แล้วกัน’

เขาเองก็ยังหัวเราะ

ครั้นแล้ว เธอก็มีลูกชายให้บิดาอีกสองคน พลางชวนเชิญให้เขารักน้อง

ให้ช่วยอุ้ม ช่วยเข็นรถ ช่วยจูง หากพร้อมกันนั้นก็โน้มน้าวให้ลูกเธอรักเขา

“ดีซีฮะ…ดีมากๆ…ของพื้นบ้านหลายอย่างก็ออกแบบดี…อย่างสองชิ้นนี่ พอเห็นปุ๊บก็ซื้อปั๊บเลย น้าใช้คุ้มแน่ๆ”

“ไทเลือกของเก่ง” สุนทรียังคงชมอย่างจริงใจ พลางชวนคุย “แล้วจะเลือกคนได้เป๊ะเหมือนเลือกของไหมจ๊ะ”

ชายหนุ่มก็เลยยิ้มๆ

เป็นยิ้มที่ซ่านด้วยความหมาย รับกับแสงฉายจากสายตา

“ผมก็…ไม่ใช่ว่าไม่มีแฟนนะน้า”

“เหรอ…มีแล้วเหรอ”

“มีตั้งสองสามคนแล้ว น้าก็ทราบ”

“แต่เลิกไปหมดแล้วไง…คนใหม่มีไหม ไปเที่ยวนี้เป็นไงมั่ง สนุกซีนะ ได้ล่องเรือแวะตั้งสามประเทศ”

“สนุกดีฮะ…แต่ก็ผจญภัยนิดหน่อยซึ่งก็ดีกว่าไปจืดๆ” เขาบอกเล่าเรื่อยๆพลางดูนาฬิกา “เดี๋ยวบ่ายๆจะมีรถมารับนะน้า…จะต้องเอาพระบรมรูป ร.5 ไปติดที่บ้านปราย เอาไว้ผมจะเล่ารายละเอียดวันหลัง”

แต่ยังไม่ทันขาดคำ เสียงไลน์ก็ดังขึ้น เขาจึงก้มลงอ่าน

“พี่ไทตื่นหรือยังคะ ถ้าตื่นเมื่อไหร่บอกหนูด้วย”

เขาจึงอดยิ้มมิได้เมื่อกดตอบ

“ตื่นแล้วครับ กำลังคุยกับน้า”

“หนูมาก่อนเที่ยงได้ไหมคะ พี่ปรายจะมาด้วย มาช่วยถือพระรูปมาติดที่บ้าน แล้วเราไปหาอะไรทานกันก่อน”

ทันใดนั้น เสียงปรายก็ซ้อนเข้ามาเมื่อฟรีคอลล์ดัง

“มึงยังง่วงอยู่อีกเหรอนั่น” เพื่อนผู้ชักจะติดนิสัยว่าจ้างส่งเสียงมาเชิงซักไซ้เอาความ “นี่กูไม่ง่วงแล้วนะ นอนอิ่มเลย รวดเดียวถึงสิบโมง…บอกพี่ปันไว้แล้วว่า ขอพักสักวันเต็มๆซึ่งก็ไม่มากไม่มายอะไรสำหรับสมองที่มีคนลากใช้ทั้งปีนี่น่ะ”

“มึงก็ขี้บ่นไม่หยอกเหมือนกัน” สมุทรไทก็เลยกรอกเสียงพลางดูนาฬิกา…เกือบ 11 น. อยู่รอมร่อ “จะเกณฑ์ให้กูทอนเงินก็บอกมา”

ข้างนั้นก็เลยหัวเราะฮ่าฮ่าตบท้าย

ราวกับทั้งครอบครัวพงษ์เทวฤทธิ์เริ่ม ‘ติด’ ชายที่ชื่อไท เพียงครึ่งชั่วโมง รถตู้ดำก็แล่นเข้ามาถึงหน้าเรือนหลังกลางที่มีเขากับน้าสุนทรีคอยต้อนรับ ที่ต้องแปลกใจก็คือปู่กับย่ามาด้วย

ชายหนุ่มจึงแนะนำแม่เลี้ยงให้คนทั้งสี่ได้รู้จัก

“พระรูปยังอยู่ที่บ้านผมครับคุณปู่…เดี๋ยวผมขอตัวไป…”

ยังไม่ทันขาดคำ ปรายก็บอก

“งั้นก็ไปด้วยกัน…คุณน้าครับ…ถ้ายังไงวันนี้ผมขอลาไปก่อนนะฮะ…วันหลังค่อยมาใหม่…”

“ไม่เป็นไรค่ะ” สุนทรีรับไหว้พลางหันไปทำความเคารพปู่ย่า “วันหลังเชิญคุณปู่คุณย่ามาแวะอีกนะคะ มาทานอาหารกลางวันหรือเย็นก็ได้ค่ะ วันหยุดก็สะดวกดี คุณนทีพอจะว่างน่ะค่ะ”

“ถึงไงก็ต้องมาอีกแน่ๆครับคุณน้า” ปรายสัญญา “ผมเคยเข้าๆออกๆตั้งแต่เด็กยังไง ต่อไปนี้ก็คงได้เวลามากวนใจนายไทเหมือนเดิมแล้วละฮะ”

ครั้นแล้ว ชายหนุ่มจึงเชื้อเชิญปู่กับย่าไปแวะที่เรือนเล็กชั้นเดียวของเขา พาเข้าไปนั่งในห้องรับแขกกะทัดรัด ตนเองเข้าไปอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากห้องนอน

“บ้านไทน่ารักดี” ปู่เอ่ยชมขณะมองไปรอบๆห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเกลี้ยงๆที่มีเพียงชุดรับแขก โซฟา และโทรทัศน์ขนาดใหญ่สุดห้องก็รู้ทันทีว่าเขาคงไม่ใช่ผู้มั่งมีกระไรนัก หากก็ไม่ถึงกับยากไร้ ด้วยว่าทั้งปู่และพ่อมาจากสกุลวงศ์ที่ดี เพียงแค่เห็นก็รู้ได้ถึงการถ่ายทอดมาถึงเขาอย่างหมดจด “แต่ก็คงไม่ค่อยอยู่บ้านละมัง”

พลางแววตาอีกฝ่ายก็ผุดยิ้ม

“ครับ…คุณปู่…ไม่ค่อยได้อยู่เท่าไหร่เหมือนกันฮะ…ตอนผมไปเรียนที่โน่น…น้องชายก็เลยมาเฝ้าบ้านแทนอยู่หลายปี…”

ผู้ฟังเพียงแต่พยักหน้า หากก็ไม่เอ่ยซ้ำเรื่องชวนเขาไปทำงาน

แต่สมุทรไทนั่นเองที่บอก

“แล้วนี่ผมก็กำลังจะไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยน่ะครับ…มีจดหมายตอบรับวางรออยู่ถึงสามแห่ง”

ทันใดนั้นเอง น้ำตาน้องบนก็รินลงมา

หันหลังก้าวออกไปสวมร้องเท้าหน้าประตูอย่างฉับไว

“เอาอีกแล้วหนูเอ๊ย” ย่าก็เลยร้องครางพร้อมกับส่ายหน้า พลางหันไปบอกชายหนุ่ม “ไทก็อย่าถือเขาเลยนะไทนะ คงเสียใจที่ไทไม่ไปทำงานกับปรายน่ะจ้ะ”

“ไม่ถือหรอกครับคุณย่า” อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้ม

“ไป…ไปกันได้แล้ว…พาไทไปหาอะไรกินก่อนกลับบ้าน หรือจะไปกินที่บ้านก็ว่ามา…” ปู่ชักจะขึ้นเสียงอย่างหัวเสีย…ทั้งผิดหวัง ทั้งรำคาญหลานผู้ไม่รู้จักเติบโต

รวมทั้งสีหน้าปรายก็มิสู้ดีขณะหันไปถามเพื่อน

“มึงกลัวกูจะไม่จ่ายเงินเดือนมึงหรือไง”

เพื่อนหนุ่มก็เลยขำ

“เถอะน่า-า-า” สมุทรไทลากเสียง “ให้กูลองเป็นอาจารย์ดูซักพักแล้วกัน ดูซิว่าจะสอนเด็กไหวไหม”

“มึงน่ะเหรอสอนเด็ก กูว่าเด็กสอนมึงมากกว่ามั้ง”

เมื่อมาถึงตรงนี้ ทั้งปู่และย่าก็เลยหัวเราะออกมาได้

“โดยเฉพาะ…เด็ก…เอ้อ…” พลางเขาก็หลิ่วตาเมื่อนึกถึงยาเยีย “มึงก็เพิ่งรู้ฤทธิ์มันมาหยกๆตั้งสองคนแล้วไง ยังไม่ซึ้งอีกหราาา”

เรื่องเคร่งเครียดเมื่อสักครู่ก็เลยเบาลงไป ต่างก็ชวนกันขึ้นรถ โดยสมุทรไทอาสานั่งข้างหน้าคู่คนขับ มือจับกรอบไม้

เลยเที่ยงไปแล้วครึ่งชั่วโมง พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ก็ได้ฤกษ์ขึ้นไปประดิษฐานบนผนังในห้องรับแขกกว้างใหญ่ของประธาน พงษ์เทวฤทธิ์

สถิตเสถียรอย่างงามสง่า



Don`t copy text!