ลามิลืม บทที่ 2 : เพราะแมวใช่ไหม? จึงได้พบกัน

ลามิลืม บทที่ 2 : เพราะแมวใช่ไหม? จึงได้พบกัน

โดย : กุลวีร์

Loading

ลามิลืม นวนิยายออนไลน์ โดย กุลวีร์ ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวของทิวพนม สัตวแพทย์หนุ่มผู้มองโลกในแง่ดี มีหัวใจอบอุ่นงดงาม จะต้องผ่านความทุกข์ และการจากลาอีกกี่ครั้ง คงมีแต่ความรัก หัวใจอันเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวเท่านั้น ที่จะพาให้ชายหนุ่มผ่านวันเวลาอันยากลำบากไปได้ในที่สุด

หลังจากเผาศพมารดาและผู้ที่เขาเรียกว่าพ่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเย็นวาน คนในครอบครัวต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเก็บกระดูกของคนทั้งสองไว้ในโกศ นำไปวางรวมกับโกศใส่กระดูกของตาบนหลังตู้ไม้ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามหิ้งพระในห้องพระซึ่งไม่กว้างนักที่อยู่บนชั้นสองของบ้าน

วันนี้เขาเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลสัตว์เอื้อเอ็นดู หากความไม่เหมือนเดิมของชีวิตก็ได้เกิดขึ้น เขาไม่ได้พบหน้าแม่และพ่อก่อนออกจากบ้านอย่างวันวาน บางครั้งเขายังอาวรณ์ถึงผู้วายชนม์จึงอยากมาทำงานเพื่อลบภาพอดีตที่เคยเกิดขึ้นภายในบ้านซึ่งยังแจ่มชัดและหลงเหลือกลิ่นอายในทุกอณูของที่พักอาศัย ทั้งที่ควรลางานได้อีกหนึ่งวัน

เมื่อเขาเริ่มเข้าทำงานก็ได้กลับมาอยู่บ้านอีกครั้ง จึงคุ้นเคยและเห็นหน้าผู้มีพระคุณทุกวัน ซึ่งต่างจากน้องทั้งสองคนที่มาเยือนบ้านเกิดเป็นครั้งคราว ทำให้เขามีความหมองเศร้าอยู่มากและคิดว่าอีกไม่นานคงจะลดลงจนชินไปเอง

เวลานี้ในบ้านยังมีน้องชายและน้องสาวก็ไม่ต้องเป็นห่วงผู้ใหญ่ทั้งสองคนจะหงอยเหงาหรือคิดมากที่ต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป แต่ยายกับป้ารวมทั้งน้องสองคนคงจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เร็วกว่าเขา

นายสัตวแพทย์ทิวพนมทำงานในโรงพยาบาลสัตว์เอื้อเอ็นดูได้สามปีกว่า ผู้คนในโรงพยาบาลมักจะเรียกขานกันว่าหมอทิวหรือหมอแมว เพราะเขารักษาและดูแลแมวป่วยเป็นส่วนใหญ่ เขายังเป็นห่วงอาการป่วยของสัตว์ที่อยู่ในความดูแลและไม่อยากสร้างภาระให้กับสัตวแพทย์ผู้อื่นซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือเพื่อนชายคนสนิทเพียงคนเดียวของเขานั่นเองที่คอยดูแลแมวป่วยแทนเขาในช่วงที่ขอลางานไปจัดการธุระเร่งด่วนของครอบครัว

ทิวพนมเดินดูอาการแมวป่วยที่ตนเป็นเจ้าของไข้เสร็จพอดีกับช่วงที่มีคนพาแมวป่วยรายใหม่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์เอื้อเอ็นดู หลังจากเจ้าของแมวนำแมวไปทำทะเบียนสัตว์ป่วยเรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งรอหน้าห้องตรวจซึ่งเป็นห้องประจำตัวของเขา

เมื่อชายหนุ่มพร้อมปฏิบัติหน้าที่ก็กดกริ่งเพื่อเป็นสัญญาณให้ผู้ช่วยสัตวแพทย์นำสัตว์ป่วยพร้อมกับเจ้าของเข้ามาในห้องตรวจได้

เจ้าของแมวเปอร์เซียขนยาวสีขาวทั้งตัว เป็นหญิงสาวหน้าคม ตาคม ผมยาวถึงกลางหลัง อุ้มสัตว์เลี้ยงมาวางไว้บนโต๊ะที่เขายืนรออยู่ก่อนแล้วเพื่อทำการตรวจดูอาการป่วยของแมว

“สวัสดีครับ ผมคือนายสัตวแพทย์ทิวพนมและมาลินทร์ ผู้ช่วยสัตวแพทย์ครับ” เขาแนะนำตนเองและผู้หญิงอีกคนที่เดินมาพร้อมกับเจ้าของแมวจนถึงโต๊ะซึ่งยืนอยู่เคียงข้างเขา

ผู้ช่วยสัตวแพทย์สาวรู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี เริ่มทำการซักประวัติหรือสอบถามอาการของแมว

“สองวันแล้วค่ะที่คูก้าดูซึมๆ หงอยๆ แปลกๆ ไป ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนแต่ก่อน อาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมาตลอดเลยและกินน้อยลงด้วยค่ะ” หญิงสาวเจ้าของแมวบอกเล่าอาการผิดปกติของแมวเปอร์เซียที่พอจะสังเกตเห็นได้

หากแมวเปอร์เซียตัวที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นดูเชื่องกับคนง่าย เขาจึงเดินเข้าไปเกาคางแมวเพื่อสร้างความคุ้นเคยและลดความหวาดกลัวของสัตว์

หลังจากทำการตรวจประเมินอาการโดยมีผู้ช่วยสาวคอยทำตามคำสั่งและช่วยเหลือเพื่อความสะดวกในการตรวจให้ดำเนินไปได้ด้วยดี ทิวพนมก็พอจะทราบสาเหตุที่ทำให้แมวมีอาการเจ็บป่วย

“ฟังจากประวัติและเท่าที่ผมตรวจดูจากสภาพภายนอก คูก้าน่าจะมีปัญหาของระบบทางเดินอาหาร แต่เพื่อความแน่ใจ ผมขอเก็บตัวอย่างเลือด และนำแมวไปทำอัลตราซาวนด์หาตำแหน่งผิดปกติ จะได้ทำการรักษาต่อไปได้ครับ ขณะนี้แมวเริ่มมีอาการแห้งน้ำคงต้องให้สารน้ำร่วมด้วย” เขาเอ่ยด้วยท่าทีที่ดูน่าเชื่อถือ

เจ้าของแมวส่งมอบแมวให้แก่พวกเขา ก่อนจะออกไปรอด้านนอกห้องตรวจตรงจุดเดิม

แมวเปอร์เซียสีขาวตัวนี้ไม่ค่อยตื่นคน อาจเป็นเพราะมีอาการอ่อนเพลียก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่จะทำการประเมินหรือทำการรักษาได้ง่าย จนผลตรวจร่างกายของแมวออกมา สัตวแพทย์หนุ่มจึงเรียกหญิงสาวเจ้าของแมวเข้ามาในห้องตรวจอีกครั้ง อธิบายผลการตรวจและวิธีการรักษา ปรากฏว่าเขาต้องให้แมวนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลสัตว์เพื่อให้ยาและดูอาการอย่างใกล้ชิด เจ้าของแมวป่วยก็ยินยอมโดยดีแล้วขอตัวกลับไป

พอวันรุ่งขึ้น หลังจากเขาตรวจและรักษาแมวป่วยเป็นรายสุดท้าย ในช่วงเย็นก่อนกลับบ้าน เขาจะเดินไปเยี่ยมสัตว์ป่วยหรือดูอาการอีกรอบ เขามองเห็นหญิงสาวผู้ซึ่งเป็นเจ้าของแมวเปอร์เซียสีขาว ยืนอยู่หน้ากรงที่ใส่แมวตัวนั้นไว้ หล่อนคงมาดูอาการของแมวที่ชื่อคูก้าซึ่งยังต้องให้ยาและสารน้ำหรือเกลือแร่อีกหนึ่งวัน

ทิวพนมประทับใจอีกฝ่าย ไม่ใช่เพราะหน้าตาคมคายที่เห็นครั้งเดียวก็จดจำได้ แต่เป็นท่าทางที่บ่งบอกว่าเป็นคนรักสัตว์โดยเฉพาะแมว เขายิ้มละไมในใจ ยืนมองดูเจ้าของแมวบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ กับแมว ก็คงไม่ต่างจากเขาที่ยังเอ่ยถามอาการแมวป่วยเหมือนพูดกับคนทั่วไป แม้พวกมันจะไม่มีคำตอบใดก็ตาม นอกจากบางตัวที่พอจะมีแรงร้องเหมียวตอบกลับมาเป็นครั้งคราว

“คูก้า คูก้า ตื่นได้แล้ว” หญิงสาวเรียกแมวเปอร์เซียสีขาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและไม่ดังมากนัก

แมวเปอร์เซียที่นอนนิ่งในกรงผงกหัวขึ้น เมื่อได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย

“ดูสดใสขึ้นนะ อีกไม่นานก็ได้กลับบ้านด้วยกัน” หญิงสาวพูดขึ้นอีกครั้ง

“มาเยี่ยมคูก้าหรือครับ” เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วทักขึ้น

“สวัสดีค่ะ หมอทิว” หล่อนหันหน้ามาทางสัตวแพทย์หนุ่ม ยังพอจะจำชื่อเขาได้ เนื่องจากช่วงสายที่ผ่านมา เขาโทรศัพท์ถึงหล่อนเพื่อแจ้งอาการป่วยของแมวที่ทุเลาบ้างแล้ว

“ตอนนี้คูก้า อาการดีขึ้นมากครับ ไม่ถ่ายเหลว ไม่ค่อยซึม ผมลองให้กินอาหารก็ไม่อาเจียนออกมาเหมือนเมื่อวาน พรุ่งนี้คงกลับบ้านได้ครับ”

หญิงสาวฟังเขาพูดจบก็หันหน้าไปบอกกล่าวกับแมวในกรง “จะหายป่วยแล้วนะ คูก้า”

“แต่อาการอาจกลับมาเป็นได้อีก เราไม่อาจควบคุมได้ แมวอาจไปกินอะไรที่ส่งผลไม่ดีต่อระบบอาหาร ยิ่งเป็นแมวเปอร์เซียขนยาวอย่างนี้ด้วยแล้ว เวลาเลียขนก็อาจมีเศษขนเข้าปากไปสะสมเป็นก้อนในระบบทางเดินอาหารได้” เขาอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง เมื่อหญิงสาวรับฟังอย่างตั้งใจ เขาจึงเอ่ยต่อ “อย่ากังวลไปเลยครับ มีปัญหาผิดปกติก็พามาหาหมอได้ ยังดีที่ไม่ปล่อยทิ้งไว้จนเกิดอาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร อาจต้องใช้เวลารักษานานกว่านี้”

“ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ เพราะนานๆ ทีดิฉันจะได้มาเจอคูก้า แต่แม่ผิดสังเกตจึงให้รีบพาคูก้ามาที่นี่”

“ผมขอให้คูก้านอนพักอีกสักคืน ถ้าไม่อาเจียนหลังกินอาหารแล้วก็คงให้คุณกานต์สินีมารับกลับบ้านไปได้ แล้วผมจะโทรบอกครับ” เขาเน้นย้ำโดยเรียกชื่อของหล่อนตามในใบประวัติของแมวป่วย รวมทั้งยังเคยเรียกชื่ออีกฝ่ายตอนโทร.แจ้งอาการของแมว

“เรียกดิฉันว่ากานต์ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวบอกเขาแล้วพูดต่อ “ฝากดูแลคูก้าด้วยนะคะ คูก้าเป็นแมวนิสัยดีคงไม่ทำให้หมอทิวลำบากและไม่ทำให้ที่นี่วุ่นวายนะคะ”

“ไม่เลยครับ คูก้าเป็นเด็กดี ไม่ค่อยกลัวคน”

“พรุ่งนี้จะมารับกลับบ้านนะ คูก้า ดีใจไหม” หญิงสาวหันไปบอกแมวเปอร์เซียสีขาวในกรงซึ่งนอนลืมตาฟังคนคุยกันและยกหางปัดป่ายไปมาราวกับตอบรับคำของหล่อน

ทิวพนมเพิ่งทราบว่าอาการเศร้าสร้อยที่เคยเกิดขึ้นนั้นเบาบางลง เมื่อได้พบหญิงสาวผู้นี้

ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด แต่เขาต้องการทำความรู้จักกับอีกฝ่ายและอยากทำตามที่ใจตัวเองเรียกร้อง

แมวเปอร์เซียสีขาวจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชายหนุ่มกับหญิงสาวได้รู้จักกัน

พอวันต่อมา สัตวแพทย์หนุ่มได้รักษาแมวเปอร์เซียสีขาวจนหายป่วยเป็นปกติดีแล้ว คูก้ากลับมาสดใสร่าเริง กินอาหารได้ปกติโดยไม่อาเจียน เขาแจ้งกานต์สินีทางโทรศัพท์เพื่อให้มารับแมวกลับบ้าน

ทิวพนมรอหญิงสาวจนถึงเวลาเลิกงาน แต่อีกฝ่ายก็ยังมาไม่ถึงโรงพยาบาลสัตว์เอื้อเอ็นดู ทั้งที่เขาสามารถกลับบ้านได้ โดยฝากเรื่องไว้กับผู้อื่น แต่เขายังนั่งรอหล่อน เพราะอยากเจอเจ้าของแมวจะได้มีเวลาพูดคุยยามพบหน้ากัน

“สวัสดีค่ะ หมอทิว ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะคะ” กานต์สินีทักขึ้น เมื่อเห็นเขานั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งไว้ตรงประตูทางเข้าออกของโรงพยาบาลสัตว์

“ผมมานั่งรอของฝากจากเพื่อนครับ” เขาหาข้อแก้ต่าง แต่ความจริงก็คือมานั่งเฝ้ารอหล่อน “คุณกานต์มารับคูก้ากลับบ้านหรือครับ ผมนึกว่าจะมารับตั้งแต่ตอนบ่าย”

“ใช่ค่ะ พอดีทิ้งงานไว้กลางคันไม่ได้เลย ต้องคอยดูงานให้เสร็จเรียบร้อยก่อน โชคดีนะคะที่งานเสร็จทัน ถ้าวันนี้มารับคูก้าไม่ได้ ก็คงจะต้องให้นอนค้างที่นี่อีกคืน”

“เชิญข้างในได้เลยครับ” เขาพูดจบก็เดินนำหน้าหล่อนไป

สัตวแพทย์หนุ่มแนะนำให้หล่อนไปชำระค่าใช้จ่ายและค่ายาที่เคาน์เตอร์การเงินของโรงพยาบาลซึ่งเขาได้ทำเรื่องไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อความสะดวกของผู้มาใช้บริการ

ทิวพนมยืนรอพร้อมทั้งแอบเฝ้ามองทุกอิริยาบถของหญิงสาวด้วยความเบิกบานใจ ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าตกหลุมรักหญิงสาวเจ้าของแมวเปอร์เซียเข้าอย่างจัง

กานต์สินีจ่ายเงินเสร็จก็เดินมาหาเขา

“คุณกานต์รีบกลับบ้านหรือเปล่าครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาจนเกินไป ผมอยากแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของแมว” เขาพูดด้วยความตั้งใจที่จะยืดเวลาให้อยู่ด้วยกันมากขึ้น

“ยินดีค่ะ เลิกงานแล้ว ดิฉันไม่ต้องรีบไปไหน”

“เชิญที่ห้องตรวจของผมได้เลยครับ ผมจะให้น้องผู้ช่วยนำคูก้าไปให้ในห้อง แล้วผมจะสาธิตการแปรงฟันให้คูก้าด้วยครับ” เขาอธิบาย ก่อนที่จะขอตัวไปบอกผู้ช่วยสัตวแพทย์อีกคนซึ่งไม่ใช่คนประจำที่ทำงานร่วมกับเขา เพื่อนำแมวตัวที่เตรียมพร้อมรอกลับบ้านไปให้เขาในห้องตรวจ

กานต์สินีก็ได้แต่เดินไปที่ห้องตรวจของนายสัตวแพทย์ทิวพนมเหมือนคนรู้จักทางดี ถึงแม้จะมาเพียงไม่กี่ครั้งก็ตาม

เมื่อเขาเข้ามาสมทบกับหล่อนในห้องตรวจได้ไม่นาน ก็มีคนอุ้มแมวเปอร์เซียสีขาวมามอบให้แก่เจ้าของ

กานต์สินีรับแมวมาอุ้มไว้ พลางลูบหัวและเกาคางให้แมว คูก้าคงจำเจ้าของของมันได้จึงกระดิกหางและร้องเหมียวเหมือนทักทายกัน

เขายืมมองดูหล่อนเล่นกับแมวด้วยความสุขใจ ความน่ารักทั้งคนทั้งแมวเรียกความสดใสของหัวใจให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเร็ววัน

หญิงสาววางแมวลงบนโต๊ะด้านหน้า เขาจึงเริ่มอธิบายถึงสิ่งที่อยากแนะนำแก่เจ้าของแมว

“เมื่อแมวมีกลิ่นปากแสดงว่าช่องปากเริ่มมีปัญหา ถ้าเราไม่ดูแลให้ดี อาจเกิดหินปูนจนลุกลามไปถึงเกิดการติดเชื้อส่วนบนเป็นเหงือกอักเสบได้ ร่างกายก็จะเสื่อมตามมา เพราะแมวไม่อยากกินอาหาร” สัตวแพทย์หนุ่มพูดไปก็ใช้มือลูบหัวสลับกับเกาคางแมวที่นอนบนโต๊ะตรวจ เขายังเอ่ยต่อ เมื่อเจ้าของแมวเหมือนจะสนใจในสิ่งที่อยากกล่าวถึง

“วิธีง่ายๆ ที่เราจะดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของแมว คือการแปรงฟัน อย่างน้อยๆ วันละหนึ่งครั้ง”

“ดีจังเลยค่ะ จะได้บอกแม่ ในช่วงที่ดิฉันกับพ่อไม่อยู่บ้าน แม่จะได้มีอะไรทำสนุกๆ ไม่เหงาด้วยค่ะ”

“ถือว่าเป็นการให้ความรู้แก่เจ้าของแมวที่ทางโรงพยาบาลมอบให้ครับ”

ทั้งที่จริงเรื่องพรรค์นี้ที่เขาจะสอนหญิงสาว ผู้อื่นก็สามารถแนะนำได้เช่นกัน แต่เขาอยากสอนด้วยตัวเอง หากอีกฝ่ายคงคิดว่าการแปรงฟันแมวเป็นเรื่องสนุก ทั้งที่จริงก็สนุกดี ถ้าแมวอยู่นิ่งๆ แต่ถ้าเจอแมวที่ไม่ยอมขึ้นมา ก็คงทุลักทุเลกว่าจะแปรงฟันให้แมวได้ เรื่องสนุกกลายเป็นเรื่องน่าปวดหัวอย่างแน่นอน

เขาประเมินแล้วว่าคูก้าเป็นแมวที่ว่าง่าย จึงแนะนำการแปรงฟัน โดยสาธิตให้เจ้าของได้เห็น ไม่ใช่แค่พูดให้ฟังเพียงเท่านั้น

“อย่างแรกที่เราต้องใช้คือยาสีฟันและแปรงสีฟันสำหรับแมว” เขาโชว์แปรงสีฟันสำหรับแมวซึ่งเป็นปลอกสวมนิ้วให้หญิงสาวได้เห็น แล้วสวมเข้าไปในนิ้วมือของตน จากนั้นหยิบยาสีฟันมาบีบลงบนแปรง นำแปรงถูฟันของคูก้าพร้อมทั้งอธิบาย

“เราจะแปรงเป็นวงกลม โดยเริ่มที่โคนฟันและแปรงให้ครบทุกซี่”

เขาแสดงให้หล่อนได้เห็นตามที่พูดออกไป

เมื่อแนะนำการแปรงฟันของแมวเสร็จสิ้น พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าให้ใช้ยาสีฟันสำหรับแมวเท่านั้น คงถึงเวลาที่คูก้าจะกลับบ้านได้เสียที

กานต์สินีอุ้มแมวเปอร์เซียสีขาวไว้ในอ้อมแขน “ขอบคุณหมอทิวมากนะคะ ที่ดูแลคูก้าและยังแนะนำการแปรงฟันให้ด้วย”

“ผมยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งครับ ยังมีอีกเรื่องที่ผมอยากแนะนำ คือให้แมวมีการขูดหินปูนทุกหกเดือนด้วยครับ ถ้าคุณกานต์ว่างวันไหนก็พาคูก้ามาที่นี่ได้เสมอ”

“ดิฉันจะบอกแม่ให้ทราบนะคะ”

ทิวพนมยื่นนามบัตรที่มีเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของเขาให้แก่หล่อน จะได้ไม่ต้องใช้โทรศัพท์ของโรงพยาบาลเพื่อติดต่อกันเหมือนที่ผ่านมา “ถ้ามีปัญหาเรื่องแมว ติดต่อมาที่ผมโดยตรงได้เลยครับ หมอแมวพร้อมให้คำปรึกษาตลอดเวลา”

กานต์สินียิ้มให้กับคำที่เขาใช้เรียกแทนตัวเองและรับนามบัตรของเขาใส่ส่งในกระเป๋า อาจเพราะกำลังอุ้มแมว หล่อนจึงไม่สะดวกหยิบนามบัตรของตนให้กับเขา

“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ คูก้า บ๊าย บาย หมอทิวคาฟ” หญิงสาวพูดพร้อมยกขาหน้าข้างหนึ่งของแมวทำราวกับโบกมือลา

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณกานต์”

“เช่นกันค่ะ หมอทิว”

เขายืนมองหญิงสาวเดินออกไปจากห้องตรวจจนลับสายตา แม้จะพบกับเจ้าของสัตว์ป่วยมามากมายหลายคน แต่สาวตาคมที่เพิ่งอุ้มแมวจากเขาไปนั้น ทิวพนมรู้สึกถูกชะตาเป็นอย่างมาก

หญิงสาวจะรู้หรือไม่ว่าทุกอย่างที่ทำลงไปนั้นเพื่อยื้อเวลาให้อยู่ด้วยกัน

เขาอยากสานสัมพันธ์กับหล่อนต่อไป เพราะหัวใจที่เคยอ้างว้างมานาน เรียกร้องและต้องการหญิงผู้นี้ ทิวพนมขอบคุณอีกฝ่ายที่ทำให้ความเศร้าค่อยๆ จางหาย

หรือคนสำคัญที่หายไปจากชีวิตกำลังจะมีอีกคนเข้ามาทดแทน ซึ่งในไม่ช้าอาจกลายเป็นบุคคลอันเป็นที่รักและสำคัญไม่แพ้กัน

เขาหวังว่านามบัตรใบนั้นจะทำให้ได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง

ถ้าหล่อนเหมือนคนส่วนมากที่ผ่านมาในชีวิตเขาแล้วก็จากไป ครั้งนี้เขาคงเจอหล่อนบนรถโดยสารซึ่งนั่งอยู่เคียงข้างกันเพียงสองป้ายก็ขอลงจากรถก่อนเขาเท่านั้นเอง

ทิวพนมหวังว่ากานต์สินีจะกลับขึ้นมาบนรถโดยสารของชีวิตเขาและอยู่ข้างๆ ไปจวบจนวันที่ใจสองดวงรู้สึกตรงกัน

หลังจากวันนั้น ชายหนุ่มก็รหงอยเหงาเซื่องซึม เฝ้านึกถึงหญิงสาวเจ้าของแมวเปอร์เซียสีขาวที่หายเงียบไป ไม่ติดต่อมาที่เขาอีกเลย ผู้คนรอบกายคงเข้าใจว่าเขายังทำใจไม่ได้กับการสูญเสียบุพการี หากยังไม่มีใครรู้ความจริง แม้แต่เพื่อนสนิทก็ยังไม่ทราบว่าเขานั้นกำลังถูกตาต้องใจหญิงผู้นั้น

ขอให้เขาแน่ใจกว่านี้ ค่อยเล่าทุกเรื่องราวให้เพื่อนได้รับรู้

เมื่อหนึ่งอาทิตย์ผ่านพ้นไป สิ่งที่ทิวพนมหวังไว้ก็เป็นจริงขึ้นมา

พอถึงเวลาเลิกงาน ก่อนที่เขาจะขับรถออกจากโรงพยาบาลสัตว์เอื้อเอ็นดู เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในเครื่อง ทว่าเคยผ่านตาแต่จำไม่ได้ว่าเห็นจากที่ใด

“สวัสดีครับ นายสัตวแพทย์ทิวพนมพูดครับ” ชายหนุ่มเผลอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“หมอทิวหรือคะ ดิฉันกานต์สินีค่ะ” ปลายสายตอบกลับมา

เสียงของเจ้าของแมวเปอร์เซียสีขาวชื่อคูก้า หญิงสาวที่เขาจำได้ไม่เคยลืม ด้วยความดีใจจุกอกทำให้ชายหนุ่มยังหาเสียงตัวเองไม่เจอ

“ฮัลโหล ได้ยินไหมคะ” หล่อนพูดอีกครั้ง เมื่อเขาเงียบไป

“คุณกานต์ที่เป็นเจ้าของคูก้าใช่ไหมครับ” ทั้งที่เขาแน่ใจว่าใช่ก็ยังถามออกไป เพราะทำตัวไม่ถูก

หัวใจของทิวพนมที่เคยห่อเหี่ยวมาหลายวัน บัดนี้กลับพองฟูเมื่อหล่อนเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง

“ใช่ค่ะ ดิฉันมีเรื่องรบกวนหมอทิว คือว่าแมวที่เลี้ยงไว้เหมือนจะป่วย อยากปรึกษาว่าควรทำยังไงดีคะ”

“คูก้าเป็นอะไรมากไหมครับ” เขาถามถึงอาการของแมวทันที

“ไม่ใช่คูก้าหรอกค่ะ แมวที่เหมือนจะป่วยชื่อโอเล่” จากนั้นหญิงสาวก็บอกเล่าอาการผิดปกติของแมวให้เขาฟังแบบรวบรัดตัดความ

ชายหนุ่มเพิ่งทราบว่าบ้านของหล่อนเลี้ยงแมวไว้สองตัว

“แมวน่าจะติดเชื้อหวัดครับ ควรแยกห้องนอนกับคูก้า อย่าให้ใกล้ชิดกัน เพราะอาจจะติดเชื้อทั้งสองตัวได้”

“ทำยังไงดีล่ะคะ ตอนนี้ดิฉันไม่สะดวกพาไปหาหมอจริงๆ คงต้องรอถึงเช้าวันพรุ่งนี้” กานต์สินีพูดด้วยเสียงเป็นกังวล

“ถ้ารอถึงเช้า อาการอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ครับ”

ต่างคนต่างเงียบเสียงไปสักพักหนึ่งจนเขาเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ผมเลิกงานพอดี สะดวกให้ผมไปที่บ้านคุณกานต์ไหมครับ ผมจะได้นำยาไปฉีดให้โอเล่ได้เลย แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยพามาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจละเอียดอีกที”

“ไม่มีปัญหาค่ะ รบกวนหมอทิวด้วยนะคะ” เสียงของหญิงสาวค่อยดีขึ้นนิดหน่อย เมื่อมองเห็นทางออกของเรื่องที่กำลังกลุ้มใจ

“ยินดีเสมอครับ วันนี้หมอแมวพร้อมบริการถึงที่”

เขาพูดจบก็ตั้งใจรับฟังหญิงสาวอธิบายเส้นทางไปบ้านของหล่อนและจดจำไว้เป็นอย่างดี

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนุ่มสาวสานสัมพันธ์กันได้ในที่สุด โดยมีแมวสองตัวเป็นสื่อที่นำพาคนทั้งสองให้ได้ใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้น

เหมือนกานต์สินีขึ้นมาบนรถโดยสารของชีวิตเขาอีกครั้งและอยู่กับเขานานกว่าที่เคยอยู่ รู้จักกันจากวันเป็นเดือน ติดต่อถึงกันเมื่อมีโอกาสเอื้ออำนวยซึ่งจะคุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแมวเป็นหลัก ต่างคนต่างคุ้นเคยกันและบ้านของฝ่ายหญิงนั้นก็ต้อนรับเขาอย่างดีในทุกครั้งที่มีเวลาว่างไปเยี่ยมเยือนโดยใช้แมวเป็นข้ออ้าง

ทิวพนมได้เปิดรับหญิงสาวเข้ามาอยู่ในหัวใจเรียบร้อย พร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาความสัมพันธ์ เนื่องจากยามที่ได้พบกันนั้น ใจของเขาก็บังเกิดแต่ความรู้สึกดี

เวลาที่ผ่านพ้นไปคงมากพอแล้วสำหรับหัวใจจะคิดรักใครสักคนโดยที่รู้จักกันเพียงสองเดือน แม้อีกฝ่ายยังไม่ได้เปิดเผยเรื่องราวบางอย่างให้เขารู้ก็ตาม

กานต์สินียังคงไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องเล่าบางเรื่องให้เขาฟัง ชายหนุ่มจึงไม่เคยทราบเรื่องดังกล่าว ทว่าความลับไม่มีในโลก เรื่องที่หญิงสาวไม่ตั้งใจปกปิด ถ้าวันหนึ่งเขาทราบขึ้นมา บางทีใจที่ถลำลึกลงไปในหลุมรักคราวนี้อาจจะยิ่งลำบากหรือจะเป็นการดีต่อหัวใจ

ทิวพนมจะรู้เรื่องนั้นหรือไม่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับช่วงระยะเวลาที่ได้รู้จักกัน แต่ขึ้นอยู่กับหญิงสาวคิดจะบอกหรือไม่บอกเท่านั้นเอง

หล่อนมีเรื่องใดที่เขายังไม่เคยรู้มาก่อน

 



Don`t copy text!