รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา

รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา

โดย : ปิ่นฟ้า

Loading

รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco

หลังจากภาพแอบถ่ายกลายเป็นข่าวดังว่อนเน็ต กวินนาถยิ่งกระวนกระวายใจ เมื่อผู้คนเริ่มพูดถึงเธอมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ทางบ้านก็ยังถามถึงเรื่องความรักระหว่างเธอกับสรวิชญ์ เธอก็ได้แต่บอกพ่อแม่ไปว่าจะพาเขาไปแนะนำให้รู้จัก

เช้าวันต่อมาสรวิชญ์ขับรถไปที่บ้านของกวินนาถ เขาใส่สูทเรียบร้อยเข้ากับใบหน้าหล่อเหลา ขณะที่กวินนาถสวมเดรสสีแดงเข้ารูปมาต้อนรับ ก่อนจะควงแขนพาชายหนุ่มไปพบพ่อแม่ที่ห้องรับแขก

ทันทีที่เดชาและหทัยรัตน์เดินมา สรวิชญ์รีบพนมมือไหว้ทักทายด้วยความนอบน้อม ขณะที่ทั้งสองรับไหว้ก่อนจะไปนั่งลงที่โซฟา โดยเฉพาะเดชาวางมาดน่าเกรงขาม จนสรวิชญ์รู้สึกเกรงขาม

“เห็นยี่หวาบอกว่า เธอเป็นแฟนกับยี่หวา คบกันมาได้สักพักหนึ่งแล้วเหรอ”

“ครับคุณพ่อ”

“ใครเป็นพ่อคุณ” สรวิชญ์ได้แต่สะอึก จนต้องรีบแก้สรรพนามทันควัน

“ครับคุณท่าน…คือ ผมกับยี่หวา เราคบเป็นแฟนกันมาได้เกือบสามปีแล้วครับ”

“สามปี ระยะเวลาก็น่าจะพอๆ กับที่คุณเข้ามาทำงานเลยนี่ เก่งนะคุณเนี่ย เข้ามาทำงานไม่ทันไร ก็จีบลูกสาวผมติดได้ แล้วเท่าที่ผมดูประวัติทำงานของคุณ งานก็ไม่ได้โดดเด่นกว่าคนอื่นเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่เพราะคบกับลูกสาวผม คุณไม่ได้ขึ้นมาเป็นผู้จัดการบริษัทหรอก”

“ครับคุณท่าน”

“คุณพ่อคะ”

“แล้วที่บ้านทำงานอะไร ฐานะเป็นยังไง แล้วตอนนี้พ่อแม่อยู่ที่ไหนล่ะ”

“คือ…เอ่อ” สรวิชญ์อ้ำอึ้ง ด้วยไม่คิดว่าเขาจะเจอคำถามราวกับกำลังสอบสัมภาษณ์เข้าทำงานแบบนี้ ทำให้กวินนาถไม่พอใจจนต้องเป็นคนตอบคำถามแทน

“ที่บ้านทำงานอะไร พ่อแม่อยู่ที่ไหน ทำไมคุณพ่อต้องถามอะไรแบบนี้ด้วยล่ะคะ”

“ยี่หวา…ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน ลูกไม่ควรพูดแทรก”

“แต่หนูไม่ชอบที่คุณพ่อจะมาซักถามอะไรแบบนี้ เหมือนไม่อยากให้หนูกับพี่ต้นคบกัน”

“ยี่หวา!” คราวนี้เสียงเข้มของเดชาตวาดลั่นทำให้บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด ในขณะที่ทุกคนกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นเอง จู่ๆ ระฆังช่วยชีวิตสรวิชญ์ก็ดังได้ทันเวลา เมื่อแม่บ้านวิ่งเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

“คุณท่านคะ มีแขกมาขอพบค่ะ”

“ใคร…ไม่เห็นหรือว่าฉันกำลังมีแขก”

“เขาบอกว่าชื่อรินรดา มีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย เรื่องคุณหนูยี่หวากับแฟนน่ะค่ะ”

ชื่อของรินรดาดังขึ้นกลางวงสนทนา ทำให้สรวิชญ์หันขวับไปทางแม่บ้านด้วยความตกใจ อาการของเขาในตอนนี้ไม่อาจหลบพ้นความช่างสังเกตของเดชาและหทัยรัตน์ไปได้

“รินรดาเหรอ แล้วเขาบอกไหมว่าเป็นใคร” เดชาถามขณะที่สายตาก็คอยจับสังเกตแฟนของลูกสาวคนกลาง

“เขาบอกว่าเป็น…เมียของคุณสรวิชญ์ค่ะ”

ราวกับขว้างระเบิดลงกลางกองไฟ ความตึงเครียดปกคลุมราวกับสงครามครั้งใหญ่กำลังจะปะทุ

“ไหนคุณบอกว่าเป็นแฟนกับลูกสาวผมมาสามปีไง แล้วนี่มันหมายความว่ายังไง ผู้หญิงที่ชื่อรินรดานั่นเป็นใครกัน ใช่เมียคุณจริงหรือเปล่า” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดทำให้สรวิชญ์รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ ในใจนึกเคืองรินรดาที่เข้ามาขัดจังหวะ หมูเขาจะหามแต่ดันเอาคานมาสอด มันน่านักเชียว

“เรื่องนี้ ผมอธิบายได้ครับท่าน คือ…”

“ค่อยอธิบายแล้วกัน นกไปเรียกแขกให้เข้ามาที่นี่ ฉันเองก็อยากพบหน้าเหมือนกัน ผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเมียของสรวิชญ์” คำสั่งเน้นชัด ขณะที่นกก็รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที

สรวิชญ์สบตากวินนาถด้วยความหวาดหวั่น ขณะที่อีกฝ่ายรับรู้ได้คอยบีบมือให้กำลังใจ ก่อนที่เธอจะกระซิบกับแฟนหนุ่มแผ่วเบา

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ต้น เรื่องจริงเป็นยังไงแค่พูดไปตามตรง ไม่ต้องกลัวนะคะ”

แม้กวินนาถจะคอยปลอบใจเขา หากสรวิชญ์ในตอนนี้เหงื่อผุดซึมไปทั่วทั้งใบหน้า มือทั้งสองสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่คิดว่า…รินรดาจะกล้ามาขอพบเดชาถึงที่นี่ เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่

ยังไม่ทันที่เขาจะคิดหาทางออก รินรดาและกนกอรก็เดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาเผชิญหน้าเขาตามคำเชิญของเจ้าบ้าน

“สวัสดีค่ะคุณท่าน คุณนาย”

“สวัสดีครับ/ค่ะ”

“ฉันต้องขอโทษนะคะที่มารบกวนถึงที่บ้าน พอดีว่าฉันไม่สามารถติดต่อสามีของฉันได้ เลยคิดว่าน่าจะอยู่ที่นี่”

“นี่คุณเป็นภรรยาของสรวิชญ์จริงๆ เหรอ” หทัยรัตน์ถามด้วยความสงสัย

“จริงค่ะ พูดเฉยๆ อาจจะไม่เชื่อ ฉันมีหลักฐานมาด้วยค่ะ”

รินรดาไม่พูดเปล่า เธอยื่นสำเนาทะเบียนสมรสให้ทั้งสองคนดู ทำให้เดชาและหทัยรัตน์หน้าชา เมื่อเห็นหลักฐานตรงหน้า และรับรู้ว่าลูกสาวของตัวเองไปแย่งสามีชาวบ้าน

“ฉันกับพี่ต้น เราคบและอยู่กินด้วยกันมานานแล้วค่ะ จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ฉันเพิ่งจะทราบว่า สามีของฉันมีผู้หญิงอีกคน ซึ่งก็คือลูกสาวของคุณท่าน”

“ผมอธิบายได้นะครับท่าน” สรวิชญ์ละล่ำละลัก ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าคำพูดของเขาจะเปลี่ยนสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี

“ไหนคุณลองพูดมาสิ ผมก็อยากรู้ว่า คุณจะแก้ตัวยังไง”

“ผมกับระรินเราจดทะเบียนกันจริงครับ แต่…เราไม่ได้รักกัน เรื่องระหว่างผมกับระริน ที่ผ่านมาผมทำตามหน้าที่ในฐานะพ่อคนหนึ่งครับ เราสองคนมีปากเสียงกันบ่อย แล้วเรากำลังจะหย่ากันเร็วๆ นี้ครับ”

“ตลกดีนะคะพี่ต้น บอกว่าไม่ได้รักระริน ไม่รักกันอีท่าไหนถึงได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยจนมีลูกโตสามขวบแล้ว อ๋อ…แล้วบอกว่าจะหย่ากันเร็วๆ นี้ นี่เราตกลงหย่ากันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคะ”

รินรดาโกรธจนควันออกหูกำมือแน่น เธอพยายามข่มความโกรธไว้ภายใต้สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก บัดนี้สรวิชญ์กลายเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงแล้ว ในเมื่อเขาต้องการจะหย่ากับเธอ นับจากวันนี้ เธอจะต่อสู้ทุกอย่างเพื่อตัวเองและลูกโดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น

“ผมไม่รู้หรอกว่าพวกคุณสองคนมีเรื่องอะไรกัน แต่คุณจะมาทำแบบนี้กับลูกสาวผมไม่ได้ ผมไม่ยอม”

เดชากราดเกรี้ยวด้วยความโมโห ก่อนจะหันไปพูดกับลูกสาวของตัวเอง

“พ่อจะบอกให้นะยี่หวา ผู้ชายที่มีเมียแล้วโกหกเราแบบนี้ มันไม่ใช่ลูกผู้ชายหรอก เพราะไม่มีผู้ชายดีๆ ที่ไหนเขาทำกัน เลิกได้ก็เลิกเสียนะ พ่อไม่ชอบ”

“แต่คุณพ่อคะ พี่ต้นบอกว่าจะหย่ากับเมียนี่คะ”

“หย่าเหรอ หย่าจริงๆ หรือเปล่า ถ้าคิดจะหย่าจริงๆ เมียเขาจะมานั่งอยู่ตรงนี้อย่างนั้นเหรอ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ไปหย่าให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุย นกส่งแขก” สิ้นคำสั่ง เดชาและหทัยรัตน์ก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน ขณะที่นกเชิญแขกทุกคนออกจากบ้าน โดยมีกวินนาถจับแขนของสรวิชญ์ไม่ยอมปล่อย

“คุณพ่อ คุณแม่คะ”

“คุณท่าน”

สรวิชญ์หน้าซีดเผือด เขาไม่คิดเลยว่าแผนที่เขาอุตส่าห์วางมาดิบดี ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะเอาชนะใจกวินนาถได้ เหลืออีกแค่นิดเดียว เขาก็จะเป็นว่าที่ลูกเขยของเจ้าของบริษัทโดยสมบูรณ์กลับต้องพังไม่เป็นท่าเพราะผู้หญิงที่ดูไม่มีพิษมีภัยอย่างรินรดา

“ทำไมระรินทำกับพี่แบบนี้ เรื่องนี้เราคุยกันทีหลังก็ได้ ไม่เห็นต้องมาที่นี่ให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต แล้วยี่หวากับครอบครัวเขาเกี่ยวอะไร”

กวินนาถจับแขนสรวิชญ์ไม่ปล่อย ขณะที่กนกอรยืนเคียงข้างรินรดา กำลังยืนเผชิญหน้าอีกฝ่ายอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ของเดชา

“คุยเหรอคะ จะให้ระรินคุยยังไง ในเมื่อติดต่อพี่ต้นไม่ได้ทุกช่องทาง แต่ระรินก็เพิ่งรู้ตอนนี้เองนะคะว่าเรากำลังจะหย่ากัน”

“นั่นสิคะ คงจะยากหน่อยนะคะ เพราะระรินมีทะเบียนสมรส ถ้าอยากจะหย่าก็คงต้องจ่ายแพงหน่อย” กนกอรสวนขึ้นอย่างไม่ยอมให้เพื่อนรักเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกต่อไป

“หมายความว่ายังไง นี่กำลังเรียกเงินกันอย่างนั้นเหรอ”

“อรว่า…อรพูดชัดเจนนะคะ เรื่องหย่ามันยาวค่ะพี่ต้น จะมายืนคุยหน้าบ้านคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เอาเป็นว่า เดี๋ยวอรกับระรินไปรอที่ร้านอาหารญี่ปุ่นหน้าปากซอยนะคะ อย่าลืมนะคะ ถ้าอยากหย่าดีๆ ไม่ให้มีคดีความข้อหาคบชู้แย่งสามีชาวบ้านจนเรื่องเล็ดลอดไปถึงนักข่าว ก็มาคุยกันดีๆ ไม่อย่างนั้น…อรก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตัวเองจะเผลอปากพล่อยบอกนักข่าวเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พี่ต้นอย่าลืมสิ อรก็รู้จักนักข่าวเหมือนกัน วงการนี้มันแคบพี่ต้นก็รู้ หรือไม่จริงคะ คุณยี่หวา”

กนกอรพูดอย่างเหนือกว่า ก่อนจะพารินรดาขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารญี่ปุ่นทันที

“นี่อร แกไปพูดแบบนั้น เขาก็คิดว่าฉันเห็นแก่เงิน อยากได้เงินจนตัวสั่นน่ะสิ”

“ระริน…ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกเป็นเพื่อนรักฉัน ยังไงฉันก็ไม่ทำให้แกเสียเปรียบหรอก อย่าลืมสิ สามีฉันเป็นทนายความนะ พี่แดนสอนวิธีต่อรองมาเรียบร้อยแล้ว เออ…เมื่อคืนพี่แดนยังฝากบอกแกด้วยว่า ถ้าเกิดระรินสงสารต้นจนใจอ่อน ให้นึกถึงหน้าลูกเข้าไว้ นึกถึงวันที่เขาทำให้ลูกของเราร้องไห้ เพราะฉะนั้นการเรียกเงินทุกบาททุกสตางค์ ไม่ใช่เพราะเราเป็นผู้หญิงหน้าเงิน แต่เราต้องเลี้ยงลูก และการเลี้ยงลูกก็ต้องใช้เงินจำนวนมากก็เท่านั้นเอง ส่วนพี่ต้นเขาเป็นพ่อ และเป็นคนทำผิดกับแกและลูก เขาควรชดใช้ให้ก็ถูกต้องแล้ว แกเข้าใจที่ฉันบอกไหม”

“ขอบคุณแกมากนะอร ฉันฝากขอบคุณพี่แดนด้วยนะ”

“อย่าเพิ่งขอบคุณเลย ยังต้องต่อรองกันอีก ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะยอมจ่ายไหม หรือจะยอมตกเป็นข่าว แต่ถ้าให้ฉันเดา ผู้หญิงมีเงินแบบนี้คงไม่อยากตกเป็นคดีความอื้อฉาวหรอก ที่บ้านเขาคงไม่ยอมแน่”

“แต่พี่ต้นก็ไม่ได้มีเงินเยอะมากมายอะไร เพราะทุกอย่างภายในบ้านระยะหลัง ฉันเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเกือบหมด แล้วพี่ต้นจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าหย่าล่ะ”

“ระริน…พี่ต้นไม่มีเงิน แต่เมียน้อยของพี่ต้นมีเงิน แกต้องเข้าใจเรื่องนี้ใหม่นะ”

กนกอรยิ้มอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะขับรถพารินรดาไปถึงร้านอาหารตามที่นัดหมาย “อย่าไปคิดแทนเขา หรือว่าสงสารไม่เข้าเรื่อง ถ้าจะต้องสงสารใคร ฉันว่าแกควรสงสารตัวเองกับลูกมากกว่าที่ต้องมาเจอคนแบบพี่ต้นเนี่ย”

 

หลังจากที่กนกอรและรินรดาแยกย้ายไปแล้ว กวินนาถก็หันมาแหวใส่สรวิชญ์ด้วยความหงุดหงิด

“เมื่อกี้นี้มันอะไรกันคะพี่ต้น นังนั่นมันขู่จะฟ้องนักข่าวเหรอคะ มันกล้าดียังไงมาทำกับยี่หวาแบบนี้ ยี่หวาไม่ยอมนะคะ พี่ต้นต้องหย่าให้เรียบร้อย มันอยากได้เงินก็ให้มันไป นึกว่าเป็นผู้หญิงดี ที่ไหนได้ก็แค่ผู้หญิงเห็นแก่เงิน” กวินนาถเดือดดาล แต่เมื่อเธอหันมาเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่งสีหน้าหม่นเศร้า เธอจึงหันมาถามด้วยความแปลกใจ

“พี่ต้น นี่ยี่หวาพูดอะไรผิดเหรอคะ ทำไมพี่ต้นทำหน้าแบบนั้น”

“ยี่หวาพูดไม่ผิดหรอกครับ แต่พี่ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปหย่า เพราะดูท่าแล้วระรินคงเรียกเงินเยอะแน่ๆ เพราะที่ผ่านมา เงินทุกบาททุกสตางค์ของพี่ ระรินก็เก็บหมดเหลือมาให้พี่ใช้ไม่กี่บาทเอง”

“อะไรนะคะ นังผู้หญิงหน้าเงินแบบนี้ ยิ่งต้องหย่าโดยเร็วที่สุดค่ะ ไปค่ะพี่ต้น เรื่องนี้ยี่หวาจัดการเอง” สรวิชญ์ลอบยิ้มด้วยความพอใจ

ต่อให้เขาต้องหย่าขาดกับรินรดา หรือตอนนี้พ่อแม่ของกวินนาถไม่ชอบเขาก็ช่าง แต่การที่กวินนาถรักเขาและพร้อมยืนเคียงข้างเขาแบบนี้ เขาเชื่อว่าหลังจากเขาหย่าเรียบร้อยแล้ว พ่อแม่ของเธอจะต้องใจอ่อนยอมรับเขาเป็นเขยอย่างแน่นอน

 

หลังจากสรวิชญ์ขับรถพากวินนาถมาถึงยังที่นัดหมาย ทันทีที่ทั้งสองคนเดินเข้าไปในร้าน เขาก็เห็นรินรดาและกนกอรกำลังนั่งคุยกันอยู่มุมหนึ่งของร้านอาหาร เขาจึงเดินไปหาคนทั้งสองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“เชิญนั่งค่ะพี่ต้น คุณยี่หวา นึกว่าจะเปลี่ยนใจไม่มาเสียแล้ว ว่าแต่จะสั่งอะไรตามสบายเลยนะคะ มื้อนี้เดี๋ยวอรเลี้ยงเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอร รีบคุยธุระให้เสร็จดีกว่า จะได้รีบไป ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักหรอกนะคะ” กวินนาถกระแทกเสียงก่อนจะนั่งลงอีกฝั่งเคียงข้างสรวิชญ์

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาต้องนั่งเผชิญหน้ากับรินรดาในฐานะเมียหลวง และกวินนาถในฐานะเมียน้อย หากเขาเลือกได้ เขาอยากจะเก็บทั้งสองคนไว้เหมือนที่ผ่านมา ต่างคนต่างอยู่ในโลกของเขาคนละใบ ซึ่งเขาก็มีความสุขกับโลกทั้งสองใบ แต่ตอนนี้เมื่อความลับมันไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้ว การที่เขาเลือกกวินนาถ แม้จะทำให้รินรดาเจ็บปวด แต่เขาก็จำเป็นต้องทำ เพื่อประโยชน์ของตัวเอง

“ระริน พี่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของเราสองคน คนอื่นไม่ควรมายุ่ง” สรวิชญ์พูดกระแทกใส่กนกอร ทำให้อีกฝ่ายสวนกลับอย่างไม่ลดละ

“ก็คงจะเหมือนกับเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน เมียน้อยไม่ควรมายุ่งยังไงล่ะคะ”

“แต่ฉันจะยุ่ง” กวินนาถแหวใส่แววตากินเลือดกินเนื้อ

“ในเมื่อเมียน้อยอย่างคุณยังยุ่งได้ เพื่อนสนิทแบบฉันก็ยุ่งได้เหมือนกัน”

รินรดาบีบแขนกนกอรเป็นเชิงปราม ก่อนที่ตัวเองจะเริ่มบทสนทนาขึ้น

“ฉันจะไม่อ้อมค้อมนะคะ ถ้าคุณอยากให้ฉันหย่าก็แค่จ่ายมา ฉันเรียกไม่เยอะหรอกค่ะ แค่สิบล้านเท่านั้น”

“สิบล้านเนี่ยนะ! นี่มันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ ระรินก็รู้ว่าพี่ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น แล้วพี่จะเอาเงินที่ไหนไปให้ล่ะ”

“ฉันให้เธอได้แค่ล้านเดียว กะแค่ใบหย่าหนึ่งใบจะมาหน้าเลือดเรียกเงินตั้งสิบล้านเนี่ยนะ ผู้หญิงอะไร เห็นแก่เงินชะมัด”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยี่หวา ถ้าคุณไม่จ่ายตามที่ฉันเรียก อย่างมากเราก็เจอกันในศาล เพราะฉันจะไม่ฟ้องพวกคุณข้อหาเดียวแน่ๆ อรมีข้อหาอะไรบ้างนะที่เราจะฟ้องได้”

“ก็มีไม่กี่ข้อหาหรอก ก็แค่ฟ้องหย่า ฟ้องค่าเลี้ยงดูบุตร ฟ้องค่าเสียหายจากการมีชู้ แล้วก็ฟ้องเมียน้อย ทั้งหมดก็แค่สี่ข้อหา แล้วถ้าเกิดฟ้องร้องกันขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่แค่จะต้องเสียเงิน แต่ก็ต้องตกเป็นข่าวเสียชื่อเสียงอีก ไม่รู้ว่าพ่อคุณยี่หวาจะเป็นยังไงบ้างน้า ถ้า…ลูกสาวโดนฟ้องร้องเรื่องเป็นเมียน้อยคนอื่นนี่ คงจะอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่ต้องรีบกังวลไปนะคะ เราเพิ่งเริ่มเอง”

“นี่คุณ…”

“อร พูดแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”

“แค่นี้ยังน้อยไปค่ะ ถ้าเทียบกับสิ่งที่พี่ต้นทำให้ระรินต้องเสียใจ ฉันจะพูดอีกครั้ง สิบล้านขาดตัว!”

“ห้าล้าน! ฉันยอมจ่ายให้เธอแค่ห้าล้านเท่านั้น แล้วเราจบกัน” กวินนาถต่อรอง

“ถ้าไม่จ่ายก็ไม่เป็นไรค่ะ เราก็แค่เจอกันในศาล ปะ…ระริน กลับบ้าน”

“ก็ได้ สิบล้านก็สิบล้าน” สรวิชญ์ถึงกับอึ้ง หันขวับไปมองคนพูดตาค้าง

“งั้นค่อยคุยกันรู้เรื่องหน่อย” กนกอรยิ้มเยือกเย็นเมื่อสุดท้ายกวินนาถยอมจ่ายเงินตามที่เธอเรียกร้อง

“ฉันตกลงยอมจ่ายสิบล้าน”

“บ้านและลูกต้องเป็นของฉัน ส่วนรถของใครของมัน” สรวิชญ์จ้องหน้ารินรดาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนกัดฟันตอบอย่างไม่พอใจ

“ได้ บ้านนั้นก็มีแต่หนี้สิน ส่วนลูก อยากได้ก็เอาไป”

“ไม่มีปัญหา” รินรดาตอบยิ้มด้วยความพอใจ แต่ลึกๆ กลับโล่งอกที่อีกฝ่ายไม่คิดแย่งลูกไปจากเธอ

“ตกลงกันได้ง่ายๆ อย่างนี้ก็ดีค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้ทนายร่างข้อตกลงการหย่าให้ ว่าแต่จะนัดหย่ากันวันไหนดีคะ” กนกอรมองหน้าคนทั้งสามขอความคิดเห็น

“พรุ่งนี้เป็นยังไงคะ พรุ่งนี้เจอกันที่เขต ตอนเก้าโมงเช้า” รินรดารีบตอบ

“ร้อนเงินขนาดนั้นเลยเหรอ” สรวิชญ์ท้วงขึ้นอย่างนึกดูถูกผู้หญิงตรงหน้า

“ค่ะฉันร้อนเงิน อยากได้เงินมาก เพราะเวลาทุกนาทีของฉันมีค่าต้องทำงานหาเงิน อีกอย่าง…ฉันก็อยากได้เงินสิบล้านเร็วๆ ด้วยค่ะ แหม ต้องขอบคุณพี่ต้นนะคะ ที่อยู่ดีๆ ก็หาเงินให้เมียอย่างฉันตั้งสิบล้าน ถึงจะไม่ค่อยคุ้มกับที่เสียไป แต่ก็ถือว่าไม่ขาดทุนเพราะพี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรขนาดนั้น”

“ระริน!”

“ได้! พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้” กวินนาถรีบตัดบท เมื่อเห็นสายตาคนรอบข้างเริ่มมองมาก็ชักกระดากอาย

“โอเคค่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ หวังว่าพวกคุณจะมาตามนัด และทำตามที่ตกลงกันไว้” กนกอรพูดก่อนจะเรียกพนักงานคิดเงินเตรียมจะพารินรดาเดินออกจากร้าน

“เดี๋ยวระริน พี่อยากถามเธอสักเรื่อง”

“ได้สิคะ”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่พี่ถูกประเมินค่าเป็นราคา ต้องแลกเปลี่ยนใบหย่าด้วยเงิน” กนกอรขยับจะตอบ หากรินรดากลับจับแขนอีกฝ่ายไว้แล้วยิ้มหวานก่อนจะพูดขึ้น

“ตั้งแต่วันที่พี่เลือกทรยศเราสองคนแม่ลูก ตัวพี่ก็มีค่าเป็นเพียงเศษเงินของเศรษฐีเท่านั้น”

คำตอบของรินรดาราวกับคมมีดบาดลึกลงไปก้นบึ้งในหัวใจ สรวิชญ์ถึงกับใจหาย ใบหน้าชา บัดนี้เขาตระหนักได้แล้วว่ารินรดาหมดรักและสิ้นไร้เยื่อใยต่อกันแล้ว

สรวิชญ์มองรินรดาที่ขึ้นรถของกนกอรก่อนที่จะขับออกไปจนหายไปจากสายตา แทนที่เขาจะรู้สึกดีใจที่ตัวเองกำลังจะหย่ากับรินรดา เขาจะได้มาใช้ชีวิตอยู่กับกวินนาถ แต่พอเขารู้ว่า เขากำลังจะหย่ากับรินรดาจริงๆ หัวใจของเขากลับรู้สึกหนักอึ้งพิกล ราวกับของสำคัญบางอย่างกำลังหลุดหายไปอย่างไม่มีวันหวนกลับอีกครั้ง

ทว่าพอสติสัมปชัญญะก็กลับคืนมา เมื่อเสียงของยี่หวาบ่นดังลั่นรถ เมื่อเธอต้องจ่ายเงินจำนวนสิบล้านแลกกับการได้เขามาครอบครองโดยถูกต้อง

“ไม่เป็นไรนะครับที่รัก หลังจากหย่าเสร็จพรุ่งนี้ ยี่หวาอยากไปไหน อยากทำอะไร พี่จะตามใจทุกอย่างเลย”

“จริงๆ นะคะพี่ต้น พี่ต้นน่ารักที่สุดเลย แล้วคอนโดหลังนั้นไม่ถูกแบ่งด้วยเหรอคะพี่ต้น”

“ทำไมจะต้องแบ่งล่ะจ๊ะ เพราะคอนโดหลังนี้พี่ซื้อมาด้วยเงินของพี่ ระรินไม่เคยรู้ว่าพี่มีคอนโด มันอยากได้บ้านก็เอาไป ส่วนพี่ก็มีคอนโดยังไงล่ะจ๊ะ”

“พี่ต้นนี่ฉลาดจริงๆ เลยนะคะ”

กวินนาถหอมแก้มสรวิชญ์ ก่อนที่เขาจะพาเธอขับรถไปที่คอนโดฯ อันเป็นรังรักของเขาและเธอตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา

 



Don`t copy text!